วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

[แปล] บทสัมภาษณ์ exclusive กับ "ฟูจิซาว่า โนบุโยชิ" เจ้าของใหม่ของ SKE48


บทสัมภาษณ์ exclusive กับเจ้าของใหม่ SKE "3,000 ล้านเยนถูกหรือแพง"


https://headlines.yahoo.co.jp/hl?a=20190307-00000034-tospoweb-ent

บทสัมภาษณ์ exclusive เจ้าของใหม่ SKE48 (part 1)
ส่วนบริหารจัดการของวงไอดอล SKE48 นั้นได้ถูกขายจากบริษัท AKS ให้กับบริษัท SKE ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ KeyHolder บริษัทจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ JASDAQ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการควบรวมครั้งใหญ่ที่สุดในวงการไอดอลคราวนี้ด้วยราคา 3,000 ล้านเยน คือ ฟูจิซาว่า โนบุโยชิ ประธาน J trust บริษัทแม่ของ Keyholder เราได้สัมภาษณ์กับประธานฟูจิซาว่า เจ้าของใหม่ของ SKE48 แบบ exclusive โดยบทสัมภาษณ์จะมีทั้งหมด 4 part เหตุผลที่ประธานฟูจิซาว่าเลือกลงทุนในธุรกิจไอดอลคืออะไรกันนะ?

- สิ่งที่ทำให้คุณตัดสินใจเลือกธุรกิจของ SKE48 คือ?
ฟูจิซาว่า: บริษัท KeyHolder น่ะ เดิมทีทำธุรกิจเกมเซนเตอร์ แต่ผมคิดมาตลอดเลยว่าถ้าไม่เปลี่ยนมาทำธุรกิจ content จะไม่มีทางอยู่รอดได้ ในตอนนั้นเอง เราก็ได้เริ่มทำสตูดิโอที่ชินจูกุ ALTA (ที่ใช้ถ่ายทำรายการทีวี "Waratte Ii to mo!" ซึ่งก็คือ KeyStudio ในปัจจุบัน) ในเมื่อเรามีที่ทางอยู่แล้ว ก็จำเป็นที่จะผลิตพวก IP (ทรัพย์สินทางปัญญา เช่น สิทธิบัตร และลิขสิทธิ์ต่างๆ) ออกมา ระหว่างที่ทำธุรกิจที่ ALTA เราก็ได้ติดต่อกับอากิโมโตะ ยาสุชิ (โปรดิวเซอร์ใหญ่ของ 48 กรุ๊ป) และผู้ใหญ่ของ AKS

- ได้พบกับอากิโมโตะซังครั้งแรกเมื่อไหร่?  
ฟูจิซาว่า: รู้สึกจะเป็นช่วงกุมภา-มีนาปีที่แล้วครับ ประมาณ 1 ปีได้

- ถ้าให้เจาะจง เมื่อไหร่ที่คุณเริ่มพูดคุยเรื่องการบริหารจัดการ SKE?
ฟูจิซาว่า: เราเริ่มคุยจริงจังก็ช่วงประมาณตุลาคมปีที่แล้ว แต่ไม่ได้เสนอไปทางอากิโมโตะซังนะครับ เราเข้าไปคุยกับทาง AKS หลังจากประเมินด้านต่างๆแล้ว เราก็ได้ตกลงที่จะรับช่วงการบริหาร SKE ต่อ อากิโมโตะซังมาอนุมัติในตอนหลัง คือได้รับการอนุมัติหลังจากที่เราตกลงกันเรียบร้อยแล้ว

- เหตุผลที่เลือก SKE คือ?
ฟูจิซาว่า: SKE เป็นวงที่อุทิศให้กับท้องถิ่นมาก ตัวผมเองก็มาจากจังหวัดกิฟุ ตรงนี้ก็คิดว่าน่าจะเป็นการช่วยฟื้นฟูบ้านเกิดได้ และด้วยการบริหาร SKE นี้ก็จะเป็นการตอบแทนทุกคนใน 3 จังหวัดภูมิภาคโตไกด้วย ที่เป็น SKE ก็เพราะเข้าถึงได้ง่ายในหลายๆด้าน

