วันอังคารที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2561

เรียวฮะ "ถึงตายก็จะทำให้ได้" BOMB Feb'18




เพราะว่าชอบไอดอล เลยคิดว่าถึงตายก็จะทำให้ได้

- ปีนี้เป็นปีที่ SKE48 ก่อตั้งมาครบรอบ 10 ปีสินะ

เรียวฮะ: ฉันเข้าวงมาตอนอายุ 14 พริบตาเดียวก็ผ่านมา 5 ปีแล้ว ได้อยู่ในประวัติศาสตร์ของ SKE ถึงครึ่งนึงเลย พอคิดแบบนั้นก็ตกใจค่ะ

- ใน 5 ปีนี้ รู้สึกจะมีช่วงที่ลำบากมากๆด้วย

เรียวฮะ: 1 ปีที่ผ่านมานี้เป็นปีที่ลำบากที่สุดตั้งแต่เข้า SKE มาเลยค่ะ ทั้งเรื่องที่ได้เป็นลีดเดอร์ทีม S ทั้งเรื่องที่อันดับในการเลือกตั้งไม่ขึ้น ทั้งการที่มีคนสำคัญๆจบการศึกษาไปเยอะ เป็นปีที่มีบททดสอบเข้ามาเรื่อยๆค่ะ

- แต่ถึงอย่างนั้น เหตุผลที่ไม่หนีไปคือ?

เรียวฮะ: เรื่องความถึก ความอดทนฉันถนัดค่ะ พรสวรรค์ก็ไม่มี ทำอะไรก็ไม่ค่อยจะได้เรื่อง ทำไปด้วยความบ้าบิ่นล้วนๆ คุณพ่อคุณแม่ยังพูดบ่อยๆเลยว่า "มีแต่ความความมานะบากบั่น" (ขำ) แต่ไม่ว่าจะเจอเรื่องหนักแค่ไหน เมื่อเราก้าวผ่านมันมาได้ก็จะรู้สึกมั่นใจมากขึ้นแบบว่า "ฉันทำได้แล้ว" ประมาณนั้นค่ะ แน่นอนว่าระหว่างทางมันเจ็บปวด แต่ก็ทำแบบนี้มาถึง 5 ปีแล้ว อาจจะกลายเป็นชอบแบบนี้ไปแล้วก็ได้มั้งคะ!? (ขำ)

- เป็นประเภทต้องแบกรับภาระถึงจะมีไฟเหรอครับ?

เรียวฮะ: จะว่าไงดีล่ะ? แต่ว่าฉันไม่ใช่คนที่ชอบริเริ่มทำอะไรเองน่ะค่ะ อาจจะเป็นประเภทที่ถ้าไม่มีภาระกดดันอะไรก็จะไม่ทำล่ะมั้งคะ ตราบใดที่ยังอยู่ใน SKE48 ยังไงก็ต้องทำให้ได้ไม่ใช่เหรอคะ ถ้าฉันจำท่าเต้นไม่ได้ก็จะทำให้คนอื่นลำบาก ทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง หรือแม้แต่คุณครูที่สอน เพราะงั้นต้องทำ "ด้วยชีวิต" ถ้าไม่ทำอย่างสุดชีวิตจะเป็นการเสียมารยาทต่อคนอื่นค่ะ

- การเป็นไอดอลที่คุ้มกับการทุ่มเทชีวิตให้นี่ มีด้วยเหรอครับ?

เรียวฮะ: เพราะเดิมฉันชอบไอดอลมาก ก็เลยเข้ามาเป็นไอดอลค่ะ ชอบถึงขั้นที่ว่าถึงตายก็จะทำให้ได้

- จะว่าไป ซิงเกิ้ลแรกฉลองครบรอบ 10 ปี "Muishiki no iro" ก็วางแผงแล้ว

เรียวฮะ: เนื้อเพลงลึกซึ้งมากๆเลยค่ะ ฉันว่าแต่ละคนก็มีมุมมองที่ต่างกันไป แต่ฉันน่ะตีความว่า "ความรู้สึกของแต่ละคนมีสีอยู่ เมื่อลักษณะของทุกคนมารวมกันก็จะเกิดเป็นสีที่พิเศษ" แล้วก็คอสตูมคราวนี้ที่หน้าอกก็มีแผ่นปักชื่อเพลงของ SKE48 3 เพลง ติดอยู่ด้วย ซึ่งตัวเองจะเป็นคนเลือกเพลงที่อยากมาติดเองค่ะ

- แล้วเพลงที่คิตากาว่าซังเลือกคือ?

เรียวฮะ: เพลงที่ได้ติดเซมบัตสึครั้งแรก "Sansei kawaii" เพลงที่ได้เป็นดับเบิ้ลเซนเตอร์ครั้งแรก "12 gatsu no kangaroo" แล้วก็เพลงที่รุ่น 6 ชอบร้องกัน "Mirai to wa?" ทั้งหมด 3 เพลงค่ะ แล้วก็ยังมีความรู้สึกแบบว่าอยากจะทำให้ปีที่ 10 นี้มุ่งไปสู่อนาคตที่เปล่งประกายด้วย ปีนี้อยากจะให้เป็น 1 ปีที่ได้หัวเราะกับแฟนๆทุกคนเยอะๆค่ะ


วันเสาร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2561

(หัวหน้าทาส)[100%SKE48 Vol.2] แปลบทสัมภาษณ์ราระ (โกโต้ ราระ)

สำหรับบทสัมภาษณ์ของราระ เราได้รับความร่วมมือจากหัวหน้าทาส(มัตเระ)ในการแปลค่ะ
ขอขอบคุณหัวหน้ามา ณ ที่นี้ด้วย
จะอ่านในนี้หรือตามไปอ่านบล็อกหรูๆของหัวหน้า wms21 ก็ได้ ตาม link ข้างล่างจ้า

[บทสัมภาษณ์] โกโต้ ราระ 100%SKE48 VOL.02 เพื่อให้ “ผู้อื่นสนุกและตัวเองก็สนุก” กระโดดไปเลย ไม่ต้องสนอะไรทั้งนั้น! 


โกโต้ ราระ


  • ตัวเองเมื่อ 8 ปีก่อน
―สถานที่ถ่ายทำในครั้งนี้คือโอโตโกะซากะตั้งอยู่ที่โอฉะโนะมิซึภายในกรุงโตเกียว ที่ตรงนี้คือทางลาดชันที่มัตสึอิ จูรินะซังวิ่งขึ้นในฉากเปิดของ MV ‘Oogoe Diamond’ เมื่อ 8 ปีที่แล้ว
ราระ :  ค่ะ เคยดู MV เพลงนั้นก็เลยรู้จัก แต่ไม่รู้ชื่อของทางลาดชันตรงนี้เลย
 ―คงคิดว่าพอได้ลองปีนขึ้นมาแล้วน่าจะรู้สึกถึงอะไรบ้างสินะครับ
ราระ :  รู้สึกพิศวงยังไงไม่รู้ค่ะ พอคิดว่า 8 ปีต่อมาตัวเองได้มาวิ่งขึ้นบันไดที่จูรินะซังเคยวิ่งขึ้นไปเมื่อ 8 ปีก่อนแบบนี้… ก็นึกขึ้นมาว่า จูรินะซังก็เคยย่ำเหยียบลงบนบันไดพวกนี้ด้วยเหมือนกันเนอะ
#NOTE ทางลาด ‘โอโตโกะซากะ’ มีความสูงประมาณตึก 4 ชั้น

