วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

[Talk] สุดะ อาคาริ - Uncrowned Queen -

สุดะ อาคาริ - Uncrowned Queen -
(ภาพจาก @maiyanee)


ปีหลังๆเราไม่ค่อยสนใจสลอทจับมือเท่าไหร่
เพราะมันลดแบบดิ่งมุมฉากทุกวงในกรุ๊ป
ด้วยหลายๆปัจจัยทั้งการเพิ่มวันอีเวนท์จนคนเบื่อจะมาจับมือ AKBงัดโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมมีเซลฟี่ลายเซ็น ฯลฯ
ขายชนกับซิงวงน้องทุกวง
ฮาคาตะล่าสุดเปิดขายใหม่ไป16-17รอบก่อนแผ่นจะวางขาย
ซาคาเอะหลังจากจบรอบ5ก็เปิดให้ลงได้เรื่อยๆอยากลงตอนไหนก็ลง
นัมบะก็มีทูชอท ทรีชอท ฯลฯ
คนเต็มก็มีแค่คนเดิมๆ แถมพอกดกันเรื่อยๆแบบนี้ก็ไม่รู้จะวัดกันที่รอบไหน
ดูได้แค่ว่าใครเต็มก่อนบ้าง

แต่ท่ามกลางระบบและสภาพ48Gที่เปลี่ยนไป
สุดะของพวกเรายังไม่เคยหลุดจากTop5ของSKE
ตั้งแต่ปี2011-2016  แถมยังเป็นรองแค่เรนะคนเดียวในSKEอยู่ในหลายช่วงเวลาด้วย
ทั้งๆที่จะเรียกว่าโดนดันมากมายอะไรก็ไม่ใช่เลย

ถึงการลงบัตรจับมือก็บอกความนิยมจริงๆได้ยาก (พวกดังๆจะได้เปรียบ พอเห็นลงยากก็แย่งลงกันเอามัน55)
อย่างคนที่งานนอกเยอะที่สุดไม่แพ้จูรินะอย่างพี่นกก็ไม่ได้ขายบัตรเปรี้ยงปร้างเต็มในรอบสองอะไร
 แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนที่ขายดีตลอดมันต้องมีอะไร 👊👊

เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ

ที่สำคัญตอนนี้เบอร์สามในแง่บัตรจับมือของSKEคือโซดะ ซารินะ
เรียกว่าขึ้นมาได้เร็วจนน่ากลัว
เด็กรุ่น7อย่างยูนานะก็ขายจนแทบเกลี้ยงเหมือนกัน แม้น้องจะไม่มีมุกอะไรเล่นตอนจับมือมากนอกจากความน่ารัก555 พวกโลลิ!

วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2559

[Talk] คำสาปของเด็กรุ่นเลขคู่


วันนี้นั่งดูรูปเก่าๆ เห็นรูปYuudachi no Mae เจ้าของบัลลังก์เบอร์1ในRH SKEปีล่าสุดแล้วรู้สึกอยากชวนคุยเรื่องเด็กๆรุ่นเลขคู่ของ SKE ค่ะ

รุ่น6เป็นหนึ่งในรุ่นที่โดนคำสาปเลขคู่ของSKE คือรุ่นที่เป็นเลขคู่มักจะอาภัพเสมอ อยู่ใต้เงาของแสงไฟที่ส่องไปทางรุ่นเลขคี่
เป็นมาตลอดทั้ง

รุ่น1-2 ทีมSที่เทพเกินไป และKIIที่ยังหาตัวเองไม่เจอ
แต่เพราะความUnderdogทำให้เกิดเป็นแรงผลักดันและไฟที่ทำให้KIIสร้างสตอรี่ที่สุดยอดที่สุดอย่างการที่ ลีดเดอร์ในตอนนั้นอย่างพี่นกตะโกนขอสเตจบนเวทีเลือกตั้ง (เป็นโมเมนท์ที่ทำให้เราชอบKII และลามมาSKEยันทุกวันนี้ ฮา) สร้างทีมที่ร้อนแรงที่สุดเหมาะกับสีแดงของทีมมาจนทุกวันนี้

รุ่น3-4 ก็เช่นกัน ภายใต้เงาของรุ่น3ที่ถูกเรียกว่า "ยุคทองของSKE" รุ่นที่ผลิตเซมบัตสึ คามิ7 ลีดเดอร์ เป็นแกนหลักของวงได้เลย ยูริอะ ยุกโกะ ซาวาโกะ โอกิโสะ สุดะ มิกิ ริซาโกะ ฯลฯ
รุ่น3โตมาในยุคที่ไม่มีทีมสังกัดเหมือน1กับ2 ต้องสู้กันอย่างรุนแรงเพียงเพื่อจะให้ได้รับเลือกขึ้นไปบนเวทีของรุ่นพี่ซักครั้ง สุดะถึงขั้นเก็บเรื่องนิ้วเท้าหักไว้เป็นความลับและขึ้นเวทีไปทั้งอย่างนั้น
ภายใต้เสียงชมที่มีต่อรุ่น3 รุ่น4 ก็เข้ามาพร้อมการก่อตั้งทีม E ที่แทบไม่มีหลักยึด ขาดประสบการณ์ และโดนปรามาศว่าเป็นตัวถ่วงและอ่อนที่สุด
ผ่านเรื่องราวในฐานะ Underdog มาจนเป็นทีมที่ได้รับความรัก ได้พิสูจน์ตัวเอง ได้รับการยอมรับ จนติดเลือกตั้ง AKB กันเพียบ รวมไปถึงอายะที่ไปได้ถึงที่17ในการเลือกตั้งครั้งแรก
ออริทีมEยังคงเป็นแกนหลักของวงแม้อยู่ต่างทีมกัน และได้รับการยอมรับมาจนทุกวันนี้

จนถึงล่าสุดนี้รุ่น5-6
รุ่น5ที่เก่งและพร้อมจนถูกเรียกว่ายุคทองครั้งที่สอง
แกนหลักของ "เคงคิวเซย์ที่แข็งแกร่งที่สุด" ติดเลือกตั้ง ติดเซมบัตสึแทบยกรุ่น
กับรุ่น6ที่คัดมาเยอะและมีดราม่ามากมายกับสเตจเคงคิวว่าสู้รุ่นห้าไม่ได้เลย (รุ่นห้าเก่งเกินไป..)
ในยุคที่รุ่น6ทำสเตจเคงคิวกัน เป็นช่วงเวลาที่มากิโกะที่ฝึกรุ่น5จนถูกเรียกว่าเคงคิวฯเทพ ขึ้นทีมไปแล้ว
เหลือรุ่นพี่ใหญ่ๆแค่วันจังกับคาโอตัน รุ่น5ก็มีแค่2-3คน
เป็นสเตจรุ่น6ล้วนที่โดนเผากันรัวๆ (ฮา)
รวมไปถึงดราม่าของเอสรุ่นคนแรกสุดของรุ่น6จากยูยุ(คิตะฯยูนะ) กับเอสที่โดนดันมาคู่กันทีหลังอย่างเรียวฮะ
แถมริองที่ขึ้นทีมตัดหน้ารุ่น5ทั้งที่เข้าวงมาจริงๆได้ไม่ถึงครึ่งเดือน
แต่ในที่สุดเวลาของรุ่น6ที่ได้รับการยอมรับก็มาถึง
เป็นเวลาที่เคงคิวSKEเปลี่ยนสเตจจากAitakattaล้านปี
มาเป็นSeifuku no me สเตจที่เรียกได้ว่าโหดเป็นอันดับต้นๆของSKE
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่Sเล่นRESET KIIเล่นTheater no megami Eเล่นBoku no taiyou
เลยเอาสเตจทีมSมาให้เคงคิวเล่น เพราะที่นี่เธียเตอร์SKE ต้องมีสเตจของSKEเล่นอยู่ด้วยสิ!
พอเริ่มเล่นสเตจนี้รุ่นพี่ก็อัพโซเชียลกันว่าอยากมาเล่นจัง คนไม่พอบอกเลยนะ คิดถึง ฯลฯ
รุ่น6ผู้ไฟลุกก็พร้อมใจกันบอก ถ้าคนไม่พอเดี๋ยวจะเหมาสองตำแหน่งให้ดู
จะในวันเดียว ใน5ช.ม. ใน2ช.ม. จะจำตำแหน่งให้ดูค่ะ ไม่กวนรุ่นพี่แน่! (สายโหด555)

Seifuku no meที่นำโดยเรียวฮะกับไอสะ ได้รับการยอมรับจากแฟนๆอย่างกว้างขวาง ทุกอย่างเหมือนจะไปได้สวย จนกระทั่งมีการประกาศงาน Daisokaku (สลับทีม) ของ48G
อนาคตของรุ่น6ก็ดูไม่มั่นคงทันที
ทั้งๆที่ตั้งใจจะฝึกเคงคิวด้วยสเตจนี้ ทั้งๆที่ทีมใหญ่ก็เพอร์เฟคและดูจะล็อคตัวรุ่น6ที่จะขึ้นทีมไว้หมดแล้ว
แต่ในงานไดโซคาคุกลับเลื่อนขั้นดราฟท์รุ่น1ขึ้นทีมทุกคน ทั้งๆที่แทบไม่มีใครเคยขึ้นเวทีสเตจ
แถมยังให้ทีมSใหม่เล่นสเตจSeifuku no meที่เคงคิวเล่นกันอยู่
และเพราะเคงคิวตัวหลักหลายคนอย่างเรียวฮะ คุมะ รุกะ ยูซึกิ ขึ้นทีมกันไปหมด
ทำให้ต้องบอกลาสเตจเคงคิวไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวทันที
หลังงานชัฟเฟิลใหญ่ รุ่น6หลายคนตัดสินใจบอกลา48กรุ๊ป รวมไปถึงไอสะ เซนเตอร์เคงคิวเซย์คู่กับเรียวฮะ ที่บอกชัดเจนว่าเค้าแกรตเพราะงานนี้



ไม่ใช่แค่เด็กๆ แต่รุ่นพี่ในวงและแฟนๆก็รักสเตจSeifuku no meและรุ่น6ที่กำลังพิสูจน์ตัวเอง
จนดราม่าด่าสตาฟ ด่าผจก.กัน ว่าทำอะไรอยู่ เด็กพวกนี้คืออนาคตของเรานะ
จะปล่อยให้ดับไปเฉยๆรึไง ไหนสเตจล่ะ
ดราม่าเรื่องเคงคิวหนักมากจนมัตสึอิ เรนะ(ที่แฟนๆSKEชอบเรียกว่า "ผบ.ใหญ่" สายไฝว้ในตำนาน555) ออกมาเดือดด้วยเลย

คาโอตันต้องมาคอมเมนท์หยุดบอกเรนะซังๆดึกแล้วไปนอนนะคะ มีงานเช้าหนิ 55555555
ในช่วงเวลาที่แย่มากๆของรุ่น6นี้ ผนวกกับคุมะจังยังตกเวทีข้อมือหักในช่วงเดียวกันอีก ก็มีแต่แสดงให้เห็นว่ารุ่น6และเคงคิวสำคัญต่อแฟนๆสำคัญต่อวงขนาดไหน
ถ้าไม่สำคัญคงไม่มีใครใส่ใจและเดือดร้อนด้วยมากขนาดนี้
แถมคนที่แกรตช่วงนี้ก็ไม่มีสเตจแกรตให้อีก ต้องแกรตไปเงียบๆ
แต่รุ่น6ก็ยังมารวมตัวกันจัด"สเตจSeifuku no meในห้องซ้อม" ให้เพื่อนๆเป็นสเตจแกรต ไอสะที่แกรตไปแล้วก็มา คุมะที่แขนหักก็ใส่เฝือกมาเต้นด้วย555
จนในที่สุดก็มีการประกาศสเตจเคงคิวที่ทุกคนรอคอย
ภายใต้ชื่อ Upcoming Kouen
โดยเซทลิสต์จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามฤดูกาล ครั้งแรกคือ Natsu โดยมีซากิป้งเป็นตัวนำ
ในสเตจก็มีลูกเล่นมากมายทั้งคลิปภารกิจจากรุ่นพี่
มีรุ่นพี่ใส่หน้ากากปลอมตัวมาขึ้นด้วย
รุ่นเดียวกันก็พามาเซอร์ไพร์สบ่อยทั้งเรียวฮะ ริอง ยูซึกิ หรือแม้แต่เด็กย้ายวงอย่างรันรันก็มาเล่นกับเค้าด้วย ได้รับคำชมอย่างล้นหลามว่าเจ๋งกว่าสเตจทีมหลักที่ยังดูไม่เข้าที่ตอนนั้นอีก ถึงกับมีคนบอกว่า
"อยากรู้จักSKE48 จงดูUpcoming Kouen!"
เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของอิมามุระที่เจ้าตัวได้นำไปใช้ในNGTปัจจุบันนี้ด้วย
จากความลำบากมากมาย สตอรี่นับล้าน ทำให้รุ่น6เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่ดี และเหนียวแน่นที่สุดรุ่นนึงในSKEเลย
สนิทกันทุกคนเท่าที่ยังอยู่ ทุกคนยอมรับในตัวกันและกัน
เป็นกำลังสำคัญในทีมทั้งด้านเอมซี และการแสดง
เลือกตั้งก็ทยอยติด
อันดับ1ในRH SKEของเพลงYuudachi no mae เพลงประจำเคงคิวรุ่นนี้
จึงไม่ใช่อะไรที่มากไปเลยที่จะตอบแทนทุกอย่างที่ทุกคนได้ทำมา
เป็นรุ่น6ที่พวกเราแฟนSKEภูมิใจ <3
แถมนอกจากที่1แล้วที่2ยังเป็นเพลงจิงโจ้
ทั้งสองเพลงเป็นเพลงที่เรียวฮะเซนเตอร์ เป็นQueen of SKE RHปีนั้นไปเลย ..

รอดูต่อไปว่ารุ่น8ภายใต้เงาของ7D2 จะเจออะไรกันต่อไปบ้าง น่าสนใจจริงๆ55


วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2559

[Talk] SKE48 กับ "เพลงที่เปลี่ยนชีวิตคุณ"

[Talk] SKE48 กับ "เพลงที่เปลี่ยนชีวิตคุณ"




สวัสดีค่ะ พอดีเราเพิ่งดูไลฟ์มิฮามะปีนี้จบ (ดีเลย์มาก)
ต้องเกริ่นนำก่อนว่าไลฟ์มิฮามะนี้เรียกว่าเป็นหนึ่งใน "ของขึ้นชื่อ" ของSKE โดยเริ่มครั้งแรกในปี2013 จัดติดต่อกันมาเป็นครั้งที่ 3 แล้ว
โดยเป็นไลฟ์กลางแจ้งที่จัดที่เมืองมิฮามะ ริมทะเลเลยค่ะ
โอตะเลยนิยมงานนี้กันมากแน่นอนว่าตั๋วก็หายากเช่นกัน

แต่ไม่ได้ตั๋วไม่ต้องห่วงเพราะคุณสามารถส่องจากไกลๆได้จากถนนฝั่งตรงข้ามหรือรอบๆ!

ภาพในงานเลยอลังทีเดียว โอตะถือแท่งไฟทะลักเต็มบริเวณ (ฮา) แถมจะจัดในช่วงที่มีงานเทศกาลอยู่แล้วด้วยถือว่าไปเที่ยวกันสนุกๆนอกจากดูไลฟ์ไอดอล

นอกจากสถานที่และความสนุกของเทศกาลที่ดึงดูดคนแล้ว ไลฟ์มิฮามะยังรู้กันดีถึงเรื่องความเทพของเซ็ทลิสต์ในแต่ละปี
ปีนี้ก็เช่นกัน

เซ็ทลิสต์ไลฟ์มิฮามะในปีนี้มาในคอนเซปท์ "เพลงที่โดนใจคุณ แค่ฟังก็รู้สึกมีพลัง"

โดยแฟนคลับจะส่งเนื้อร้องของแต่ละเพลงที่ช่วยชีวิตเค้าไว้ สตาฟก็อุตส่าห์เขียนมือทุกเนื้อเพลงที่แฟนคลับส่งพร้อมทั้งคอมเมนท์ของแฟนๆไว้ในห้องให้เด็กๆได้อ่าน นับเป็นหลายร้อนท่อนเลยทีเดียว

และระหว่างฉายทีวีก็จะมีเด็กๆมาคอมเมนท์เพลงก่อนที่จะฉายเพลงนั้นๆค่ะ ในระหว่างที่ฉายยังมีคอมเมนท์จากแฟนๆขึ้นข้างบนด้วย
เรียกได้ว่าเปิดประสบการณ์ใหม่ในการดูคอน48ได้เลย ถ้าอ่านออกดูไปอินไปมาก555

เพลงไอดอลอาจจะไม่ได้ดีสำหรับทุกคน

อาจจะมีคนคิดว่าเพลงไอดอลแค่แบ๊วๆไปเท่านั้น

แต่เป็นอีกครั้งที่SKEทำให้เราเห็นว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น

แค่มันมีความหมายกับใครซักคน ช่วยสร้างพลังให้ใครได้
ก็เป็นเพลงที่ทรงคุณค่าในตัวมันแล้วค่ะ

และด้วยคอนเซปท์แบบนี้เลยได้ไลฟ์ที่มีการเลือกเพลงได้เจ๋งมากๆไลฟ์นึงมาอีกครั้งสำหรับSKE48

ตัวอย่างเพลง-ท่อนที่แฟนๆเลือก

Mae no meri
"วัยเยาว์คือเส้นทางวกวน ท้อแท้แค่ไหนก็ลุกขึ้นสู้ต่อ ความหวังจะกลายเป็นพลัง ไม่เป็นไรยังสู้ต่อไหว"

คอมเมนท์จากแฟนๆ
"เมื่อมีความฝัน มีความหวัง ต้องวิ่งต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งค่ะ"
หญิงวัย20

"เมื่อไหร่ที่รู้สึกสิ้นหวังหมดกำลัง ก็ได้รับกำลังใจมาจากเพลงนี้ค่ะ
ฟังแล้วร้องไห้เลย" หญิงวัย20

"ตอนที่เจ็บใจกับเรื่องงานจนอยากจะเลิก ฟังท่อนนี้แล้วแรงบันดาลใจเหมือนกลับมาอีกครั้งครับ" ชายวัย40

คอมเมนท์จากจูรินะสำหรับMae no meri

"พอบอกว่า วัยเยาว์ เนี่ย จะคิดถึงวัยนักเรียนเนอะ แต่มีข้อความจากแฟนคลับเข้ามาว่า ถึงผมจะวัยลุงแล้วแต่ก็ได้รับพลังว่าจะไม่ยอมแพ้ จะขอพยายามต่อ จากเพลงนี้เหมือนกัน ฉันว่า"วัยเยาว์"ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุเลยค่ะ การอยากทำอะไรก็ตามอย่างสุดชีวิต

นั่นแหละค่ะคือวัยเยาว์ นั่นแหละคือการพุ่งทะยาน(มาเอะโนะเมริ) ได้พลังจากข้อความนี้มากเลยค่ะ"

Mirai to wa : เพลงที่ส่งข้อความให้ก้าวต่อไป เหมือนเป็นภาคต่อของ Mae no meri
"อนาคตนั้น ไม่ใช่วินาทีต่อไปหรือวันพรุ่งนี้ หรือแม้แต่ปีหน้า แต่มันเริ่มขึ้นตอนนี้เลย จะมัวแต่รีรอไม่ได้หรอก"

คอมเมนท์จากแฟนๆ
"ถ้าไม่พยายามก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ถ้ามัวแต่รอโอกาสก็จะเปลี่ยนอะไรไม่ได้ เป็นเพลงที่ทำให้รู้สึกว่าต้องทำมันด้วยตัวเองครับ"  ชายวัย20

"เพื่อที่จะไม่ให้รู้สึกเสียดายในอีกสามปีหรือห้าปีให้หลัง
ก็ต้องทำ"ช่วงเวลานี้"ให้ดีที่สุด" ชายวัย30

นอกจากสองเพลงนี้แล้วก็ยังมีอีกหลายเพลงเลยที่เลือกกันมา
แล้วยังมีเพลงที่เลือกจากทาเลนท์ที่ร่วมงานกับSKEบ่อยๆด้วยค่ะ คาดไม่ถึงอยู่หลายเพลงทีเดียว

แนะนำให้ลองหาดูกันเลยสำหรับคอนเสิร์ตนี้ ><

แล้วใครมีเพลงไหนของSKEที่ประทับใจเนื้อเพลงกันมั่งมั้ยคะ?
ส่วนตัวของเราชอบท่อน
"ชีวิตคือการวิ่งอย่างไม่หยุดยั้ง
พุ่งทะยานสุดพลังด้วยที่ทนอยู่นิ่งไม่ไหวกับความฝัน"
มาก

ชีวิตสำหรับเราคือการวิ่งไปเรื่อยๆ เรียนรู้ ก้าวหน้า และเติบโตไปทุกวัน จริงๆ :)

วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2559

(91)[100%SKE48] แปลบทสัมภาษณ์น่อน (คิโมโตะ คาน่อน)

ได้เข้ามาเมื่ออายุ 13 เป็นเซ็นเตอร์ทีม E
ตอนนี้คิโมโตะ คาน่อน อายุ 18 ปีแล้ว
น้องเล็กของทีมกับตำแหน่งที่เคยอยู่ในสปอตไลต์และเคยได้ลิ้มรสความเจ็บปวด
ที่ครั้งนึงเรานึกไม่ออกเลยว่าจะได้เห็นเธอในแบบนี้
ความมุ่งมั่นที่เต็มไปด้วยความร้อนแรงและเป้าหมายที่มั่นคงได้เปิดเผยออกมาแล้ว

เป้าหมายคือการเป็นเอซคนใหม่ที่ชาวนาโกย่าภูมิใจ ที่มีทั้งความเป็น “สายหลัก” และ “นอกลู่นอกทาง” รวมอยู่ด้วยกัน


คุณค่าของประสบการณ์จากการควบทีม


- นับตั้งแต่บทสัมภาษณ์กับ BUBKA เมื่อปี 2014 นี่ถือเป็นอีกครั้งที่ได้มาสัมภาษณ์คิโมโตะซัง

น่อน: นานมากเลยนะคะ

- มีเรื่องเข้าใจผิดมากมาย จนถูกซาซิฮาร่า(ริโนะ)ซังเอาไปล้อในคอนเสิร์ตเลยนะครับ...ต้องขอโทษด้วยนะครับ

น่อน: ฮ่าๆๆ ไม่เลยค่ะ ไม่เป็นไร (หัวเราะ)

- ขอบคุณครับ! ที่เชิญคิโมโตะซังมาสัมภาษณ์คราวนี้ เราตั้งหน้าตั้งตารอมาตลอดเลยครับ ก็เพราะเป็นถึงระดับเอซนี่นะ

น่อน: เอ๋? ขอบคุณค่ะ ว่าแต่ จริงเหรอคะ?