- คุณรู้จัก SKE มาก่อนมั้ย?
ฟูจิซาว่า: ผมอยู่ในสิงคโปร์มาหลายปี เลยไม่รู้อะไรที่เกี่ยวข้องกับวงการไอดอลญี่ปุ่นเลย ถึงขั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารายการที่น้องสาว (ไอบุ ซากิ, นักแสดง) ของภรรยา (โอโตะฮานะ ยูริ, อดีตนักแสดงละครเวที Takarazuka)ไปออกคือรายการอะไร ผมเพิ่งจะเริ่มจำชื่อเมมเบอร์เมื่อตุลาคมปีที่แล้วเอง ฮ่าๆ ผมได้ไปคอนเสิร์ตจบการศึกษาของมัตสึมุระ คาโอริซังเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ จากนั้นก็เริ่มตามทวิตเตอร์ของมัตสึมุระซัง ประมาณนั้นครับ

- รู้สึกยังไงหลังจากได้ดูคอนเสิร์ตจบการศึกษาของมัตสึมุระ คาโอริซัง
ฟูจิซาว่า: ผมไปดูด้วยความคิดว่าก็เป็นคอนเสิร์ตไอดอลธรรมดา แต่ว่าตรงช่วงที่เป็นละครสั้นเล่าประวัติช่วงค่อนชีวิตของมัตสึมุระซังนี่น่าสนใจมากๆ (หมายเหตุ: เป็นละครเกี่ยวกับชีวิตของมัตสึมุระก่อนเข้า SKE) สำหรับมัตสึมุระซังนี่คิดว่าน่าจะขายคาแรคเตอร์ได้มากกว่าเสียงร้องเพลงซะอีกนะครับ ฮ่าๆ

- คิดว่าเสน่ห์ของ SKE อยู่ที่ตรงไหน?
ฟูจิซาว่า: ผมคิดว่าเป็นส่วนผสมของไอดอลและการเป็น entertainer นี่อาจจะเป็นไอดอลแนวใหม่ก็ได้ ความประทับใจของผมก็อย่างเช่น มัตสึอิ จูรินะซังเป็นคนที่เต้นเก่ง สุดะ อาคาริซังเป็นคนตัวอ่อน แล้วก็เป็นคนที่มีความพยายามสูงมาก เมื่อธันวาคมปีที่แล้วผมไปดูออดิทชั่นรุ่น 9 ก็ได้เจอมัตสึอิซังด้วย

- คุณได้ไปเธียเตอร์ SKE ที่นาโกย่าด้วย
ฟูจิซาว่า: ผมได้ไปดูสเตจจบการศึกษาของมาจิ โอโตฮะซังเมื่อพฤศจิกายนปีที่แล้ว พอได้ดูแล้วก็แบบว่า "มันอะไรกันเนี่ย!" มันต่างจากการแสดงในเธียเตอร์ที่ผมคิดเอาไว้โดยสิ้นเชิง แฟนๆส่งเสียงเชียร์และโบกแท่งไฟ คนดูมีส่วนร่วมกับเมมเบอร์ มันอดไม่ได้ที่จะคิดว่าพลังพวกนี้มันมาจากไหนกัน

- การลงทุน 3,000 ล้านเยนเพื่อรับช่วงต่อธุรกิจ SKE นั้น ถือว่าคุ้มค่ามั้ย?
ฟูจิซาว่า: มันก็มีหลายวิธีที่จะประเมิน อย่างเช่น ถ้ามองว่ามันเป็นการลดระยะเวลาในการพัฒนา IP (ทรัพย์สินทางปัญญา) ตั้งแต่ศูนย์จนเป็นรูปเป็นร่าง ก็ถือว่าถูกนะ แต่ถ้าดูที่มูลค่าปัจจุบันของ SKE เดี่ยวๆแล้ว มันก็อาจจะแพงไปนิด เราก็ดูอะไรหลายๆอย่าง แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าการมี SKE ช่วยให้มูลค่าหุ้นโดยรวมเพิ่มขึ้นเกิน 3,000 ล้านเยน ก็มองได้ว่าถูก จนกว่าจะถึงตอนนั้น มันเป็นหน้าที่ของเราที่จะทำให้ผู้ถือหุ้นรู้สึกว่า "ดีจังนะที่ซื้อมา"