 ―เมื่อ 8 ปีก่อน ราระซังยังอยู่ป.2 อยู่เลย เป็นเด็กแบบไหนครับ?
ราระ :  ก็ใช้ชีวิตแบบเด็กปกติทั่วไปค่ะ ไปโรงเรียน เรียนเสริมบ้าง….ประมาณนั้น
―เรียนเสริมอะไรบ้างครับ?
ราระ :  คัดลายมือกับเปียโนค่ะ อ๊ะ พอดีตอนนั้นก็เริ่มเล่นกอล์ฟด้วยค่ะ เพราะคุณแม่ไปเรียนกอล์ฟ แล้วคุณครูก็มาทักว่า “ลองเล่นดูมั้ย?” ตรงนั้นก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นค่ะ ตอนแรกก็แค่เล่นเอาสนุกเฉย ๆ
―แต่กลับมีพัฒนาการจนทำเบสท์สกอร์ได้ถึง 85 นี่ โลกเราอะไรก็เกิดขึ้นจริง ๆ นะครับ (หัวเราะ) ตอนนั้นชอบทำอะไรบ้างครับ?
ราระ :  การแสดงบนเวทีค่ะ เริ่มการแสดงบนเวทีมาตั้งแต่ป.2 แต่ตอนนั้นเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยกล้าแสดงออกก็เลยมีแต่ฉันคนเดียวที่ไม่ผ่านออดิชั่นในบทที่อยากเล่น แต่พอปีถัดมาก็ลงออดิชั่นกับเพื่อนแล้วก็ผ่านจนได้บทมาล่ะค่ะ! ตั้งแต่ตอนนั้นก็เป็นครั้งแรกเลยที่รู้สึกสนุกกับการได้ร้องเพลง ได้เต้น ก่อนหน้านั้นฉันเป็นคนขี้อายไม่กล้าออกมายืนต่อหน้าคนอื่นน่ะค่ะ แต่แล้วฉันก็ได้สัมผัสถึงความสนุกในการได้ออกมาทำอะไรต่อหน้าคนอื่นเข้าแล้ว
―จูรินะซังเข้า SKE48 ตอนที่อยู่ป.6 และวิ่งขึ้นทางลาดโอโตโกะซากะ แล้วตอนราระซังอยู่ป.6 เป็นยังไงบ้างครับ?
ราระ :  กำลังอยู่ช่วงวัยต่อต้านเลยค่ะ เอาแต่ดื้อ ไม่เชื่อฟังพ่อแม่อย่างเดียวเลย
―ไม่พอใจอะไรเหรอครับ?
ราระ :  ก็ฉันตั้งใจจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่ แต่พ่อแม่กลับทำเหมือนกับฉันเป็นเด็กน่ะค่ะ
―ป.6 ก็ยังเป็นเด็กจริง ๆ นั่นแหละครับ (หัวเราะ) ทำตัวดื้อแบบไหนบ้างครับ?
ราระ :  อันดับแรกเลยก็คือ ปากร้ายมากค่ะ พอมาตอนนี้ก็กลายเป็นมุกตลกของที่บ้านไปแล้ว
―ในวัยนั้น จูรินะซังก็ได้เป็นเซนเตอร์ของ AKB48 แล้ว ถ้าสมมติว่า ตัวเองไปยืนจุดนั้นบ้าง….จินตนาการออกมั้ยครับ?
ราระ :  โหย จูรินะซังสุดยอดจริง ๆ นั่นแหละค่ะ! ตอนที่ฉันได้เป็นเซมบัทสึในเพลง Mae no meri ฉันไม่ตระหนักด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่เจ๋งมาก ตอนนั้นเพิ่งเข้ามาใหม่ ๆ ก็เลยไม่รู้เลยว่ามันเป็นเรื่องสุดยอดมากแค่ไหน
―นับแต่นั้นก็ผ่านมา 1 ปีแล้วนะครับ มองย้อนกลับไปแล้วรู้สึกยังไงบ้าง?
ราระ :  ก็ได้รู้แล้วว่า ตัวเองได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่มากแค่ไหนค่ะ ตอนนั้นคิดแค่ว่าถ่าย MV นี่สนุกดีจัง อารมณ์ว่า “โห เค้าถ่ายกันแบบนี้นี่เอง เย้ โอกินาว่าเจ๋งที่สุดเลย!” ประมาณนี้
―แบบนั้นก็ถือว่าเป็นคนที่มีจิตใจแข็งแกร่งเอาเรื่องนะครับ
ราระ :  แต่ก็ค่อย ๆ เรียนรู้มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วล่ะค่ะ ว่ามันเป็นเรื่องที่สุดยอดมากเกินกว่าที่จินตนาการได้ซะอีก การได้รับเลือกให้เป็นเซมบัทสึไม่ใช่เรื่องแย่อะไรหรอกนะคะ แต่ตอนนั้นฉันไม่รู้ว่ามันจะกลายเป็นเป้าให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้เหมือนกันนะ ตอนนั้นฉันรู้สึกสนุกโดยบริสุทธิ์ใจที่สุดจริง ๆ ค่ะ แต่ไม่ใช่ว่าตอนนี้ไม่สนุกหรอกนะคะ
―นั่นสินะครับ เมื่อได้ยืนอยู่ข้างหน้าคนอื่น ขณะเดียวกันก็ต้องกลายเป็นคนที่ยืนโต้ลมซึ่งพัดเข้าใส่ด้วยเหมือนกัน
ราระ :  เหนื่อยมากเลยค่ะ คิดขึ้นมาเลยว่า “ทำไมกันนะ” พอถึงเวลานั้น ฉันก็จะคิดในแง่ลบมากขึ้นเรื่อย ๆ
―จูรินะซังเองก็ถูกวิจารณ์หนักเอาการเหมือนกันนะครับ ถึงส่วนตัวผมจะคิดว่า “ไปพูดอะไรแบบนั้นใส่เด็กอายุ11แล้วจะได้อะไรขึ้นมา” ก็เถอะ
ราระ :  ไม่เคยมีใครมาว่าอะไรฉันตรง ๆ ในงานจับมือหรอกนะคะ แต่เคยสบตากับคนดูในโคเอ็นแล้วเค้าเมินไปทางอื่นน่ะค่ะ จริง ๆ ฉันอาจจะคิดมากไปเองก็ได้นะ…. แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเค้าเกลียดฉันรึเปล่านะ จะเริ่มคิดอะไรแง่ลบแบบนี้น่ะค่ะ
―ผ่านมาเกินกว่า 1 ปีแล้ว เข้มแข็งมากขึ้นรึยังครับ?
ราระ :  คิดว่า เข้มแข็งขึ้นแล้วนะคะ สมมติว่า ต่อให้มีใครมาว่าอะไรก็ตาม ฉันก็รั้นตอบโต้ไปว่า “ก็เราเป็นคนแบบนี้อะ ทำไมอะ”  ตั้งแต่มาเป็นเซนเตอร์ทีม E ก็เริ่มคิดอะไร ๆ ได้หลายอย่างแล้วล่ะค่ะ

  • ถ้อยคำหนึ่งของมากิโกะ

―ทีม E เริ่มโคเอ็นใหม่ในวันที่ 9 กันยายนและได้ยืนในตำแหน่งเซนเตอร์ รู้สึกยังไงบ้างครับ?
ราระ :  ต่อให้ตัวเองกำลังเต้นอยู่ ความสุดยอดของรุ่นพี่ก็ยังสะดุดตาอยู่ดีค่ะ ตรงนี้มันก็เลยทำให้คิดว่า ตัวเองมายืนอยู่ในตำแหน่งนี้จะดีเหรอ เพราะฉันรู้ดีว่าตัวฉันในตอนนั้นยังเอาชนะรุ่นพี่ไม่ได้เลย ถ้าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
―เป็นเพราะประสบการณ์ต่างกันมากเกินไปสินะครับ เราทำอะไรในเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ดี
ราระ :  แต่ถ้าพูดออกไปแบบนั้นแล้ว….มันก็ นะ ฉันรู้ดีว่าตัวเองยังทำหน้าที่ไม่สำเร็จ จะบอกว่าเจ็บใจมั้ยก็ใช่ แต่ปวดใจมากกว่าค่ะ บางครั้งก็อยากวิ่งหนีบ้างเหมือนกัน
―ช่วงซ้อมเป็นยังไงบ้างครับ?
ราระ :  ทรมานสุด ๆ เลยค่ะ อย่างแรกก็คือ ความจำฉันแย่มากก็เลยมีอะไรที่จำไม่ได้เต็มไปหมด แถมในจุดที่ตัวเองจำได้แล้ว แต่รุ่นพี่กลับทำได้ดีกว่ามาก ๆ อีกเรื่องก็คือฉันไม่รู้ว่าจะแสดงสีหน้าแบบไหนออกไปดี อืม จริง ๆ ก็รู้นะ แต่เทียบกับรุ่นพี่แล้วยังไม่เอาไหนสุด ๆ เลย …..ทีนี้ก็จะเริ่มกดดันตัวเองว่า ทำไมคนไม่ได้เรื่องอย่างเราถึงได้เป็นเซนเตอร์นะ
―แถมยังเป็นโคเอ็นที่เต็มไปด้วยเพลงของทีมเซอร์ไพรซ์ด้วย ตัวอย่างที่มีให้ดูก็น้อยมาก แต่ก็ยังต้องจำท่าเต้นให้ได้ด้วยสินะครับ
ราระ :  ใช่ค่ะ มีแต่ท่าเต้นใหม่ ๆ เต็มไปหมด ฉันเต้นไม่ได้จนร้องไห้ออกมาเลยล่ะค่ะ ไปบอกกับอาจารย์สอนเต้นว่า “หนูไม่ไหวแล้วค่ะ” แล้วตอนนั้นมากิโกะซังก็มาดุว่า “มัวแต่ร้องไห้ไปก็ไม่มีอะไรเริ่มต้นหรอกนะ” ฉันก็เลยหยุดร้องไห้ได้ค่ะ
―แล้วตอนนั้นลีดเดอร์ สุดะ อาการิล่ะครับ?
ราระ :  ฉันแอบสงสัยมาตลอดเลยล่ะค่ะว่าสุดะซังจะคิดยังไงกับเรื่องนี้กันนะ
―คือไม่ได้คุยอะไรกันเป็นพิเศษเรื่องที่ได้เป็นเซนเตอร์สินะครับ?
ราระ :  ค่ะ สุดะซังเป็นคนที่มีความสามารถในการแสดงมาก ๆ เค้าอาจจะคิดก็ได้ว่า “ทำไมถึงเป็นราระ?” แถมตอนนั้นสุดะซังเพิ่งได้เป็นคามิ 7 ในการเลือกตั้งด้วย
―สุดะซังเองก็คงจะผ่านประสบการณ์ทำนองนี้มาหลายครั้งแล้วล่ะครับ เค้าคงจะรู้สึกเจ็บใจทุกครั้งเหมือนกัน แต่ยังไงซะ ก็เป็นโชคชะตาของราระซังที่ต้องรับมันให้ได้ในแบบของตัวเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม…. ยังถือว่าเร็วเกินไปสำหรับตัวเองหรือเปล่าครับ ที่จะคิดแบบนี้?
ราระ :  โชคชะตา….?
―ยังไงซะ การเป็นเซนเตอร์ก็ถือเป็นเรื่องที่กำหนดเอาไว้แล้ว และวงการนี้ไม่ใช่โลกที่จะใช้อันดับหรือความนิยมมาตัดสินทุกสิ่งด้วย
ราระ :  ก็มีความรู้สึกที่อยากลองเผชิญหน้ากับตัวเองสักตั้งบ้างนะคะ แต่ฉันยังไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ก็เลยมักวิ่งหนีอยู่เรื่อย
―ก็แปลว่า ตอนนี้ยังห่างไกลกับชื่อ “ราระ” สินะครับ
ราระ :  จริง ๆ เป็นคนมองโลกในแง่ร้ายน่ะค่ะ  อือ จริง ๆ ก็มีด้านที่มองโลกในแง่บวกเหมือนกันนะคะ ฉันพยายามจะไม่คิดให้มากเกินไปนักว่าแฟน ๆ จะคิดยังไงกับฉัน เพราะจริง ๆ ก็รู้สึกว่ามีคนที่คอยเชียร์ฉันมากกว่าคนที่ว่าร้าย แต่พอเป็นปัญหาของตัวเองขึ้นมาก็มักจะคิดแง่ลบเสมอเลย เพราะรุ่นพี่สุดยอดมากจริง ๆ ฉันอยากไล่ตามพวกเค้าให้ได้ แต่ทำยังไงก็ยังไล่ไม่ทันซะที
#NOTE ชื่อ ‘ราระ’(楽々) เขียนด้วยอักษร   ซึ่งมีความหมายว่า “เบิกบานใจ ง่าย ๆ สบาย ๆ ไร้กังวล”

