วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2559

[Blog Translation] มุราอิ จุนนะ...เพราะฉันมันอ่อนแอ



บล็อกจุนนะ 2016.09.20

(ข้ามส่วนแนะนำตัว)

อ่าาา ฉันจุนนะ รู้สึกเป็นคนที่โชคดีมากเลยค่ะ
ก่อนหน้านี้ ฉันไม่มีความมั่นใจเลยเพราะฉันไม่เก่งอะไรซักอย่าง แล้วก็พูดว่า "ฉันอยากแกรดไปให้เร็วที่สุด..." อยู่หลายครั้ง

ฉันขอโทษจริงๆค่ะ

แต่รู้มั้ย ฉันเข้าใจแล้วล่ะ!!
พอวันที่จะต้องไปมันใกล้เข้ามา ความทรงจำดีๆก็ผุดมาเต็มไปหมด
เพราะฉันมันอ่อนแอก็เลยมีความทรงจำที่ขมขื่นมากกว่า แต่ฉันกลับจำได้แต่รอยยิ้มที่มีในทุกๆวัน

อีกอย่าง เมื่อใกล้ถึงวันที่ฉันจะออกไปเรื่อยๆ บางทีอาจจะเพราะ "ลาก่อน" ละมั้ง ทุกคนเลยแสดงออกถึง "ความรัก" ต่อฉันด้วยความจริงใจ

ฉันว่าแฟนๆของจุนนะก็คล้ายๆจุนนะ เราไม่ค่อยแสดงความรู้สึกด้วยคำพูดเท่าไหร่ แล้วก็ซึนนิดๆละมั้ง??
เป็นพวกเดียวกันนี่นา

ไม่ว่ายังไง คำพูดที่ทุกคนบอกกับฉัน
"เธอสำคัญกับฉันนะ" "คงจะเหงามากเลย" "รักนะ"

พอได้ยินคำเหล่านั้น ก็รู้สึกเสียใจค่ะ
ขอโทษที่ฉันไม่รู้ตัวก่อนหน้านี้ ฉันมั่นใจว่าพวกคุณคงมีวิธีที่สื่อสารออกมาต่างๆกันไป มันเป็นความผิดของฉันเองที่แปลมันไม่ออก

แม้แต่แฟนๆเอง ก็มีบางคนพูดว่า "แค่ฉันแสดงออกให้มากกว่านี้ มันอาจทำให้อะไรๆเปลี่ยนไปได้"
แต่ยังไง ฉันไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีอะไรเปลี่ยนไปมั้ย และฉันก็ไม่อาจมองข้ามปัจจุบันได้ วันนึงฉันอาจจะแกรดอยู่ดีแม้ว่าแฟนๆจะแสดงออกมากกว่านี้ก็ตาม

แล้วก็ จุนนะน่ะได้คิดอะไรหลายๆอย่างนอกจากเรื่องแฟนๆ
มันคือสิ่งที่ฉันได้ตัดสินใจหลังจากคิดแล้วคิดอีกหลายรอบมากๆ และถึงแม้แฟนๆอาจจะเห็นว่าฉันรู้สึกในแง่ลบเพราะฉันร้องไห้ แต่ที่จริงฉันรู้สึกกับมันในแง่บวกค่ะ เพราะงั้นไม่ต้องห่วงนะ

มันไม่ใช่ความผิดของแฟนๆเลยค่ะ

ฉัน จุนนะ มักจะตัดสินใจอะไรแบบทันทีโดยไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า ดังนั้นฉันยังไม่รู้เลยว่าในอนาคตจะเป็นยังไง แต่ฉันมั่นใจว่าชีวิตของฉันจะเปล่งประกายค่ะ

นั่นเป็นเพราะ มีแฟนๆรักฉันอยู่มากมาย รวมถึงเมมเบอร์ สตาฟฟ์ซังเองก็สนับสนุนฉันอยู่ด้วย
ฉันได้รับประสบการณ์ที่ปกติฉันคงไม่ได้พบเจอ

อย่างที่ไอริเขียนในบล็อกเมื่อวาน
เมื่อฉันนึกถึงวันเวลาที่ยากลำบากที่สุด ฉันก็จะรับได้ทุกอย่าง

สำหรับฉัน ก่อนหน้านี้มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่เมื่อได้รับรู้ว่ามีคนสนับสนุนมากแค่ไหน และเพราะได้รับโอกาสที่จะแสดงในสเตจที่น่ารัก
ตอนนี้ฉันรับได้ทุกอย่างค่ะ

จุนนะน่ะ เมื่อมั่นใจพอที่จะพูดเรื่องอนาคตของตัวเองแล้ว ฉันจะบอกยูอาสะซัง โทโมยะซังและทุกคนค่ะ!!!

ฉันจะพยายามค่ะ!

แล้วก็ หวังว่าแฟนๆจะมีความสุขเวลาที่ได้ฟังเรื่องของฉันตอนจับมือกับไอริ คนที่ฉันสนิทด้วย
ดังนั้นไม่ต้องห่วงนะคะ

มาสร้างความทรงจำดีๆใน "10 วัน" สุดท้ายที่เหลือกันเถอะ จะได้ไม่มีอะไรให้เสียใจ

จริงๆแล้ว ฉันนึกว่าฉันจะมีแต่ความทรงจำที่เจ็บปวดซะอีก เพราะฉันอ่อนแอ แต่ตอนนี้ ตอนที่ฉันกำลังจะไป ฉันก็ได้รับรู้ว่าตอนนั้นฉันมีความสุขมากแค่ไหน