- ในการควบรวมกิจการก็มีบางเคสที่ซื้อมาเพื่อเลี้ยงให้โตและรอขายต่อ แล้วกับ SKE มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นแบบนั้นมั้ย?
ฟูจิซาว่า: ไม่ครับ ไม่มีทางแน่ เพราะสำหรับ SKE น่ะ ถือเป็นธุรกิจหลักแล้ว เป้าหมายของเราคือการยืนอยู่ที่ต้นน้ำของธุรกิจและขยายธุรกิจไอดอลด้วย IP ของตัวเอง เพราะเรามีแผนที่จะให้ SKE เป็นธุรกิจหลักของ KeyHolder การทิ้งธุรกิจหลักน่ะไม่มีทางเป็นไปไม่ได้เลยตราบใดที่มันไม่เลวร้ายสุดๆจริงๆ


------------------------------

เจ้าของใหม่ SKE "เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารที่ต้องซัพพอร์ทการฝึกไอดอลและอาชีพที่สอง (second career) ที่จะมารองรับสำหรับไอดอล"


https://headlines.yahoo.co.jp/hl?a=20190308-00000043-tospoweb-ent

บทสัมภาษณ์ exclusive เจ้าของใหม่ SKE48 (part 2)
ในบทสัมภาษณ์ exclusive ครั้งที่ 2 กับประธาน J-trust ฟูจิซาว่า โนบุโยชิ เจ้าของคนใหม่ของวงไอดอล SKE48 ได้คุยถึงแผนการพัฒนาวงในอนาคต ในนั้น เขาได้เปิดเผยแผนที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเปิดโรงเรียนฝึกสอนไอดอลในนาโกย่า รวมถึงการสร้างอาชีพที่สองที่จะรองรับไอดอลหลังจากจบการศึกษาจาก SKE48 เราจะมาเจาะลึก "แผนของฟูจิซาว่า" ที่จะช่วยเพิ่มความสำคัญของ SKE48 ในวงการไอดอล
   
- ก่อนมีการเปลี่ยนฝ่ายบริหารในเดือนกุมภาพันธ์ก็ได้จัดประชุมผู้ปกครองของเมมเบอร์ด้วย
ฟูจิซาว่า: ผมก็ได้ไปด้วยเหมือนกัน เพราะคิดว่าต้องอธิบายให้ชัด สื่อสารให้ชัด การทำให้พวกเขาวางใจเป็นเรื่องสำคัญ ในการประชุมก็พยายามที่จะโฟกัสว่า SKE จะยังคงทำเหมือนเดิมเหมือนที่ทำมาตลอด จะยังใกล้ชิดกับท้องถิ่นเหมือนเดิม ส่วนการพัฒนาเพิ่มเติมด้านต่างๆบริษัทเราจะเสนอและจัดการเอง

- แนวคิดในการพัฒนาต่อจากนี้คือ?
ฟูจิซาว่า: เรามีแผนที่เป็นรูปเป็นร่างเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าจะพูดตรงนี้ได้มากแค่ไหน ฮ่าๆ เราได้เสนอแผนหลายๆอย่างให้อากิโมโตะซังด้วย หวังว่าหลังจาก SKE เข้ามารวมแล้วก็จะค่อยๆมีอะไรออกมาเรื่อยๆ อย่างนึงในนั้นก็คือการเป็นประตูเปิดทางสำหรับคนที่อยากเป็นไอดอล เป็นที่ๆให้คนเหล่านั้นได้เข้ามาเรียนในด้านต่างๆ แบบนั้นเราก็ควรจะเปิดโรงเรียน SKE ที่สอนในด้านต่างๆทั้งการร้องเพลง การเต้น และอื่นๆในนาโกย่า เมื่อจบออกมาเขาอาจเลือกเป็นเคงคิวเซย์ของ SKE ก็ได้ เราอยากทำสิ่งที่จะช่วยให้พื้นฐานเขาเปิดกว้างมากขึ้น