―ใน MC วันแรกที่บอกว่า “ต่อให้เกลียดฉัน ก็อย่าเกลียดทีม E เลยนะคะ!” เรื่องนี้เป็นมายังไง?
ราระ :  ทำเล่น ๆ ไปงั้นเองค่ะ แต่นั่นแหละที่ถือว่าฉันเตรียมใจที่จะเผชิญหน้ากับตัวเองเอาไว้แล้ว
 ―มีอะไรที่กำลังทำอยู่เพื่อขยับเข้าใกล้ความเป็นตัวเองในอุดมคติบ้างหรือเปล่า?
ราระ :  ฉันจะดูคลิปจากกล้องฟิกแล้วก็จดเอาไว้ว่าตัวเองทำพลาดตรงไหนบ้าง แต่ทำที่บ้านน่ะค่ะ ไม่อยากให้ใครเห็น อาย
 ―ดูคลิปของตัวเองแล้วรู้สึกยังไงบ้าง?
ราระ :  น่าเบื่อสุด ๆ เลยค่ะ รู้สึกว่าภาพลักษณ์ตัวเองช่างราบเรียบไร้มิติ
 ―รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ลอยเด่นขึ้นมาจากกลุ่มคนอื่น ๆ?
ราระ :  ใช่ค่ะ ตัวเองกำลังเต้นอยู่แท้ ๆ นะ แต่สายตากลับโดนดึงไปหามากิโกะซังซะงั้น
 ―เพราะมีเมมเบอร์ที่ตั้งใจเต้นจริงจังอยู่เต็มไปหมดด้วยสิ
ราระ :  ฉันเป็นคนเต้นไม่แรงน่ะค่ะ ไม่ใช่ว่าอยากจะเต้นแรง ๆ หรอกนะคะ แต่ฉันชื่นชมการเต้นอย่างหนักหน่วง แต่ก็ดูงดงามด้วยในขณะเดียวกันเหมือนอย่างมากิโกะซังมากเลย

  • กลัดกลุ้มผูกมัด

―วันที่ 27 ต.ค. มีโคเอ็น ‘ZERO POSITION’ ที่อากาซากะBLITZ ด้วย วันนั้นราระซังเต้นอย่างสบาย ๆ เลยนะครับ
ราระ :  วันนั้นรู้สึกกับการเปลี่ยนบรรยากาศน่ะค่ะ! ไม่รู้ทำไม? สงสัยเพราะเวทีใหญ่ ๆ จะดีว่าล่ะมั้ง?
 ―ดูท่าทางสนุกสนานมากเลยล่ะครับ
ราระ :  คงเพราะความรู้สึกมันต่างกันด้วยล่ะมั้งคะ ทำยังไงก็ยังเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองตอนขึ้นโคเอ็นทีม E ไม่ได้ซะที
―เพราะต้องเป็นเซนเตอร์รึเปล่า?
ราระ :  ก็คิดอยู่บ้างนะคะว่าเพราะอย่างนั้นรึเปล่า ก็ฉันยังปีนไปไม่ถึงจุดที่เหมาะสมกับการเป็นเซนเตอร์ของทีมเลย แต่โคเอ็นของ ‘ZERO POSITION’ เต้นด้วยความรู้สึกสนุกล้วน ๆ เลยล่ะค่ะ มีความสนุกสนานมากกว่าความรู้สึกกดดันนะ
 ―ถ้าสักวันสามารถแสดงให้ทุกคนได้เห็นถึงท่าทางสนุกสนานในโคเอ็นของทีม E ได้ก็คงดีไม่น้อยนะครับ
ราระ :  เรื่องนี้ตัวเองก็คิดอยู่เหมือนกันค่ะว่าต้องก้าวข้ามมันไปให้ได้ รู้สึกเหมือนว่าในทีม E ตัวเองจะทำแต่ในสิ่งที่ถูกสั่งให้ทำเท่านั้นเอง คิดมากไปหรือเปล่าก็ไม่รู้
 ―มีอะไรบางอย่างผูกมัดเราไว้หรือเปล่า?
ราระ :  น่าจะเป็นอย่างนั้นนะคะ ฉันก็อยากเป็นอิสระเหมือนกันนะคะ หลังจากคิดแล้วคิดอีกก็พบว่าตัวเองกำลังตัวหดเล็กลงเรื่อย ๆ ก็รู้อยู่หรอกว่ามันไม่ใช่เรื่องดีเลย
 ―ถ้าเผชิญหน้ากับมันได้อย่างสบาย ๆ ตามชื่อของตัวเอง…..ความรู้สึกก็น่าจะเปลี่ยนไปได้บ้างนะครับ
ราระ :  ฉันอยากเป็นตัวของตัวเองค่ะ คิดอยู่เหมือนกันว่าอยากเปลี่ยนความรู้สึกของตัวเองให้ได้
 ―แต่ถูกกำหนดให้ป็นเซนเตอร์ของรุ่น 7 ยังไงก็ต้องเรื่องคิดหนักอยู่ดีล่ะนะครับ
ราระ :  ถ้าไม่ใช่เซนเตอร์ก็คงไม่ได้คิดอะไรเลยล่ะค่ะ ถ้าพยายามทำตัวร่าเริง ผลมันอาจจะออกมาในทางตรงกันข้าม ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาเลยก็ได้…..
 ―กระนั้นแล้ว อยากจะเป็น “เซนเตอร์ที่แท้จริง” ให้ได้ใช่ไหมครับ
ราระ :  นั่นสิคะ ก็มีความรู้สึกแบบนั้นนะคะ! แม้จะมีบ้างที่รู้สึกเกรง ๆ เวลาต้องยืนในตำแหน่งเซนเตอร์ แต่เพลง ‘Gonna Jump’ สนุกมากเลยค่ะ อาจเป็นเพราะว่าได้รับการประกาศในวันนั้นเลยว่าเป็นเซนเตอร์นะ ก็เลยไม่ทันได้มีเวลาคิดอะไรมาก
 ―เวลามีปัญหา ได้ปรึกษาใครบ้างหรือเปล่า?
ราระ :  ไม่ค่ะ
 ―กับพวกผู้ใหญ่ก็ด้วย?
ราระ :  ไม่ปรึกษาค่ะ
 ―คิดว่าน่าจะถูกเปรียบเทียบกับโอบาตะ ยูนะซังอยู่บ่อย ๆ นะครับ ซึ่งเราก็ไม่ปรึกษาปัญหากับโอบาตะซังเหมือนกัน?
ราระ :  เพราะฉันเองก็ไม่รู้ว่า ยูนานะเค้าคิดยังไงน่ะสิคะ ยูนานะเองก็น่าจะคิดอะไรอยู่บ้างเหมือนกัน แต่เค้าไม่พูด แถมฉันเองก็อ่านความคิดเค้าไม่ออกด้วย คล้าย ๆ ว่าเราสองคนพยายามที่จะไม่พูดถึงเรื่องนี้ล่ะมั้ง
 ―แต่ราระซังอายุ 16 เองนี่ครับ ถ้าคิดเรื่องต่าง ๆ ด้วยตัวเองคนเดียว ยังไงก็ต้องเจอทางตันบ้างไม่ใช่เหรอ?
ราระ :  ก็ใช่น่ะสิคะ! เพราะงั้นแหละ ก็อยากปรึกษาใครบ้างนะ แต่ไม่มีคนให้ปรึกษาด้วยเลยค่ะ (หัวเราะ) แต่ก็ใช่ว่าไม่มีซะทีเดียวหรอกนะคะ ตอนคุยกับผู้จัดการก็มีคุยเรื่องปัญหาอยู่บ้างเหมือนกัน จริง ๆ อยากปรึกษากับจูรินะซังนะคะ
 ―แปลว่ายังไม่ได้ปรึกษาใครเรื่องที่เป็นเซนเตอร์ทีม E ?
ราระ :  ยังค่ะ ยังไม่มีจังหวะเลย