มีความสุขจริงๆค่ะ

เหลืออีกแค่ "10 วัน" สำหรับจุนนะใน SKE48 แต่นี่ไม่ใช่ลาก่อน และตราบเท่าที่ฉันอยู่ในใจพวกคุณ มันจะเป็น "แล้วเจอกัน" เสมอ

ฉันเขียนบล็อกนี้มานานกว่าปีครึ่ง จนถึงสุดท้ายจะได้อัพเดตอีกกี่ครั้งนะ??? 2 ครั้งมั้ง?? (หัวเราะ)

มีบางครั้งที่จุนนะลืมเขียนบล็อก ใช่มั้ยคะ?
พอมาคิดตอนนี้ ฉันก็สงสัยว่าทำไมถึงลืมได้นะ แล้วยังมีโพสต์ที่สั้นมากๆอีก

ในเมื่อเหลืออีกแค่ 2 ครั้ง ฉันจะเขียนให้เยอะ เหมือนที่ทำในตอนแรกๆค่ะ!!!

อ๊ะ จะว่าไป นี่แค่เกริ่นนำเอง ก็ยาวซะแล้ว ขอโทษนะคะ

เอาล่ะ มาเขียนบล็อกจริงๆจังกันซะที!!
Lets go~*\(^o^)/*(lol)

------------------------------------------------------------------------------------------

[9/16]

วันนี้มีสเตจปาร์ตี้ค่ะ

ฉันได้พูดเรื่องแกรดไปนิดหน่อยตอน MC แนะนำตัว

พอรู้ตัวว่าฉันเหลืออีก 5 สเตจที่จะได้ขึ้นแสดงรวมถึงครั้งนี้ มันก็อดไม่ได้ที่อยากจะเก็บเกี่ยวเวลาบนเวทีนี้ไว้มากกว่าแต่ก่อน

เป็นครั้งแรกที่จุนนะได้แสดงเพลง “Kin no Ai, Gin no Ai” บนเวที ฉันพลาดเยอะมากตอนซ้อม อย่างเช่น เรื่องตำแหน่ง และชนกับคนอื่นตอนเปลี่ยนตำแหน่ง
แต่ถึงอย่างนั้น ต้องขอบคุณเมมเบอร์ที่สอนฉันอย่างใจดี และคอยซ้อมกับฉัน ในที่สุดฉันก็สามารถทำได้

ขอบคุณมากๆเลย
สนุกมาก

[9/18]

วันนี้มีสเตจปาร์ตี้ 2 รอบล่ะ
เชื่อมั้ยคะ???
วันนี้ ริซาโกะซัง คนที่ฉันรัก ได้มาขึ้นแสดงด้วยล่ะ
ฉันดีใจมากตอนที่เห็นรายชื่อเมมเบอร์!! ดีใจมากๆเลย!!
ดังนั้นจะขอพูดถึงริซาโกะซังละนะคะ

ฉันชื่นชมริซาโกะซังจริงๆค่ะ ฉันน่ะขี้อายมากและก็ไม่กล้าเข้าไปทักก่อนแม้จะรู้สึกว่า "อยากคุยกับรุ่นพี่จัง!!" ก็ตาม
เพราะอะไรไม่รู้ฉันถึงแสร้งทำเป็นนิ่ง แล้วขนาดตอนพวกเขาเข้ามาคุยด้วย ฉันก็รู้สึกประหม่าและตื่นเต้น จนได้แต่ตอบไปสั้นๆเพื่อจบบทสนทนา

ฉันรู้ว่ามันน่าอายที่เป็นแบบนี้ทั้งๆที่เป็นรุ่นน้องแต่ ฉันอยากจะคุยกับริซาโกะซังมากกว่านี้มากๆค่ะ

แต่เมื่อฉันคุยกับริซาโกะซังเรื่องแกรด เธอก็บอกว่า "ฉันต้องห้ามเธอไว้แน่ๆ" แล้วเธอก็ตอบในเรื่องที่ฉันสงสัยหลายๆอย่าง
ฉันชื่นชมริซาโกะซังตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเห็นเธอและเธอก็เป็นผู้หญิงที่ฉันชอบมากค่ะ

ดีจังที่ได้ชอบริซาโกะซัง

ขอบคุณนะคะ

นอกจากนี้ ริซาโกะซัง ยังบอกฉันว่า "จากนี้ไปเราก็เป็นเพื่อนกันแล้วเนอะ"
และ "ฉันจะทำเพื่อส่งเธอไปอย่างงดงาม"

ยิ่งไปกว่านั้น ฉันก็คิดว่าเธอเป็นกำลังใจให้ฉันมากๆเลยค่ะ

เพราะงั้น จุนนะจะรักริซาโกะซังจากนี้และตลอดไปเลย



[9/19]

สเตจปาร์ตี้! 2 รอบค่ะ

สเตจที่ฉันขึ้นแสดงเป็นครั้งสุดท้ายคือครั้งที่สองของวันนี้
ฉันมีความสุขมากจนถึงตอนสุดท้ายเลย

โอวกะแสดงเต็มที่มากตอนสเตจช่วงเที่ยงจนปวดคอ

ดังนั้นริซาโกะซังที่จะมาดูสเตจรอบเย็นเลยบอกระหว่างเอ็นจิ้นว่าจะขึ้นแสดง ให้มายะไปยืนตำแหน่งโอวกะแทน...ส่วนริซาโกะซังยืนตำแหน่งไอกะ
ขณะที่อิจิโนะ นารุมิซังจะแสดงตำแหน่งเดิมของจุนนะเมื่อตอนสเตจแรก

เป็นการแสดงที่ทุกคนยืนขึ้นและพูดว่า ฉันรับหน้าที่เอง

ฉันเชื่อว่าโอวกะคงเสียดาย
ดังนั้นหลังจากสเตจจบลง เธอก็เลยส่งเมล์ยาวเฟื้อยมาหาฉัน บอกว่าเธอรู้สึกยังไง เพราะเธอไม่ได้พูดในสเตจ