- ก็เลยออกมาเป็นโรงเรียนฝึกสอนไอดอล
ฟูจิซาว่า: ใช่แล้วครับ เราจะจัดการสอนโดยครูที่เชี่ยวชาญด้านการร้อง การเต้น และช่วยให้พัฒนาตัวเองมากขึ้น อีกอย่างไอดอลน่ะ ต้องเสียสละอะไรหลายๆอย่างในชีวิตวัยเยาว์ของตัวเอง ผมเชื่อว่ามีอีกหลายๆอย่างที่พวกเขาอยากทำแต่ไม่อาจทำได้เพราะต้องโฟกัสกับการเป็นไอดอล ก็เป็นไปได้ที่เขาจะโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่โดยไม่มีความรู้ในอะไรหลายๆอย่าง คงไม่มีใครสามารถเป็นไอดอลไปได้ตลอดชีวิต ผมคิดว่ามันเป็นความรับผิดชอบของฝ่ายบริหารอย่างพวกเราที่จะต้องดูแลเรื่องอาชีพที่สองที่จะมารองรับพวกเขา ถ้าเขาอยากทำอย่างอื่นก็ได้เหมือนกัน เราต้องซัพพอร์ทเขา เพื่อไม่ให้เขาหลงทิศหลงทาง (หลังจากจบการศึกษา)

- ผู้ปกครองของเมมเบอร์ก็คงจะวางใจได้
ฟูจิซาว่า: เราเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่กำลังขยายธุรกิจในหลายๆประเทศ แล้วก็กำลังเติบโตด้วย

- อย่างเช่น การมาเป็นครูในโรงเรียนฝึกสอนไอดอล?
ฟูจิซาว่า: ถ้ามีความสามารถที่จะเป็นครูได้ก็ทำได้นะ ไม่แค่นั้น (กลุ่มบริษัท J Trust) เรายังมีบริษัทที่ผลิตรายการทีวีอีก 2 แห่งซึ่งทำรายการประจำออกอากาศทั่วประเทศ แล้วเรายังมีสตูดิโอด้วย ในต่างประเทศเราก็มีธุรกิจธนาคาร ไม่ว่าพวกเขาอยากจะทำอะไร บริษัทสามารถเสนอทางเลือกให้ได้ อาจจะมาเป็นครูก็ได้ พวกเขาก็คงมีความคิดที่ต่างๆกันไป หลังจากจบการศึกษาจาก SKE ผมว่าก็คงมีหลายคนที่อยากเป็นไอดอล นักร้อง หรือนักพากย์เสียง (นอกจากบริษัท SKE) เราก็มีเอเจนซี่อื่นๆอยู่ พวกเขาสามารถไปต่อได้ เราอยากจะพยายามเต็มที่เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีให้พวกเขา

- สำหรับคนที่อยากลองทำสายการเงิน ก็อาจเข้า J Trust และทำงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจในอินโดนีเซียหรือสิงคโปร์ได้ด้วย?
ฟูจิซาว่า: ก็เป็นไปได้ เราก็มีธนาคารพาร์ทเนอร์ในประเทศเหมือนกัน แต่ผมว่าคงไม่ค่อยมีใครผันตัวจากไอดอลมาเป็นพนักงานธนาคารเท่าไหร่หรอกครับ ฮ่าๆ แต่ก็เป็นไปได้ครับ

- ก็คือจะพยายามซัพพอร์ทเมมเบอร์ SKE แม้จบการศึกษาไปแล้วด้วยบริษัททั้งหมดที่มีในกลุ่ม
ฟูจิซาว่า: ใช่แล้ว เราจะเป็นแบคอัพให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้สำหรับอาชีพที่สองของพวกเขา

- ความเป็นไปได้ต่างๆก็เปิดกว้างขึ้น
ฟูจิซาว่า: (ในกลุ่มบริษัท) เรามีบริษัทเอเจนซี่โฆษณา และมีเธียเตอร์ที่ชินจูกุ โตเกียว เรากำลังขยายธุรกิจ live house ด้วย ดังนั้นก็จะมีที่ทางให้พวกเขาได้แอคทีฟเยอะขึ้น