  • เสริมความกล้ากับความมั่นใจ

―การออดิชั่นรุ่น 8 จบลง กำหนดผู้ผ่านการคัดเลือกแล้ว รู้สึกกังวลอะไรหรือเปล่า?
ราระ :  จนถึงตอนนี้ ฉันก็ได้รับเลือกให้เป็นเซมบัทสึ ได้ยืนอยู่ในตำแหน่งที่ดีนะคะ แต่ถ้ามีรุ่น 8 เข้ามาแทนที่ตัวเองก็น่ากังวลเหมือนกัน รู้สึกตื่นเต้นด้วย แต่ก็กังวลด้วยน่ะค่ะ
 ―อย่างเช่น จู่ ๆ ก็ได้เป็น W เซนเตอร์กับจูรินะซัง อะไรแบบนี้
ราระ :  แบบนั้นก็แย่สิคะ! แต่ยังไงฉันก็ต้องใจดีกับเด็กคนนั้นให้ได้เหมือนอย่างที่เรียวฮะซังใจดีกับฉันค่ะ อ๊ะ แต่ถ้าคนนั้นอายุมากกว่าจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย?
 ―ยืดอกไปเลยครับว่าเราเป็นรุ่นพี่! และอันนี้ก็เป็นคำถามที่ถามทุกคนนะครับ คิดว่าใครเป็นคู่แข่งของตัวเองในตอนนี้ครับ?
ราระ :  เอ๋? อันนี้ก็ถามกับยูนานะด้วยใช่มั้ยคะ?
 ―เดี๋ยวจะไปถามหลังจากนี้ครับ เลยยังไม่รู้ งั้นคำตอบก็ให้เป็น “โอบาตะซัง” แล้วกันนะครับ?
ราระ :  อ๊า ถ้ายูนานะไม่ตอบชื่อฉันก็น่าอายแย่เลยสิคะ (หัวเราะ) เอ้อ แต่ฉันว่ายูนานะคงจะตอบชื่อฉันแหละ งั้นให้คู่แข่งของฉันเป็นยูนานะนี่แหละค่ะ!
 ―รู้สึกกังวลกับแนวโน้มการก้าวหน้าของโอบาตะซังบ้างหรือเปล่า?
ราระ :  ยูนานะมีความเป็นไอดอลสูงนะคะ ไม่เหมือนฉันเลย เราไม่ใช่สายเดียวกันน่ะค่ะ ก็เลยไม่ค่อยกังวลอะไรมาก แต่ในจุดที่ชวนให้คิดมากก็จะคิดเหมือนกันนะ อะไรแบบนี้ แต่ช่วงแรก ๆ (โนจิมะ) คาโนะกับยูนานะนี่ สองคนนั้นเค้าไฟลุกเปรี๊ยะ ๆ ใส่กันเลยล่ะค่ะ ตอนนั้นฉันเห็นแล้วก็ขำจะตาย (หัวเราะ) แต่ตัวฉันเองน่าจะเริ่มรู้สึกถึงการแข่งขันตั้งแต่ได้เป็นเมมเบอร์ของ Love Crescendo ล่ะมั้ง
 ―จำเป็นต้องมีคู่แข่งหรือเปล่าครับ?
ราระ :  ฉันว่าจำเป็นค่ะ! ซึ่งฉันพยายามจะสร้างขึ้นด้วยตัวเอง อย่างถ้าคิดว่า “เรื่องนี้แหละที่ไม่อยากแพ้!” มันก็ทำให้รู้สึกว่ามีแรงจูงใจที่จะลงมือทำนะ ฉันเป็นพวกเกลียดความพ่ายแพ้น่ะค่ะ สิ่งที่จำเป็นสำหรับตัวฉันในตอนนี้ก็คือความมั่นใจน่ะนะคะ ฉันอยากเป็นคนที่สามารถยืดอกพูดได้เต็มปากเลยว่า “ฉันนี่แหละคือเซนเตอร์!”
 ―ที่เหลือก็อยากให้สนุกให้เต็มที่นะครับ!
ราระ :  ก็จริง ฉันอาจจะลืมความสนุกไปแล้วก็ได้! ชื่อฉันเนี่ย “ราระ” มีที่มาจากความหมาย “คนอื่นก็สนุก ตัวเองก็สนุก”  นะคะ
 ―งั้นการที่ได้เข้าสู่วงการเอนเตอร์เทนเมนต์ก็ถือเป็นพรหมลิขิตสินะครับ (หัวเราะ) ไม่เป็นไรหรอกครับ เราน่าจะมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นจากการปีนขึ้นโอโตโกะซากะแล้วนี่นา
ราระ :  จริงด้วย! ฉันจะพยายามต่อไปอย่างมีความกล้ากับความมั่นใจค่ะ!
rararara

วันพฤหัสบดีที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2561

[#ゆらら] แปลบทสัมภาษณ์ยูราระ BOMB Feb'18



คู่แข่งที่คอยช่วยผลักดันซึ่งกันและกัน ทั้งสองคนอยากรับหน้าที่เป็นดับเบิ้ลเซนเตอร์!


- ทั้งคู่เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันที่เคยได้สัมผัสการเป็นเซนเตอร์ SKE48 มาแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ถ่ายคู่กันลง BOMB

ราระ: ถึงช่วงนี้จะยุ่งๆแต่ เราสองคนได้อยู่ด้วยกันบ่อยๆ ไปค้างบ้านกันด้วย

ยูนานะ: แม้ว่าพออยู่คนละทีมแล้วจะได้ไปน้อยลงก็เถอะ

- ตอนที่ทั้งคู่ได้เป็นเซมบัตสึครั้งแรก ได้คุยอะไรกันบ้างครับ?

ยูนานะ: เหมือนจะไม่ได้คุยอะไรนะคะ ตอนอยู่ด้วยกันสองคนก็ไม่ค่อยได้คุยเรื่อง SKE ค่ะ

ราระ: ส่วนใหญ่จะคุยเรื่องไร้สาระค่ะ อย่างพวกขนมในร้านสะดวกซื้ออะไรงี้ เวลาอยู่กับคนเยอะๆโอกาสจะคุยกันสองคนก็น้อย

ยูนานะ: ใช่ๆ จะคุยตอนอยู่ด้วยกันแค่สองคน

ราระ: ถึงยูนานะจะดูเป็นผู้ใหญ่ แต่ถ้าราระอยู่ด้วยจะชอบรับมุกล่ะ รับได้ค่อนข้างเฉียบเลยด้วย

ยูนานะ: ที่ต้องรับมุกน่ะ เพราะเป็นราระพูดมาก็เลยตอบออกไปเองต่างหาก



- แม้จะได้เป็นเซมบัตสึด้วยกันเป็นซิงเกิ้ลที่ 2 แต่มีความประทับใจตรงไหนที่เปลี่ยนไปบ้างมั้ย?

ราระ: อิมเมจของยูนานะจนถึงตอนนี้อาจจะดูนุ่มนิ่มแต่ช่วงนี้ฉันว่าดูมีความมั่นใจแล้วก็สง่าขึ้นนะ

ยูนานะ: ราระก็เหมือนกัน ตอนถ่าย MV ก็ดูเหมือนว่าเรื่องเต้นจะเลเวลอัพขึ้นมากเลย พอเห็นแล้วก็คิดว่าฉันเองก็ต้องพยายามเหมือนกัน

ราระ: ฉันไม่อยากยอมแพ้ยูนานะทั้งการแสดงอารมณ์และการเต้น เรื่องนี้น่ะ เป็นแรงผลักดันให้ราระเลยแหละ ฉันคิดว่าถ้าอยู่กับยูนานะล่ะก็ จะสามารถแสดงพลังที่ไม่ธรรมดาออกมาได้

ยูนานะ: ฉันก็เหมือนกัน ที่ได้อยู่รุ่น 7 ด้วยกันแรกสุดก็คิดว่าเธอเท่สุดๆไปเลย ราระเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ฉันอยากพยายามมากขึ้น



- รุ่นแรกจนถึงรุ่น 5 เหลือกันอยู่ประมาณ 1-3 คน รู้สึกเหมือนว่าตอนนี้จะเป็นยุคของรุ่น 6 รุ่น 7 เลยนะ

ราระ: ไม่หรอกค่า รุ่น 7 น่ะ ยังหรอก อย่างรุ่น 6 ก็มีพวกเรียวฮะซัง คุมาซากิซัง รุ่น 5 ก็มีนาโอะซัง เอโกะซัง พวกราระน่ะยังไล่ตามอยู่ค่ะ จะแซงน่ะยังเป็นไปไม่ได้หรอก

ยูนานะ: ฉันน่ะได้เป็นเซนเตอร์ตอนที่ยังไม่มีความมั่นใจเลย รู้สึกได้ถึงความห่างชั้นกับรุ่นพี่ ทำให้ฉันไม่อยากยอมแพ้ เพราะอย่างนั้นตอนนี้ก็เลยพยายามมาก ตัวตนของพวกรุ่นพี่ยิ่งใหญ่มากค่ะ

ราระ: เข้าใจเลย! ราระก็เหมือนกัน แรกๆรู้สึกว่ากำแพงกับรุ่นพี่น่ะหนามาก ทำเอาฉันซึมเพราะความไม่เอาไหนของตัวเองเลยล่ะ โดยเฉพาะทีม E มีคนสำคัญๆอยู่เยอะ แล้วก็มีจุดที่ราระต้องบาลานซ์กับสุดะซังเยอะด้วย ดูเหมือนขนาดตัวจะอยู่แค่ครึ่งเดียว(ของสุดะ)เอง (หัวเราะ) ไม่ใช่แค่รุ่นพี่นะ อย่างสุกาวาระก็ด้วยตัวสูงชะมัด พอขึ้นทีม ก็เรียนรู้ที่จะเต้นให้ดูตัวใหญ่

ยูนานะ: KII น่ะ ทุกคนมีการเต้นที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เรื่องนี้ฉันก็คิดหนักว่าจะต้องแสดงตัวของตัวเองออกไปให้ได้ จะต้องให้คนรู้สึกถึงตัวตนเรามากขึ้น พอได้เห็นการเต้นที่ดุดันและน่ารักของชูริซัง ก็คิดตลอดเลยว่าสุดยอด

- สุดท้าย เป้าหมายปี 18 คืออะไรครับ?

ยูนานะ: เป็นดับเบิ้ลเซนเตอร์กับราระ!! เป็นฝันที่อยากให้เป็นจริงสักวันค่ะ

ราระ: จริงๆเหรอ!? ราระก็เหมือนกัน! อยากลองตั้งยูนิตที่มีแค่เราสองคนด้วย

ยูนานะ: ชื่อยูนิตก็ "ยูราระ" ไง

ราระ: แม้ว่าจะเน้นหนักที่ชื่อราระก็ตาม (หัวเราะ)

ยูนานะ: โดยส่วนตัวแล้วฉันไม่ค่อยมีโอกาสออกรายการวาไรตี้ ปีนี้ก็อยากจะไปออกมากขึ้นค่ะ

ราระ: ราระก็ด้วย อยากเป็นคนที่ดำเนินรายการวาไรตี้ได้ดีมากขึ้น ขอใช้โอกาสแจ้งเกิดในรายการ Zero Position เป็นเป้าหมายค่ะ


วันพุธที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2561

(91)[100%SKE48 Vol.2] แปลบทสัมภาษณ์สั้นๆฮารุทามุ(ฟุตามุระ ฮารุกะ) + พี่นก(ทาคายานางิ อากาเนะ) + เอโกะเทน (เอโกะ ยูนะ)