จุนนะกับโอวกะน่ะ ตอนแรกสนิทกันมากเลยล่ะ แปลกใจใช่มั้ยคะ?? (หัวเราะ)

พวกเรามีคาแรคเตอร์ที่ตรงข้ามกันหมดเลย หลังจากที่เคยทะเลาะกันครั้งนึง เราก็ไม่ได้คุยกันมากเท่าไหร่
แต่ในท้ายที่สุด เธอก็บอกความรู้สึกของเธอและฉันก็เสียใจที่ไม่ได้คุยกับเธอมากกว่านี้
ขอบคุณนะ โอะกะ
รักษาคอให้หายเร็วๆนะ

และตอนที่ฉันกำลังตั้งใจเขียนการ์ดสำหรับการแสดงรอบเย็น ไอริกับอายากะก็ซื้อเค้กมาค่ะ
บนหน้าเค้กเขียนว่า
"จุนจัง ยินดีที่จบการศึกษา"
ใครเป็นคนวางแผนเซอร์ไพรส์นี้กันนะ? ขณะที่กำลังมีความสุขจนหัวใจแทบหลุดออกมา ไอริก็บอกว่า เธอขอให้คุณยายไปซื้อมาให้ล่ะ (หัวเราะ)
ขอร้องไปเยอะเลยสินะ ไอริ
ที่คิดได้แบบนี้ ดูเป็นผู้ใหญ่มากเลย (หัวเราะ)
เพราะเราอยู่ด้วยกันตลอด ฉันรู้ว่าเธอมีส่วนที่เป็นผู้ใหญ่ แต่อาจโดนเข้าใจผิดเพราะรูปลักษณ์ที่ดูเป็นเด็ก
จริงๆนะ เธอคิดถึงแฟนๆเป็นอันดับแรกแล้วก็คิดถึงอนาคตด้วย

ถีงอย่างนั้น เธอก็ยังมีส่วนที่เป็นเด็กๆอยู่ อย่างเช่นที่เธอชอบร้องไห้บ่อยๆ (หัวเราะ)
สเตจเมื่อวานเธอก็ร้อง ร้องไม่หยุดเลยนะ ไอริ
ขนาดงานจบแล้วเธอก็ยังร้อง แล้วก็พูดว่า "กลับมาเหอะนะ" บ้าง "ไปสมัคร AKB รุ่น 16 ก็ได้!" บ้าง "ไปเป็นนางแบบสิ" บ้าง
ไอริพยายามชวนให้ฉันอยู่ในวงการต่อตลอดเลย (หัวเราะ)

ไอริไม่เคยพูดว่า "เศร้าจัง" ออกมาตรงๆ แต่แสดงออกด้วยการร้องไห้
ซึนเดเระชะมัดสมกับเป็นไอริ
ขอบคุณนะ

ในเอ็นจิ้นของสเตจรอบเย็น ตอนที่ฉันกำลังจะพูดว่า “Fresh Power Zen kai de! Party Hajimeruzo! Oh!!” เหมือนปกติ พวกเขาก็นัดกันเปลี่ยนเป็น “Jun-chan Daisuki!!” แทน
ฉันไม่รู้เรื่องเลย!! มีความสุขมากค่ะ ไม่คิดว่าพวกเขาจะเซอร์ไพรส์ฉันเยอะขนาดนี้ ฉันร้องไห้ออกมาก่อนจะเริ่มสเตจอีก

จริงๆเลยนะ เมคอัพหลุดหมดแล้ว

แต่ว่า พูดตามตรง ฉันมีความสุขมากๆเลยค่ะ มีความสุขจนร้องไห้ออกมาเลย
และหลังจากการแสดงเริ่มขึ้น ฉันก็ร้องไห้ในเพลงแรก แฟนๆคอลล์ “จุนจัง” ให้กำลังใจฉัน ฉันได้รับกำลังใจเยอะมากค่ะ
ฉันไม่คิดว่าทุกคนจะร้องไห้กันเยอะขนาดนั้น
และแม้แต่ริซาโกะซังก็ร้องไห้ให้ฉันด้วย
จุนนะรู้สึกเป็นคนที่โชคดีจริงๆค่ะ

ขอบคุณนะคะ!!

อ๊ะ แต่อายากะบอกว่า “ถ้าตอน MC แนะนำตัวฉันพูดผิด ตีฉันได้เลยนะ” แล้วเธอก็พูดผิดเหมือนเคย ฉันคิดในใจว่า “พูดผิดแล้วนะ” แต่ไม่ได้บอกเธอค่ะ...(หัวเราะ)
ฉันไม่ได้ตีเธอ แค่พูดไปว่า “เห้ย เห้ย” หลังจากที่เธอพูด (หัวเราะ)
มีความสุขจริงๆ ขอบคุณนะ

จากนั้น ก็มีพิธีจบการศึกษาต่อจากเพลง “Kin no Ai, Gin no Ai”

ก่อนอื่นเลย ดอกกุหลาบช่อใหญ่...
ฉันไม่เคยได้รับดอกไม้ช่อใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลยค่ะ ฉันเคยพูดกับแฟนๆในงานจับมือว่าฉันอยากได้ดอกกุหลาบช่อใหญ่ๆ แต่ไม่นึกว่าจะหามาให้จริงๆ...
ฉันคิดว่ามันคงวุ่นวายแน่ที่จะหามันมาในระยะเวลาสั้นๆ ทั้งขาตั้งดอกไม้และมงกุฎดอกไม้ด้วย
ขอบคุณค่ะ