- จริงๆครับ! คิโมโตะซังเอง จนถึงตอนนี้ก็ได้เจอบททดสอบมากมาย ได้รับประสบการณ์ล้ำค่าจากมันมาเยอะเลยใช่มั้ยล่ะครับ

น่อน: นั่นสินะคะ ที่ผ่านมาได้ลองทำอะไรเยอะแยะไปหมด ถ้าไม่ชอบความท้าทายละก็ฉันคงต้องกังวลมากแน่ ตอนนี้โปรแกรมทัวร์ทั่วประเทศกับละครเวที (AKB49) ก็กำหนดแล้ว เป็นอะไรที่ต้องรวบรวมสมาธิทำมันออกมา รู้สึกดีค่ะ ถ้ามีเรื่องที่ยังไม่เคยลองทำก็อยากจะลองดูสักครั้ง ฉันเป็นคนประเภทนั้นล่ะ ตะกละมากเลยค่ะ (หัวเราะ)

- ฮ่าๆๆๆ ดีครับ (หัวเราะ) พูดถึง “ท้าทาย” การที่ได้ควบทีมกับ HKT48 จนถึงปีที่แล้วคงเป็นแรงกระตุ้นได้มากเลยนะครับ?

น่อน: ก็ใช่ค่ะ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ไม่คิดว่าจะสนิทกับทุกคนที่ HKT48 จนถึงตอนนี้ได้ เพราะงั้นที่ทุกคนต้อนรับอย่างดี ฉันดีใจมากค่ะ

- โดยเฉพาะโมโตมุระ (อาโออิ)ซัง แถมยังตั้งชื่อคู่กันด้วย

น่อน: เธอเป็นคนแรกสุดที่เข้ามาคุยกับฉันค่ะ จะบอกว่าเธอเป็นคนช่วยไว้ก็ได้ อาโออิทำให้ความเหงามันหายไป หลังจากนั้นก็สนิทกันมากค่ะ โอชิของอาโออิก็มาบอกกับฉันว่า “ชอบคู่นี้มากเลยล่ะ” ด้วยค่ะ เพราะได้ควบทีมถึงได้เจอกันแบบนี้ แล้วก็ได้ไปออกทัวร์ในฐานะ HKT48 ด้วย ตอนนี้ทัวร์ SKE48 ก็จะกลับมาเล่น ถ้าได้ไปที่ๆฉันเคยไปตอนควบทีม ฉันก็จะบอกกับ SKE48 คนอื่นได้ว่า “ที่นี่มันเป็นแบบนี้ๆนะ”

- คนดูที่เคยไปดู HKT48 เขามาดู SKE48 ด้วยมั้ยครับ?

น่อน: นี่แหละค่ะ! ฉันว่านี่แหละคือความหมายของการควบทีมล่ะ!

- การควบทีมนี้สิ้นสุดลงเมื่อปี 2015 สำหรับคิโมโตะซัง และ SKE48 ใน 1 ปีนี้ก็มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากมาย

น่อน: รุ่นพี่รุ่น 1 จบการศึกษากันไปหลายคน ตอนนี้ทั้งมักกี้จัง (ไซโต้ มากิโกะ) ที่ได้เป็นกัปตัน ทั้งรุ่น 2 รุ่น 3 แล้วก็พวกเรารุ่น 4 ทุกคนต้องพยายามให้มากขึ้น พวกเรารู้ตัวดีว่าเรื่องที่เราเคยพึ่งพารุ่น 1 ตอนนี้ต้องเป็นพวกเราแล้วที่ทำ

- ช่วงที่สร้างทีมขึ้นมาตั้งแต่ศูนย์จนเป็น SKE48 ก็คือช่วงแรกจนถึงรุ่น 4 นี่แหละนะ

น่อน: ฉันว่านี่เป็นเส้นแบ่งเลยล่ะค่ะ แต่ว่าตำแหน่งระหว่างรุ่น 4 กับเด็กๆตั้งแต่รุ่น 5 ลงไป มันค่อนข้างจะละเอียดอ่อนค่ะ

- ผมได้อ่านบล็อกล่าสุดของคิโมโตะซัง พอรุ่นเดียวกันค่อยๆแยกออกไปทีละคน เพื่อที่จะยกระดับตัวตนของรุ่น 4 ที่ยังอยู่ ดูเหมือนว่าคุณมีบางอย่างทีต้องทำ แบบว่าเหมือนเป็นภารกิจอย่างนึงน่ะครับ

น่อน: ฉันคิดว่ารุ่น 4 เต็มไปด้วยเมมเบอร์ที่มีความเป็นตัวของตัวเอง บางทีคนอาจมองว่าไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ แต่ฉันไม่คิดอย่างนั้นค่ะ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรเราก็จะมีส่วนร่วมตลอด ไม่ว่ายังไง SKE48 จะขาดเมมเบอร์แบบนี้ไม่ได้ค่ะ แม้จะถูกคนวิพากษ์วิจารณ์มาไม่น้อย แต่พวกเราก็รู้สึกเสมอว่าพวกเราต้องทำไรซักอย่าง (ชิบาตะ) อายะจังก็เริ่มเอาดีด้านการพูด (อุเมะโมโตะ) มาโดกะถึงจะจบการศึกษาไปแล้วแต่ก็เป็นพวกสายกีฬา (ยามาชิตะ) ยูคาริก็ได้ที่หนึ่งใน RH มาสองปีซ้อน ยูคาริเป็นความภาคภูมิใจของรุ่น 4 จริงๆค่ะ

- เพราะว่าเป็นครั้งแรกสินะครับ (ต่อจาก Kareha no Station) คิโมโตะซังพอเริ่มพูดถึงรุ่นเดียวกันแล้ว ก็ดูกระตือรือร้นขึ้นมาเลย ไม่ว่าจะในบล็อกหรือบนเวที ก็จะดูสดใสขึ้นมาทันที

น่อน: เพราะว่ามีความสุขค่ะ ในตอนแรกพวกเราลำบากกันมาก ไม่ว่าจะทำอะไรก็ออกมาแย่ตลอด แล้วพวกเราก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง อยู่ในสภาพแบบนั้นนานมาก เพื่อนๆในตอนนั้น ตอนนี้ได้แบ่งกันไปอยู่คนละทีม บางส่วนก็จบการศึกษาไปแล้ว บางส่วนก็ยังแอคทีฟกันอยู่ จริงๆนะคะ แม้แต่ตัวเองยังไม่รู้เลยว่าทำไมถึงมีความสุขขนาดนี้



ความรู้สึกที่ต้อง “อยู่ต่อ”


- ความรู้สึกแบบนี้ เป็นเป็นแรงผลักดันของคิโมโตะซังในตอนนี้หรือเปล่าครับ?

น่อน: รุ่น 4 ตอนนี้น่ะ อยู่ในช่วงที่ “คิดจะจบการศึกษา” มากที่สุด ไม่ก็ “ไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อ” มากที่สุด ในบรรดานั้นมีทั้งคนที่เลือกจะจบการศึกษา มีทั้งคนที่ตัดสินใจจะเป็นเมมเบอร์ SKE48 ต่อไป อย่างมาโดกะน่ะ ตัดสินใจจบการศึกษาเพื่อทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ แบบนั้นพวกเรารุ่นเดียวกันก็ดีใจ เพราะงั้นคนที่ยังอยู่ต่อก็อยากจะพยายามในส่วนของเธอด้วย ไม่อยากให้ใครพูดว่ารุ่น 4 แย่ลงเพราะมีคนจบการศึกษาค่ะ

-  “ไม่ให้ใครมาดูถูกได้หรอก!” สินะครับ

น่อน: ก็ อย่างนั้นแหละค่ะ (หัวเราะ) พอโดนดูถูกก็จะยิ่งมีแรงฮึด จิตใจเข้มแข็งมากค่ะ เมมเบอร์หลายคนคิดเหมือนกันว่า”เดี๋ยวจะทำให้ดู!”

- คิโมโตะซังก็มีด้านนี้ด้วยนะ (หัวเราะ)

น่อน: รู้สึกว่าแข็งแกร่งใช่มั้ยคะ? ที่จริงแล้วฉันเป็นคนใจเสาะมากค่ะ (หัวเราะ) ปกติจะคิดอะไรต่างๆมากมาย แต่แค่ไม่ได้พูดออกมาเท่านั้น

- เรื่องอะไรเหรอครับ?

น่อน: ความคิดของตัวเองค่ะ ถ้าเอาไปเขียนลงบล็อก ทุกคนก็จะแบบว่า “คาน่อนร้อนแรงขึ้นมาอีกแล้ว!” แต่ว่าสำหรับตัวเอง ฉันมองว่าไอดอลเป็นคนที่น่ารักและเปล่งประกายมาโดยตลอด ไม่สามารถแสดงอารมณ์แรงๆแบบว่า “ไม่ยอมแพ้หรอก!” ออกมาได้ ดังนั้นฉันก็เลยมีลักษณะแบบนั้นไปเองมั้งคะ

- ถ้าอย่างนั้น ก็คล้ายกับวาตานาเบ้ มายุมากเลยนะครับ?

น่อน: นั่นสินะคะ พูดอีกอย่างก็คือ เป็นคนที่ไม่ให้อารมณ์มามีอิทธิพลค่ะ อยากจะเป็น “ไอดอล” ในอุดมคติของตัวเองเท่านั้น

- แต่ผมว่าในตัวของคิโมโตะซัง ที่จริงแล้วยังมีความเป็น “สายหลัก” อยู่นะครับ

น่อน: ขอบคุณค่ะ แต่ว่าถ้าเดินในสายหลักเท่านั้นก็จะถูกกลบได้ง่าย แม้ว่าการที่มีเมมเบอร์ในสายหลักนี้ซักคนจะสำคัญมาก แต่จะไปในทางนี้ตลอดก็ไม่ได้เหมือนกัน

- คิโมโตะซังเองก็ “นอกลู่นอกทาง” อยู่บ่อยๆเหมือนกัน (หัวเราะ)

น่อน: เดิมฉันเป็นพวกที่ชอบสร้างบรรยากาศในห้องแต่งตัวอยู่แล้วค่ะ (หัวเราะ) ชอบดูรายการตลกมากๆ อย่างพวก “Gakitsukai” (Downtown no Gaki no Tsukai ya Arahende!!) แล้วก็ “24-Jikan taikyu” ดูมาตั้งแต่ก่อนรายการจะดังอีกนะคะ สมัยก่อนรายการไม่มีมุกทะลึ่งเยอะขนาดนี้ ชอบมากเลยค่ะ

- เพราะพื้นฐานเป็นอย่างนี้ก็เลยเอนเตอร์เทนเก่งละมั้งครับ อย่างคิโมโตะซังใน “Magical radio” ก็ตลกมาก ถ้ามีรายการแบบนั้นอีกก็คงดีนะครับ

น่อน: จริงค่ะ อยากทำรายการนั้นอีกจัง


ไม่ใช่ “น้องสาวของทุกคน” แล้วนะ


- คิโมโตะซังน่ะ ฤดูใบไม้ผลิปีนี้ก็จะเป็นคนวัยทำงานแล้วใช่มั้ยครับ

น่อน: ใช่ค่ะ แย่แล้ว (หัวเราะ) พูดตามตรง ทีแรกฉันนึกว่าพอจบมัธยมแล้วก็จะไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วค่ะ

- SKE48 เหรอครับ?

น่อน: ตอนที่เข้ามาใหม่ๆคิดไว้อย่างนั้น แต่ว่าแป๊บเดียวเวลาก็ผ่านไป 6 ปีแล้ว รู้สึกว่าไวขนาดนี้เลยเหรอ?

- ถ้าเทียบตัวเองในตอนนั้นกับตอนนี้ มีอะไรเปลี่ยนไปบ้างมั้ยครับ?

น่อน: แน่นอนว่ามีอยู่แล้วล่ะค่ะ ทุกคนก็บอกว่าฉันเปลี่ยนไป แม้ว่าพื้นฐานของตัวเองยังเหมือนเดิม ความมุ่งมั่นแบบว่า “ยังไงก็จะทำให้ได้!” ไม่ได้เปลี่ยนไป แต่สภาพแวดล้อมก็ย่อมเปลี่ยนไปอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะคะ เดิมเคยรู้สึกว่าเป็นน้องสาวของทุกคน เป็นรุ่นน้อง แต่ตอนนี้ก็เริ่มกลายเป็นรุ่นพี่แล้วค่ะ...ก็ เครียดอยู่ไม่น้อยเลยค่ะ!

- อยู่ดีๆเป็นอะไรไปครับ? (หัวเราะ)

น่อน: อยากจะสนิทกับรุ่นน้องค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะเข้าหาพวกเขายังไงดี คิดหนักมากค่ะว่า “ถ้าใจดีกับพวกเขา จะเหมาะมั้ยนะ?” เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมาก แต่แล้วก็คิดได้ว่า ถ้าอยากจะคุยด้วยก็คุยสิ! ถ้าไม่อยากก็ไม่ต้อง!

- คิดมากเกินไปแล้ว (หัวเราะ)

น่อน: ทุกคนพูดว่าฉันเป็น “รุ่นน้อง” มาตลอด แฟนๆก็เหมือนกัน มองว่ารุ่นน้องน่ะเป็นคู่แข่งของฉันหมด ฉันก็เลยเครียดแล้วก็เอาแต่หลีกหนีมัน แต่ว่าตอนนี้ควรจะเป็นรุ่นพี่ได้แล้ว ก็เลยแบบ “ย้าก ช่างมันเถอะ!” (หัวเราะ) ดังนั้นช่วงนี้ก็เลยสนิทกับทุกคนมาก (โกโต้) ราระกับสุกาวาระ (มายะ) ได้มาอยู่ทีมเดียวกัน ก็คุยกันตลอดเลย

- เท่าที่ฟังดู การเปลี่ยนแปลงของคิโมโตะซังจากปีที่แล้วมาถึงปีนี้ เกี่ยวกับที่(มัตสึอิ) เรนะซังและ มิยาซาว่าซัง (ซาเอะ) ซังจบการศึกษามากๆเลยนะครับ

น่อน: จะว่าไปมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆค่ะ ใน “Request Hour” ของ AKB48 ปีนี้พอซ้อมเสร็จ (มัตสึอิ) จูรินะซังก็เรียกเมมเบอร์ไปกินข้าวด้วยกัน ตอนนั้นน่ะ ทุกคนก็คุยเรื่องว่า จากนี้ SKE48 จะทำยังไงต่อดี

- พอเห็นรูปในเน็ต ก็เป็นประเด็นในหมู่แฟนๆด้วยเหมือนกัน แล้วได้ข้อสรุปว่าไงบ้างครับ?

น่อน: ก็ไม่ชอบที่มันเป็นอย่างนี้ ต้องให้นาโกย่ารักวงเราให้มากขึ้นกว่านี้อีก นาโกย่าตอนนี้น่ะ มีวงที่กำลังทำกิจกรรมอยู่มากมายเลยใช่มั้ยล่ะคะ แน่นอนว่าเราก็พอรับรู้ได้ถึงพลังเหล่านั้น ดังนั้นเลยคิดว่าพวกเราจะต้องเป็นความภาคภูมิใจของนาโกย่าให้ได้ ถึงขั้นอยากไปเดินตามถนนแล้วประกาศด้วยตัวเองเลยว่า “พวกเรามีสเตจนะคะ มาดูกันเยอะๆนะคะ” อยากจะขอบคุณทุกคนที่สนับสนุน อยากจะพยายามให้มากขึ้นโดยไม่ลืมภูมิหลังของตัวเอง พอคุยกันถึงว่า “จะทำอะไรได้มั่งนะ?” ทุกคนก็แสดงความเห็นออกมาเยอะเลยค่ะ ถึงจะอยู่ในวิกฤตก็ยังร่วมแรงร่วมใจกันพยายามต่อไป นี่แหละ SKE48 ก็ตอนนี้น่ะเป็นเวลาที่ทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจกันมากที่สุด!

- คิโมโตะซัง ร้อนแรงจังเลยนะครับ!

น่อน: เมมเบอร์ทุกคนต่างก็ร้อนแรงแบบนี้เหมือนกันค่ะ พอร่วมแรงร่วมใจกันแล้วมันสุดยอดมากจริงๆ ในจุดนี้น่ะ พวกเราไม่มีทางแพ้วงอื่นแน่ แม้แต่ AKB48 ซังเองจะทำแบบนี้ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ฉันคิดว่าพวกเราต้องมีความภาคภูมิใจแบบนี้ไว้ค่ะ เมื่อพวกเรากับแฟนๆร่วมมือกัน จะต้องมีส่วนให้แฟนใหม่ๆเข้ามาเพิ่มขึ้น ดังนั้นก็เลยคิดว่าจะทำยังไงให้คนมาชอบเรามากขึ้น

- ก็คือจะบอกว่าให้ความร้อนแรงนี้ไปโอบล้อมพวกเขาให้เข้ามาสนับสนุนเพิ่มขึ้นสินะ

น่อน: ใช่ค่ะ จะว่าไป ตอนนี้ Nogizaka46 ก็กำลังมาแรงเหมือนกัน

- ตอนนี้พวกเขากำลังมาแรงสุดๆเลย สำหรับคิโมโตะซังผู้ชื่นชอบไอดอล Nogizaka46 เป็นยังไงบ้างครับ?

น่อน: พวกเขาน่ารักมากจริงๆค่ะ! หน้าตาดีชะมัดเลย!

- ฮ่าๆๆๆ ผมว่าคิโมโตะซังก็ประมาณนั้นเหมือนกันนะครับ จริงๆนะ

น่อน: ไม่เลยค่ะ...ว่ากันตามจริงแล้ว พวกเขากับ SKE48 ให้ความรู้สึกที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ว่าภาพที่ต้องสู้สุดแรงเกิดนั่นแหละค่ะภาพของ SKE

- นี่คงเป็นทั้งอาวุธแล้วก็เสน่ห์ของพวกคุณเลยล่ะ

น่อน: ตอนนี้น่ะ SKE48 ร้อนแรงเต็มที่แล้ว ขอแค่มีโอกาสที่จะจุดระเบิดก็พอ ในเวลาแบบนี้ ถ้าเราทำให้คนหันมามองได้ ฉันว่าไม่ว่ายังไง SKE48 ก็ไม่มีวันจบลงหรอกค่ะ


สร้างแนวทางใหม่ๆขึ้นมา


- ในขณะที่คิดถึง SKE48 คิโมโตะซังคิดยังไงกับแนวโน้มของตัวเองบ้างครับ?