Garage Inc. 
ฟุตามุระ ฮารุกะ
- ถึงจะถ่ายทำไปตั้งแต่ 5 เดือนที่แล้ว แต่รูปที่ใช้ไม่เหมือนคราวก่อนนะครับ
ฮารุ: คราวนี้ไม่ใช้รูปที่ถ่ายเมื่อ 2 ปีก่อนก็ดีแล้วล่ะค่ะ (หัวเราะ)
- กราเวียร์นั้นตั้งชื่อไปตรงๆว่า “Sexy Harley” ถ้าหลังจากนี้ฟุตามุระซังได้ถ่ายอีกจะเป็น “Sexy….” อะไรครับ?
ฮารุ: ถ้าลงติดต่อกันเป็นซีรี่ย์ “Sexy Parts” (อวัยวะที่เซ็กซี่) เป็นไงคะ? คราวนี้ก็เป็น “ริมฝีปาก” 
- จะลงทุกอาทิตย์เลยสินะครับ (หัวเราะ) แล้วส่วนที่เซ็กซี่ของตัวเองคือตรงไหน?
ฮารุ: ทั้งหมดเลยค่ะ แม้แต่ออร่าก็ด้วย!
- นี่เว่อร์เกินไปแล้ว (หัวเราะ)
ฮารุ: ขอโทษค่ะ พูดเว่อร์เกินจริง (หัวเราะ) แต่ว่าฉันไม่ได้คิดว่าหุ่นตัวเองเซ็กซี่เลย
- ความรู้สึกแบบนี้ดีแล้วไม่ใช่เหรอครับ ไม่อวบเกินไปแล้วก็ไม่ผอมเกินไป ดูเป็นคนที่ออกกำลังกายมาดี
ฮารุ: ฉันน่ะ จริงๆแล้วเป็นพวกมองโลกแง่ร้ายค่ะ แต่เทรนเนอร์จะคอยตะโกนว่า “ต้องทำได้สิ! สู้!” พอได้ไปยิมแล้วทำให้ฉันมองโลกแง่ดีขึ้น เพราะงั้นมันดีมากเลยที่จะใช้ปรับอารมณ์ แล้วก็พอได้ไปยิมก็ได้รู้รายละเอียดการเทรนนิ่ง กลายเป็นว่ามีคนล่ำบึ้กมาต่อแถวในงานจับมือเยอะมากเลยค่ะ (หัวเราะ) แบบว่า “ยกได้กี่โลเหรอ?” “ก่อนนอนกินเวย์โปรตีนก็ดีนะ” คุยกันไปฉันก็คิดว่าทั้งที่ฉันเป็นไอดอลแท้ๆนะ (หัวเราะ) แต่ว่าความรู้สึกแบบที่ไม่บังคับตัวเองมากเกินไปมันก็สบายจริงๆค่ะ
- เป็นตำแหน่งที่เป็นเอกลักษณ์ดีนะครับ อยู่ในที่ๆดีใช้ได้เลย ดังนั้นเลยนึกไม่ค่อยออกว่าคู่แข่งของฟุตามุระซังจะเป็นใคร
ฮารุ: เมื่อก่อนฉันจะเป็นแบบว่า ตอนนี้ตั้งเป้าที่คนนี้ ตอนนี้จะตั้งที่คนนี้ แต่ตั้งแต่หาคาแรคเตอร์ของตัวเองเจอแล้วก็ไม่ค่อยสนใจรอบข้างเท่าไหร่แล้วค่ะ เพราะงั้นถ้าจะให้มองคู่แข่งล่ะก็ ทุกคนก็เป็นคู่แข่งหมดล่ะนะ ดังนั้นเลยอยากเป็นตัวของตัวเอง เพิ่มฐานแฟนตัวเองค่ะ ในงานจับมือก็มีคนที่มาครั้งแรกเพราะได้ดู “SASUKE” ด้วยค่ะ
- “SASUKE” แฟนๆหน้าใหม่! บางทีอาจจะติดใจจากตอนถอดเสื้อก็ได้นะครับ

ฮารุ: เป้าหมายฉันปีนี้คือ “มิดชิดให้มากขึ้น” ค่ะ แต่ว่า...จากนี้ไปก็อยากจะตอบแทนให้สมกับที่ตั้งหน้าตั้งตารอเหมือนกันค่ะ (หัวเราะ)


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------




อยู่นี่เองเหรอ ความรัก
ทาคายานางิ อากาเนะ
- บทสัมภาษณ์นี้ ลงใน “100%SKE48 Vol.2 ด้วย ก่อนอื่นเลย คอนเสิร์ต Zero Position เหนื่อยหน่อยนะครับ
ชูริ: มาดูด้วยสินะคะ? ทราบมาจากชิราอิชิ โคจิซัง(สมาชิกวง YOUR SONG IS GOOD ซึ่งเป็นแฟน SKE) น่ะค่ะ หลังจากคอนเสิร์ตฉันก็เอาแต่พูดเรื่องเพลง Cross (หัวเราะ)
- เราก็อุตส่าห์ตั้งตารอว่า อันดับ 1 ของ request hour จะเป็นเพลง Cross (หัวเราะ) เพราะเห็นว่าเริ่มเคาท์ดาวน์โดยแบ่งเพลงเป็นเพลงไอดอลแต่ละยุค เลยคิดว่าที่ 1 อาจจะใช่ 
ชูริ: อย่างนั้นมันก็กลายเป็นคอนเสิร์ต “เพื่อทาคายานางิ” สิคะ! (หัวเราะ) แต่ว่าคราวนี้ตัวฉันเองได้ร่วมทำงานเบื้องหลังด้วย รู้สึกสนุกมากกว่าเหนื่อยค่ะ ไม่ได้มาเล่นคอนเสิร์ตที่โตเกียวนานแล้ว คราวหน้าถ้ามีงานของ Zero Position อีกก็อยากเล่นคอนเสิร์ต SKE48 ทั้งวงค่ะ! แต่ว่าผลงานมันดีมากตั้งแต่ครั้งแรกเลย ครั้งที่สองคงจะยิ่งยากขึ้นไปอีก
- ครั้งที่ 2 ก็มีความยากอยู่สินะครับ ที่ทำ (เล่ม 2) นี่พวกเราก็คิดอย่างนี้เหมือนกัน
ชูริ: อะฮ่าๆๆๆ นั่นสินะคะ
- คราวนี้น่ะ มีคำถามนึงที่เราถามทุกคนเลย เมมเบอร์ที่ทาคายานางิซังจับตามองมากที่สุดตอนนี้คือใครครับ?
ชูริ: อืม...เหมือนจะมีนะคะแต่แค่ไม่ได้มองว่าเป็นคู่แข่ง นั่นคือเอโกะ (ยูนะ) จังค่ะ เป็นประเภทที่ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะเก็บไว้กับตัวเอง แต่เอโกะจังบอกฉันว่า “พอได้เจอชูริซังก็เริ่มพูดคุยกับคนอื่นได้แล้วค่ะ” ทั้งๆที่ฉันคิดว่าคงจะไม่สนิทกับเด็กคนไหนเป็นพิเศษแล้วนะ แต่มีเด็กที่เดินตามรอยฉันอยู่ก็เหมือนได้ทิ้งมรดกเอาไว้เลย
- ได้ไปทานข้าวด้วยกันมั่งมั้ยครับ?
ชูริ: ไม่เคยค่ะ เธอแทบไม่ยอมสบตาฉันเลย เวลาคุยกันปกติก็จะอยู่ข้างๆ (หัวเราะ) ฉันพูดเองอาจดูเว่อร์ไป แต่ความรักจากเอโกะจังมันบริสุทธิ์มากๆเลยค่ะ ตรงไปตรงมามาก...เรื่องนี้น่ะไว้คราวหน้ามาคุยกันอีกรอบนะคะ
- แฟนๆ SKE48 คงจะร้อง “อยากเป็นทาคายานางิจังเลย” กันใหญ่แล้ว (หัวเราะ) แล้วจะหาโอกาสมาใหม่นะครับ ฝากด้วยครับ!  


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------



รักแรกของนางฟ้า
เอโกะ ยูนะ
- คราวนี้เราตัดภาพเซ็ต "เอโกะเทนบิกินี่" ที่ไม่เคยตีพิมพ์มาลงครับ
เอโกะ: ขอบคุณนะคะ (หัวเราะ)
- อันนี้อาจจะไม่เกี่ยวกับกราเวียร์นะครับ คือก่อนหน้านี้เราได้คุยกับทาคายานางิ (อากาเนะ) ซัง....
เอโกะ: (โพล่งออกมา) เอ๋! อะไรเหรอคะ? คุยอะไรเหรอ?
- อย่างพวกเรื่องความรักของเอโกะซัง อะไรนั้นล่ะครับ (หัวเราะ)
เอโกะ: ดูเหมือนจะมาทางฉันคนเดียวเลยนะคะ (หัวเราะ) ถึงมันจะไม่ผิดก็เถอะ ฮุๆๆ....
-  ก็ดูแล้วตอนนี้เหมือนเรื่องราวความรักกำลังจะเริ่มขึ้นเลย เป็นสีหน้าของเด็กสาวที่ดูแปลกไปจากปกตินี่ครับ!
เอโกะ: แรกสุดคงเป็นตอนสเตจ "Ramune no nomikata" น่ะ...
- (เริ่มพูดถึงเองเป็นครั้งแรกเลย!)
เอโกะ: ทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นพี่ในทีมจบการศึกษากันไป ทั้งได้เป็นเซมบัตสึครั้งแรกใน Coquettish Juutaichuu ปรับอารมณ์ตัวเองไม่ทันเลยค่ะ ก่อนหน้าสเตจจะเริ่มก็แอบร้องไห้อยู่ข้างหลังคนเดียว ตอนนั้นเองก็ได้ยินเสียงชูริซังเข้ามาเรียก ฉันน่ะเวลามีเรื่องกลุ้มใจจะไม่ค่อยปรึกษาใคร ชอบเก็บเอาไว้กับตัวเอง แต่ถ้าเป็นชูริซังก็จะพูดด้วยได้ค่ะ คืนวันนั้นก็ส่งเมล์ไป แล้วเธอก็บอกมาประมาณว่า "ถ้าโอเคกับฉันล่ะก็ ฉันอยู่ตรงนี้เสมอนะ" เฉยเลยค่ะ!