จากนั้นตอนอ่านจดหมาย ไอกะก็ขึ้นมาบนเวที
ไม่อยากจะเชื่อว่าตอนนี้เธอจะมาขึ้นเวทีจริงๆก็เลยร้องไห้ออกมาค่ะ

จดหมายเนี่ยเรียกน้ำตาได้จริงๆ ร้องไห้เยอะเลยค่ะ ดีใจมากๆเลย
ฉันนึกว่าเธอจะมาไม่ได้ แล้วก็อยากจะขึ้นแสดงกับเธอมาก วันนั้นก็เลยใส่เสื้อยืดวันเกิดของไอกะไปเธียร์เตอร์
ฉันรู้ว่ามันไร้สาระ และเอาแต่ใจแต่ฉันก็ขอใส่เสื้อยืดนี้ในช่วงอังกอร์
แต่วาสตาฟฟ์ซังน่ะ รู้ว่าไอกะจะมา ก็เลยบอกว่า “มีสิ่งที่ดีกว่านี้รออยู่นะ” ฉันเลยสงสัยว่า “มันคืออะไรกัน” เป็นสิ่งที่ดีกว่าจริงๆด้วยค่ะ

ดีใจมากเลย
มีความสุขจริงๆค่ะ
ไอกะ ขอบคุณนะ

จากนั้นก็เป็นเพลงสุดท้าย “Sakura no Hanabiratachi” เมมเบอร์และสตาฟฟ์ซังตั้งใจให้มันเซอร์ไพรส์ล่ะ
หลังจากการแสดงรอบเที่ยง คุณครูสอนเต้นก็มาเพื่อเอากระดาษให้ฉันดู กระดาษนั้นเป็นตำแหน่งของฉันที่อยู่ตรงหมายเลข "0"

พูดตามตรง ฉันเองก็อยากจะยืนที่เลข 0 นั้นเหมือนกัน
อย่างที่คิดเลย มุมมองจากตรงนั้นมันต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

ของขวัญที่งดงามขนาดนี้ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

ในตอนแรก ฉันอยากจะยืนข้างหลังเซ็นเตอร์ค่ะ ตอนนั้นเป็นตอนก่อนจะเดบิวต์ เพราะฉันน่ะ เต้นไม่ได้เลย
ถึงอย่างนั้น ตอนซ้อมครั้งนึงที่ยูอาสะซังได้มาดู ตอนนั้นยังไม่ได้กำหนดตำแหน่งและเซ็นเตอร์ ก็เลยสามารถเต้นตำแหน่งไหนก็ได้ตามใจ ฉันเลือกที่ตำแหน่งเลข 0 แม้ตัวเองจะห่วยก็ตาม

ในตอนนั้น ฉันพบว่ามุมมองจากตำแหน่งนี้มันกว้างกว่าตอนที่ฉันอยู่ข้างหลังมาก และถึงแม้ฉันจะห่วยแต่ก็มีความมั่นใจ
ฉันก็เลยอยากเต้นในตำแหน่งนี้อีกครั้ง นอกเหนือจากตอนซ้อม
ดังนั้นฉันจึงมีความสุขมากค่ะ
ขอบคุณสำหรับตำแหน่งหมายเลข 0 ครั้งแรกและครั้งสุดท้าย

ฉันเขียนไปตามที่ฉันนึกออก เพราะงั้นมันคงจะอ่านยากหน่อยนะคะ แต่โพสต์วันนี้ก็ขอจบลงตรงนี้ค่ะ

ขอขอบคุณแฟนๆ
ขอขอบคุณเมมเบอร์
แล้วก็ต้องขอบคุณสตาฟฟ์ซังด้วย

ขอบคุณที่ตามใจฉันนะคะ

ในอนาคตข้างหน้า ฉันอยากเป็นคนที่ใจกว้างแบบยูอาสะซัง คนที่เข้าใจนิสัยคนแต่ละคนแม้ว่าจะไม่ได้คุยกันทุกเรื่อง ฉันอยากเป็นผู้ใหญ่แบบนั้น
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำที่ให้มาค่ะ
ขอบคุณที่ตามใจฉัน ขอบคุณที่รับฟังเวลาที่ฉันมีเรื่องหนักใจ ทำให้ฉันเบาใจขึ้นและคิดที่จะพยายามสู้ต่อไป

ไม่เพียงแค่ยูอาสะซังแต่สตาฟฟ์ซังคนอื่นๆก็เช่นกัน
ฉันหวังว่าสตาฟฟ์ซังจะได้อ่านบล็อกนี้ด้วย ฉันรู้ว่าไม่ควรเอ่ยชื่อพวกเขาในนี้ ก็เลยขอเรียกรวมว่า สตาฟฟ์ซัง นะคะ
สักวันฉันจะแสดงให้เห็นว่าฉันเติบโตไปแค่ไหน
ขอบคุณค่ะ

ถึงคุณพ่อคุณแม่ด้วย ฉันทำให้ท่านเป็นห่วงมากมาย แต่ก็ได้รับกำลังใจมามากมาย
ตอนนี้คนที่กังวลมากกว่าฉันก็ครอบครัวนี่แหละค่ะ
ตอนอยู่ต่อหน้าฉัน เพราะท่านเป็นพ่อแม่ ก็เลยคอยปลอบว่าไม่เป็นไร แต่พวกเขาคงกังวลเรื่องของฉันต่อจากนี้อยู่
กังวลอยู่แน่ๆเลย
ก็เป็นคุณพ่อคุณแม่นี่เนอะ