น่อน: แม้ว่าจะอิงแต่ความคิดตัวเองไม่ได้ แต่ฉันก็คิดอยู่ว่าทางที่ตัวเองจะเดินไปคือทางไหนแน่ จะเป็นสายหลักหรือสายวาไรตี้ และแล้วฉันก็คิดว่าฉันจะกรุยทางใหม่ที่อยู่ระหว่างทั้งสองทางค่ะ ฉันชอบวาไรตี้ ถ้ามีโอกาสก็จะไม่ปล่อยไป แต่ก็มีแฟนๆที่ชอบฉันในด้านที่เป็นสายหลัก (ไอดอล) ซึ่งก็อยากรักษาเอาไว้เหมือนกัน ทำให้สับสนมากจริงๆ...ดังนั้นฉันคิโมโตะ คาน่อน อยากจะเป็นคนสร้างแนวทางใหม่ของตัวเองขึ้นมา

- มองเห็นชัดเจนแล้วสินะครับ

น่อน: ใช่ค่ะ ทั้งเป้าหมายที่ควรจะเป็นและที่ๆอยากตั้งเป้าไว้

- พวกเราจะตั้งหน้าตั้งตารอดู คิโมโตะซังที่วิ่งนำอยู่ในทางสายหลักไปสู่ตำแหน่งที่อยู่ใจกลางของ SKE48 ได้ใช่มั้ยครับ?

น่อน: นี่ก็ขึ้นอยู่กับตัวเองต่อจากนี้ค่ะ เมื่อเวลาที่ฉันจะได้ไปยืนอยู่ตรงกลางมาถึง ตอนนั้นฉันอยากทำให้ทุกคนคิดว่า “ที่แท้ SKE48 ก็มีอย่างนี้ด้วย” แน่นอนว่าก่อนอื่นจะต้องได้รับการยอมรับจากแฟนๆ แล้วก็อยากจะทำให้ความสนใจใน SKE48 เผยแพร่ออกไปมากขึ้น ดังนั้นนี่คือเป้าหมายสุดท้ายที่แท้จริงของฉันค่ะ

- ไฟที่ลุกโชนอยู่ในใจของคิโมโตะซัง ผมรับรู้ได้อย่างลึกซึ้งเลยจากการสัมภาษณ์วันนี้ สุดท้ายอยากทราบว่ารู้สึกยังไงกับงานเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในปีนี้ครับ?

น่อน: ตอนที่ฉันยังสับสนอยู่ว่า “SKE48 ยังต้องการฉันอยู่มั้ย” มาโดกะก็บอกฉันว่า “ยังไงคาน่อนก็เป็นคนที่ขาดไม่ได้นะ” เพราะเป็นคนที่คอยดูฉันมาตลอดถึงพูดประโยคนี้ออกมาได้ ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจพยายามต่อไป เป้าหมายคืออันเดอร์เกิร์ลค่ะ ฉันจะพุ่งไปข้างหน้า สู้ต่อไป

- จะรอฟังข่าวดีนะครับ ขอบคุณมากๆเลย

น่อน: ขอบคุณมากค่ะ เพื่อรุ่นเดียวกันและเพื่อ SKE48 ยังไงก็สู้ไม่ถอยค่ะ!


วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2559

[Blog Translation] มุราอิ จุนนะ...เพราะฉันมันอ่อนแอ



บล็อกจุนนะ 2016.09.20

(ข้ามส่วนแนะนำตัว)

อ่าาา ฉันจุนนะ รู้สึกเป็นคนที่โชคดีมากเลยค่ะ
ก่อนหน้านี้ ฉันไม่มีความมั่นใจเลยเพราะฉันไม่เก่งอะไรซักอย่าง แล้วก็พูดว่า "ฉันอยากแกรดไปให้เร็วที่สุด..." อยู่หลายครั้ง

ฉันขอโทษจริงๆค่ะ

แต่รู้มั้ย ฉันเข้าใจแล้วล่ะ!!
พอวันที่จะต้องไปมันใกล้เข้ามา ความทรงจำดีๆก็ผุดมาเต็มไปหมด
เพราะฉันมันอ่อนแอก็เลยมีความทรงจำที่ขมขื่นมากกว่า แต่ฉันกลับจำได้แต่รอยยิ้มที่มีในทุกๆวัน

อีกอย่าง เมื่อใกล้ถึงวันที่ฉันจะออกไปเรื่อยๆ บางทีอาจจะเพราะ "ลาก่อน" ละมั้ง ทุกคนเลยแสดงออกถึง "ความรัก" ต่อฉันด้วยความจริงใจ

ฉันว่าแฟนๆของจุนนะก็คล้ายๆจุนนะ เราไม่ค่อยแสดงความรู้สึกด้วยคำพูดเท่าไหร่ แล้วก็ซึนนิดๆละมั้ง??
เป็นพวกเดียวกันนี่นา

ไม่ว่ายังไง คำพูดที่ทุกคนบอกกับฉัน
"เธอสำคัญกับฉันนะ" "คงจะเหงามากเลย" "รักนะ"

พอได้ยินคำเหล่านั้น ก็รู้สึกเสียใจค่ะ
ขอโทษที่ฉันไม่รู้ตัวก่อนหน้านี้ ฉันมั่นใจว่าพวกคุณคงมีวิธีที่สื่อสารออกมาต่างๆกันไป มันเป็นความผิดของฉันเองที่แปลมันไม่ออก

แม้แต่แฟนๆเอง ก็มีบางคนพูดว่า "แค่ฉันแสดงออกให้มากกว่านี้ มันอาจทำให้อะไรๆเปลี่ยนไปได้"
แต่ยังไง ฉันไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีอะไรเปลี่ยนไปมั้ย และฉันก็ไม่อาจมองข้ามปัจจุบันได้ วันนึงฉันอาจจะแกรดอยู่ดีแม้ว่าแฟนๆจะแสดงออกมากกว่านี้ก็ตาม

แล้วก็ จุนนะน่ะได้คิดอะไรหลายๆอย่างนอกจากเรื่องแฟนๆ
มันคือสิ่งที่ฉันได้ตัดสินใจหลังจากคิดแล้วคิดอีกหลายรอบมากๆ และถึงแม้แฟนๆอาจจะเห็นว่าฉันรู้สึกในแง่ลบเพราะฉันร้องไห้ แต่ที่จริงฉันรู้สึกกับมันในแง่บวกค่ะ เพราะงั้นไม่ต้องห่วงนะ

มันไม่ใช่ความผิดของแฟนๆเลยค่ะ

ฉัน จุนนะ มักจะตัดสินใจอะไรแบบทันทีโดยไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า ดังนั้นฉันยังไม่รู้เลยว่าในอนาคตจะเป็นยังไง แต่ฉันมั่นใจว่าชีวิตของฉันจะเปล่งประกายค่ะ

นั่นเป็นเพราะ มีแฟนๆรักฉันอยู่มากมาย รวมถึงเมมเบอร์ สตาฟฟ์ซังเองก็สนับสนุนฉันอยู่ด้วย
ฉันได้รับประสบการณ์ที่ปกติฉันคงไม่ได้พบเจอ

อย่างที่ไอริเขียนในบล็อกเมื่อวาน
เมื่อฉันนึกถึงวันเวลาที่ยากลำบากที่สุด ฉันก็จะรับได้ทุกอย่าง

สำหรับฉัน ก่อนหน้านี้มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่เมื่อได้รับรู้ว่ามีคนสนับสนุนมากแค่ไหน และเพราะได้รับโอกาสที่จะแสดงในสเตจที่น่ารัก
ตอนนี้ฉันรับได้ทุกอย่างค่ะ

จุนนะน่ะ เมื่อมั่นใจพอที่จะพูดเรื่องอนาคตของตัวเองแล้ว ฉันจะบอกยูอาสะซัง โทโมยะซังและทุกคนค่ะ!!!

ฉันจะพยายามค่ะ!

แล้วก็ หวังว่าแฟนๆจะมีความสุขเวลาที่ได้ฟังเรื่องของฉันตอนจับมือกับไอริ คนที่ฉันสนิทด้วย
ดังนั้นไม่ต้องห่วงนะคะ

มาสร้างความทรงจำดีๆใน "10 วัน" สุดท้ายที่เหลือกันเถอะ จะได้ไม่มีอะไรให้เสียใจ

จริงๆแล้ว ฉันนึกว่าฉันจะมีแต่ความทรงจำที่เจ็บปวดซะอีก เพราะฉันอ่อนแอ แต่ตอนนี้ ตอนที่ฉันกำลังจะไป ฉันก็ได้รับรู้ว่าตอนนั้นฉันมีความสุขมากแค่ไหน

มีความสุขจริงๆค่ะ

เหลืออีกแค่ "10 วัน" สำหรับจุนนะใน SKE48 แต่นี่ไม่ใช่ลาก่อน และตราบเท่าที่ฉันอยู่ในใจพวกคุณ มันจะเป็น "แล้วเจอกัน" เสมอ

ฉันเขียนบล็อกนี้มานานกว่าปีครึ่ง จนถึงสุดท้ายจะได้อัพเดตอีกกี่ครั้งนะ??? 2 ครั้งมั้ง?? (หัวเราะ)

มีบางครั้งที่จุนนะลืมเขียนบล็อก ใช่มั้ยคะ?
พอมาคิดตอนนี้ ฉันก็สงสัยว่าทำไมถึงลืมได้นะ แล้วยังมีโพสต์ที่สั้นมากๆอีก

ในเมื่อเหลืออีกแค่ 2 ครั้ง ฉันจะเขียนให้เยอะ เหมือนที่ทำในตอนแรกๆค่ะ!!!

อ๊ะ จะว่าไป นี่แค่เกริ่นนำเอง ก็ยาวซะแล้ว ขอโทษนะคะ

เอาล่ะ มาเขียนบล็อกจริงๆจังกันซะที!!
Lets go~*\(^o^)/*(lol)

------------------------------------------------------------------------------------------

[9/16]

วันนี้มีสเตจปาร์ตี้ค่ะ

ฉันได้พูดเรื่องแกรดไปนิดหน่อยตอน MC แนะนำตัว

พอรู้ตัวว่าฉันเหลืออีก 5 สเตจที่จะได้ขึ้นแสดงรวมถึงครั้งนี้ มันก็อดไม่ได้ที่อยากจะเก็บเกี่ยวเวลาบนเวทีนี้ไว้มากกว่าแต่ก่อน

เป็นครั้งแรกที่จุนนะได้แสดงเพลง “Kin no Ai, Gin no Ai” บนเวที ฉันพลาดเยอะมากตอนซ้อม อย่างเช่น เรื่องตำแหน่ง และชนกับคนอื่นตอนเปลี่ยนตำแหน่ง
แต่ถึงอย่างนั้น ต้องขอบคุณเมมเบอร์ที่สอนฉันอย่างใจดี และคอยซ้อมกับฉัน ในที่สุดฉันก็สามารถทำได้

ขอบคุณมากๆเลย
สนุกมาก

[9/18]

วันนี้มีสเตจปาร์ตี้ 2 รอบล่ะ
เชื่อมั้ยคะ???
วันนี้ ริซาโกะซัง คนที่ฉันรัก ได้มาขึ้นแสดงด้วยล่ะ
ฉันดีใจมากตอนที่เห็นรายชื่อเมมเบอร์!! ดีใจมากๆเลย!!
ดังนั้นจะขอพูดถึงริซาโกะซังละนะคะ

ฉันชื่นชมริซาโกะซังจริงๆค่ะ ฉันน่ะขี้อายมากและก็ไม่กล้าเข้าไปทักก่อนแม้จะรู้สึกว่า "อยากคุยกับรุ่นพี่จัง!!" ก็ตาม
เพราะอะไรไม่รู้ฉันถึงแสร้งทำเป็นนิ่ง แล้วขนาดตอนพวกเขาเข้ามาคุยด้วย ฉันก็รู้สึกประหม่าและตื่นเต้น จนได้แต่ตอบไปสั้นๆเพื่อจบบทสนทนา

ฉันรู้ว่ามันน่าอายที่เป็นแบบนี้ทั้งๆที่เป็นรุ่นน้องแต่ ฉันอยากจะคุยกับริซาโกะซังมากกว่านี้มากๆค่ะ

แต่เมื่อฉันคุยกับริซาโกะซังเรื่องแกรด เธอก็บอกว่า "ฉันต้องห้ามเธอไว้แน่ๆ" แล้วเธอก็ตอบในเรื่องที่ฉันสงสัยหลายๆอย่าง
ฉันชื่นชมริซาโกะซังตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเห็นเธอและเธอก็เป็นผู้หญิงที่ฉันชอบมากค่ะ

ดีจังที่ได้ชอบริซาโกะซัง

ขอบคุณนะคะ

นอกจากนี้ ริซาโกะซัง ยังบอกฉันว่า "จากนี้ไปเราก็เป็นเพื่อนกันแล้วเนอะ"
และ "ฉันจะทำเพื่อส่งเธอไปอย่างงดงาม"

ยิ่งไปกว่านั้น ฉันก็คิดว่าเธอเป็นกำลังใจให้ฉันมากๆเลยค่ะ

เพราะงั้น จุนนะจะรักริซาโกะซังจากนี้และตลอดไปเลย



[9/19]

สเตจปาร์ตี้! 2 รอบค่ะ

สเตจที่ฉันขึ้นแสดงเป็นครั้งสุดท้ายคือครั้งที่สองของวันนี้
ฉันมีความสุขมากจนถึงตอนสุดท้ายเลย

โอวกะแสดงเต็มที่มากตอนสเตจช่วงเที่ยงจนปวดคอ

ดังนั้นริซาโกะซังที่จะมาดูสเตจรอบเย็นเลยบอกระหว่างเอ็นจิ้นว่าจะขึ้นแสดง ให้มายะไปยืนตำแหน่งโอวกะแทน...ส่วนริซาโกะซังยืนตำแหน่งไอกะ
ขณะที่อิจิโนะ นารุมิซังจะแสดงตำแหน่งเดิมของจุนนะเมื่อตอนสเตจแรก

เป็นการแสดงที่ทุกคนยืนขึ้นและพูดว่า ฉันรับหน้าที่เอง

ฉันเชื่อว่าโอวกะคงเสียดาย
ดังนั้นหลังจากสเตจจบลง เธอก็เลยส่งเมล์ยาวเฟื้อยมาหาฉัน บอกว่าเธอรู้สึกยังไง เพราะเธอไม่ได้พูดในสเตจ

จุนนะกับโอวกะน่ะ ตอนแรกสนิทกันมากเลยล่ะ แปลกใจใช่มั้ยคะ?? (หัวเราะ)

พวกเรามีคาแรคเตอร์ที่ตรงข้ามกันหมดเลย หลังจากที่เคยทะเลาะกันครั้งนึง เราก็ไม่ได้คุยกันมากเท่าไหร่
แต่ในท้ายที่สุด เธอก็บอกความรู้สึกของเธอและฉันก็เสียใจที่ไม่ได้คุยกับเธอมากกว่านี้
ขอบคุณนะ โอะกะ
รักษาคอให้หายเร็วๆนะ

และตอนที่ฉันกำลังตั้งใจเขียนการ์ดสำหรับการแสดงรอบเย็น ไอริกับอายากะก็ซื้อเค้กมาค่ะ
บนหน้าเค้กเขียนว่า
"จุนจัง ยินดีที่จบการศึกษา"
ใครเป็นคนวางแผนเซอร์ไพรส์นี้กันนะ? ขณะที่กำลังมีความสุขจนหัวใจแทบหลุดออกมา ไอริก็บอกว่า เธอขอให้คุณยายไปซื้อมาให้ล่ะ (หัวเราะ)
ขอร้องไปเยอะเลยสินะ ไอริ
ที่คิดได้แบบนี้ ดูเป็นผู้ใหญ่มากเลย (หัวเราะ)
เพราะเราอยู่ด้วยกันตลอด ฉันรู้ว่าเธอมีส่วนที่เป็นผู้ใหญ่ แต่อาจโดนเข้าใจผิดเพราะรูปลักษณ์ที่ดูเป็นเด็ก
จริงๆนะ เธอคิดถึงแฟนๆเป็นอันดับแรกแล้วก็คิดถึงอนาคตด้วย

ถีงอย่างนั้น เธอก็ยังมีส่วนที่เป็นเด็กๆอยู่ อย่างเช่นที่เธอชอบร้องไห้บ่อยๆ (หัวเราะ)
สเตจเมื่อวานเธอก็ร้อง ร้องไม่หยุดเลยนะ ไอริ
ขนาดงานจบแล้วเธอก็ยังร้อง แล้วก็พูดว่า "กลับมาเหอะนะ" บ้าง "ไปสมัคร AKB รุ่น 16 ก็ได้!" บ้าง "ไปเป็นนางแบบสิ" บ้าง
ไอริพยายามชวนให้ฉันอยู่ในวงการต่อตลอดเลย (หัวเราะ)

ไอริไม่เคยพูดว่า "เศร้าจัง" ออกมาตรงๆ แต่แสดงออกด้วยการร้องไห้
ซึนเดเระชะมัดสมกับเป็นไอริ
ขอบคุณนะ

ในเอ็นจิ้นของสเตจรอบเย็น ตอนที่ฉันกำลังจะพูดว่า “Fresh Power Zen kai de! Party Hajimeruzo! Oh!!” เหมือนปกติ พวกเขาก็นัดกันเปลี่ยนเป็น “Jun-chan Daisuki!!” แทน
ฉันไม่รู้เรื่องเลย!! มีความสุขมากค่ะ ไม่คิดว่าพวกเขาจะเซอร์ไพรส์ฉันเยอะขนาดนี้ ฉันร้องไห้ออกมาก่อนจะเริ่มสเตจอีก

จริงๆเลยนะ เมคอัพหลุดหมดแล้ว

แต่ว่า พูดตามตรง ฉันมีความสุขมากๆเลยค่ะ มีความสุขจนร้องไห้ออกมาเลย
และหลังจากการแสดงเริ่มขึ้น ฉันก็ร้องไห้ในเพลงแรก แฟนๆคอลล์ “จุนจัง” ให้กำลังใจฉัน ฉันได้รับกำลังใจเยอะมากค่ะ
ฉันไม่คิดว่าทุกคนจะร้องไห้กันเยอะขนาดนั้น
และแม้แต่ริซาโกะซังก็ร้องไห้ให้ฉันด้วย
จุนนะรู้สึกเป็นคนที่โชคดีจริงๆค่ะ

ขอบคุณนะคะ!!