- แล้วจะมีการจัดการแสดงสเตจ SKE ที่ชินจูกุ ALTA ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของ KeyStudio บริษัทในกลุ่มด้วย?
ฟูจิซาว่า: มีความเป็นไปได้ครับ แต่ว่าตารางงานค่อนข้างจะเต็มมากแล้ว ถ้าวางแผนล่วงหน้าหลายเดือนหน่อยก็คิดว่าทำได้

- เหมือนเป็นเธียเตอร์ SKE แห่งที่สองในโตเกียว ต่อจากแห่งแรกที่ซาคาเอะ นาโกย่า?
ฟูจิซาว่า: ก็น่าจะทำได้นะครับ



------------------------------

เจ้าของใหม่ SKE ประเด็นสำคัญที่สุดคือ "มาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับเมมเบอร์"


https://headlines.yahoo.co.jp/hl?a=20190309-00000028-tospoweb-ent

บทสัมภาษณ์ exclusive เจ้าของใหม่ SKE48 (part 3)
หลังจากวงไอดอล SKE48 ควบรวมเข้ากับบริษัทจดทะเบียนอย่าง KeyHolder แล้ว จะต้องเน้นการปฏิบัติตามกฎที่เข้มงวดขึ้น ในบทสัมภาษณ์ exclusive ครั้งที่ 3 กับประธาน J trust ฟูจิซาว่า โนบุโยชิ เจ้าของคนใหม่ของวงไอดอล SKE48 จะกล่าวถึงประเด็นนี้ ในขณะที่ยังมีแรงกระเพื่อมจากกรณีของยามากุจิ มาโฮะ NGT48 อยู่นี้ ประธานฟูจิซาว่าจึงยกประเด็นการปฏิบัติตามกฎ ที่จะเน้นในมาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับเมมเบอร์

- บริษัทแม่ของ SKE อย่าง KeyHolder จะเปิดเผยตัวเลขผลการดำเนินงานของ SKE ในรายงานหรือมีการจัดงานนักลงทุนสัมพันธ์หรือเปล่า?
ฟูจิซาว่า: ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยน แต่มันคงจะรวมอยู่ในรายรับและผลกำไรในส่วนของธุรกิจบันเทิงของ KeyHolder ครับ สำหรับรายงาน SKE เดี่ยวๆคงไม่มี แม้ว่าในแง่ IP (ทรัพย์สินทางปัญญา) เราจะถือว่า SKE เป็นธุรกิจหลักก็ตาม ถ้าเราดูสัดส่วนรายได้ (ในบรรดาธุรกิจบันเทิงภายใต้บริษัท  KeyHolder) SKE ก็ยังเป็นแค่ส่วนเล็กๆ แต่เพราะเราเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ว่ายังไงก็ต้องเปิดเผยข้อมูลที่จำเป็น คิดว่าน่าจะเปิดเผยมากกว่าแต่ก่อน

- SKE ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แปลว่าเรื่องกฎต่างๆที่เมมเบอร์และสตาฟฟ์ต้องทำตามจะเข้มงวดกว่าเดิม
ฟูจิซาว่า: เราได้พูดถึงเรื่องนี้ด้วยในการประชุมกับผู้ปกครอง รวมไปถึงสิ่งที่จะขัดกับกฎ สิ่งที่ไม่ควรทำ ผู้ปกครองบางคนอาจจะไม่สบายใจ การจัดประชุมนี้ก็เพื่อให้ผู้ปกครองรู้สึกสบายใจขึ้น แต่กลายเป็นว่าทำให้พวกเขาเป็นห่วงแทน แต่แน่นอน เราจะทำให้ทุกคนมั่นใจว่าจะไม่มีเรื่องการจัดการที่หละหลวมเกิดขึ้นอีก และทุกคนก็ต้องทำตามกฎ กระแสสังคมเองก็เข้มงวดเช่นกัน สื่อเองก็คอยจับตามองอยู่ใช่มั้ยล่ะครับ ยิ่งเราเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เรายิ่งต้องเข้มงวด