แต่อย่ากังวลไปเลยค่ะ ฉันจะเดินไปในเส้นทางที่ทำให้วางใจได้
ฉันทำตามใจตัวเองมาตลอด และก็ยังจะเป็นตัวยุ่งมากกว่าเดิมอีกต่อจากนี้ไป
แต่ในเวลาที่ลำบาก
ฉันมักไม่กล้าพูดออกไปตรงๆ
ไม่ว่าจะตอนที่ฉันรู้สึกเหงา รู้สึกกังวล และตอนที่อยู่คนเดียวแม้ต้องการกำลังใจ
คนที่คอยอยู่ข้างๆฉันก็คือครอบครัวค่ะ
ฉันจะเดินไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข เพราะงั้น
จากนี้ก็ขอฝากตัวด้วยนะคะ

มุราอิ จุนนะ หรือจุนจัง รับผิดชอบบล็อกในวันนี้ค่ะ

บล็อกต่อไปก็ฝากอ่านกันด้วยนะคะ
see you again…
ประโยคภาษาอังกฤษที่ฉันชอบและเป็นประโยคเดียวที่เขียนได้ (หัวเราะ)

บ๊ายบาย

ป.ล. เมื่อวานฉันได้ไปกินข้าวกับสุกาวาระและไอริ แล้วก็ไปนอนค้างห้องมายะด้วย วันนี้ก็ไปดูหนังมาค่ะ พรุ่งนี้เป็นวันเกิดไอริล่ะ
อายุ 14 ปี ต้องฉลอง!!

junna…


วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2559

(91)[100%SKE48] แปลบทสัมภาษณ์พี่อายะ (ชิบาตะ อายะ)

พี่สาวเป็นไอดอลระดับท็อป น้องชายเป็นนักเบสบอลทีมมหาวิทยาลัยแบตเตอร์หมายเลข 4
คู่พี่น้องแบบนี้จะมีก็แค่เฉพาะในการ์ตูนเท่านั้นแหละ!
เนื่องด้วยความรู้สึกหลายๆอย่างที่ถาโถมชิบาตะซังในช่วงนี้
เราจึงเปลี่ยนบรรยากาศโดยการเชิญมาดูการแข่งขันเบสบอลแทน
แต่ทว่า มันกลายเป็นการพูดคุยแบบเจาะลึกซะงั้น

สนามเบสบอลในวันที่อากาศสดใส เสียงเชียร์ของพี่สาวกึกก้องไปบนท้องฟ้า
การมาชมการแข่งขันของน้องชาย (ชิบาตะ โยชิกิ ชมรมเบสบอลมหาวิทยาลัยโฮเซย์ หมายเลข 4 เบสที่ 1)
เป็นครั้งแรก


สมาชิกของบ้านชิบาตะ


- วันนี้ เป็นครั้งแรกเลยครับที่สัมภาษณ์ไป ดูการแข่งขันเบสบอลไป

อายะ: แล้วยังเป็นวันที่อากาศแจ่มใสด้วย ดีจังเลยนะคะ

- นั่นสิครับ จะว่าไป ความสัมพันธ์กับน้องชายเป็นยังไงครับ?

อายะ: ธรรมดามากๆค่ะ ตอนที่ฉันมาโตเกียว บางทีก็ไปกินข้าวกันบ้าง ล่าสุดได้เจอกันแค่ครั้งเดียว ตอนปีใหม่มั้งคะ ช่วงนี้ก็ค่อนข้างยุ่งทั้งคู่เลยไม่ได้เจอกันค่ะ

- นั่นสินะครับ  ช่วงเดือน 2 ทีมเบสบอลมหาวิทยาลัยกำลังเก็บตัวกันพอดี คงจะไม่มีเวลา อยากทราบว่ามีช่วงที่ไม่ลงรอยกันบ้างมั้ย?

อายะ: แม้ว่าจะเรียนห่างกัน 2 ปี แต่จริงๆแล้วเราห่างกันปีเดียวเองค่ะ (ชิบาตะ อายะ เกิดวันที่ 1 เดือน 4) ดังนั้นเลยไม่มีใครโตกว่าใคร ตอนช่วงวัยรุ่นไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่แต่ตอนเด็กๆก็เล่นการ์ดยูกิด้วยกันนะ

- ตอนนี้น้องชายเป็นหมายเลข 4 ของโฮเซย์ เขาเล่นกีฬาเก่งมาตั้งแต่เด็กเลยหรือเปล่า?

อายะ: ตอนอยู่อนุบาลก็เคยเล่นฟุตบอลค่ะ เบสบอลก็เริ่มเล่นมาตั้งแต่อนุบาลเหมือนกัน ตอนประถมตัวสูงมากวิ่งก็เร็วมาก เป็นพวกนักกีฬาประจำในงานกีฬาสี บ้านชิบาตะค่อนข้างเล่นกีฬาเก่งค่ะ คุณพ่อเล่นเบสบอลมาตลอดจนถึงม.ปลายเลยมั้ง ตอนนี้ก็ตีกอล์ฟเป็นประจำ เห็นบอกว่าคะแนนดีสุด 81 คะแนนแน่ะ สกีก็เล่นเก่งมากค่ะ ส่วนคุณแม่ก็เป็นพวกนักกีฬาค่ะ รู้สึกตอนสมัยเรียนก็เล่นกีฬาเหมือนกัน

- สายเลือดนักกีฬาก็เลยตกทอดมาถึงลูกสาวด้วย

อายะ: ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อก็คงใช่ค่ะ (หัวเราะ)

- คงมีแฟนๆไม่น้อยที่ชอบขาของชิบาตะซัง (หัวเราะ)

อายะ: ฮุๆๆ ช่วงนี้ฉันเริ่มเล่นกอล์ฟค่ะ เริ่มเข้าใจแล้วว่าต้องฝึกถึงจะเก่งขึ้น แต่ฉันไม่ชอบกีฬาหรอกค่ะ (หัวเราะ) คะแนนวิชาพละก็ไม่ค่อยดี คือฉันไม่ชอบให้เหงื่อออก