อ๊ะ แต่อายากะบอกว่า “ถ้าตอน MC แนะนำตัวฉันพูดผิด ตีฉันได้เลยนะ” แล้วเธอก็พูดผิดเหมือนเคย ฉันคิดในใจว่า “พูดผิดแล้วนะ” แต่ไม่ได้บอกเธอค่ะ...(หัวเราะ)
ฉันไม่ได้ตีเธอ แค่พูดไปว่า “เห้ย เห้ย” หลังจากที่เธอพูด (หัวเราะ)
มีความสุขจริงๆ ขอบคุณนะ

จากนั้น ก็มีพิธีจบการศึกษาต่อจากเพลง “Kin no Ai, Gin no Ai”

ก่อนอื่นเลย ดอกกุหลาบช่อใหญ่...
ฉันไม่เคยได้รับดอกไม้ช่อใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลยค่ะ ฉันเคยพูดกับแฟนๆในงานจับมือว่าฉันอยากได้ดอกกุหลาบช่อใหญ่ๆ แต่ไม่นึกว่าจะหามาให้จริงๆ...
ฉันคิดว่ามันคงวุ่นวายแน่ที่จะหามันมาในระยะเวลาสั้นๆ ทั้งขาตั้งดอกไม้และมงกุฎดอกไม้ด้วย
ขอบคุณค่ะ

จากนั้นตอนอ่านจดหมาย ไอกะก็ขึ้นมาบนเวที
ไม่อยากจะเชื่อว่าตอนนี้เธอจะมาขึ้นเวทีจริงๆก็เลยร้องไห้ออกมาค่ะ

จดหมายเนี่ยเรียกน้ำตาได้จริงๆ ร้องไห้เยอะเลยค่ะ ดีใจมากๆเลย
ฉันนึกว่าเธอจะมาไม่ได้ แล้วก็อยากจะขึ้นแสดงกับเธอมาก วันนั้นก็เลยใส่เสื้อยืดวันเกิดของไอกะไปเธียร์เตอร์
ฉันรู้ว่ามันไร้สาระ และเอาแต่ใจแต่ฉันก็ขอใส่เสื้อยืดนี้ในช่วงอังกอร์
แต่วาสตาฟฟ์ซังน่ะ รู้ว่าไอกะจะมา ก็เลยบอกว่า “มีสิ่งที่ดีกว่านี้รออยู่นะ” ฉันเลยสงสัยว่า “มันคืออะไรกัน” เป็นสิ่งที่ดีกว่าจริงๆด้วยค่ะ

ดีใจมากเลย
มีความสุขจริงๆค่ะ
ไอกะ ขอบคุณนะ

จากนั้นก็เป็นเพลงสุดท้าย “Sakura no Hanabiratachi” เมมเบอร์และสตาฟฟ์ซังตั้งใจให้มันเซอร์ไพรส์ล่ะ
หลังจากการแสดงรอบเที่ยง คุณครูสอนเต้นก็มาเพื่อเอากระดาษให้ฉันดู กระดาษนั้นเป็นตำแหน่งของฉันที่อยู่ตรงหมายเลข "0"

พูดตามตรง ฉันเองก็อยากจะยืนที่เลข 0 นั้นเหมือนกัน
อย่างที่คิดเลย มุมมองจากตรงนั้นมันต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

ของขวัญที่งดงามขนาดนี้ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

ในตอนแรก ฉันอยากจะยืนข้างหลังเซ็นเตอร์ค่ะ ตอนนั้นเป็นตอนก่อนจะเดบิวต์ เพราะฉันน่ะ เต้นไม่ได้เลย
ถึงอย่างนั้น ตอนซ้อมครั้งนึงที่ยูอาสะซังได้มาดู ตอนนั้นยังไม่ได้กำหนดตำแหน่งและเซ็นเตอร์ ก็เลยสามารถเต้นตำแหน่งไหนก็ได้ตามใจ ฉันเลือกที่ตำแหน่งเลข 0 แม้ตัวเองจะห่วยก็ตาม

ในตอนนั้น ฉันพบว่ามุมมองจากตำแหน่งนี้มันกว้างกว่าตอนที่ฉันอยู่ข้างหลังมาก และถึงแม้ฉันจะห่วยแต่ก็มีความมั่นใจ
ฉันก็เลยอยากเต้นในตำแหน่งนี้อีกครั้ง นอกเหนือจากตอนซ้อม
ดังนั้นฉันจึงมีความสุขมากค่ะ
ขอบคุณสำหรับตำแหน่งหมายเลข 0 ครั้งแรกและครั้งสุดท้าย

ฉันเขียนไปตามที่ฉันนึกออก เพราะงั้นมันคงจะอ่านยากหน่อยนะคะ แต่โพสต์วันนี้ก็ขอจบลงตรงนี้ค่ะ

ขอขอบคุณแฟนๆ
ขอขอบคุณเมมเบอร์
แล้วก็ต้องขอบคุณสตาฟฟ์ซังด้วย

ขอบคุณที่ตามใจฉันนะคะ

ในอนาคตข้างหน้า ฉันอยากเป็นคนที่ใจกว้างแบบยูอาสะซัง คนที่เข้าใจนิสัยคนแต่ละคนแม้ว่าจะไม่ได้คุยกันทุกเรื่อง ฉันอยากเป็นผู้ใหญ่แบบนั้น
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำที่ให้มาค่ะ
ขอบคุณที่ตามใจฉัน ขอบคุณที่รับฟังเวลาที่ฉันมีเรื่องหนักใจ ทำให้ฉันเบาใจขึ้นและคิดที่จะพยายามสู้ต่อไป

ไม่เพียงแค่ยูอาสะซังแต่สตาฟฟ์ซังคนอื่นๆก็เช่นกัน
ฉันหวังว่าสตาฟฟ์ซังจะได้อ่านบล็อกนี้ด้วย ฉันรู้ว่าไม่ควรเอ่ยชื่อพวกเขาในนี้ ก็เลยขอเรียกรวมว่า สตาฟฟ์ซัง นะคะ
สักวันฉันจะแสดงให้เห็นว่าฉันเติบโตไปแค่ไหน
ขอบคุณค่ะ

ถึงคุณพ่อคุณแม่ด้วย ฉันทำให้ท่านเป็นห่วงมากมาย แต่ก็ได้รับกำลังใจมามากมาย
ตอนนี้คนที่กังวลมากกว่าฉันก็ครอบครัวนี่แหละค่ะ
ตอนอยู่ต่อหน้าฉัน เพราะท่านเป็นพ่อแม่ ก็เลยคอยปลอบว่าไม่เป็นไร แต่พวกเขาคงกังวลเรื่องของฉันต่อจากนี้อยู่
กังวลอยู่แน่ๆเลย
ก็เป็นคุณพ่อคุณแม่นี่เนอะ

แต่อย่ากังวลไปเลยค่ะ ฉันจะเดินไปในเส้นทางที่ทำให้วางใจได้
ฉันทำตามใจตัวเองมาตลอด และก็ยังจะเป็นตัวยุ่งมากกว่าเดิมอีกต่อจากนี้ไป
แต่ในเวลาที่ลำบาก
ฉันมักไม่กล้าพูดออกไปตรงๆ
ไม่ว่าจะตอนที่ฉันรู้สึกเหงา รู้สึกกังวล และตอนที่อยู่คนเดียวแม้ต้องการกำลังใจ
คนที่คอยอยู่ข้างๆฉันก็คือครอบครัวค่ะ
ฉันจะเดินไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข เพราะงั้น
จากนี้ก็ขอฝากตัวด้วยนะคะ

มุราอิ จุนนะ หรือจุนจัง รับผิดชอบบล็อกในวันนี้ค่ะ

บล็อกต่อไปก็ฝากอ่านกันด้วยนะคะ
see you again…
ประโยคภาษาอังกฤษที่ฉันชอบและเป็นประโยคเดียวที่เขียนได้ (หัวเราะ)

บ๊ายบาย

ป.ล. เมื่อวานฉันได้ไปกินข้าวกับสุกาวาระและไอริ แล้วก็ไปนอนค้างห้องมายะด้วย วันนี้ก็ไปดูหนังมาค่ะ พรุ่งนี้เป็นวันเกิดไอริล่ะ
อายุ 14 ปี ต้องฉลอง!!

junna…


วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2559

(91)[100%SKE48] แปลบทสัมภาษณ์พี่อายะ (ชิบาตะ อายะ)

พี่สาวเป็นไอดอลระดับท็อป น้องชายเป็นนักเบสบอลทีมมหาวิทยาลัยแบตเตอร์หมายเลข 4
คู่พี่น้องแบบนี้จะมีก็แค่เฉพาะในการ์ตูนเท่านั้นแหละ!
เนื่องด้วยความรู้สึกหลายๆอย่างที่ถาโถมชิบาตะซังในช่วงนี้
เราจึงเปลี่ยนบรรยากาศโดยการเชิญมาดูการแข่งขันเบสบอลแทน
แต่ทว่า มันกลายเป็นการพูดคุยแบบเจาะลึกซะงั้น

สนามเบสบอลในวันที่อากาศสดใส เสียงเชียร์ของพี่สาวกึกก้องไปบนท้องฟ้า
การมาชมการแข่งขันของน้องชาย (ชิบาตะ โยชิกิ ชมรมเบสบอลมหาวิทยาลัยโฮเซย์ หมายเลข 4 เบสที่ 1)
เป็นครั้งแรก


สมาชิกของบ้านชิบาตะ


- วันนี้ เป็นครั้งแรกเลยครับที่สัมภาษณ์ไป ดูการแข่งขันเบสบอลไป

อายะ: แล้วยังเป็นวันที่อากาศแจ่มใสด้วย ดีจังเลยนะคะ

- นั่นสิครับ จะว่าไป ความสัมพันธ์กับน้องชายเป็นยังไงครับ?

อายะ: ธรรมดามากๆค่ะ ตอนที่ฉันมาโตเกียว บางทีก็ไปกินข้าวกันบ้าง ล่าสุดได้เจอกันแค่ครั้งเดียว ตอนปีใหม่มั้งคะ ช่วงนี้ก็ค่อนข้างยุ่งทั้งคู่เลยไม่ได้เจอกันค่ะ

- นั่นสินะครับ  ช่วงเดือน 2 ทีมเบสบอลมหาวิทยาลัยกำลังเก็บตัวกันพอดี คงจะไม่มีเวลา อยากทราบว่ามีช่วงที่ไม่ลงรอยกันบ้างมั้ย?

อายะ: แม้ว่าจะเรียนห่างกัน 2 ปี แต่จริงๆแล้วเราห่างกันปีเดียวเองค่ะ (ชิบาตะ อายะ เกิดวันที่ 1 เดือน 4) ดังนั้นเลยไม่มีใครโตกว่าใคร ตอนช่วงวัยรุ่นไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่แต่ตอนเด็กๆก็เล่นการ์ดยูกิด้วยกันนะ

- ตอนนี้น้องชายเป็นหมายเลข 4 ของโฮเซย์ เขาเล่นกีฬาเก่งมาตั้งแต่เด็กเลยหรือเปล่า?

อายะ: ตอนอยู่อนุบาลก็เคยเล่นฟุตบอลค่ะ เบสบอลก็เริ่มเล่นมาตั้งแต่อนุบาลเหมือนกัน ตอนประถมตัวสูงมากวิ่งก็เร็วมาก เป็นพวกนักกีฬาประจำในงานกีฬาสี บ้านชิบาตะค่อนข้างเล่นกีฬาเก่งค่ะ คุณพ่อเล่นเบสบอลมาตลอดจนถึงม.ปลายเลยมั้ง ตอนนี้ก็ตีกอล์ฟเป็นประจำ เห็นบอกว่าคะแนนดีสุด 81 คะแนนแน่ะ สกีก็เล่นเก่งมากค่ะ ส่วนคุณแม่ก็เป็นพวกนักกีฬาค่ะ รู้สึกตอนสมัยเรียนก็เล่นกีฬาเหมือนกัน

- สายเลือดนักกีฬาก็เลยตกทอดมาถึงลูกสาวด้วย

อายะ: ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อก็คงใช่ค่ะ (หัวเราะ)

- คงมีแฟนๆไม่น้อยที่ชอบขาของชิบาตะซัง (หัวเราะ)

อายะ: ฮุๆๆ ช่วงนี้ฉันเริ่มเล่นกอล์ฟค่ะ เริ่มเข้าใจแล้วว่าต้องฝึกถึงจะเก่งขึ้น แต่ฉันไม่ชอบกีฬาหรอกค่ะ (หัวเราะ) คะแนนวิชาพละก็ไม่ค่อยดี คือฉันไม่ชอบให้เหงื่อออก

- แต่เวลาขึ้นโคเอ็นเหงื่อไหลเหมือนฝนตกเลยนะครับ (หัวเราะ)

อายะ: เพราะอย่างงั้น พอเข้า SKE48 แล้วถึงได้เหงื่อออกจริงๆจังๆครั้งแรก

- กลับมาที่เรื่องน้องชายหน่อยครับ มีช่วงที่ไม่ยอมเปิดเผยว่ามีน้องชายด้วยสินะ

อายะ: ใช่ค่ะ แค่รู้สึกว่ามันไม่จำเป็นต้องบอก เขาเป็นคนธรรมดา ไม่อยากสร้างความลำบากให้เขา แต่อยู่มาวันนึงก็ถูกเปิดเผย

- ทำไมถึงเปิดเผยละครับ?

อายะ: เป็นคนรอบตัวทางฝั่งน้องชายค่ะ พอนักข่าวกีฬารู้เรื่องนี้ก็ไปถามเขาว่า “SKE48 ชิบาตะ อายะ เป็นพี่สาวคุณใช่มั้ยครับ?” น้องชายก็ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนี้ แล้วก็ได้ลงหนังสือพิมพ์ (หัวเราะ)

- แต่มันก็เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจไม่ใช่เหรอครับ พี่สาวเป็นไอดอลที่เข้าเซมบัตสึเลือกตั้ง น้องชายก็เป็นแบตเตอร์หมายเลข 4 ของโฮเซย์

อายะ: ก็ใช่ค่ะ ที่มีข่าวเขียนถึง เขาก็ไม่ได้ไม่ชอบหรืออะไร

- เมื่อก่อนเคยมาเชียร์น้องที่สนามแข่งมั้ยครับ?

อายะ: ไม่เคยค่ะ วันนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่มาดูเขาแข่ง

- ครั้งแรกเหรอครับ!

อายะ: ช่วงที่โยชิกิบ้าเบสบอล ฉันกำลังยุ่งกับการเรียน ไม่ได้ออกจากบ้านเลยค่ะ แล้วเดิมก็ไม่ชอบออกไปข้างนอกอยู่แล้ว มีแค่ตอนช่วงแข่งลุ้นว่าโยชิกิจะได้ไปโคชิเอ็งมั้ย ก็ได้ดูทางทีวีนิดหน่อย

- ผมไปค้นมาแล้วครับ ตอนที่น้องยังอยู่โทโฮ (มัธยม) ม.ปลายปี 3 ช่วงฤดูร้อนได้เข้ารอบเพลย์ออฟด้วย แต่ตอนแข่งกับไอโกะไดเมเดงแพ้ไปอย่างน่าเสียดาย 3 ต่อ 2 ถึงกับร้องไห้ออกมาเลย แต่สามารถไปถึงรอบเพลย์ออฟของจังหวัดไอจิได้ก็สุดยอดแล้วล่ะ!

อายะ: วันนั้นมีซ้อมพอดีค่ะ ดูไปแค่ครึ่งเดียวก็ไม่ได้ดูแล้ว รู้สึกว่าจะร้องไห้หนักมาก

- ตกรอบเพลย์ออฟช่วงฤดูร้อนม.ปลายปี 3 เป็นใครก็ต้องร้องครับ (หัวเราะ) แล้วเรื่องที่พี่สาวเป็นไอดอล น้องชายเคยพูดอะไรมั้ย?

อายะ: แรกสุดเขาก็ปิดเงียบค่ะไม่ได้พูดอะไร น่าเสียดายที่โดยเปิดเผยอย่างไว (หัวเราะ) หลังจากนั้น รู้สึกว่าจะมีเพื่อนมาบอกเขาว่า “(พี่สาวนาย) วันนี้ก็ออกทีวีด้วยนี่” จะว่าไป ตอนเลือกตั้งเขาก็โหวตด้วยเหมือนกัน แถมยังเอาโปสเตอร์เลือกตั้งไปติดที่ห้องด้วย ตลกดีค่ะ (หัวเราะ)

- เป็นน้องชายที่ดีจังเลยนะ

อายะ: แต่เขาชอบมาบอกฉันว่า “อยู่บ้านไม่เห็นจะทำอะไรเป็นเลย คนต้องตกใจแน่ๆ” เพราะฉันทำงานบ้านไม่ค่อยเป็นค่ะ ดังนั้นดาราที่น้องชอบเป็นไทป์ที่ตรงข้ามกับฉันทั้งนั้นเลย

- เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีมั้งครับ (หัวเราะ) ในโคเอ็นก็เคยบอกว่า “โอชิของน้องคือไซโต้ มากิโกะ” นี่ครับ

อายะ: เขาบอกว่าหน้าตาแบบนั้นเป็นสเปคเขา แล้วก็บอกว่า “นั่นน่ะน่ารักที่สุด! สวยมาก!”

- ขอถามอีกอย่างนะครับ พวกคุณเรียกชื่อกันยังไง?

อายะ: “อายะ” กับ “โยชิกิ” ค่ะ ฉันไม่มีความรู้สึกเป็นพี่สาวเลย เขาเองก็ทำเหมือนเป็นลูกชายคนโต แต่ว่าเขากับฉันต่างกัน เขาเป็นพวกเพื่อนเยอะ

- แต่พี่สาวกลับเป็นพวกปลีกวิเวก

อายะ: บ้านชิบาตะทุกคนมีอัธยาศัยดี เล่นกีฬาเก่งค่ะ มีแค่ฉันที่มืดหม่นเอาแต่เรียนหนังสือ (หัวเราะ)

- น้องชายเคยไปดูโคเอ็นหรือคอนเสิร์ตบ้างมั้ยครับ?

อายะ: ตอนคอนเสิร์ต “Minogashita Kimitachi e” (เมื่อปี 2011 ที่ TDC hall) ฉันเรียกเขามาค่ะ ที่จริงก็เคยมาดูโคเอ็นที่เธียร์เตอร์ในนาโกย่าเหมือนกัน (หัวเราะ) รู้สึกจะเป็นช่วงสเตจ “Saga Akari” (สมัยอยู่ทีม E) มั้งคะ ให้เขาไปยืนดู ก็รู้สึกผิดเล็กๆเหมือนกัน

- ถ้ามีคนหน้าคล้ายขนาดนั้นมายืนดู แฟนๆก็ต้องสังเกตเห็นสิครับ

อายะ: เหรอคะ?

- ก็คล้ายกันจริงๆนี่ครับ

อายะ: คล้ายเหรอ? ฉันเหมือนคุณพ่อมากกว่า ส่วนโยชิกิจะเหมือนทางคุณแม่ แต่ว่าตาของคุณพ่อคุณแม่ก็โดดเด่นทั้งคู่ล่ะมั้ง



เพื่อนดื่ม


 (ตอนนี้เริ่มการวอร์มก่อนแข่ง)
อายะ: ออกมาแล้ววววว!! ว้าว มองตรงนี้คนดูตัวเล็กไปเลย เมื่อก่อนเคยเป็นแคทเชอร์ไหล่เลยดูใหญ่

- เพราะเจ็บไหล่ เลยเปลี่ยนตำแหน่งมาอยู่เบสแทนสินะครับ

อายะ: ใช่ค่ะ แต่ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันดูเบสบอลหรอกค่ะ เมื่อก่อนก็เคยไปดูการแข่งของ Chunichi Dragons กับคุณพ่อหลายครั้ง ตอนช่วงโกเมซน่ะค่ะ

- ช่วงโกเมซ!

อายะ: หมายเลข 1 ลี หมายเลข 2 ฟุกุโทเมะ หมายเลข 3 คาซุโยชิ หมายเลข 4 โกเมซ ฉันยังอยู่ชั้นประถมอยู่เลย สมัยที่โฮชิโนะ (เซนอิจิ) เป็นโค้ช ตอนนั้นยังได้ลายเซ็นมาด้วย! ตอนนี้ก็ยังติดอยู่ที่บ้านเลยค่ะ

 (อินนิ่งที่ 5 โฮเซย์บุก เคย์โอนำอยู่ 7 แต้ม)
- ....ไม่นึกว่าการแข่งจะออกมาแบบนี้นะครับ

อายะ: ทั้งๆที่ฉันมาดูดันเป็นอย่างนี้...ก็คงต้องดื่มแล้วล่ะ!

- งั้นสั่งเลยนะครับ! โทษนะครับ ขอเบียร์หน่อยครับ!

อายะ: (อึกๆๆ) ฮ่า! นี่มันเทพธิดาแห่งชัยชนะนี่!

- ดื่มได้แค่ไหนครับ?

อายะ: ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญอะไรหรอกค่ะ ดื่มได้แต่ก็คอยยั้งตัวเอง

- ถ้าเมาล่ะครับ จะเป็นยังไง?

อายะ: คงจะยิ้มไม่หยุดเลยมั้ง

- อย่างนี้ก็มีคนชวนดื่มบ่อยสิ!

อายะ: อุฮุฮุ ยังไงก็ไม่ไปดื่มกับผู้ชายหรอกค่ะ (อึกๆๆ) ฮ่า!

 (ตอนนี้ แบตเตอร์ตีลูกไปทางซ้าย)
อายะ: โย้ชช่า!! ตีโดนแล้ว!! แต่ว่าฉันชอบดื่มไป ฟังคนอื่นเล่าเรื่องไปน่ะค่ะ

- แล้วถ้าไปดื่มกับพวกเมมเบอร์ล่ะ?

อายะ: นั่นสินะ ไปกับใครดีน้า...

 (แบตเตอร์คนต่อมาตีลูกได้แต่บอลเบาเกินไป)
อายะ: ว้า!! อ่า  Gettsu ล่ะ!
 (Gettsu  คือ double play ในศัพท์เบสบอลหมายถึง ฝ่ายรับทำให้ฝ่ายรุกเอาท์ได้สองคนติดกัน)

- ได้ยินคำว่า “Gettsu” จากปากชิบาตะซัง รู้สึกแปลกดีนะครับ (หัวเราะ)

อายะ: จริงสิ! ถ้าได้ไปดื่มกับคาโต้ รูมิซังก็คงดีค่ะ เรื่องที่เธอเล่าน่ะมันฮามากเลย จริงๆฉันก็อยากรู้ด้วยว่าเธอคิดกับฉันยังไง แล้วก็เธอคงสอนเรื่องปลาที่น่ากินๆให้ด้วย (หัวเราะ)

- นักตกปลาตัวจริงสินะ

อายะ: แล้วก็ ไซโต้ มากิโกะซังค่ะ ดูเหมือนว่าเธอจะรับภาระการเป็นกัปตันมากเกินไป เพราะงั้นฉันเลยอยากบอกเธอว่า “สนุกกับมันให้มากกว่านี้ไม่ดีกว่าเหรอ?” ถึงมันจะไม่ได้ผลก็เถอะ...

 (ในตอนนี้ เบสแรกตีบอลฟาวล์ น้องชายทำพลาด)
- อะเร๊ะ แย่แล้วล่ะ!

อายะ: อ่า...วันนี้ดูจะไม่ได้ผลเลยน้า

- ตอนเอ็นจิ้นคงจะบอกว่า “วันนี้พี่สาวมาดูด้วยนะ”  เลยทำให้ทุกคนใจลอยรึเปล่าก็ไม่รู้นะครับ

อายะ: คงไม่ได้พูดหรอกค่ะ!