- ถ้าพูดให้ชัด ส่วนไหนที่เข้มงวดขึ้น?
ฟูจิซาว่า: ก็อย่างเช่นธุรกิจไหนที่เราจะเข้าไปลงทุนด้วย กลุ่มไหนที่เราจะเข้าไปร่วมมือด้วย เมมเบอร์จะรู้ข้อมูลเหล่านี้ก่อน ถ้าข้อมูลพวกนี้รั่วไหลออกไปในทวิตเตอร์หรือทางใดทางหนึ่ง คงจะทำให้มีปัญหาภายใน ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดน่าจะเป็นคือการควบคุมข้อมูลนี่แหละ

- เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ได้เกิดเหตุทำร้ายร่างกายยามากุจิ มาโฮะ NGT48 สื่อบางแห่งรายงานว่าเมมเบอร์ NGT บางคนต้องสงสัยว่ามีการติดต่อกับแฟนๆเป็นการส่วนตัวด้วย แล้ว SKE จะทำยังไงเพื่อไม่ให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น?
ฟูจิซาว่า: คิดว่าเราต้องเข้มงวดกับเรื่องนี้ให้มากครับ คนที่อยู่หน้างานจะต้องระวังให้มากที่สุด จริงๆแล้วผมก็ไม่แน่ใจว่า (ที่เมมเบอร์ NGT พบกับแฟนๆส่วนนึงเป็นการส่วนตัว) จริงแค่ไหน แต่วงต้องได้รับการสนับสนุนจากแฟนๆ ดังนั้นเราจะปล่อยให้เมมเบอร์เลือกปฏิบัติกับแฟนๆเป็นพิเศษแค่ส่วนนึงไม่ได้ ผมว่าความเท่าเทียมและความยุติธรรมเป็นเรื่องสำคัญ เราต้องสร้างระบบเพื่อที่ป้องกันไม่ให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะมีต้นทุนเท่าไหร่ก็ตาม

- มีคนพูดกันว่ากรณี NGT นี้เกี่ยวข้องกับ "นักล่าไอดอล" ที่คอยตามหาที่อยู่ของเมมเบอร์ด้วย ผู้ปกครองเองก็เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของเมมเบอร์
ฟูจิซาว่า: เรื่องนี้ต้องจัดการให้ดี แต่เราต้องเริ่มจากทำความเข้าใจสถานกาณ์ก่อน สตาฟฟ์ฝ่ายบริหารต้องมีความตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหา ก่อนหน้านี้อาจจะเคยมีสถานการณ์ที่ไม่ได้รับการอนุมัติจากผู้ใหญ่ แต่ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป จากนี้จะเป็นเวทีใหม่ เราจะต้องคิดหาทางใหม่ๆ เปลี่ยนแนวทางใหม่ มันยังมีปัญหาอีกเยอะที่ยากจะเข้าใจถ้าไม่ได้ฟังจากคนที่ปฏิบัติงาน เราจะรับฟังความเห็นเหล่านั้นให้ดีๆ เพื่อการนี้ KeyHolder ได้ส่งสตาฟฟ์ไปปฏิบัติงานตามอีเว้นท์ด้วย

- มีความเป็นไปได้ที่จะ ทำในสิ่งที่ยากจะทำได้ในสมัยก่อน?
ฟูจิซาว่า: ใช่ครับ KeyProduction บริษัทลูกของ KeyHolder ที่ผลิตรายการทีวี ก็ทำธุรกิจเอเจนซี่ให้ศิลปินหญิงอยู่เหมือนกัน ในนั้นเราดูแลเรื่องที่อยู่อาศัยและการเดินทางเป็นพิเศษ ก่อนหน้านี้ SKE จัดการอย่างไรเราจะทบทวน อะไรที่ควรทำต่อและวิธีใหม่ๆที่น่านำมาใช้ สำหรับศิลปินชาย พวกเขาเลือกจะนั่งรถไฟไปกลับเองได้ แต่สำหรับศิลปินหญิงเราทำแบบนั้นไม่ได้ เพื่อให้แน่ใจว่าเราตอบสนองกับปัญหาเหล่านี้อย่างทันท่วงที เราจะทำเต็มที่เพื่อปกป้องพวกเขา มันเป็นความรับผิดชอบของพวกเราที่จะสร้างระบบให้ผู้ปกครองวางใจได้