- แต่เวลาขึ้นโคเอ็นเหงื่อไหลเหมือนฝนตกเลยนะครับ (หัวเราะ)

อายะ: เพราะอย่างงั้น พอเข้า SKE48 แล้วถึงได้เหงื่อออกจริงๆจังๆครั้งแรก

- กลับมาที่เรื่องน้องชายหน่อยครับ มีช่วงที่ไม่ยอมเปิดเผยว่ามีน้องชายด้วยสินะ

อายะ: ใช่ค่ะ แค่รู้สึกว่ามันไม่จำเป็นต้องบอก เขาเป็นคนธรรมดา ไม่อยากสร้างความลำบากให้เขา แต่อยู่มาวันนึงก็ถูกเปิดเผย

- ทำไมถึงเปิดเผยละครับ?

อายะ: เป็นคนรอบตัวทางฝั่งน้องชายค่ะ พอนักข่าวกีฬารู้เรื่องนี้ก็ไปถามเขาว่า “SKE48 ชิบาตะ อายะ เป็นพี่สาวคุณใช่มั้ยครับ?” น้องชายก็ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนี้ แล้วก็ได้ลงหนังสือพิมพ์ (หัวเราะ)

- แต่มันก็เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจไม่ใช่เหรอครับ พี่สาวเป็นไอดอลที่เข้าเซมบัตสึเลือกตั้ง น้องชายก็เป็นแบตเตอร์หมายเลข 4 ของโฮเซย์

อายะ: ก็ใช่ค่ะ ที่มีข่าวเขียนถึง เขาก็ไม่ได้ไม่ชอบหรืออะไร

- เมื่อก่อนเคยมาเชียร์น้องที่สนามแข่งมั้ยครับ?

อายะ: ไม่เคยค่ะ วันนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่มาดูเขาแข่ง

- ครั้งแรกเหรอครับ!

อายะ: ช่วงที่โยชิกิบ้าเบสบอล ฉันกำลังยุ่งกับการเรียน ไม่ได้ออกจากบ้านเลยค่ะ แล้วเดิมก็ไม่ชอบออกไปข้างนอกอยู่แล้ว มีแค่ตอนช่วงแข่งลุ้นว่าโยชิกิจะได้ไปโคชิเอ็งมั้ย ก็ได้ดูทางทีวีนิดหน่อย

- ผมไปค้นมาแล้วครับ ตอนที่น้องยังอยู่โทโฮ (มัธยม) ม.ปลายปี 3 ช่วงฤดูร้อนได้เข้ารอบเพลย์ออฟด้วย แต่ตอนแข่งกับไอโกะไดเมเดงแพ้ไปอย่างน่าเสียดาย 3 ต่อ 2 ถึงกับร้องไห้ออกมาเลย แต่สามารถไปถึงรอบเพลย์ออฟของจังหวัดไอจิได้ก็สุดยอดแล้วล่ะ!

อายะ: วันนั้นมีซ้อมพอดีค่ะ ดูไปแค่ครึ่งเดียวก็ไม่ได้ดูแล้ว รู้สึกว่าจะร้องไห้หนักมาก

- ตกรอบเพลย์ออฟช่วงฤดูร้อนม.ปลายปี 3 เป็นใครก็ต้องร้องครับ (หัวเราะ) แล้วเรื่องที่พี่สาวเป็นไอดอล น้องชายเคยพูดอะไรมั้ย?

อายะ: แรกสุดเขาก็ปิดเงียบค่ะไม่ได้พูดอะไร น่าเสียดายที่โดยเปิดเผยอย่างไว (หัวเราะ) หลังจากนั้น รู้สึกว่าจะมีเพื่อนมาบอกเขาว่า “(พี่สาวนาย) วันนี้ก็ออกทีวีด้วยนี่” จะว่าไป ตอนเลือกตั้งเขาก็โหวตด้วยเหมือนกัน แถมยังเอาโปสเตอร์เลือกตั้งไปติดที่ห้องด้วย ตลกดีค่ะ (หัวเราะ)

- เป็นน้องชายที่ดีจังเลยนะ

อายะ: แต่เขาชอบมาบอกฉันว่า “อยู่บ้านไม่เห็นจะทำอะไรเป็นเลย คนต้องตกใจแน่ๆ” เพราะฉันทำงานบ้านไม่ค่อยเป็นค่ะ ดังนั้นดาราที่น้องชอบเป็นไทป์ที่ตรงข้ามกับฉันทั้งนั้นเลย

- เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีมั้งครับ (หัวเราะ) ในโคเอ็นก็เคยบอกว่า “โอชิของน้องคือไซโต้ มากิโกะ” นี่ครับ

อายะ: เขาบอกว่าหน้าตาแบบนั้นเป็นสเปคเขา แล้วก็บอกว่า “นั่นน่ะน่ารักที่สุด! สวยมาก!”

- ขอถามอีกอย่างนะครับ พวกคุณเรียกชื่อกันยังไง?

อายะ: “อายะ” กับ “โยชิกิ” ค่ะ ฉันไม่มีความรู้สึกเป็นพี่สาวเลย เขาเองก็ทำเหมือนเป็นลูกชายคนโต แต่ว่าเขากับฉันต่างกัน เขาเป็นพวกเพื่อนเยอะ

- แต่พี่สาวกลับเป็นพวกปลีกวิเวก

อายะ: บ้านชิบาตะทุกคนมีอัธยาศัยดี เล่นกีฬาเก่งค่ะ มีแค่ฉันที่มืดหม่นเอาแต่เรียนหนังสือ (หัวเราะ)

- น้องชายเคยไปดูโคเอ็นหรือคอนเสิร์ตบ้างมั้ยครับ?