- "เป็นไปได้ว่านี่จะเป็นรักครั้งแรกของเอโกะ ยูนะ" ชัดเจนขึ้นมาเลยนะครับ (หัวเราะ)
เอโกะ: จะว่าไงดีล่ะ...แบบว่าสุดยอด...เขินมากเลย! ขนาดเวลาว่างๆก็อยู่ด้วยกันบ่อยขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความฝันของฉัน หรือมีเรื่องอะไรดีๆ ก็บอกกับชูริซังหมดเลย...ประมาณนั้นแหละค่ะ 

- ยิ่งได้คุยก็ยิ่งรู้สึกถึงความเป็นนางฟ้าของเอโกะซัง งั้นขอเปลี่ยนเรื่องนิดนึงนะครับ (หัวเราะ) ฟุรุฮาตะ (นาโอะ) ซังที่อยู่รุ่นเดียวกันและคุมาซากิ (ฮารุกะ) ซังรุ่นน้องได้ประกาศว่าจะเป็นเซ็นเตอร์ให้ได้ เอโกะซังมองเรื่องนี้ยังไงครับ
เอโกะ: ฉันก็ทำกิจกรรมในฐานะ SKE48 มาประมาณ 5 ปีแล้ว แน่นอนว่าตำแหน่งที่เป็นเป้าหมายก็คือเซ็นเตอร์ค่ะ แต่จนกว่าจะสามารถพูดออกไปได้เต็มปากก็อยากจะแข็งแกร่งกว่านี้ค่ะ ความรู้สึกเจ็บใจกับตำแหน่งที่ยืนอยู่ก็มีเหมือนกัน

- เพราะชื่อเอโกะซังอยู่ติดกับทาคายานางิซัง รู้สึกเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นเลยล่ะครับ คราวหน้าขอสัมภาษณ์ "เอโกะชูริ" ด้วยนะครับ!
เอโกะ: ยินดีค่ะ! ถึงจะนั่งมองหน้าตรงๆไม่ได้ก็ตาม (หัวเราะ)

(91)[100%SKE48 Vol.2] แปลบทสัมภาษณ์โอจัง x ยูกะตัน (สุเอนากะ โอกะ x อาซาอิ ยูกะ)



การพลิกผันด้วยประกายไฟซึ่งเกิดจากความเจ็บใจจากแถวหลังสุด
พลุนั้นพวกเราจะเป็นคนจุดเอง
การแสดงอย่างเต็มที่ด้วยผมที่ยาวสลวย ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนก็สามารถดึงดูดสายตาได้อย่างอาซาอิ ยูกะ และสุเอะนากะ โอกะ

ในฐานะ “7D2” ลูกคนสุดท้องของ SKE48 คู่หูที่เกลียดการยอมแพ้ได้พูดถึงความทะเยอะทะยานอันร้อนแรง เมื่อรุ่น 8 เข้ามา แน่นอนว่ามันจะต้องร้อนแรงยิ่งขึ้นไปอีกอย่างไม่ต้องสงสัย!

อาซาอิ ยูกะ x สุเอนากะ โอกะ


2 คน 21 ตำแหน่ง


- ก่อนอื่นอยากถามถึงความสัมพันธ์ของทั้ง 2 คนครับ เป็นยังไงครับ?

โอจัง: เพราะเราต้องขึ้นแสดงสเตจใหม่ทีม E (เริ่มวันที่ 9 กันยายน 2016) ด้วยกัน ก็เลยได้อยู่ด้วยกันเยอะมากค่ะ

- เคยไปเที่ยวด้วยกันมั้ย?

โอจัง: ถ้าแค่ 2 คน ยังไม่เคยค่ะ

ยูกะตัน: เคยแต่ไปด้วยกันหลายคน

- ที่เชิญทั้ง 2 คนมา เพราะได้ดูไลฟ์ที่มิฮามะเมื่อเดือน 8 ครับ คุณสองคนเป็นเซนเตอร์คู่ในการแสดงของเคงคิวเซย์เพลง Hanabi wa Owaranai เป็นการแสดงที่น่าสนใจมาก

ทั้งคู่: ขอบคุณมากค่ะ!

- นอกจากนั้น ในคอนเสิร์ตจบการศึกษาของชิบาตะ อายะซัง (ที่ Zepp Nagoya) ก็โดดเด่นมาก ในสเตจวันแรกของทีม E ก็เป็นเคงคิวเซย์แค่ 2 คนที่ได้ขึ้นแสดง เพราะงั้นเลยคิดว่าจะต้องคุยด้วยให้ได้น่ะครับ

ทั้งคู่: ขอบคุณค่ะ

- มีโอกาสได้ออกมายืนแถวหน้ามากขึ้นแล้ว เริ่มรู้สึกบ้างมั้ยครับ?

ยูกะตัน: นั่นสินะคะ เราสองคนต่างก็เคยยืนข้างหลังสุดมาแล้ว

โอจัง: น่าจะประมาณปีก่อน

ยูกะตัน: ตอนแสดงเพลง Mae no Meri ในสเตจ เราสองคนก็ยืนอยู่หลังสุดของริมทั้งสองฝั่ง

โอจัง: อยู่ตรงริมสุดของแถวสุดท้าย ตอนที่รู้ตำแหน่งของตัวเองรู้สึกเจ็บใจมากเลยค่ะ

ยูกะตันเจ็บใจมากจริงๆ แต่ตอนนี้ฉันได้ยืนเซนเตอร์เพลง Gonna Jump ในสเตจเคงคิวเซย์ ส่วนโอจังก็ยืนเซนเตอร์ใน Kin no ai, Gin no ai

- ใน 1 ปีที่ผ่านมานี้ พยายามทำอะไรบ้าง?

โอจัง: เพราะอยากขึ้นแสดงในสเตจเลยพยายามค่ะ สมัยก่อนฉันน่ะ สมมติว่าจะส่งเคงคิวเซย์ไปงาน 4 คน ฉันจะไม่ได้ไปแน่นอน คงเพราะยังแสดงได้ไม่ดีพอ เพราะอยากจะทำงานพวกนั้นเลยยิ่งต้องพยายามมากขึ้น

- ซ้อมอย่างเอาเป็นเอาตายเลย?

โอจัง: ใช่ค่ะ!

- ซ้อมในห้องซ้อมเหรอครับ?

โอจัง: ใช่ค่ะ ก่อนอื่นก็จำท่าเต้นมาจากบ้าน แล้วก็มาซ้อมกับเพลงในห้องซ้อม จากนั้นก็เริ่มเต้น ตรงไหนที่ยังไม่ดีก็จะซ้อมอีก...ประมาณนี้ค่ะ

- รุ่น 7 คงไม่ได้มารวมตัวกันซ้อมสินะครับ?

โอจัง: ซ้อมแยกกันค่ะ

ยูกะตัน: เราไม่มีโอกาสที่จะรวมตัวกันค่ะ เลยต้องซ้อมแยกกัน

- นั่นสินะ แต่ละคนก็ต้องแยกกันขึ้นสเตจ คงจะรวมตัวกันก็ยาก นี่จำได้กี่สเตจกันครับ?

ยูกะตัน: ฉันได้ 7 สเตจค่ะ!

โอจัง: ฉันได้ 6 ค่ะ!

ยูกะตัน: ฉันน่ะได้ 9 ตำแหน่งใน 7 สเตจ

โอจัง: ในเสตจ Party ฉันจำได้ 4 ตำแหน่งล่ะ...

ยูกะตัน: เก่งจัง!

โอจัง: KII 3 ตำแหน่ง, S 2 ตำแหน่ง, E 2 ตำแหน่ง สเตจใหม่ทีม E 1 ตำแหน่ง ก็เท่ากับ....12 ตำแหน่ง!

- จำได้เยอะขนาดนั้นเลย! นี่เรียนรู้ด้วยตัวเองหมดเลยรึเปล่าครับ?

โอจัง: แรกๆก็เรียนรู้ด้วยตัวเองค่ะ

ยูกะตัน: พวกเราได้อันเดอร์ครั้งแรกช้ามากค่ะ

โอจัง: เพิ่งได้เริ่มเมื่อเดือน 1 ปีนี้ (2016) เอง

ยูกะตัน: ของฉันเริ่มเดือน 12 ปีที่แล้ว (2015) ตอนนั้นรุ่น 7 แทบจะได้อันเดอร์กันไปหมดแล้ว รู้สึกว่าแย่แล้วจริงๆค่ะ

โอจัง: กังวลมากเลยล่ะ

ยูกะตัน: ก็เลยเริ่มพยายามซ้อมให้มาก...

- ปรับตัวเหรอครับ?

ทั้งคู่: ค่ะ!

- ฮ่าๆๆๆ คงเคยคิดว่า “ต้องปรับตัวให้ได้ สู้ตาย!” สินะ

ทั้งคู่: คิดค่ะ!

โอจัง: พอไปบอกผู้จัดการว่า “ตำแหน่งนั้นกับตำแหน่งนี้ฉันจำได้แล้วนะคะ!” ก็จะได้รับการทดสอบ

ยูกะตัน: สอบไม่ผ่านก็มีเหมือนกันนะคะ ตอนทดสอบรุ่น 7 ที่จะขึ้นสเตจ Seifuku no me  ครั้งแรก ฉันตกล่ะ!

โอจัง: ฉันน่ะขนาดทดสอบรอบสองแล้วก็ยังตกค่ะ

ยูกะตัน: นั่นน่ะ ร้องไห้หนักมากเลย แต่ว่าพอตอนหลังซ้อมจนจำได้แล้ว ก็ผ่านการทดสอบ ในที่สุดก็ได้ยืนในจุดที่เคยสอบตก รู้สึกแบบทำสำเร็จแล้ว!

- รุ่น 7 เดบิวต์ครั้งแรกในไลฟ์งานจับมือเปิดตัวเพลง Coquettish Juutai chuu (ที่ Pacifico Yokohama) เมื่อวันที่ 31 มีนาคมปีที่แล้ว (2015) ยังจำความรู้สึกวันนั้นได้มั้ยครับ?