- ตอนที่ทีมกำลังแย่เหมือนแบบนี้ ชิบาตะซังจะทำยังไงครับ?

อายะ: ฉันเป็นพวก “ฉันก็คือฉัน” ค่ะ (หัวเราะ) แม้ว่าตอนสมัยทีม E จะมีช่วยเหลือกันบ้าง แต่ที่ทำให้ฉันเปลี่ยนไปจริงๆคือหลังจากย้ายไป KII

- สปิริตแบบ “For the team” ของทีม KII ทำให้ชิบาตะ อายะเปลี่ยนไปเหรอครับ?

อายะ: ใช่แล้วค่ะ!  สมัยก่อนน่ะจะเอาแต่คิดเรื่องผลงานของตัวเอง แต่หลังจากนั้นก็เริ่มคิดถึงชัยชนะของทีมมากขึ้น

- เปรียบเทียบจากการดูแข่งเบสบอลสินะครับ

อายะ: ผลงานของตัวฉันเองจริงๆก็ไม่ได้ดีหรอกค่ะ ตอนทีม KII น่ะ บรรยากาศของทั้งทีมดีมาก การที่ทีมได้รับความสนใจ ก็เริ่มมีคนสนใจฉันมากขึ้น ดังนั้นการชัฟเฟิลครั้งนั้นสำหรับฉันเป็นความสำเร็จค่ะ

- มีคนบอกว่า “เธอดูเปลี่ยนไปนะ” บ้างมั้ยครับ?

อายะ: บอกเยอะมากค่ะ! ฉันที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยไปกินข้าวกับทุกคนในทีมเลย นั่นเป็นครั้งแรกที่ตัวเองคิดอยากจะชวนทุกคนไปกินข้าว

- ทำการปฏิวัติ!

อายะ: ทีม E ในตอนนี้ก็มีพลังดีมากค่ะ แล้วก็มั่นคงมากด้วย ช่วงนี้กำลังเล่นชัฟเฟิลโคเอ็น ได้ขึ้นสเตจกับเมมเบอร์ทีมอื่น มันสนุกมากเลยที่ได้รู้จักอีกด้านที่ไม่เคยรู้มาก่อน เหมือน CE-PA league เลยค่ะ
(CE-PA league เป็นลีกเบสบอลที่เล่นข้ามลีกระหว่าง central league กับ pacific league)

- เอามาเปรียบกับเบสบอล ดีมากเลยครับ

อายะ: รู้สึกเหมือน WBA ละมั้ง?

- WBC ครับ (หัวเราะ)
(WBC ย่อมาจาก World Baseball Classic ถ้วยเบสบอลระดับโลก)

อายะ: อ่า ผิดสินะคะ! นั่นมันบาสเก็ตบอล

- บาสเก็ตบอลมัน NBA ครับ! เมาแล้วมั้งครับ (หัวเราะ)

อายะ: ไม่ค่ะ ไม่ได้เมา!

- งั้นสั่งเพิ่มอีกสักแก้วดีมั้ย

อายะ: ...งั้นเหรอคะ (ยิ้ม) โทษนะคะ ขอเบียร์ด้วยค่ะ (อึกๆๆๆ) ฮ่า!

- ได้ดื่มแบบนี้ดีจังเลยน้า คราวนี้มาคุยเรื่องวงกันดีกว่าครับ มีเมมเบอร์เด็กๆที่เข้าตามั่งมั้ยครับ?

อายะ: มีค่ะ! ช่วงนี้ที่ได้ขึ้นแสดงโคเอ็นด้วยกันแล้วคิดว่าดีมากเลย คือ ฮิดากะ ยูซุกิกับอาซาอิ ยูกะจังค่ะ ยูซุกิน่ะแสดงสีหน้าออกมาได้เป็นผู้ใหญ่มาก น่าชื่นชมมากๆ ส่วนอาซาอิจังรู้สึกได้ว่าเธอมีแววค่ะ แม้ว่าพูดแบบนี้อาจดูอวยเกินไปหน่อย (หัวเราะ) เพลงที่ร่าเริงสดใสเธอทำออกมาได้ดีเกินคาดค่ะ ทำได้ดีไม่แพ้เมมเบอร์ที่ขึ้นแสดงประจำเลย

- พูดอย่างนี้ แปลว่าโหวตของชิบาตะซังอาจจะเทไปให้อาซาอิ ยูกะซังสิครับ

อายะ: อย่างนั้นก็ได้ค่ะ ขอแค่โหวตของฉันเทไปให้เมมเบอร์ SKE48 ก็พอ แต่ว่าก็ยังอยากให้โหวตน่อนเมมากที่สุด (คิโมโตะ คาน่อนและซาคาอิ เม) อยากให้เด็กรุ่น 4 ขึ้นไปสูงๆค่ะ ใน SKE48 มีเด็กอยู่มากมาย ในบรรดาเด็กมัธยม อยากให้พวกเธอโดดเด่นออกมา เป็นเด็กๆที่จะแบกรับ SKE48 ต่อจากนี้ไป

- อย่างเช่น เอโกะ(ยูนะ)จัง

อายะ: ใช่ค่ะ! เอโกะจังน่ะ อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น เธอมีโพเทนเชี่ยลมากๆเลยล่ะ

- ชิบาตะซังก็ไม่ได้ลงเลือกตั้งปีนี้...

อายะ: เรื่องนี้เพราะตัดสินใจไว้แล้วน่ะค่ะ


“ความเหมาะสม” กับ “ความสามารถเฉพาะตัว”


- ต่อไปเป็นคำถามเดียวกับที่ใช้ถามเมมเบอร์คนอื่นๆที่ได้สัมภาษณ์ลงในเล่มนี้นะครับ คือมีช่วงเวลาที่วงมีบรรยกาศไม่ค่อยดี ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเริ่มดีขึ้นแล้ว ชิบาตะซังคิดว่ายังไงครับ?

อายะ: ช่วงหลังจาก Mae no Meri บรรยากาศไม่ค่อยดีจริงๆค่ะ ไม่ว่าจะแฟนๆหรือเมมเบอร์ก็โดน “Rena Loss” กันหมด แต่ว่าเรื่องใหญ่อีกเรื่องที่เพิ่งผ่านไป คือ คอนเสิร์ตจบการศึกษาของ (มิยาซาว่า)ซาเอะซัง ช่วงก่อน-หลังคอนเสิร์ตก็มี “Sae-san Loss” ค่ะ

- เป็นเรื่องที่น่าสนใจจริงๆ

อายะ: เป็นเพราะคำพูดของซาเอะซัง ทุกคนเลยอยากรวมใจกันเป็นหนึ่ง ทุกคนพร้อมสู้เต็มที่ค่ะ เก็บเรื่องราววันนั้นไว้แล้วพยายามสู้ต่อไปค่ะ

- ซาเอะซังเป็นศูนย์กลางของทุกคน ดูเหมือนว่าจะให้พลังความสามัคคีไว้เป็นของขวัญจบการศึกษาสินะ

อายะ: คงจะอย่างนั้นค่ะ การที่ซาเอะซังมาน่ะเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่จริงๆ...อืม..

 (ตอนนี้มี double play เกิดขึ้นอีกครั้ง)
อายะ: ว๊า!! Gettsu (double play) อีกแล้ว กี่รอบแล้วเนี่ย!

- วันนี้ 3 รอบแล้วครับ

อายะ: เอ๊ะ เมื่อกี้ถึงไหนแล้วนะคะ?

- ซาเอะซังครับ (หัวเราะ)

อายะ: อ่า ใช่ๆ (หัวเราะ)

- จะว่าไป ในคอนเสิร์ตจบการศึกษา หลังจากที่ซาเอะซังลงจากเวทีไป ก็มีประกาศระบบใหม่ใช่มั้ยครับ มีการแต่งตั้งกัปตันกับรองลีดเดอร์ ทำให้เราพอเห็นฉากต่อไปของ SKE48 เป็นเรื่องที่ดีจัง

อายะ: ใช่ค่ะ!

- แต่ว่าตอนที่เรนะซังจบการศึกษาไม่มีอะไรแบบนี้ ก็เลยทำให้อารมณ์โศกเศร้ามันเหลืออยู่ในใจ

อายะ: นั่นสินะคะ ตอนนี้บรรยากาศของวงก็ผ่อนคลายลงมาก

- มีอีกเรื่องที่อยากจะถามครับ สำหรับ SKE48 ช่วงเวลาของ WMatsui เป็นช่วงที่ยาวนาน ไม่ใช่แค่สองคนนี้ แต่ยังมีช่วงที่ชิบาตะ อายะ ทาคายานางิ อากาเนะ สุดะ อาคาริ 3 คนที่แข่งกันช่วงชิงตัว “A” กันอยู่ด้วย
(T/N note: ตัว A คือตัวอักษรย่อของชื่อ เหมือนเบิ้ลอิเป็น JR เนื่องจาก 3 คนนี้ตัวอักษรย่อเป็นตัว A เหมือนกัน เลยต้องแย่งกันหน่อย)

อายะ: มีฉันเข้าไปแข่งกับเขาด้วยเหรอคะ? ขอบคุณค่ะ (หัวเราะ)

- ผมว่าทั้งหมดเป็นคนที่เอื้อมถึง WMatsui ได้ครับ เพื่อจะเป็นแบบนี้ได้ คุณคิดว่าอะไรคือสิ่งที่จำเป็นต้องมีครับ?

อายะ: อะไรน้า...ฉันน่ะเป็นพวกขบถ เป็นประเภท “ไม่มีทางเข้าเซมบัตสึได้หรอก!” ตอนนั้นฉันเอาแต่แข่งกับตัวเอง เพราะอยากเข้าเซมบัตสึนั่นแหละ ฉันถึงได้พยายามสุดชีวิตทั้งในโคเอ็นและงานจับมือ แต่ว่าจะสนใจแค่งานจับมือก็ไม่ได้ มันเป็นคนละเรื่องกับการเอาชีวิตรอดในวงการบันเทิงค่ะ

- นั่นสินะครับ

อายะ: การมีแฟนๆเยอะเป็นสิ่งที่สำคัญมาก แต่ว่าถ้าจะให้ดีไปกว่านั้นต้องมีความสามารถเฉพาะตัวค่ะ ประมาณ 1 ปีที่ผ่านมานี้ฉันไม่ค่อยได้สนใจแล้วว่าบัตรจับมือจะขายดีมั้ย แน่นอนว่าตราบใดที่ยังอยู่ในวงฉันก็ทุ่มเทกับมันเหนือสิ่งอื่นใดอยู่แล้ว แต่เรื่องในอนาคตก็ต้องคิดค่ะ ทั้งเรื่อง“ความเหมาะสม” ทั้งเรื่อง “ความสามารถเฉพาะตัว” แล้วก็ต้องเรียนรู้ที่จะขยายขอบเขตมุมมองของตัวเองออกไป

- “ความสามารถเฉพาะตัว” ตรงนี้ มีเมมเบอร์ที่น่าสนใจมั้ยครับ?

อายะ: (โกโต้) ราระค่ะ! พูดอังกฤษได้ ตีกอล์ฟก็เก่ง แล้วยังตั้งใจพยายามแบบสุดๆ ความสามารถสูงมากค่ะ (ฟุรุฮาตะ)นาโอะจังก็ร้องเพลงเก่ง ฝีมือการแสดงก็ดี (อาซุม่า)ริองก็เหมือนกัน มีจุดที่น่าดึงดูดเยอะมาก น่าอิจฉาจริงๆค่ะ

- ก็คือ ตอนนี้มีรุ่นน้องหลายคนที่ทำให้รุ่นพี่อิจฉาได้

อายะ: ใช่ค่ะ! แต่ว่าก็ต้องมีเด็กอย่างยูนานะที่แฟนๆหลงหัวปักหัวปำอยู่ด้วย การที่มีเด็กๆที่ไม่เหมือนกับจูรินะซังและเรนะซังแข่งกันอยู่แบบนี้ เป็นสิ่งที่เราอยากเห็นไม่ใช่เหรอคะ

(การแข่งขันจบลง โฮเซย์แพ้ไป 1-11)
อายะ: อ๊า!! แพ้ซะแล้ว!

- อดเป็น “เทพธิดาแห่งชัยชนะ” เลยนะครับ...

อายะ: อืม...สงสัยต้องมาล้างตาซะแล้ว ตอนลีกฤดูใบไม้ร่วงคงต้องมาดูแล้วล่ะ! สัญญาเลยค่ะ!



วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2559

[65FS] AKB48SHOW - ตามติดชีวิตสาวคาบเส้น คุมะซากิ ฮารุกะ [TH]

 [65FS] AKB48SHOW - ตามติดชีวิตสาวคาบเส้น คุมะซากิ ฮารุกะ


  


ซับไทยรายการพิเศษจากAKB48showที่ตามถ่ายทำสารคดีชีวิตเมมเบอร์สองคนที่ได้อันดับที่80และ81ในผลด่วนของการเลือกตั้ง
ซึ่งอันดับที่80เป็นของ คุมะซากิ ฮารุกะ SKE48 รุ่น 6 หรือที่แฟนชาวไทยเรียกกันว่า"น้องหมี"นั่นเอง (ขวัญใจ91)
มาทำความรู้จักชีวิตและความคิดเล็กๆน้อยๆของน้องหมีในรายการ10นาทีนี้กันค่ะ ว่าเบื้องหลังรอยยิ้มและการเต้นบ้าพลังนั้นมีอะไรซ่อนอยู่บ้าง ^^




GDRIVE : https://drive.google.com/…/0B4X2hbvkK9WqczNXVkVZaGxuR…/view…
แถม

(91)[100%SKE48] แปลบทสัมภาษณ์คุมะจัง (คุมาซากิ ฮารุกะ)
 http://ske65.blogspot.com/2016/05/91100ske48.html

[100%SKE Press Event] "และซักวัน ฉันอยากเป็นคนที่จะก้าวข้ามจูรินะซังได้"

[ แปลแบบสรุปๆส่วนที่เราสนใจนะคะ ← ]

SKEจะมีหนังสือเป็นของตัวเองโดยเฉพาะในรอบสามปี ถามว่าทุกคนรู้สึกยังไงบ้าง
เรียวฮะบอกว่าตอนแรกที่ได้ยินรู้สึกไม่น่าเชื่อเลย นึกว่าล้อกันเล่นซะอีก
ดีใจมากๆที่มีหนังสือเล่มนี้ออกมาและนอกจากนั้นยังมีสมาชิกรุ่น6 4 คนที่ได้อยู่ในหนังสือเล่มนี้ด้วย
พอมาอยู่รวมกันเป็นเล่มเดียวแบบนี้ก็ไม่เปลืองเงินมากในการซื้อเก็บ อยากให้คนได้อ่านเล่มนี้กันเยอะๆ

หลังจากเรนะและซาเอะจบการศึกษาไป
แน่นอนมันมีความรู้สึกว่า "SKE วิกฤติแล้ว" อยู่ และมีใครหลายคนที่รู้สึกไม่สบายใจ
คุมะคิดว่านี่แหละเป็นเรื่องที่ดี เพราะด้วยความรู้สึกนั้นทุกคนจะรู้สึกว่าตัวเองต้องทำเต็มที่
เพื่อให้SKEเป็นวงที่ดีขึ้นยิ่งกว่าเดิม ตอนนี้ทุกคนเอ่อล้นไปด้วยความรู้สึกว่า "ฉันอยากเป็นคนที่ฉุดดึงSKE48ไปข้างหน้า!"
ถึงอาจจะมีคนบอกว่าSKEสมัยก่อนน่ะเจ๋ง แต่สำหรับคุมะแล้ว เค้าคิดว่าSKEปัจจุบันคือSKEที่ดีที่สุด
และใครหลายคนจะเข้าใจความรู้สึกนั้นหลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้
นักข่าวถามว่า ทั้งสามคนคือคนที่จูรินะตั้งความหวังด้วยไว้มาก ทั้งสามคนรู้สึกยังไงบ้าง

เรียวฮะ
"ฉันดีใจมากเลยค่ะที่จูรินะซังตั้งความหวังกับฉันไว้สูง ฉันคิดว่า SKE ในปัจจุบันนี้ให้ความรู้สึกว่า
SKE = มัตสึอิ จูรินะ ในสายตาของคนนอก
ฉันไม่อยากให้แค่มีชื่อจูรินะซังโผล่ขึ้นมาเมื่อพูดถึงSKE48 อยากให้มีชื่อของพวกเราด้วย
และซักวัน ฉันอยากจะเป็นคนที่สามารถก้าวข้ามจูรินะซังไปได้"

คุมะ
"ฉันดีใจมากค่ะเพราะพูดมาตลอดว่าจูรินะซังเป็นรุ่นพี่ที่เคารพรัก แต่ฉันอยากจะเป็นคนที่ทำให้จูรินะซังคิดว่า
"พวกรุ่นน้องเอาจริงซะแล้ว เริ่มกังวลแล้วสิ จะทำไงดีเนี่ย!" ให้ได้บ้าง

ราระ
"ฉันกับโอบาตะ ยูนะจัง พวกเราอยากไปให้ถึงนาโกยะโดมด้วยกันค่ะ เราไม่เคยขึ้นไปยืนบนเวทีนาโกยะโดมมาก่อนเลย
เป้าหมายของเราคือ ซักวันเราจะต้องกลับไปเล่นคอนเสิร์ตที่นาโกยะโดมให้ได้อีกครั้ง
และในซักวัน ฉันอยากให้พวกเรามีสายสัมพันธ์แบบเดียวกับที่จูรินะซังและเรนะซังมี"

[ว่าด้วยความเห็นจากนักข่าวนสพ.AKB]

จากงานเปิดตัวหนังสือ 100%SKE ของสนพ.BUBKAค่ะ
อย่างที่รู้กันว่าหนังสือ100%SKEจะเป็นหนังสือที่รวมบทสัมภาษณ์ รวมกราเวียร์ โดยทั้งเล่มจะเป็นSKE48ล้วนๆ
จริงๆSKEเป็นวงที่ออกหนังสือที่เป็นExclusiveของวงเฉพาะมาหลายเล่มมาก ทั้งหนังสือSKE Historyที่เป็นเล่มสี่สีพอคเกตบุคแถมสติกเกอร์ด้วย!!(แถมมาทำไม..ไม่กล้า ใช้)
แล้วก่อนจะเป็นเล่มนี้คือจะเป็นหนังสือSKE Ura History ของสนพ.BUBKAที่เป็นตัวหนังสือล้วนๆ รวมมาจากคอลัมน์ประวัติวงที่ลงเป็นซีรีส์ในBUBKAรายเดือนเช่นกัน
บรรณาธิการที่เป็นคนทำหนังสือ100%SKEในคราวนี้บอกไว้ว่า
ถึงจูรินะจะเคยบอกว่าSKEตอนนี้กำลังวิกฤติก็เถอะ แล้วทำไมถึงถึงจะทำหนังสือเล่มนี้ออกมาล่ะ? คิดว่ามันจะขายได้เหรอ
เพราะว่าแบบนั้น ยิ่งต้องทำตอนนี้เลยต่างหาก!!
นี่คือ #ทีมSKE ที่แท้จริง...5555555
นอกจากบ.ก.ของBUBKAแล้ว ยังมีนักข่าวสายไอดอลที่บรรยายถึงบรรยากาศในงานแถลงข่าวเปิดตัวหนังสือ100%SKEไว้ด้วยค่ะ
ว่า

"ในงานวันนี้ เหล่านักเขียนและนักข่าวที่เขียนเรื่องSKEกันเป็นประจำได้มารวมตัวกัน
คนแล้วคนเล่าที่ปรากฎตัวเข้ามาในงานเพียงแค่เราสบตากันแว้บเดียวก็รู้สึก ขึ้นมา ว่าคนเหล่านี้คือคนที่รักSKEจากใจและอยากเป็นพลังให้กับSKEแม้เพียงทางใดทาง หนึ่ง
ซึ่งนับเป็นเรื่องแปลกนะครับ
เพราะทั้งการเขียนข่าว เขียนบทความ ย่อมทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเป็นคู่แข่งกัน จะมองว่าเป็นศัตรูกันก็ไม่แปลกเลย
แต่เมื่อไหร่ที่มีชื่อของSKEอยู่ จุดมุ่งหมายของทุกคนจะเป็นหนึ่งเดียวกัน
หัวข้อข่าวที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ นอกจากSKE48นั้นไม่มีอีกแล้ว
เป็นแรงดึงดูดอันอัศจรรย์ที่ทำให้เกิดความสัมพันธ์แบบ "อยากไปชนแก้วกับแกชะมัด!" ขึ้นมาครับ
SKEในตอนนี้ไม่มีรายการประจำ โอกาสได้ออกสื่อน้อยลง
ไม่ว่าใครก็กำลังดิ้นรนพยายามอย่างเต็มที่ ผมคิดว่าเป็นเรื่องน่าเศร้า
และท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้
กลุ่มผู้สื่อข่าวSKEก็กำลังต่อสู้เต็มกำลังเช่นกัน
ในครั้งนี้เป็นBUBKA ที่พยายามสุดแรงทุ่มเทกายใจ
ทำหนังสือของSKE48ล้วนๆออกมาครับ
ถ้าไม่รักล่ะก็ จะทำถึงขนาดนี้ไม่ได้เลย
ผมเคารพนับถืออย่างสุดหัวใจจริงๆ
ผมควรจะทำให้ได้อย่างเขาบ้าง รู้สึกเสียดายมากๆจนวันนี้ถึงกับนอนไม่หลับเลย
ล้อเล่นนะครับ หนังสือพิมพ์AKBก็จะพยายามสุดกำลังให้ไม่แพ้กันเช่นกัน"

เราอ่านแล้วนึกถึงซาเอะที่บอกในสเตจครบรอบสิบปีของรุ่น2ที่AKBต่อหน้า เพื่อนๆรุ่น2ตอนโดนนักข่าวถามเรื่องการทำงานกับ48Gหลังจบการศึกษาในอนาคต ว่า
เค้าอยากจะข้องเกี่ยวกับSKEมากกว่าAKBนะ เรียกเสียงฮือฮาในหมู่เพื่อนๆ (ยูโกะงงเลย55)
แม้แต่ซาเอะอยู่มาสองปีก็อิน นี่แม้แต่ผู้สื่อข่าวก็อินกันไปด้วย เป็นวงที่มีแรงดึงดูดพิเศษให้ชวนเอาใจช่วยและเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนไป ด้วยจริงๆค่ะ

วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2559

(91) เทศกาลขอบคุณสำหรับการจบการศึกษาของชิบาตะ อายะ (แต่ไม่แกรดจากอายะจังนะ!)