อายะ: ตอนคอนเสิร์ต “Minogashita Kimitachi e” (เมื่อปี 2011 ที่ TDC hall) ฉันเรียกเขามาค่ะ ที่จริงก็เคยมาดูโคเอ็นที่เธียร์เตอร์ในนาโกย่าเหมือนกัน (หัวเราะ) รู้สึกจะเป็นช่วงสเตจ “Saga Akari” (สมัยอยู่ทีม E) มั้งคะ ให้เขาไปยืนดู ก็รู้สึกผิดเล็กๆเหมือนกัน

- ถ้ามีคนหน้าคล้ายขนาดนั้นมายืนดู แฟนๆก็ต้องสังเกตเห็นสิครับ

อายะ: เหรอคะ?

- ก็คล้ายกันจริงๆนี่ครับ

อายะ: คล้ายเหรอ? ฉันเหมือนคุณพ่อมากกว่า ส่วนโยชิกิจะเหมือนทางคุณแม่ แต่ว่าตาของคุณพ่อคุณแม่ก็โดดเด่นทั้งคู่ล่ะมั้ง



เพื่อนดื่ม


 (ตอนนี้เริ่มการวอร์มก่อนแข่ง)
อายะ: ออกมาแล้ววววว!! ว้าว มองตรงนี้คนดูตัวเล็กไปเลย เมื่อก่อนเคยเป็นแคทเชอร์ไหล่เลยดูใหญ่

- เพราะเจ็บไหล่ เลยเปลี่ยนตำแหน่งมาอยู่เบสแทนสินะครับ

อายะ: ใช่ค่ะ แต่ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันดูเบสบอลหรอกค่ะ เมื่อก่อนก็เคยไปดูการแข่งของ Chunichi Dragons กับคุณพ่อหลายครั้ง ตอนช่วงโกเมซน่ะค่ะ

- ช่วงโกเมซ!

อายะ: หมายเลข 1 ลี หมายเลข 2 ฟุกุโทเมะ หมายเลข 3 คาซุโยชิ หมายเลข 4 โกเมซ ฉันยังอยู่ชั้นประถมอยู่เลย สมัยที่โฮชิโนะ (เซนอิจิ) เป็นโค้ช ตอนนั้นยังได้ลายเซ็นมาด้วย! ตอนนี้ก็ยังติดอยู่ที่บ้านเลยค่ะ

 (อินนิ่งที่ 5 โฮเซย์บุก เคย์โอนำอยู่ 7 แต้ม)
- ....ไม่นึกว่าการแข่งจะออกมาแบบนี้นะครับ

อายะ: ทั้งๆที่ฉันมาดูดันเป็นอย่างนี้...ก็คงต้องดื่มแล้วล่ะ!

- งั้นสั่งเลยนะครับ! โทษนะครับ ขอเบียร์หน่อยครับ!

อายะ: (อึกๆๆ) ฮ่า! นี่มันเทพธิดาแห่งชัยชนะนี่!

- ดื่มได้แค่ไหนครับ?

อายะ: ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญอะไรหรอกค่ะ ดื่มได้แต่ก็คอยยั้งตัวเอง

- ถ้าเมาล่ะครับ จะเป็นยังไง?

อายะ: คงจะยิ้มไม่หยุดเลยมั้ง

- อย่างนี้ก็มีคนชวนดื่มบ่อยสิ!

อายะ: อุฮุฮุ ยังไงก็ไม่ไปดื่มกับผู้ชายหรอกค่ะ (อึกๆๆ) ฮ่า!

 (ตอนนี้ แบตเตอร์ตีลูกไปทางซ้าย)
อายะ: โย้ชช่า!! ตีโดนแล้ว!! แต่ว่าฉันชอบดื่มไป ฟังคนอื่นเล่าเรื่องไปน่ะค่ะ

- แล้วถ้าไปดื่มกับพวกเมมเบอร์ล่ะ?

อายะ: นั่นสินะ ไปกับใครดีน้า...

 (แบตเตอร์คนต่อมาตีลูกได้แต่บอลเบาเกินไป)
อายะ: ว้า!! อ่า  Gettsu ล่ะ!
 (Gettsu  คือ double play ในศัพท์เบสบอลหมายถึง ฝ่ายรับทำให้ฝ่ายรุกเอาท์ได้สองคนติดกัน)

- ได้ยินคำว่า “Gettsu” จากปากชิบาตะซัง รู้สึกแปลกดีนะครับ (หัวเราะ)

อายะ: จริงสิ! ถ้าได้ไปดื่มกับคาโต้ รูมิซังก็คงดีค่ะ เรื่องที่เธอเล่าน่ะมันฮามากเลย จริงๆฉันก็อยากรู้ด้วยว่าเธอคิดกับฉันยังไง แล้วก็เธอคงสอนเรื่องปลาที่น่ากินๆให้ด้วย (หัวเราะ)

- นักตกปลาตัวจริงสินะ

อายะ: แล้วก็ ไซโต้ มากิโกะซังค่ะ ดูเหมือนว่าเธอจะรับภาระการเป็นกัปตันมากเกินไป เพราะงั้นฉันเลยอยากบอกเธอว่า “สนุกกับมันให้มากกว่านี้ไม่ดีกว่าเหรอ?” ถึงมันจะไม่ได้ผลก็เถอะ...

 (ในตอนนี้ เบสแรกตีบอลฟาวล์ น้องชายทำพลาด)
- อะเร๊ะ แย่แล้วล่ะ!