ทั้งคู่: จำได้ค่ะ!

โอจัง: ตื่นเต้นมากค่ะ ตำแหน่งในตอนนั้นดีมากๆเลย อยู่ตำแหน่ง 3 กับ 4 ค่ะ!

ยูกะตัน: ฉันอยู่ตำแหน่ง 2 ค่ะ! เซนเตอร์คือคาโน่จัง คาโน่จังน่ะป็อปมากตั้งแต่เริ่มออดิทชั่น ได้ที่ 1 น่ะค่ะ

- ตอนออดิทชั่นรุ่น 7 มีป็อปปูล่าร์โหวตสินะ งั้นสเตจ Party วันแรกเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมล่ะครับ?

ยูกะตัน: ฉันชนะยูนานะ (โอบาตะ ยูนะ) ด้วยค่ะ!

โอจัง: ฉันได้อยู่หน้ากว่าราระ (โกโต้ ราระ) อีกค่ะ!

- พูดอีกอย่างคือ ตั้งแต่นั้นก็ตกลงไปเรื่อยๆ ทั้งสองคนก็เป็นพวกไม่ชอบความพ่ายแพ้ แล้วที่โรงเรียนมีเรื่องที่ไม่ยอมแพ้มั้ยครับ?

โอจัง: ตอนที่แข่งกับเพื่อนๆเรื่องการสอบ ฉันแพ้ค่ะ ตอนที่เพื่อนมาอวดว่าได้คะแนนเยอะกว่าฉันน่ะ มันเจ็บใจชะมัด!

ยูกะตัน: ตอนฉันอยู่ประถมฉันเป็นกรรมการนักเรียนค่ะ ฉันถนัดสรุปเรื่องต่างๆ แต่ตอนนี้ได้ทำกิจกรรมของ SKE48 ตามที่ฝัน เลยแทบไม่ได้คุยกับเพื่อนๆในห้องเลยค่ะ

- อ๊ะ? เป็นงั้นเหรอ?

ยูกะตัน: เพราะงั้น หลังจากนี้จะพยายามมีเพื่อนให้มากขึ้น!

- นี่เราคุยอะไรกันอยู่เนี่ย (หัวเราะ) ที่อยากทราบคือเรื่องที่ไม่ยอมแพ้ต่างหากครับ

ยูกะตัน: ดันพูดไปคนละเรื่องเลย (หัวเราะ)



แรงผลักดันของทั้งสองคน



- สำหรับการดิ้นรนต่อสู้ของทั้งสองคน ถ้าถูกชมเรื่องไหนจะดีใจที่สุดครับ?

โอจัง: เรื่องไหนก็ดีใจค่ะ แต่ถ้ามีคนบอกว่า “แสดงได้ดีมากเลย” จะดีใจมากค่ะ!

ยูกะตัน: “ตรงนี้ของเพลงนั้นน่ะ ทำได้ดีมากเลย” ถ้าชมแบบนี้จะดีใจมากค่ะ ฉันน่ะชอบสุดะ อาคาริซังมาก ตอนที่ได้ดู “Koisuru Fortune Cookie” ในทีวี พอเห็นสุดะซังโพสท่าทำมือเป็นรูปหัวใจก็ชอบเลยค่ะ เป็นเพราะโมเม้นท์นั้นเลย! ดังนั้นถ้าฉันทำให้คนชอบแบบนั้นได้บ้าง ก็จะดีใจมาก

- ก่อนหน้านี้ชอบ 48group มาก่อนรึเปล่า?

ยูกะตัน: ฉันได้ไปดูคอนเสิร์ต SKE48 ที่นาโกย่าโดมค่ะ (เมื่อเดือน 2 ปี 2014)

- เกี่ยวกับที่มีลูกพี่ลูกน้องเป็นคิซากิ ยูริอะรึเปล่า?

ยูกะตัน: ใช่ค่ะ

- สุเอนากะซังเป็นแฟน 48group รึเปล่าครับ?

โอจัง: ฉันชอบ SKE48 มานานแล้วค่ะ ยังได้ไปตามรอยสถานที่สำคัญด้วย

- เห็นในบล็อกแล้วล่ะครับ (หัวเราะ) ทั้งสองคนมีกิจกรรมที่น่าสนใจมาก แล้วอะไรที่เป็นแรงผลักดันครับ?

ยูกะตัน: การได้พบปะกับแฟนๆค่ะ งานจับมือน่ะสนุกมาก อยากให้แฟนๆมาเพิ่มขึ้นแม้คนนึงก็ยังดี ถ้าคุยเหมือนๆกันหมดก็คงน่าเบื่อ เพราะงั้นจะพยายามคุยเรื่องที่ไม่ซ้ำกันค่ะ

- ถึงจะเพิ่งอยู่ม.1 แต่สุดยอดเลยนะครับ!

ยูกะตัน: ช่วงนี้ก็มีแฟนๆของสุดะ อาคาริซังมาด้วยค่ะ! คุยเรื่องสุดะซังกัน สนุกจริงๆค่ะ!

- ตอบด้วยใบหน้าที่ดูมีความสุขจากใจเลยนะ (หัวเราะ) ความสามารถในการสื่อสารของทั้งสองคนนั้นดีมากเลยนะครับ คุยกับผู้ใหญ่ไม่กลัวเหรอครับ?

ยูกะตัน: ก่อนฉันเข้ามา SKE48 ก็เคยสัมภาษณ์ในรายการทีวีค่ะ ตอนที่ถามว่าอาหารเป็นไงมั่ง ฉันได้แต่พูดว่า “อร่อยค่ะ” แต่ว่าตั้งแต่เข้า SKE48 มาก็ค่อยๆพูดเก่งขึ้นแล้ว

- ยินดีด้วย (หัวเราะ) แล้วแรงผลักดันของสุเอะนากะซังล่ะครับ?

โอจัง: แรงผลักดันคือการได้เข้ามาอยู่ SKE48 ค่ะ ฉันอยากเข้า SKE48 อยากเต้นแบบ SKE48 มีแฟนๆมาดู มีรุ่นพี่ มีรุ่นเดียวกัน พวกนี้เป็นแรงผลักดันหมดเลย

- ทำไมถึงชอบ SKE48 ขนาดนี้ล่ะ?

โอจัง: เพราะการเต้นที่เท่มาก ได้ดูพวกเขาเปล่งประกายในทีวีก็ชื่นชมมากๆค่ะ ตั้งแต่ “Tsuyoki mono yo ก็เริ่มชอบแล้ว

- ที่แท้ก็คนเก่าแก่ (หัวเราะ)

โอจัง: ตอนนั้นอายุประมาณ 7 ขวบค่ะ ตอนป.4 ก็อยากเป็นไอดอล แม้ตอนนั้นจะทำงานนางแบบอยู่แต่ก็อยากลองเป็นไอดอล อีกอย่างมีรุ่นพี่นางแบบที่ได้เข้า AKB48 ด้วย รู้สึกว่าสุดยอดมาก ฉันก็เลยอยากเข้าบ้างน่ะค่ะ

- รุ่นพี่คนนั้นคือ?

โอจัง: โยโกชิม่า อาเอริจังค่ะ

- ดราฟต์รุ่น 1 ที่มาจากไอจินั่นเอง

โอจัง: แต่ว่า ที่รู้สึกประทับจากที่ดูทางทีวีก็สำคัญค่ะ อยากจะเป็นคนที่สร้างตวามประทับใจแบบนั้นได้บ้าง

- แค่ป.4ก็มีความคิดลึกซึ้งขนาดนี้แล้ว! อาซาอิซังเริ่มรู้จัก SKE48 จากลูกพี่ลูกน้องยูริอะหรือเปล่าครับ?

ยูกะตัน: จริงๆฉันเป็นพวกขี้อายค่ะ เพราะงั้นเลยไม่ค่อยได้คุยกับยูริอะซังเท่าไหร่ แต่ว่าตอนนาโกย่าโดม ได้เห็นยูริอะซังโซโล่เพลง Sore demo suki dayo ก็เลยเริ่มคิดว่า ฉันก็อยากเข้า SKE48 เหมือนกัน!



จะแพ้รุ่น 8 ไม่ได้



- อยากทราบความคิดของทั้งสองคนครับว่ามีความประทับใจเกี่ยวกับอีกฝ่ายยังไง?

โอจัง: ยูกะตันน่ะแสดงสีหน้าอารมณ์ออกมาเก่งมากค่ะ ในสเตจก็ยิ้มได้สุดยอดมาก รู้สึกว่าเท่ชะมัด เปลี่ยนสีหน้าได้เก่งมากเลย

ยูกะตัน: โอจังน่ะหน้าตาดีมาก สวยมากเลยค่ะ! ไม่ว่าส่วนไหนก็สวย

โอจัง: ชมกันเว่อร์ไปแล้ว (หัวเราะ)

ยูกะตัน: อีกอย่างหุ่นก็เพรียวบาง มีสไตล์มากๆ คาแรคเตอร์ก็สุดยอด แต่คาแรคเตอร์หลังเวทีกับบนเวทีน่ะไม่เหมือนกันนะคะ ชุดซ้อมน่ะเป็นลายเสือดาว!

- ม.3 ก็ใส่ลายเสือดาวแล้ว!

โอจัง: ค่ะ!

ยูกะตัน: ฉันคงใส่ไม่ได้อ่ะ!

- อย่าใส่นะครับ (หัวเราะ) แล้วความประทับใจบนเวทีล่ะ?

โอจัง: การเต้นของยูกะตันกางออกไปกว้างมาก เพราะงั้นฉันเองก็จะยอมแพ้ไม่ได้ รู้ตัวว่าต้องตามให้ทันค่ะ ถ้ายูกะตันอยู่ข้างๆจะรู้สึกว่าต้องพยายามค่ะ

ยูกะตัน: (พูดเสริมขึ้นมา) ฉันก็เหมือนกัน เหมือนกันมากเลย! ไม่อยากยอมแพ้จริงๆ รู้จัก Skirt Hirari มั้ยคะ?