หลังจากพี่อายะประกาศแกรด ก็มีเสียงเรียกร้องให้จัดคอนเสิร์ตอำลาถึงขั้นที่ว่าแฟนๆไปตั้งล่ารายชื่อใน change.org เรียกร้องให้ลุงหนวดจัดคอนให้เลยทีเดียว

ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานก็มีประกาศออกมาว่าจะจัดงานขอบคุณขึ้นที่ Zepp Nagoya ไม่มีใครนึกออกว่างานเทศกาลขอบคุณจะออกมาเป็นยังไง แถมที่จัดก็ไม่ได้ใหญ่โต แต่ถึงจะไม่ใช่คอนเสิร์ตมันก็ยังดีน่ะ
ก่อนหน้าวันงาน พี่อายะก็ออกมาสปอยล์ว่าจะมีเล่นเพลง 21 เพลงนะ และจะมีเมมเบอร์มาร่วม 16 คน แล้วก็มีบ่นนิดหน่อยว่าที่ในเว็บเขียนว่า "คนที่มาขึ้นเป็นเมมเบอร์ 16 คนที่อายะชอบ" ไม่ได้แปลว่าคนที่ไม่ได้มาจะไม่ชอบนะ เค้าชอบเมม SKE ทุกคนแหละ!!
และสุดท้ายก็ไม่มีบอกว่าใครบ้างที่จะมา ลุ้นเอาเองวันจริง //มีงี้ด้วย

สรุปพอวันจริง...งานขอบคุณของพี่ มันก็คือคอนเสิร์ตดีๆนี่แหละค่ะ!!
ส่วนเมมเบอร์ที่มาขึ้น มีแต่รุ่น 4 กับเด็กเคงคิวเซย์ค่ะ!! //กะโปรโมตเด็กใช่มั้ย
โดยงานนี้มีถ่ายทอดสดทาง Nico ซึ่งพี่อายะซี้กับทีมงานอยู่แล้วด้วย

พอได้ดูแล้ว ขอนิยามคอนเสิร์ตนี้ว่า "เกรียน" ค่ะ เกรียนมากตั้งแต่ต้นยันจบ (แม้แต่เว็บไซต์พิเศษของพี่เค้ายังเกรียน http://shibataaya.ske48.co.jp/)
แต่ก็ถือว่าคอนนี้ไล่เรียงเพลงสำคัญๆของพี่อายะไว้หมด และยังโปรโมตเด็กมากๆด้วย


เปิดตัวมาพี่ก็แซะตัวเองก่อนเลย โดยเอาฉากเปิดของ AKB49 มาล้อเลียน อย่างที่ทุกคนรู้กันว่าพี่เค้าปฏิเสธเล่นบทนี้ไปและออกมาขอโทษขอโพยแฟนๆยกใหญ่ และพี่อายะจะเซนซิทีฟทุกครั้งที่โดนแซวเรื่องนี้ แต่นี่เอามาเล่นเองเลยค่ะ ฮาาาาาา
เล่นเสร็จนางก็ถอดชุด โซโล่เพลง Utsukushii Inazuma แต่ไม่ทันจบเพลง โฮโนโนะก็วิ่งออกมาสะกิด "พี่คะๆ พี่ไม่ติดเซมเพลงนี้นะคะ" เห้ย แบบนี้ก็ได้เหรอ แซะตัวเองสองมุกติด นี่งานแกรดพี่จริงๆใช่มั้ยคะ!!?



จากนั้นเด็กๆเคงคิวเซย์ก็ออกมา เล่นเพลง Dear My Teacher โดยมีพี่อายะเป็น Teacher ค่ะ ถ้าใครได้ดูรายการ Zero position 2-3 ตอนล่าสุด จะเป็นคลาสของพี่อายะมาสอนน้องๆเคงคิวเซย์เรื่องเทคนิคต่างๆของไอดอล ก็คงจะเป็นที่มาที่เอาเพลงนี้มาเล่น
ต่อด้วย Theater no Megami เพลงจากสเตจสมัยที่พี่อายะอยู่ทีม C (ทีม KII เก่า ตัว C ย่อมาจาก Churi ลีดเดอร์ในตอนนั้น)
แล้วก็มีเล่นเพลงซิงเลือกตั้ง 2 เพลงที่พี่เค้าติดเซมบัตสึเลือกตั้ง และแน่นอนเพลง  Ai no Imi wo Kangaetemita เพลง undergirls ที่พี่อายะได้เป็นเซนเตอร์ในปี 2013 ด้วย





setlist ทั้งหมดก็ตามข้างล่างค่ะ มั่นใจเป็นเพลงที่พี่อายะเลือกมาเองทั้งหมด อย่าง Mae no Meri ถึงจะเป็นซิงเกิ้ลที่พี่เระแกรดแต่พี่อายะเค้าชื่นชอบเป็นการส่วนตัว
MC ที่มาคั่นรายการก็ เกรียน ฮาแตกขั้นสุด ทั้งตอนเล่นละครให้น่อนเป็นหมอดูหื่นๆ //เอาน่อนที่น่ารักของเราคืนมา
ทั้งตอนที่เมเมคุยกับพี่อายะขณะเปลี่ยนชุดหลังเวที ถามว่า "เพื่อนๆที่เปลี่ยนชุดอยู่ใส่กางเกงในแบบไหน? รายงานมาหน่อย" //ฮาน่าเกลียดที่สุด ฮ่าๆๆๆ

ไฮไลท์ของวันก็คือ โคอามิ (โคบายาชิ อามิ) คู่รักคู่กัดพี่อายะก็มาดูด้วย พอตอนอังกอร์ โคอามิก็เป็นคนตะโกนนำอังกอร์ค่ะ น่ารักสุดอะไรสุด
หลังจากอังกอร์ก็ออกมาร้องเพลงแกรด Sayonara ga tsukushikute
แล้วพี่อายะก็กล่าวขอบคุณ (หรือเรียกว่าบอกรักดี)
"ก่อนจะเข้า SKE48 ฉันไม่เคยสนใจอะไรเลย มีแค่ SKE48 เท่านั้นที่ทำให้ฉันหลงใหล เวลาทั้งหมด 6 ปีของฉัน ได้เข้ามาอยู่ SKE48 ได้เจอกับทุกๆคน ฉันเข้าใจแล้วว่าฉันรักแฟนๆทุกคนมากจริงๆค่ะ ทุกคนน่ะเป็น Amore (อะมอเร่ แปลว่า ที่รัก) ของฉันนะคะ" //ยังจะเกรียน


ปิดท้ายด้วย  Aun no Kiss เพลงแจ้งเกิดของพี่อายะที่แท้จริง
โดยพี่อายะกล่าวทิ้งท้ายว่า "ถึงฉันจะแกรดจาก SKE48 แต่ทุกคนอย่าแกรดจากฉันนะคะ ฉันรักแฟนๆทุกคนจริงๆนะ" //บอกรักอีกแล้ว

งานก็จบลงไปอย่างสวยงาม วันนี้เองก็มีงาน 2shot ซิง Chicken LINE งานสุดท้ายของพี่เค้า แถวพี่อายะคือไม่ต้องนับค่ะ แถววนไปเป็นสิบๆตลบ ล้นทะลักมาก

จากเด็กสาวที่กล้าโดดเรียนมาทำตามความฝัน จนมาเป็นเมมเบอร์แถวหน้าในวงไอดอลระดับชาติ ตำนานซินเดอเรลล่าแห่ง 48 group คนนี้จะเป็นที่กล่าวถึงตลอดไป 
เส้นทางของชิบาตะ อายะต่อจากนี้ ขอให้ทุกคนติดตามกันต่อไปด้วยค่ะ To be continued.


setlist
M1 Utsukushii Inazuma (ร้องไม่จบโดนโฮโนโนะมาหยุดไว้)
M2 Dear my teacher
M3 Theater no Megami
M4 Tenshi no Shippo
M5 Kokoro no Placard
M6 Halloween Night
M7 Ai no Imi wo Kangaetemita
M8 Idol Nante Yobanaide
M9 Skirt, Hirari
M10 Tenohira
M11 Aishiteru to ka, Aishiteta to ka (เพลงยูนิต Furumarion ร้องคู่กับเมเม)
M12 Coquettish Juutai Chuu
M13 Wagamama na Nagareboshi (ร้องคู่น่อน)
M14 Oki Doki
M15 Mirai to wa?
M16 12Gatsu no Kangaroo
M17 Sansei Kawaii
M18 Pareo wa Emerald
M19 Mae no Meri
M20 To be continued

EN1 Sayonara ga tsukushikute
EN2 Aun no Kiss

วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2559

(91)[100%SKE48] แปลบทสัมภาษณ์ด้งจัง (ฟุกุชิ นาโอะ)

เข้ามาในวงโดยการเป็นดราฟต์รุ่น 1 
อีก 2 ปีต่อมาได้เป็นรองลีดเดอร์ทีม E...ฟุกุชิ นาโอะ
จากคนที่คอยสนับสนุนมาเป็นเมมเบอร์ จนกระทั่งได้รับตำแหน่ง
เรื่องเหล่านี้ต้องเป็นเธอเท่านั้นที่ทำได้
ด้งจังผู้รัก SKE48 มากกว่าใคร กับคำปฏิญาณตนที่มาจากจิตวิญญาณ

เพราะฉันเคยเป็นแฟนๆมาก่อนก็เลยทำได้
มาทำให้ SKE48 “ด้ง” (ตู้ม) กันเถอะ!


ครั้งที่สองที่ในหัวมันขาวโพลนไปหมด


- นี่อาจจะเสียมารยาทไปหน่อย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าฟุกุชิซังจะได้เป็นรองลีดเดอร์ทีม E น่ะครับ! อยากทราบว่ามีวิสัยทัศน์ต่อเรื่องนี้ยังไงบ้าง เลยเชิญมาน่ะครับ 

ลูกพี่ด้ง: ไม่หรอกค่ะๆ เรื่องนี้น่ะ...(หัวเราะ) 

- เดิมเคยเป็นแฟนพันธุ์แท้มาก่อน ตอนนี้กลับได้รับตำแหน่งใน SKE48 นี่มันยอดเยี่ยมมากเลยครับ อยากจะขอให้ฟุกุชิซังแสดงความเชื่อมั่นในการเป็นผู้นำสักหน่อย ก่อนอื่น ยังจำโมเม้นท์ที่ประกาศได้มั้ยครับ? 

ลูกพี่ด้ง: ดราฟท์รุ่น 1 ใน 48 กรุ๊ปทั้งหมด จบการศึกษาไปแล้วถึง 3 คน ทุกคนพูดกันว่า “คนที่เหลืออยู่พยายามเข้านะ” ณ ตอนนั้น มัตสึโมโต้ จิคาโกะจังก็ถูกเรียกชื่อ ได้เป็นรองลีดเดอร์ทีมS ในใจฉันก็คิด “ถึงเวลาของดราฟต์รุ่น 1 แล้ว!” 

- ตอนนั้นคงยังรู้สึกเป็นแค่คนยืนดูเฉยๆสินะครับ

ลูกพี่ด้ง: ใช่ค่ะ (หัวเราะ) จากนั้น พอตอนที่ฉันถูกเรียกก็จำอะไรไม่ค่อยได้แล้ว ตอนหลังได้ยินจากสตาฟฟ์ซังว่า แม้กล้องจะจับภาพฉันอยู่ แต่อยู่ดีๆก็หายไปจากจอเฉยเลย

- ล้มลงไปเลย

ลูกพี่ด้ง: “จุกเหมือนคนโดนต่อยท้อง” เลยค่ะ (หัวเราะ) ตอนนั้นถึงได้รู้ว่า ในหัวขาวโพลนไปหมดนี่มันเป็นอย่างนี้เอง

- นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วครับที่ในหัวมันขาวโพลนไปหมด

ลูกพี่ด้ง: ครั้งที่ 2 ค่ะ ครั้งแรกคือตอนที่ถูกเลือกในงานดราฟต์ครั้งที่ 1 ตอนนั้นในใจคิดว่า “เย็นนี้กินซาโนะราเมงเสร็จก็กลับบ้านเลยแล้วกัน”

- พูดอีกอย่างคือ ในใจยอมแพ้ไปแล้วใช่มั้ยครับ

ลูกพี่ด้ง: ปรากฎว่าอยู่ดีๆก็โดนเรียกชื่อ ในหัวสมองนี่ขาวโพลนไปหมดเลยค่ะ สุดท้ายก็ไม่ได้ไปกินราเมง แต่ได้ไปกินเนื้อย่างแทน (หัวเราะ)

- เนื้อย่างฉลองสินะ (หัวเราะ)

ลูกพี่ด้ง:  นับแต่นั้น แม้จะเคยมีประสบการณ์ที่รู้สึกว่าในหัวมันขาวโพลน แต่พอฉันรู้ตัวอีกที ลีดเดอร์สุดะ (อาคาริ) ซังก็มาอยู่ข้างๆฉันแล้ว ตอนนั้นฉันหอบจนแทบจะหายใจไม่ทันแล้วค่ะ แต่ทุกคนกลับขำ! ในใจคิด “ขำอะไรกันเนี่ย!” (หัวเราะ) คงจะเพราะว่าฉันที่เคยเป็นโอตะมาก่อน ตอนนี้กลายมาเป็นรองลีดเดอร์ เรื่องกลับตาลปัตรแบบนี้ตลกดีใช่มั้ยล่ะคะ

- ก็ต้องขำอยู่แล้วล่ะครับ (หัวเราะ)

ลูกพี่ด้ง: ตอนที่ประกาศว่า (ไซโต้) มากิโกะซังเป็นกัปตัน ฉันก็เริ่มตั้งสติได้แล้ว รู้สึกว่า “โอ้ มากิโกะซัง สุดยอด!” แต่ว่าพอมาคิดดูดีๆ ฉันเองก็เพิ่งจะโดนเรียกชื่อไปเหมือนกัน

- แต่ว่า ปฏิกิริยาจากคนดูก็ดีมากเลยนะครับ

ลูกพี่ด้ง: หลังจากนั้นก็ร้องเพลงสุดท้าย “Nakama no Uta” ได้ลงไปแตะมือกับคนดู ได้ยินคนพูดว่า “สู้ๆนะ” “ถ้าเป็นด้งจังต้องทำได้แน่” ทำให้ยิ่งรู้สึกว่าที่ได้มาอยู่ SKE48 นี่มันดีจริงๆ ถึงแม้ตอนนั้นจะยังงงๆก็เถอะ

- ตอนนี้ก็ผ่านมาสักพักแล้วจากวันที่ประกาศ คิดมั้ยครับว่าทำไมถึงเป็นฉัน?

ลูกพี่ด้ง: ต้องล้อกันเล่นแน่ๆ! วันก่อนหน้านั้นก็ประกาศว่าจะกลับมาแสดง  AKB49 อีกรอบ แล้วฉันก็ได้เป็นหนึ่งในนั้นรับบทเป็นโอตะ ตอนนั้นฉันก็คิดแล้วว่าคงล้อเล่นแน่ๆ แต่วันต่อมา ฉันก็ไปถามผู้จัดการยูอาสะซังว่า “นี่ล้อเล่นใช่มั้ยคะ?” เขาตอบกลับมาว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะ! แค่คิดว่าถ้าคนที่เคยเป็นแฟนอย่างฟุกุชิมาเป็นรองลีดเดอร์ จะต้องนำอะไรใหม่ๆมาสู่วง ได้แน่ๆ” ถึงตอนนั้นจะคิดว่าที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง แต่พอมาคิดตอนนี้ก็ยังมีส่วนที่รู้สึกอยู่ว่าพวกเขาล้อฉันเล่นแน่ๆ (หัวเราะ)

- ปกติรองลีดเดอร์ต้องทำอะไรบ้างครับ?

ลูกพี่ด้ง: ถ้าตอนนี้ก็ นำเอ็นจิ้นตอนก่อนเริ่มโคเอ็นค่ะ แล้วก็หลังจากจบโคเอ็นก็จะเป็นตัวแทนเมมเบอร์กล่าวขอบคุณ วันที่ลีดเดอร์ไม่อยู่ก็จะให้ฉันทำแทน บางทีพอฉันพูด “งั้นทวนกันอีกทีนะ เพลงแรกคือ...” ทุกคนก็จะแบบว่า “ด้งเริ่มแล้ว.....” อะไรแบบนั้น (หัวเราะ) แต่ว่า คงเพราะเห็นฉันเอาจริงเอาจัง เลยอยากให้ฉันผ่อนคลายหน่อย บรรยากาศก็เป็นแบบนี้ล่ะค่ะ รุ่นพี่ใจดีมาก ดีมากเลยค่ะ


สร้างประวัติศาสตร์ร่วมกับแฟนๆ


- คืนวันที่ประกาศ คุณเขียนในบล็อกว่า “อยากจะสร้างวงที่เต็มไปด้วยความร้อนแรง” แสดงความเชื่อมั่นออกมาอย่างนั้น เลยอยากจะขอให้อธิบายหน่อยครับ

ลูกพี่ด้ง: ใช่ค่ะ...ในคอนเสิร์ตจบการศึกษาของซาเอะซัง ก็ร้องไห้ไปจนไม่เหลือน้ำตาแล้ว แต่ว่าจากนั้นจูรินะซังก็พูดว่า “SKE48 กำลังอยู่ในวิกฤต” ใช่มั้ยคะ พอได้ยินคำพูดนั้น น้ำตาก็ไหลออกมาอีกรอบ 

- ทั้งๆที่รู้สึกว่าน้ำตาไหลจนหมดไปแล้ว

ลูกพี่ด้ง: ค่ะ เพราะรู้สึกว่า “เป็นอย่างนั้นจริงๆด้วยน้า”

- จะบอกว่า ฟุกุชิซังเองก็รู้สึกถึงวิกฤตด้วยสินะครับ

ลูกพี่ด้ง: ที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าวิกฤตที่สุดก็คือ การไม่ได้ไป “งานขาว-แดง” ค่ะ ปีที่แล้วก่อนเริ่มรายการ นากานิชิ ยูกะซังกับ ซาโต้ มิเอโกะซังพูดไว้ว่า “ขอให้ได้มาขึ้นเวทีนี้อีกนะ” หลังจากทั้งสองคนจบการศึกษาไป ทุกคนก็พยายามกันเรื่อยมา แต่ไม่คิดว่าสุดท้ายจะไม่ได้รับเลือก รู้สึกอยากขอโทษพวกเขามากๆค่ะ

- เพื่อจะหลุดพ้นจากวิกฤตนี้ คิดว่าควรทำยังไงดีครับ?

ลูกพี่ด้ง: ฉันคิดว่าเมมเบอร์ทุกๆคนต้องสำรวจตัวเองใหม่ค่ะว่าคิดยังไงกับ SKE48 อยากให้ความรู้สึกเหมือนตอนเริ่มต้นกลับมาอีกครั้ง คิดว่าอยากสร้างให้วงออกมาเป็นแบบไหน ตัวเองอยากจะเป็นแบบไหน ถ้าทุกคนมีความตั้งใจแล้ว พอความคิดพวกนี้มารวมกันจะต้องทำให้วงได้รับความนิยมขึ้นมาได้แน่

- SKE48 ที่ “ได้รับความนิยมมากที่สุด” ของฟุกุชิซัง คือ SKE48 ตอนไหนครับ?