------------------------------


ความรู้สึกของเจ้าของใหม่ที่ฝากฝังการคืนชีวิตชีวาให้ท้องถิ่นไว้กับ SKE "อยากให้เราสนุกไปด้วยกันและตอบแทนให้กับท้องถิ่น"


https://headlines.yahoo.co.jp/hl?a=20190310-00000016-tospoweb-ent

บทสัมภาษณ์ exclusive เจ้าของใหม่ SKE48 (part สุดท้าย)
เรามาถึงตอนสุดท้ายของการสัมภาษณ์ประธาน J-trust ฟูจิซาว่า โนบุโยชิ เจ้าของคนใหม่ของวงไอดอล SKE48 ประธานฟูจิซาว่าได้พูดถึงความกระตือรือร้นที่จะคืนชีวิตชีวาสู่ท้องถิ่น ประธานฟูจิซาว่าที่เป็นทั้งผู้ถือหุ้นใหญ่ของสโมสรฟุตบอล FC Gifu ในลีก J2 ด้วยนั้น การรวม SKE48 เข้ามา เขามีวิสัยทัศน์อย่างไร...

- ในปี 2012 ประธานฟูจิซาว่าได้ลงทุน 150 ล้านเยนจากเงินส่วนตัวเพื่อช่วยไม่ให้ FC Gifu สโมสรฟุตบอลในลีก J2 ต้องออกจาก J league เนื่องจากล้มละลาย
ฟูจิซาว่า: เผอิญว่าผมได้อ่านข่าวใน Yahoo News เกี่ยวกับวิกฤตของ FC Gifu ผมคิดว่าธุรกิจของผมก็โตในระดับหนึ่งแล้ว ถึงเวลาที่เราจะตอบแทนบ้าง ผมเลยติดต่อไปที่  FC Gifu และช่วยเหลือพวกเขา

- ก่อนหน้านั้นคุณได้ข้องกี่ยวกับ FC Gifu บ้างมั้ย?
ฟูจิซาว่า: ไม่ครับ ไม่เคยเลย ในตอนนั้น FC Gifu ไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ ผลกำไรก็ติดลบทุกปี ผมเลยเซ็นสัญญาเป็นสปอนเซอร์พวกเขา และด้วยการแนะนำของท่านผู้ว่าฯและนายกเทศมนตรีกิฟุ เราก็ได้รับการรับรองจาก J League และกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ FC Gifu ในตอนแรกพวกเขาไม่มีสปอนเซอร์เลยสักราย เลยต้องหาวิธีที่จะดึงความสนใจ ผมรู้จักกับ Ramos (Ruy Ramos อดีตนักฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่น) เป็นการส่วนตัว เลยขอให้เขามาช่วยเป็นโค้ชให้ FC Gifu จริงๆก็ไม่ใช่รู้จักกัน ต้องบอกว่าเป็นเพื่อนดื่มมากกว่า ฮ่าๆ จากนั้นอดีตนักฟุตบอลทีมชาติอย่าง คาวากุจิ โยชิคัทสึ และ Santos Alessandro ก็มาร่วมทีม ทำให้บรรยากาศดีขึ้น แต่ผมไม่ได้เข้าไปมีส่วนในการบริหารเลย

- เช่นเดียวกับ FC Gifu SKE เองก็มีทำกิจกรรมร่วมกับท้องถิ่นเหมือนกัน
ฟูจิซาว่า: พูดถึงภูมิภาคโตไก คนจะคิดถึง Chunichi Dragons (ทีมเบสบอล) Nagoya Grampus (ทีมฟุตบอล) และ SKE48 FC Gifu ก็เช่นกัน แน่นอนว่า (สำหรับคนที่อยู่ในแถบโตไก) เราโตมากับหนังสือพิมพ์ Chunichi Shimbun และ Chunichi Sports ตัวผมเองก็เป็นแฟนทีม Dragons มาแต่ไหนแต่ไร ผมอยู่รุ่นเดียวกับทัตสึนามิ คาซุโยชิ (อดีตผู้เล่น Chunichi Dragons) เมื่อก่อนปีๆนึงผมจะไปสนามนาโกย่าหลายครั้งเพื่อดูโค้ชโฮชิโนะ เซนอิจิ ดูผู้เล่นอุโนะ มาซารุ พอไปคาราโอเกะเมื่อไหร่ก็ต้องร้องเพลง "Moeyo Dragons" (เพลงเชียร์ประจำทีม Chunichi Dragons)