- ก็รู้จักอยู่ครับ (หัวเราะ)

ยูกะตัน: โอจังตอนนั้นน่ะแสดงสีหน้าได้ดีมาก แม้จะเต้นอยู่ข้างหน้าฉัน แต่ขนาดอยู่ข้างหลังก็ยังรู้สึกได้ถึงออร่าเลย

- ตอนสัมภาษณ์สุเอนากะซังเมื่อปีที่แล้ว จำได้ว่าบอกว่า “ถึงฉันจะไม่ได้น่ารักอะไร แต่ก็อยากให้คนเห็นว่าใน SKE48 มีเด็กแบบนี้กำลังพยายามอยู่น่ะค่ะ” ตอนนี้ก็ยังไม่มั่นใจในตัวเองเหรอครับ?

โอจัง: ใช่ค่ะ มีทั้งเมมเบอร์ที่น่ารักๆ ทั้งเมมเบอร์ที่เป็นตัวของตัวเองอยู่มากมาย ฉันก็อยากเรียนรู้จากพวกเธอค่ะ

- ทั้งๆที่ถ้าเทียบกับเมื่อก่อน ตอนนี้ก็ได้ยืนในตำแหน่งที่ดีแล้วนะครับ?

โอจัง: นั่นสินะคะ

ยูกะตัน: แต่ก็จะเอ้อระเหยไม่ได้! เพราะจะร่วงลงไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แม้จะเคยเต้น Coquettish Juutai chuu อยู่หน้าสุด แต่ตั้งแต่ครั้งนั้นก็ถอนร่นลงมา เพราะเป็นแบบนี้ เลยคิดว่าจะมัวเอ้อระเหยไม่ได้ค่ะ อีกไม่นานรุ่น 8 ก็จะเข้ามาแล้ว จะแพ้ไม่ได้ค่ะ

- แน่นอนว่าเริ่มจับตามองรุ่น 8 แล้วสินะ?

โอจัง: ใข่ค่ะ!

ยูกะตัน: มากเลยค่ะ! จะต้องเด็กแบบราระเข้ามาแน่!

- สุเอนากะซัง ทุกครั้งที่เขียนบล็อกก็เขียนว่า “อยากจะทุ่มเทเพื่อ SKE48” ตรงนี้มันมีความหมายอะไรมั้ยครับ?

โอจัง: ตั้งแต่เริ่มออดิทชั่นก็พูดแบบนี้แหละค่ะ นั่นเป็นเพราะว่าอยากทำเพื่อ SKE48 ค่ะ! ที่โรงเรียนฉันน่ะ มีคนสนใจ SKE48 มากขึ้นเพราะฉันได้เข้าวงมาค่ะ เพราะงั้นอยากให้คนรู้จักมากๆขึ้นไปอีก



เพื่อโซโล่ที่นาโกย่าโดม



- ช่วยบอกเป้าหมายต่อจากนี้หน่อยครับ

ยูกะตัน: เลื่อนขึ้นทีมค่ะเราสองคนได้ขึ้นสเตจวันแรกของทีม E ทั้งรุ่นพี่และอีกหลายเรื่องเป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัส แต่ก็รู้สึกว่าทีมนี่สุดยอดไปเลย เลื่อนขึ้นทีมแล้วก็มุ่งหน้าต่อไป

โอจัง: ทั้งเลื่อนขึ้นทีมแล้วก็เซมบัตสึเป็นเป้าหมายค่ะ แต่ว่าฉันน่ะอยากจะเป็นคนที่ SKE48 ขาดไม่ได้ ถึงจะยังไม่รู้ชัดเจนว่าต้องทำยังไง แต่อย่างจูรินะซังก็เป็นคนที่ขาดไม่ได้ใช่มั้ยล่ะคะ ก็อยากจะเป็นแบบนั้นค่ะ

- รุ่น 7 น่ะ หลังจากมีสเตจเคงคิวเซย์ไม่กี่เดือนก็มีคนได้ขึ้นทีมแล้ว โมเม้นต์ที่ประกาศ (เลื่อนขึ้นทีม) คิดอะไรอยู่ครับ?

ยูกะตัน: ช่วงนั้นยังไม่ได้อันเดอร์เลยด้วยซ้ำ....

โอจัง: ฉันรู้ตัวดีค่ะว่ายังไงก็ยังไม่ได้ขึ้นทีม ช่วงนั้นมีแค่สเตจเคงคิวเซย์กับงานจับมือ รู้สึกว่าตัวเองในตอนนั้นยังไงก็ขึ้นทีมไม่ได้ แน่นอนว่าเจ็บใจมากที่ถูกแซงไป แต่ตอนนั้นมีเรื่องที่ต้องทำอีกเยอะแยะเลยค่ะ

- สุดท้ายอยากทราบว่า สำหรับตัวเองแล้วคู่แข่งคือใครครับ?

โอจัง: สำหรับฉันคือเมมเบอร์ทุกคนค่ะ แม้ว่าทั้งรุ่นเดียวกันทั้งรุ่นพี่จะเป็นพวกพ้อง แต่ว่าอยากจะก้าวข้ามรุ่นพี่ค่ะ ส่วนรุ่นเดียวกันถ้ายืนอยู่ข้างหน้า ฉันก็จับตามองค่ะ

ยูกะตัน: ส่วนฉันคือโอจังค่ะ!

โอจัง: (หันมองยูกะตัน)

ยูกะตัน: ในเพลง Hanabi wa owaranai (ที่มิฮามะ) ถึงจะได้ยืนข้างๆโอจัง แต่ตรงท่อนที่ 2 โอจังก็อยู่ตำแหน่ง 0 ส่วนฉันอยู่ตำแหน่ง 2 แน่นอนว่าตำแหน่ง 0 กับ 2 มันไม่เหมือนกัน ตอนนั้นรู้สึกแพ้ค่ะ เจ็บใจมากด้วย

- แต่ดูแล้วก็เป็น W center นี่หน่า

ยูกะตัน: ถึงจะดูเป็นอย่างนั้น แต่มันก็ไม่ใช่ค่ะ

- นั่นแหละครับ คำตอบแบบนี้แหละที่อยากได้ยิน เพราะงั้นเลยถามไป

ยูกะตัน: อย่างนี้เองสินะคะ (หัวเราะ)

- คิดว่าคำตอบที่ตอบมานี้ต้องใช้ความกล้าน่ะครับ จนถึงตอนนี้ มีเรื่องที่เสียดายเพราะ “ตอนนั้น ถ้ามีความกล้าล่ะก็...” บ้างมั้ยครับ?

ยูกะตัน: คำตอบนี้อาจจะไม่ตรงคำถามเท่าไหร่นะคะ เมื่อก่อนเคยมีตอนที่ฉันกับโอจังจะต้องขึ้นสเตจทีม E แล้วจู่ๆโอจังคอเคล็ดเลยขึ้นสเตจไม่ได้ ตอนนั้นก็ไปถามเคงคิวเซย์ว่า “มีใครมาแทนได้มั้ย?” แต่ก็ไม่มีใครยกมือ ถ้าฉันไม่ได้ต้องขึ้นอยู่แล้วล่ะก็ ฉันจะยกมือค่ะ

โอจัง: เข้าใจเลย!

ยูกะตัน: สุดท้ายเป็นไอคาว่า โฮโนกะจังขึ้นแสดง โฮโนโนะก็ได้รับคำชมนะแต่รู้สึกเสียดายยังไงไม่รู้ (ที่ไม่ยอมยกมือ)

โอจัง: ใช่แล้วล่ะ! แต่ว่านะถึงจะต้องใช้เวลารักษาอาทิตย์นึง แต่แค่สองวันก็หายเคล็ดแล้ว แล้วฉันก็ขึ้นแสดงเลย ถูกเรียกว่า “พลังรักษาปีศาจ” ค่ะ

- งั้นไม่ทราบว่าปีศาจสุเอะนากะซังเคยมีเรื่องที่ “แค่กล้าก็พอแล้ว” บ้างมั้ยครับ?

โอจัง: จริงๆก็อยากจะพูดเรื่องเสน่ห์ของ SKE48 ออกไปให้มากขึ้นค่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าตัวเองสื่อสารออกไปดีแล้วรึยัง ก็เลยยังไม่ค่อยกล้าพูดออกมา

- ถ้างั้น ก็ลองสื่อสารออกมาตอนนี้เลยสิครับ

โอจัง: SKE48 เป็นวงที่ร้อนแรงจริงๆ รุ่นพี่ทุกคนก็พยายามกันเต็มที่ เพื่อนรุ่นเดียวกันก็มีข้อดีนับไม่ถ้วน ส่วนความรู้สึกมุ่งมั่นที่จะไม่ยอมแพ้ให้วงอื่นนี่เป็นข้อดีของฉันค่ะ ความรู้สึกว่าเป็นคู่แข่งของแต่ละทีมก็รุนแรงมากด้วย

- ทั้งสองคนต่างก็เกลียดความพ่ายแพ้ ต่อสู้เพื่อ SKE48 ถ้ามีความร้อนแรงแบบนี้ล่ะก็ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นครับ!

ทั้งคู่: (แทรกขึ้นมา) นาโกย่าโดม!

โอจัง: เพราะเป็นวงของนาโกย่านี่เนอะ อยากจะเริ่มจากบ้านเกิดค่ะ

ยูกะตัน: คราวนี้จะไม่ใช่ที่นั่งคนดูค่ะ แต่อยากจะเห็นวิวจากบนเวที!

- ถ้างั้น ถ้าได้ขึ้นไปแสดง Sore demo suki dayo คงจะสุดยอดมากเลยครับ!

ยูกะตัน: ฉันก็อยากร้องโซโล่ค่ะ!

โอจัง: งั้น ฉันก็จะโซโล่เพลง Tsuyoki mono yo ค่ะ!

- อยากโซโล่ Tsuyoki mono yo ก็ต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งให้ได้นะครับ (หัวเราะ)




blogged by 91

[91][bsummary]

Translation

[Translation][bsummary]

Subtitle

[subtitle][bsummary]

Update

[SKEUpdate][bsummary]