ลูกพี่ด้ง: ตอนขึ้นแสดง “Pareo wa emerald” ในงานขาว-แดง (เดือน 12 ปี 2012) ค่ะ ตอนนั้นฉันเป็นไข้ นอนดูรายการอยู่ที่บ้าน ตอนช่วง “Kataomoi Finally” (เดือน 1 ในปีเดียวกัน) ก็รู้สึกว่าใกล้ถึงเวลาแล้วล่ะ 

- ได้แสดงในรายการ Music station ด้วย

ลูกพี่ด้ง: ตอนนั้นพวกแฟนๆร้อนแรงกันมาก ดังนั้นเมมเบอร์ก็เลยพยายามไม่ให้แพ้ความร้อนแรงของแฟนๆ ในคอนเสิร์ตที่ Gaishi Hall (คอนเสิร์ตจบการศึกษาของซาเอะ) ก็รู้สึกได้เหมือนกัน แฟนๆ SKE48 เนี่ยอบอุ่นมากๆ เป็นหนึ่งเดียวกันมากๆ ใน LINE live ก่อนหน้านี้ก็สามารถกดหัวใจทะลุเป้าหมาย 1 ล้านหัวใจได้ ก่อนหน้ารายการพวกเรายังคุยกันอยู่เลยว่า “จนถึงตอนนี้สถิติมากที่สุดแค่ 6 แสนเอง จะถึง 1 ล้านได้มั้ยนะ”

- จากประสบการณ์ของฟุกุชิซัง ที่แฟนๆร้อนแรงกันขนาดนี้มาจากอะไรครับ?

ลูกพี่ด้ง: เพราะทุกคนคิดว่า “อยากให้ SKE48 ดียิ่งๆขึ้น” ค่ะ ไม่ว่ายังไง ก็มีคนเยอะมากๆที่เป็นฮาโกะโอชิ รวมถึงตัวฉันด้วย แม้ว่าโอชิแรกสุดของฉันยังไงก็เป็นจูรินะซัง...แต่เมื่อมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ทุกคนก็จะรวมใจกัน ลุกฮือขึ้นมา

-  “รวมใจกัน ลุกฮือขึ้นมา” (หัวเราะ)

ลูกพี่ด้ง: อยากให้วงนี้ได้รับการสนับสนุนไปตลอด อยากจะสร้างประวัติศาสตร์ร่วมกับแฟนๆ ถ้าทำให้พวกเขารู้สึกว่า “พวกเราเป็นหนึ่งเดียวกัน” ได้ก็คงดีค่ะ

- ถ้าดูจากอุดมการณ์นี้ แล้วปี 2016 นี้ล่ะครับเป็นยังไง?

ลูกพี่ด้ง: มีช่วงนึงที่รู้สึกว่าแย่แล้วจริงๆ ที่แย่ที่สุดคือช่วงก่อนและหลังที่ (มัตสึอิ) เรนะซังจบการศึกษาค่ะ แฟนๆก็ถามเหมือนกัน “SKE48 จะเป็นไรมั้ยนะ” ในตอนนั้นฉันเองก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไง แต่ฉันคิดว่า ก่อนอื่นตัวเองต้องพยายามให้เต็มที่เท่าที่จะทำได้ เมื่อตัวเองทำเต็มที่แล้วถึงจะมาคิดเพื่อวง ไม่ว่าจะกี่ปี ก็ต้องแบบนี้เท่านั้นแหละค่ะ...ตอนที่คิดแบบนี้อยู่ ก็ได้รับตำแหน่งรองลีดเดอร์แล้ว ดังนั้นก็จะเผยแพร่วงนี้ออกไปให้มากขึ้นค่ะ

- ในตอนที่คุณคิดว่าต้องพยายามเต็มที่เท่านั้น ทำอะไรไปบ้างครับ?

ลูกพี่ด้ง: ไม่ว่าทำอะไรก็ใส่เต็มที่สุดชีวิต ไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยก็ต้องรู้สึกขอบคุณมัน ต้องไม่ลืมว่าตัวเองมาถึงตอนนี้ได้เพราะถูกรับเลือกมาในงานดราฟต์ ยังไงก็ห้ามลืมความรู้สึกตอนเริ่มต้นนั้นค่ะ

- ไม่เพียงแค่เรนะซัง ซาเอะซังก็จบการศึกษาไปเหมือนกัน ต้องให้ความรู้สึกกระตือรือร้นกลับมาอีกครั้ง

ลูกพี่ด้ง: ฉันจะเดินหน้าไปกับมากิโกะซังค่ะ จริงๆก็อยากให้มากิโกะซังเป็นกัปตันมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว! รู้สึกว่า “เพิ่งจะเป็นตอนนี้อ่ะนะ!” ด้วยซ้ำไปค่ะ

- ฮ่าๆๆ นี่พูดในฐานะแฟนหรือเมมเบอร์ครับ?

ลูกพี่ด้ง: ทั้งสองอย่างค่ะ ช่วงที่ (มากิโกะซัง) เป็นเคงคิวเซย์  ก็เป็นคนคอยสรุปให้ตลอดเลยไม่ใช่เหรอคะ? เพราะงั้นก็เลยมีภาพจำว่า “ถ้าพูดถึง SKE48 ก็ต้องมากิโกะนี่แหละ” ทั้งเต้นเก่ง ทั้งคอยดูแลรุ่นน้อง แม้ว่าจะดูน่ากลัว (หัวเราะ) แต่ว่าเราต้องมีรุ่นพี่แบบนี้แหละที่คอยนำทุกคน

- ตอนนี้ SKE48 กำลังมุ่งไปทางไหน พอจะรู้มั้ยครับ?

ลูกพี่ด้ง: รู้ค่ะ ตอนที่เรนะซังจบการศึกษา ก็มีความรู้สึกแบบว่า “แย่ล่ะ แกรดแล้วสินะ...” แต่ตอนนี้ทุกคนค่อยๆกลับมาพยายามสู้ต่อไป แล้วก็ที่จูรินะซัง กลับมา SKE48 (ยกเลิกควบทีม) มันเป็นเรื่องสำคัญมากเลยค่ะจังหวะนี้น่ะ จากนี้ไป SKE48 จะต้องไปได้สวยแน่นอน

- เรื่องที่ดีในคอนเสิร์ตจบการศึกษา (ของซาเอะ) ที่ Gaishi hall ก็คือ การประกาศกัปตันคนใหม่ ทำให้ทุกคนมองเห็น SKE48 เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น หลังจากนั้น สำหรับเมมเบอร์แล้ว รู้สึกยังไงกันบ้างครับ?

ลูกพี่ด้ง: หลังจากคอนเสิร์ตนั้น ทุกคนก็เริ่มคลายเศร้าค่ะ หลังจากที่ Toyota Stadium (คอนเสิร์ตจบการศึกษาของเรนะ) “ต่อไปจะร้องเพลงด้วยความรู้สึกยังไงดีนะ” ทุกคนต่างก็ไม่รู้ แต่ว่าคอนเสิร์ตจบการศึกษาของซาเอะซังมันต่างออกไป เมฆหมอกความเศร้าอยู่ดีๆก็หายไปค่ะ

- ถ้าฟุกุชิซังเป็นหนึ่งในโอตะที่ไปดูคอนเสิร์ตวันนั้น จะเป็นอย่างไรครับ?

ลูกพี่ด้ง: คงตะโกนว่า “มากิโกะ!!!!!” ทั้งน้ำตามั้งคะ (หัวเราะ) ถ้าอยู่บ้านล่ะก็ ตอนนั้นคงเสิร์ชหาคำว่า “มากิโกะ” ใหญ่เลยล่ะค่ะ

- นี่คือด้านที่เป็นโอตะสินะครับ (หัวเราะ)

ลูกพี่ด้ง: พอมาคิดดูอีกที มันอาจจะเป็นพลังของซาเอะซังก็ได้ค่ะ ที่จบลงไปอย่างสดใสได้ขนาดนี้

- งี้นี่เอง เพราะความสดใสของซาเอะซังทำให้มันเป็นอย่างนั้น

ลูกพี่ด้ง: เพราะงั้น แม้ว่าจะรู้สึกเศร้าอยู่เหมือนกันที่ซาเอะซังจบการศึกษา แต่มันกลายเป็นความสุขค่ะ มิยามาเอะ (อามิ) ซังเองก็กำลังจะจบการศึกษา แต่ก็เพื่อไปตามความฝันเลยจบการศึกษาใช่มั้ยล่ะคะ ดังนั้นตอนนี้ฉันคิดในแง่บวกมากๆ


นาโกย่าคือบ้าน


- ต่อไปก็ อีเว้นท์ที่ต้องการการแสดงพลังจากแฟนๆ

ลูกพี่ด้ง: ...นั่นสินะคะ

- ความร่าเริงเมื่อกี้มันหายไปไหนล่ะครับ (หัวเราะ) เป้าหมายในงานเลือกตั้งคืออะไรครับ?

ลูกพี่ด้ง: นี่เป็นโอกาสครั้งใหญ่ที่หนึ่งปีจะมีครั้งนึง ที่จะทำให้คนจำนวนมากจำเราได้ แล้วก็ยังทำให้รับรู้ได้ด้วยว่ามีแฟนๆที่คอยสนับสนุนเราอยู่ เป้าหมายของฉันคือติดอันดับค่ะ

- ตอนฟุกุชิซังเป็นโอตะได้โหวตอะไรยังไงมาบ้างครับ?

ลูกพี่ด้ง: ฉันโหวต Request Hour ค่ะ แม้จะเคยโหวตเลือกตั้งบ้าง แต่ยังไง ก็แน่นอนว่าต้องให้จูรินะซังหมดเลย

- เรื่องนี้ถึงไม่บอกก็รู้ครับ (หัวเราะ) แล้วเป้าหมายของวงคืออะไรครับ?

ลูกพี่ด้ง: แค่ทำให้ทุกคนรู้สึกได้อีกครั้งว่า SKE48 นี่สุดยอดจริงๆแค่นั้นก็พอแล้วค่ะ แม้ว่าจำนวนคนติดอันดับจะสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ “ใครติด” ต่างหาก การติดอันดับก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะมีชื่อได้ใช่มั้ยล่ะคะ อย่างเช่น การไม่ติดผลด่วนแต่ติดวันจริง อะไรแบบนั้น

- นับตัวเองเป็นหนึ่งในนั้นมั้ยครับ?

ลูกพี่ด้ง: เอ๋? ก็ไม่เชิงค่ะ...เทียบกับตัวเองแล้ว ฉันคิดเรื่องว่าปีนี้ใครจะติดเซมบัตสึมากกว่า อย่างแรก ชูริซัง (ทาคายานางิ อากาเนะ) น่าจะติด....

- กลับไปเป็นโอตะอีกแล้วนะครับ (หัวเราะ) เมื่อกี้ก็มีพูดถึงด้วยว่า “อยากจะสร้างวงที่เต็มไปด้วยความร้อนแรง” ถ้าเกิดถูกถามว่า “แล้วมันเป็นวงแบบไหนล่ะ” จะตอบว่ายังไงครับ?

ลูกพี่ด้ง: วงที่จริงจังค่ะ

- ซาเอะซังก็เคยพูดแบบนี้

ลูกพี่ด้ง: กรุ๊ปที่มุ่งไปที่จุดหมายเดียวกัน ทะยานไปข้างหน้า ถ้าไม่สำเร็จก็จะไม่ลดละความพยายาม

- ได้ย้ายจากโทชิกิมาอยู่ไอจิ รู้สึกยังไงบ้างครับ?

ลูกพี่ด้ง: ได้มาแล้ว ก็ทำตามใจตัวเองสุดๆไปเลยค่ะ (หัวเราะ) ตอนนี้นาโกย่าก็คือบ้านของฉัน บางครั้งไปโตเกียว พอได้กลับนาโกย่าก็รู้สึกว่า “นาโกย่าสุดยอด!” ดังนั้นไม่ว่าจะเป็น SKE48 หรือนาโกย่า ฉันก็อยากให้มีคนชอบเยอะขึ้นๆค่ะ 

- กลายเป็นสาวนาโกย่าไปเรียบร้อยแล้ว (หัวเราะ)


ก็เหมือน “เกียบัน” นั่นแหละ


ลูกพี่ด้ง: ตรงนี้ฉันก็มีคำถามอยากถามเหมือนกันค่ะ ทำไมคราวนี้ถึงอยากออกเล่มพิเศษคะ?

- คิดว่า เมื่อซาเอะซังจบการศึกษาไป เมมเบอร์ก็เป็นหนึงเดียวกันมากขึ้น ในเวลาแบบนี้ อยากจะรวบรวมความคิดของ SKE48 ที่มันโผล่เข้ามาไว้ในแมกกาซีนเล่มเดียวกันน่ะครับ แล้วก็เลยเชิญคนที่เป็นกำลังหลัก มีความคิดแรงกล้าที่จะดึง SKE48 ต่อไปข้างหน้ามาสัมภาษณ์กัน คิดว่าฟุกุชิซังเป็นคนที่มีความคิดแบบนั้นครับ 

ลูกพี่ด้ง: จริงสิ ก่อนหน้านี้ ไปกินข้าวกับอุเมะโมโตะ มาโดกะซัง เป็นวันหลังจากที่เธอประกาศจบการศึกษา เธอก็ถามฉันว่า “ด้งจังต่อไปจะทำยังไงเหรอ?” เพราะฉันไม่ใช่คนที่อยากจะเข้าวงการบันเทิง แค่อยากเข้า SKE48 เท่านั้นเอง ฉันเลยตอบกลับไป “เป้าหมายตอนนี้น่ะ คือใช้ชีวิตในวันพรุ่งนี้ให้เต็มที่ค่ะ” ถ้า SKE48 ดีขึ้น ตัวเองก็จะเติบโตขึ้นด้วย แต่ไม่ว่ายังไง สุดท้ายแล้วฉันก็แค่อยากพยายามทำเพื่อ SKE48 แค่นั้นเอง เรนะซังเคยบอกฉันว่า “ด้งจังต้องปกป้อง SKE48 ที่รักนี้ไว้นะ” นี่เป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉันค่ะ แม้ว่าตอนนี้จะมีฉันเพียงคนเดียวที่คิดอย่างนี้ แต่ต่อจากนี้ไปก็อยากให้มีเพื่อนมาร่วมด้วยเพิ่มขึ้นค่ะ

- เต็มไปด้วยความร้อนแรงจริงๆ คิดแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้วรึเปล่าครับ?
ลูกพี่ด้ง: ตอนเด็กๆชอบดู “เกียบัน” ค่ะ

-  “ตำรวจอวกาศเกียบัน” เหรอครับ! นั่นรู้สึกจะตั้งแต่สมัยยุค 80 แล้วนะ!

ลูกพี่ด้ง: คุณพ่อของฉันชอบมากค่ะ เพลงเปิดฉันก็ชอบมาก “ลาก่อนน้ำตา ยินดีที่ได้รู้จักความกล้า”

- นี่เป็นสิ่งที่ SKE48 ในตอนนี้ต้องการอยู่พอดีเลย! นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้เจอเรื่องที่สำคัญที่สุดตรงนี้ ขอบคุณที่มาสัมภาษณ์ในวันนี้ครับ! (หัวเราะ)




วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

(91)[100%SKE48] แปลบทสัมภาษณ์นาโอะจัง (ฟุรุฮาตะ นาโอะ)

ฟุรุฮาตะ นาโอะในคอนเสิร์ตจบการศึกษาของมิยาซาว่า ซาเอะนั้นดูน่าตื่นตาตื่นใจมาก
โบยบินออกจากรัง SKE48 ที่สำคัญยิ่ง รับประสบการณ์จากโลกภายนอก
ด้วยความเจ็บใจกับการที่ไม่ได้ไป “โคฮาคุ” ในปลายปีที่แล้ว
และที่มัตสึอิ จูรินะพูดออกมาว่าเป็น “วิกฤติ”
เมื่อผูกเรื่องพวกนี้เข้าด้วยกัน เธอได้ตัดสินใจแล้ว

ความรักใน SKE48 ที่ทวีมากขึ้น “บันทึกประสบการณ์การเรียนต่างแดน” ของฉัน
“รอยยิ้มของทุกคน ฉันจะเป็นคนปกป้องเอง!”


การตื่นรู้ในความเป็นมืออาชีพ

- วันนี้ คิดว่าจะจัด “งานยกย่องฟุรุฮาตะ นาโอะ” สักหน่อยเลยรีบมาจากโตเกียวเลยครับ

นาโอะ: แปะๆๆๆๆ งั้นฉันแค่นั่งฟังก็พอแล้วมั้งคะ

- แบบนั้นก็ไม่ใช่สัมภาษณ์สิครับ ยังไงก็ขอถามคำถามหน่อยละกัน (หัวเราะ) ก่อนอื่นอยากถามว่า ลักษณะการแสดงของฟุรุฮาตะซังเหมือนว่าอยู่ดีๆก็เปลี่ยนไป จากที่ผมดูโคเอ็งเมื่อเดือน 2 ก่อนกับในคอนเสิร์ตที่ Gaishi Hall เมื่อเดือน 3 มันน่าตื่นตาตื่นใจมากๆเลยครับ

นาโอะ: เอ๋? งั้นเหรอคะ?

- เอ๊ะ? ไม่รู้ตัวเหรอครับ? (หัวเราะ) เปลี่ยนแปลงไปชัดเจนเลยครับ เหมือนกำลังถืออาวุธที่ไม่มีใครสู้ได้ เต็มไปด้วยความมั่นใจ

นาโอะ: แต่ว่าฉันไม่มีความมั่นใจเลยค่ะ จะว่าไงดี ไม่รู้ว่าบางทีอาจจะมีความรู้สึกบางอย่างเปลี่ยนไปก็ได้ค่ะ แบบว่าอยากให้ SKE48 ยอดเยี่ยมขึ้นไปอีก มีความรู้สึกว่ารากฐานของฉันก็คือ SKE48 ค่ะ อยากให้คนรู้จักตรงนี้มากขึ้น อยากให้ SKE48 ในตอนนี้ดียิ่งขึ้น ความคิดแบบนี้มันออกมาผ่านการแสดงค่ะ

- โฮ่...อย่างนี้นี่เอง

นาโอะ: แล้วก็ บางทีอาจจะกำลังสนุกกับการเป็นไอดอลค่ะ กำลังสนุกกับการได้ร้องเพลงได้เต้น

- ฟุรุฮาตะซังในเพลง “Chicken LINE” ก็สุดยอดมาก เหมือนมีมนต์สะกด ดูมั่นมากเลย (หัวเราะ)

นาโอะ: ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ

- เหมือนทะลุไปอีกมิตินึงเลยครับ นี่เกี่ยวกับละครเวที “Hana yori Dango” ที่ได้เล่นเมื่อตอนเดือน 1-2 หรือเปล่าครับ?

นาโอะ: คิดว่าเกี่ยวกันไม่มากก็น้อยค่ะ ความคิดต่อ SKE48 ก็เปลี่ยนไปด้วย ที่ผ่านมาทำงานไปก็มัวแต่คิดไปว่า SKE48 ควรทำยังไงดีนะ แต่ตอนนี้มุ่งมาที่เรื่องที่ตัวเองจะทำได้...

- เริ่มจะเข้าใจขึ้นแล้วล่ะครับ อยากจะดูว่าถ้าตัวเองทำบางอย่างแล้ววงจะเปลี่ยนแปลงไปทางไหน มันก็เลยสื่อออกมาทางการแสดงสินะครับ?

นาโอะ: ใช่เลยค่ะ! เมื่อก่อนจะชอบกังวลกับตำแหน่งของตัวเอง แต่ตอนนี้ไม่มีเปรียบเทียบกับคนอื่นแล้วค่ะ นอกเหนือจากวงไอดอล ถึงตัวเองจะยังมีเป้าหมายที่สูงขึ้นไปแต่ตอนนี้เรื่องของ SKE48 อยู่เหนือสิ่งอื่นใด เรื่องนี้ยังไงก็ไม่สั่นคลอนค่ะ

- ไม่คิดว่าคุณจะคิดไปถึงขนาดนี้ ยังนึกว่าแค่เพราะประสบการณ์จากละครเวทีเองที่กระตุ้นการแสดงของ
ฟุรุฮาตะซัง แต่ว่าไม่มีใครบอกว่า “ดูเปลี่ยนไปนะ” เลยเหรอครับ?