- อยากให้ SKE ทำให้ท้องถิ่นครึกครื้นขึ้นเช่นเดียวกับที่ Dragons และ  Grampus ทำ?
ฟูจิซาว่า: ก็คิดไว้ว่าอย่างนั้นครับ FC Gifu ก็เหมือนกัน ผมเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในตอนที่กำลังวิกฤตด้วยความตั้งใจที่จะตอบแทนบ้านเกิด ตอนนี้การจัดการทีมก็นิ่งเแล้ว การรวม SKE เข้ามาในครั้งนี้ ก็เพื่อตอบแทนทุกคนในภูมิภาคโตไก ไม่ได้จำกัดแค่กิฟุ SKE น่ะรับบทสำคัญในการคืนชีวิตชีวาสู้ท้องถิ่น ผมคิดว่า (ในบรรดา 48 กรุ๊ป) ไม่มีวงไหนอีกแล้วที่ผูกพันและอุทิศให้กับท้องถิ่นเท่า SKE

- ในบรรดาแฟนๆก็มีความรู้สึกแบบว่า "AKB มาก่อน SKE ไม่ค่อยได้อะไรเท่าไหร่" ในเรื่องนี้ ทุกคนเลยมีความคาดหวังที่สูงมากกับฝ่ายบริหารใหม่และเจ้าของใหม่ที่บ้านเกิดอยู่ในกิฟุ (อยู่ในแถบโตไกเหมือนกัน)
ฟูจิซาว่า: SKE จะทำกิจกรรมโดยมีรากฐานที่ท้องถิ่นเหมือนที่ทำมาตลอด รวมถึงการโปรโมทที่จะคืนความมีชีวิตชีวาให้กับท้องถิ่นด้วย ผมคิดว่า SKE ควรได้รับงบฯที่สมกับในส่วนที่ SKE พยายามทำมา สำหรับเราแล้ว เราอยากให้ธุรกิจเติบโตโดยมี SKE เป็นแกนหลัก รวมไปถึงการขยายธุรกิจที่ต่อเนื่องกัน ทั้งหมดนั่นเราเสนอไปที่ AKS และอากิโมโตะซัง เพื่อให้กรุ๊ปทั้งกรุ๊ปขยายออกไป

- บริษัทในกลุ่ม J Trust และ KeyHolder ก็จะแข็งแกร่งขึ้นด้วย
ฟูจิซาว่า: (ในบรรดาบริษัทที่ควบรวมในเดือน 4) เรามีการร่วมมือกับร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ มีโอกาสที่เราจะทำสินค้าศิลปินและออกวางจำหน่ายทั่วประเทศได้ นอกจากนี้ เรายังมีบริษัทผลิตรายการทีวีและเสนอกับสถานีต่างๆ อย่างเช่น สินค้าที่เมมเบอร์ SKE โปรโมททางทีวีก็จะมีวางขายในร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ เรากำลังมองหาทางที่จะเป็นบริษัทที่ทำครบวงจร ผมคิดว่าบริษัทบริหารจัดการไอดอลธรรมดาคงทำไม่สามารถทำได้ถึงขั้นนั้น เพื่อการนั้น ผมว่าการมีบริษัทผลิตรายการทีวีในเครือถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ SKE และการมีช่องทางเหล่านี้ก็เป็นข้อดีที่ content จะได้ขยายออกไปด้วย ถ้าเราสามารถทำครบวงจรได้ ผมคิดว่ามันจะส่งผลบวกที่ไม่อาจประมาณค่าได้ อย่างไรก็ตาม ก็หวังว่าจะทำให้สนุกตื่นเต้นขึ้นครับ


blogged by 91

[91][bsummary]

Translation

[Translation][bsummary]

Subtitle

[subtitle][bsummary]

Update

[SKEUpdate][bsummary]