นาโอะ: ไม่มีค่ะ (หัวเราะ) อ๊ะ แต่ว่าเมเนเจอร์ซังเคยบอกว่า “ทัศนคติในการทำงาน เริ่มจะโปรขึ้นแล้วสินะ” แน่นอนว่าเพราะได้สัมผัสโลกภายนอกจากการเล่นละครเวที พอกลับมาที่ SKE48 แล้วคงจะเติบโตขึ้นน่ะค่ะ แต่ในเรื่องการแสดงน่ะนักแสดงคนอื่นที่แสดงด้วยกันเก่งมาก ฉันทำได้ไม่ใกล้เคียงพวกเขาเลย

- งั้นเหรอครับ? พอดีผมได้ไปดูด้วย แต่ดูไม่ออกว่าห่างชั้นกันเลยนะ

นาโอะ: ไม่ค่ะ ฉันไม่ไหวเลย ทั้งหมดเลย! รับรู้ได้เลยว่าทัศนคติในการทำงานของตัวเองยังเด็กเกินไป ใน SKE48 ฉันถูกจัดอยู่ในกลุ่มพี่สาว แต่พอออกมาข้างนอกแล้วก็กลายเป็นแค่เด็กคนนึง ถึงจะคิดว่า”ต้องพยายามให้เต็มที่” แต่ก็ได้รับรู้ถึงความคิดไร้เดียงสาของตัวเองลึกซึ้งเลยค่ะ


โลกภายนอกนั้นต่างกันมาก

- ฟุรุฮาตะซังใน “Hana yori Dango” (รับบทเป็นคุณหนูโทโด ชิซุกะ) จะต้องไปเรียนที่ปารีส ก็เหมือนกันกับที่ออกมาจาก SKE48 มาเรียนที่โลกภายนอกเลยนะครับ

นาโอะ: อ่า จริงด้วยค่ะ

- โทโด ชิซุกะกลับมาจากเรียนต่อที่ปารีส ฟุรุฮาตะซังก็เติบโตขึ้นเมื่อกลับมาที่ SKE48 เหมือนกันเป๊ะเลยครับ

นาโอะ: เรื่องนี้ ไม่เคยคิดเลยค่ะ (หัวเราะ)

- ที่คุณพูดเมื่อกี้ว่า “ได้รับรู้ถึงความไร้เดียงสา” ประสบการณ์การไปเรียนครั้งนี้คงลำบากน่าดูนะครับ?

นาโอะ: นักแสดงทุกคนเป็นมืออาชีพทั้งนั้นเลยใช่มั้ยล่ะคะ ความทุ่มเทในบทบาทที่ได้รับของพวกเขาต่างกับฉันมากจริงๆ พวกเขาศึกษาบทตลอด เก็บทุกๆรายละเอียด ไม่แค่นั้น พวกเขายังสามารถปรับตามที่บอกได้ด้วยสุดยอดจริงๆค่ะ

- เมื่อเดือน 3 ปีที่แล้ว ได้เป็นเมมเบอร์ SKE48 ที่ท้าทายกับละครเวที “AKB49” จากนั้นก็ได้เข้าร่วม “Hana yori dango” ไม่ทราบว่ามีความรู้สึกอย่างไรบ้างครับ?

นาโอะ: คิดว่านี่คงทำให้ฉันเติบโตขึ้นได้ค่ะ ฉันเป็นแค่มือสมัครเล่น ต้องเริ่มนับตั้งแต่หนึ่ง ก็คิดว่า “มันจะต้องเป็นเรื่องดีสำหรับฟุรุฮาตะ นาโอะแน่นอน” ที่ทุกคนเข้มงวดกับฉัน ฉันเข้าใจดีค่ะว่าที่ทำแบบนั้นก็เพื่อฉัน

- เข้มงวดเลยเหรอครับ?

นาโอะ: คราวนี้น่ะ สภาพจิตใจแข็งแกร่งขึ้นมากค่ะ (หัวเราะ) เหมือนโดนบีบจริงๆค่ะ!

- โดนบีบเลยเหรอครับ!

นาโอะ: นี่น่ะ ถึงจะเป็นเพราะว่าฉันทำไม่ได้เอง แต่ตอน “49” ก็ยังเทียบไม่ได้กับเรื่องนี้เลย....

- เดี๋ยวนะครับ พูดถึง “49” ได้ยินว่ายากจนอยากหนีซ้อมเลยไม่ใช่เหรอครับ ถึงขั้นว่ามีเมมเบอร์บางคนเกลียดการซ้อมจนหน้าเขียวไปหมด นี่ยังเข้มงวดกว่า “49” อีกเหรอครับ?

นาโอะ: ใช่ค่ะ ฉันว่าชิโนะ อิซามุซัง(ผู้กำกับ 49)ก็อดทนกับพวกเรามาก เพราะเมมเบอร์ทุกคนไม่ใช่นักแสดงมืออาชีพ สอนพวกเราด้วยความเข้าใจมากๆ ชิโนะซังอยากทำให้มันออกมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาอยากให้นักแสดงมีความทรงจำดีๆก็เลยพยายามอย่างมาก แต่พอมาคิดดูตอนนี้ รู้สึกว่าเขาใจดีเกินไปค่ะ (หัวเราะ)

- เป็นโลกที่ต่างออกไปสิ้นเชิงเลยนะครับ แบบถูกดุว่า “เธอนี่มัน!” ทุกวันเลยมั้ยครับ?

นาโอะ: ไม่แรงขนาดนั้นค่ะ ผู้กำกับสอนอย่างใจเย็นมาก การได้รู้ว่าตัวเองทำไม่ได้ต่างหากที่น่าโมโห เลเวลของนักแสดงคนอื่นๆสูงมากจริงๆ ฉันตามพวกเขาไม่ทันเอง ก็ค่อนข้างผิดหวังค่ะ

- เหมือนว่าทั้งๆที่ทุกคนกำลังเรียนเลขม.ปลายอยู่แต่มีแค่ตัวเองที่ยังอยู่แค่ม.ต้น อะไรแบบนั้น?

นาโอะ: ประมาณนั้นค่ะ ตอนแรกก็ไม่อยากร้องไห้ออกมา แต่คิดว่าบางทีการร้องไห้อาจจะแสดงตัวตนออกมาได้ อารมณ์ที่เก็บไว้เลยปล่อยออกมาหมด (หัวเราะ)

- อยากดูตอนที่ซ้อมจังเลยครับ (หัวเราะ)

นาโอะ: ตอนแรกฉันคิดว่า ถ้าฉันร้องไห้จะต้องทำให้ SKE48 เสียชื่อแน่แต่ไม่ได้พูดถึงมัน พอช่วงซ้อมครึ่งหลังก็แทบจะร้องไห้ทุกวันเลยค่ะ

- ในขณะที่เมมเบอร์คนอื่นกำลังทำงานตามปกติ ตัวเองต้องมาเจอเรื่องแบบนี้คนเดียว

นาโอะ: แม้จะมีนักแสดงคนอื่นๆมาบอกว่าฉัน “สปิริตแรงกล้าจริงๆเลย!” แต่ที่พูดอย่างนี้อาจะเป็นวีธีผลักดันฉันก็ได้ แบบมาพูดประมาณว่า “ถ้าเป็นฉันนะ หนีไปนานแล้ว”

- อยากให้มี making ออกมาจังเลยครับ (หัวเราะ) การได้รับประสบการณ์แบบนี้ก็ถือเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอครับ? ฟุรุฮาตะซังก่อนจะมาแสดงละครเวทีก็ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว พอได้แสดงก็ยิ่งสุดยอดขึ้นไปอีก

นาโอะ: ดีใจจัง

- เหมือนฟรีซเซอร์ร่าง 3 เลยครับ

นาโอะ: ฟะ ฟรีซเซอร์เหรอคะ?

- ใกล้จะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดแล้วนะครับ!

นาโอะ: ยังไงคนเราก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงค่ะ

- ดูเหมือนว่าที่ได้ไปเรียนคราวนี้จะประสบความสำเร็จมากเลย

นาโอะ: เย้! ฉันจะพยายามมากขึ้นค่ะ


อยากจะปกป้องจูรินะ

- เราเปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า ที่ Gaishi Hall ได้จัดคอนเสิร์ตจบการศึกษาของมิยาซาว่า ซาเอะซัง มีความรู้สึกยังไงบ้างครับ?

นาโอะ: ตอนที่แสดงอยู่ก็เห็นรอยยิ้มของเมมเบอร์ใช่มั้ยคะ คิดว่าอยากจะปกป้องรอยยิ้มเหล่านั้นไว้ค่ะ

-  มันยิ่งใหญ่มากเลยนะครับ (หัวเราะ)

นาโอะ: ที่ของฉันคือSKE48 ค่ะ เป็นที่ที่เปรียบเสมือนครอบครัว การมีพวกพ้องอยู่เป็นเรื่องสำคัญมาก ฉันไม่ชอบเรื่องที่มาทำให้เมมเบอร์เสียใจ เมื่อซาเอะซังจบการศึกษา ในใจทุกคนก็เป็นกังวลใช่มั้ยล่ะคะ อย่างที่ Gaishi Hall นั้น ฉันไม่ชอบความรู้สึกแบบนั้นเลยค่ะ

- ความรักที่มีต่อ SKE48 ยังคงเหมือนเดิมไม่เสื่อมคลายเลย

นาโอะ: แล้วก็คิดว่า ยังไม่ได้ตอบแทน SKE48 ที่ให้ฉันได้ผ่านออดิทชั่นเข้ามาเลย ฉันคิดเรื่องนี้มาตลอด อยากจะขอบคุณ SKE48 แล้วก็ คิดว่าทำในสิ่งที่ฉันพอจะตอบแทนให้ได้ก่อนแล้วค่อยจบการศึกษา ขณะที่ยืนบนเวทีได้มองเห็นแฟนๆที่คอยสนับสนุนพวกเราอย่างมีความสุข ฉันไม่อยากให้ช่วงเวลาดีๆเหล่านี้หายไป ดังนั้นฉันจะไม่ให้การสนับสนุนที่ผ่านมาเสียเปล่าค่ะ

- มีความคิดมากมายเลยนะครับ ตอนที่ยืนอยู่ที่ Gaishi Hall น่ะ

นาโอะ: จากนั้น หลังจากซาเอะซังลงเวทีไป จูรินะซังก็พูดว่า “SKE48 กำลังอยู่ในวิกฤต” ใช่มั้ยคะ ฉันก็คิดในใจว่า “จูรินะซังพูดขนาดนั้นเลยเหรอ...” แม้เธอจะเป็นรุ่นพี่ใหญ่ แต่ว่าฉันอยากจะปกป้องเธอค่ะ ไม่ว่ายังไงเธอก็เป็นหน้าเป็นตาของ SKE48 ตั้งแต่เรนะซังจบการศึกษาไป เธอก็รับภาระหนักอยู่คนเดียว แม้ฉันจะเป็นรุ่นน้องแต่ฉันไม่อยากให้เธอแบกรับภาระนี้ไปตลอด

- เป็นความคิดที่ลึกซึ้งมากๆเลย ตอนที่ส่งซาเอะซัง เมมเบอร์ก็เรียงแถวกัน ตอนนั้นได้คุยอะไรกันบ้างครับ?

นาโอะ: พูดกับฉันว่า “โทษทีนะที่ไม่ได้ไปดูละครเวทีน่ะ รู้สึกเสียดายมากเลยล่ะ” หลังจากที่ฉันตอบไปว่า “ไม่เป็นไรค่ะ!” ก็พูดมาอีกว่า “จากนี้ไปก็ฝาก SKE48 ด้วยนะ”

- การมีซาเอะซังอยู่ เป็นอย่างไรครับ?

นาโอะ: เป็นคนที่ฉันไม่อาจเอื้อมค่ะ ปฏิสัมพันธ์กับผู้คนด้วยความร่าเริงแบบนั้น จิตใจที่งดงาม....เป็นอะไรที่ฉันเลียนแบบไม่ได้เลย

- ไม่หรอกครับ คุณคิดว่าซาเอะซังได้ให้อะไรกับ SKE48 ไว้บ้าง?

นาโอะ: ได้รับความรู้สึกอบอุ่นค่ะ ความรักเป็นสิ่งสำคัญ (หัวเราะ)

- พูดอะไรยิ่งใหญ่อีกแล้ว (หัวเราะ)

นาโอะ: ฉันคิดอย่างนั้นจริงๆนะคะ! เพื่อให้กล้องถ่ายการแสดงของพวกเราออกมาได้ดีขึ้น เธอก็เป็นตัวแทนไปคุยกับสตาฟฟ์ซัง พูดไปร้องไห้ไป “อยากให้ SKE48 ดีขึ้นอ่ะ!” เวลาคุยกับพวกเมมเบอร์ก็รับรู้ได้ถึงความใจดีของเธอ การได้รับความรักนั้นมาพวกเราก็ร่าเริงขึ้น เพราะงั้นความรักเป็นสิ่งสำคัญค่ะ ความอบอุ่นนี้คอยนำเราไปในทางที่ดี

- เพราะงั้นฟุรุฮาตะซังเลยเปลี่ยนไปด้วย?

นาโอะ: รู้สึกมีความสุขมากขึ้น สนุกมากขึ้นค่ะ ซาเอะซังเก่งในการสร้างบรรยากาศให้ครึกครื้น แค่มีซาเอะซังอยู่ก็ทำให้รอยยิ้มเพิ่มขึ้นได้ พอเธอจบการศึกษาไปก็รู้สึกเหงาค่ะ

- พูดถึงเรื่องจบการศึกษา มิยามาเอะ อามิซังที่อยู่รุ่นเดียวกันก็...

นาโอะ: ก่อนที่เธอจะประกาศก็รู้สึกได้นิดหน่อยแล้วค่ะ รับรู้ได้จากบรรยากาศ เธอเป็นพวกโกหกไม่เก่ง

- ถึงอย่างนั้น รุ่น 5 ทยอยออกไปจนเหลือน้อยลงทุกที

นาโอะ: นั่นสินะคะ ใกล้จะเหลือ 4 คนแล้ว เร็วจังเลยน้า คนที่โตหน่อยก็มีแค่ฮัปปี้(ฮารุทามุ)กับฉัน แล้วก็(เอโกะ)ยูนะกับนารุติน(อิจิโนะ นารุมิ)เท่านั้น แต่ว่าอามิตัน(มิยามาเอะ)ยังลงเลือกตั้งอยู่ ก็ยังพอมีเวลาค่ะ ดีใจจัง


การเดิมพันกับงานเลือกตั้ง

- นี่เป็นสิ่งเดียวกันกับที่ได้ยินจากเมมเบอร์คนอื่นๆในเล่มนี้นะครับ ที่ Gaishi จูรินะซังพูดออกมาว่า “SKE48กำลังอยู่ในวิกฤติ” แต่รับรู้ได้จากบรรยากาศว่าเริ่มมีลมเปลี่ยนทิศเกิดขึ้นแล้ว ฟุรุฮาตะซังคิดว่ายังไงครับ?

นาโอะ: ขึ้นอยู่กับว่ามองจากมุมไหนค่ะ ถ้ามองไปที่เป้าหมายข้างบนก็ยังไม่พอ แต่ว่าเป็นเพราะคำพูดของจูรินะซัง พวกเมมเบอร์ก็เริ่มมีความร่วมมือร่วมใจกัน จะบอกว่าเป็นลมเปลี่ยนทิศก็ได้ค่ะ

- นั่นสินะครับ ถ้ามองในมุมที่ต่างกัน คำตอบก็ย่อมต่างกัน

นาโอะ: แต่ว่า พอคิดว่าพวกรุ่นพี่คงจะอยู่ไปตลอดไม่ได้ จะทำยังไงดี? แน่นอนว่าคนที่เป็นเสาหลักของ SKE48 ก็คือพวกรุ่นพี่ ความนิยม การแสดง เอ็มซีที่น่าสนใจในรายการต่างๆ....พวกรุ่นพี่เองก็อยากจะจบการศึกษาเพื่อไล่ตามความฝัน แต่ถ้าพวกเขาจบการศึกษาออกไปแล้ว จะเป็นยังไงล่ะ? พวกรุ่นน้องจะต้องพยายามให้มากขึ้น จะต้องตั้งเป้าหมายสูงขึ้นไปอีก เมื่อมีรุ่นพี่จบการศึกษา ก็จะรู้สึกถึงช่องว่างทุกครั้งเลย “ที่ผ่านมาเราพึ่งเธอมากเกินไป” สถานการณ์ตอนนี้น่ะ คนที่เป็นที่รู้จักมากมีจูรินะซังแค่คนเดียวเอง เป้าหมายของ SKE48 น่ะคือ “อยากขึ้นแสดงงานโคฮาคุ!” (งานขาว-แดง) แล้วก็ “อยากจัดคอนเสิร์ตที่นาโกย่าโดม!” ด้วย แต่ถ้าไม่เป็นที่รู้จักก็คงทำความฝันให้เป็นจริงไม่ได้ ดังนั้นทุกๆคนจะต้องเป็นที่รู้จักให้มากขึ้น...แต่จะว่าไป เรื่องพวกนี้ทำให้รู้สึกว่า “เธอคิดมากเกินไปแล้ว” มั้ยคะ? ถ้าคิดว่าไม่ดีจะไม่เขียนลงไปก็ได้ค่ะ

- ไม่หรอกครับ ผมจะเขียนลงไปหมดเลย (หัวเราะ) เมื่อกี้ที่พูดถึง “งานโคฮาคุ” แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีคำว่า “อยากไปอีกครั้ง!” ออกมาจากปากเมมเบอร์เลยนะครับ

นาโอะ: ถ้าจะพูดออกมาจากปากได้ ความรู้สึกและความมั่นใจจะต้องมีค่ะ แม้ฉันจะไม่รู้ว่าทุกคนอยากจะกลับไปขึ้นเวทีนั้นมากแค่ไหน แต่ก่อนอื่นจะต้องตั้งเป้าหมายของวงก่อนว่าเราจะไปที่ไหน ถ้าเราไม่ตัดสินใจคงไม่ได้ อย่างเช่นการลองลงเดิมพันกับการเลือกตั้งครั้งนี้

- พูดถึงเลือกตั้ง เป้าหมายปีนี้คืออะไรครับ?

นาโอะ: เซมบัตสึค่ะ!

- ชัดเจนมากเลยครับ!

นาโอะ: อยากติดเซมบัตสึค่ะ! ใกล้จะอายุ 20 แล้วด้วย ไม่รู้ว่าจะเป็นไอดอลไปอีกกี่ปี ถ้าเข้าเซมบัตสึได้ ก็อาจจะมองเห็นก้าวต่อไปได้ชัดขึ้น นี่ก็อาจจะเป็นโอกาสที่จะเผยแพร่ SKE48 ออกไปด้วย ปีที่แล้วได้อันดับที่ 24 มา ต่อไปก็ต้องเล็งที่เซมบัตสึค่ะ ปีที่แล้วแฟนๆให้ใบเบิกทางสู่เซมบัตสึมา ฉันก็จะไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง พูดให้ชัดกว่านี้ก็คือ อยากได้อันดับเลขตัวเดียว ถ้าเป็นตำแหน่งที่กล้องจะถ่ายมาฉันก็ดีใจค่ะ (หัวเราะ) มันอาจจะยากแต่ฉันจะไปข้างหน้าไม่หยุดยั้ง!

- พึ่งพาได้จริงๆ! ใน 1 ปีมานี้ รู้สึกว่าตัวเองเติบโตขึ้นมั้ยครับ?

นาโอะ: วิธีคิดเปลี่ยนไปอย่างจริงจังเลยค่ะ ความรู้สึกที่มีต่อ SKE48 ก็แข็งแกร่งขึ้น เปลี่ยนไปจริงๆค่ะ ปีนี้ชัดเจนมากๆเลย

- กังวลเรื่องจำนวนคนที่จะติดอันดับบ้างมั้ยครับ?

นาโอะ: ปีที่แล้วมีคนติดอันดับเยอะมาก คนทั่วไปที่ดูข่าวก็จะคิดว่า “SKE48 เนี่ยดังจริงๆนะ” เป็นเรื่องที่ดีค่ะ

- ปีนี้ก็รอดูสปีชที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของคุณอยู่นะครับ แบบว่าร้องไห้ไปก็พูดไปว่า “ฉันรัก SKE48 รักมากๆ รักมากๆๆ” (หัวเราะ)

นาโอะ: ดูเหมือนว่าทาคามินะซังก็พูดกับคนรอบข้างด้วยว่า “ร้องแรงจังเลยน้า” (หัวเราะ) ถ้าได้อันดับดีๆ ฉันคิดไว้แล้วค่ะว่าจะพูดอะไร อยากจะขอบคุณ AKB48 เพราะถ้าไม่มี AKB48 ก็ไม่มี SKE48
AKB48 น่ะคือจุดเริ่มต้น ถ้าไม่มีพวกเขา วันนี้ฉันก็อาจไม่ได้มาอยู่ตรงนี้

- ตอบได้งงามจนสุดท้ายเลยครับ (หัวเราะ) งั้น “งานยกย่องฟุรุฮาตะ นาโอะ” ก็คงจบลงแค่นี้ล่ะครับ


blogged by 91

[91][bsummary]

Translation

[Translation][bsummary]

Subtitle

[subtitle][bsummary]

Update

[SKEUpdate][bsummary]