อายะ: อ่า...วันนี้ดูจะไม่ได้ผลเลยน้า

- ตอนเอ็นจิ้นคงจะบอกว่า “วันนี้พี่สาวมาดูด้วยนะ”  เลยทำให้ทุกคนใจลอยรึเปล่าก็ไม่รู้นะครับ

อายะ: คงไม่ได้พูดหรอกค่ะ!

- ตอนที่ทีมกำลังแย่เหมือนแบบนี้ ชิบาตะซังจะทำยังไงครับ?

อายะ: ฉันเป็นพวก “ฉันก็คือฉัน” ค่ะ (หัวเราะ) แม้ว่าตอนสมัยทีม E จะมีช่วยเหลือกันบ้าง แต่ที่ทำให้ฉันเปลี่ยนไปจริงๆคือหลังจากย้ายไป KII

- สปิริตแบบ “For the team” ของทีม KII ทำให้ชิบาตะ อายะเปลี่ยนไปเหรอครับ?

อายะ: ใช่แล้วค่ะ!  สมัยก่อนน่ะจะเอาแต่คิดเรื่องผลงานของตัวเอง แต่หลังจากนั้นก็เริ่มคิดถึงชัยชนะของทีมมากขึ้น

- เปรียบเทียบจากการดูแข่งเบสบอลสินะครับ

อายะ: ผลงานของตัวฉันเองจริงๆก็ไม่ได้ดีหรอกค่ะ ตอนทีม KII น่ะ บรรยากาศของทั้งทีมดีมาก การที่ทีมได้รับความสนใจ ก็เริ่มมีคนสนใจฉันมากขึ้น ดังนั้นการชัฟเฟิลครั้งนั้นสำหรับฉันเป็นความสำเร็จค่ะ

- มีคนบอกว่า “เธอดูเปลี่ยนไปนะ” บ้างมั้ยครับ?

อายะ: บอกเยอะมากค่ะ! ฉันที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยไปกินข้าวกับทุกคนในทีมเลย นั่นเป็นครั้งแรกที่ตัวเองคิดอยากจะชวนทุกคนไปกินข้าว

- ทำการปฏิวัติ!

อายะ: ทีม E ในตอนนี้ก็มีพลังดีมากค่ะ แล้วก็มั่นคงมากด้วย ช่วงนี้กำลังเล่นชัฟเฟิลโคเอ็น ได้ขึ้นสเตจกับเมมเบอร์ทีมอื่น มันสนุกมากเลยที่ได้รู้จักอีกด้านที่ไม่เคยรู้มาก่อน เหมือน CE-PA league เลยค่ะ
(CE-PA league เป็นลีกเบสบอลที่เล่นข้ามลีกระหว่าง central league กับ pacific league)

- เอามาเปรียบกับเบสบอล ดีมากเลยครับ

อายะ: รู้สึกเหมือน WBA ละมั้ง?

- WBC ครับ (หัวเราะ)
(WBC ย่อมาจาก World Baseball Classic ถ้วยเบสบอลระดับโลก)

อายะ: อ่า ผิดสินะคะ! นั่นมันบาสเก็ตบอล

- บาสเก็ตบอลมัน NBA ครับ! เมาแล้วมั้งครับ (หัวเราะ)

อายะ: ไม่ค่ะ ไม่ได้เมา!

- งั้นสั่งเพิ่มอีกสักแก้วดีมั้ย

อายะ: ...งั้นเหรอคะ (ยิ้ม) โทษนะคะ ขอเบียร์ด้วยค่ะ (อึกๆๆๆ) ฮ่า!

- ได้ดื่มแบบนี้ดีจังเลยน้า คราวนี้มาคุยเรื่องวงกันดีกว่าครับ มีเมมเบอร์เด็กๆที่เข้าตามั่งมั้ยครับ?

อายะ: มีค่ะ! ช่วงนี้ที่ได้ขึ้นแสดงโคเอ็นด้วยกันแล้วคิดว่าดีมากเลย คือ ฮิดากะ ยูซุกิกับอาซาอิ ยูกะจังค่ะ ยูซุกิน่ะแสดงสีหน้าออกมาได้เป็นผู้ใหญ่มาก น่าชื่นชมมากๆ ส่วนอาซาอิจังรู้สึกได้ว่าเธอมีแววค่ะ แม้ว่าพูดแบบนี้อาจดูอวยเกินไปหน่อย (หัวเราะ) เพลงที่ร่าเริงสดใสเธอทำออกมาได้ดีเกินคาดค่ะ ทำได้ดีไม่แพ้เมมเบอร์ที่ขึ้นแสดงประจำเลย

- พูดอย่างนี้ แปลว่าโหวตของชิบาตะซังอาจจะเทไปให้อาซาอิ ยูกะซังสิครับ

อายะ: อย่างนั้นก็ได้ค่ะ ขอแค่โหวตของฉันเทไปให้เมมเบอร์ SKE48 ก็พอ แต่ว่าก็ยังอยากให้โหวตน่อนเมมากที่สุด (คิโมโตะ คาน่อนและซาคาอิ เม) อยากให้เด็กรุ่น 4 ขึ้นไปสูงๆค่ะ ใน SKE48 มีเด็กอยู่มากมาย ในบรรดาเด็กมัธยม อยากให้พวกเธอโดดเด่นออกมา เป็นเด็กๆที่จะแบกรับ SKE48 ต่อจากนี้ไป

- อย่างเช่น เอโกะ(ยูนะ)จัง

อายะ: ใช่ค่ะ! เอโกะจังน่ะ อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น เธอมีโพเทนเชี่ยลมากๆเลยล่ะ

- ชิบาตะซังก็ไม่ได้ลงเลือกตั้งปีนี้...

อายะ: เรื่องนี้เพราะตัดสินใจไว้แล้วน่ะค่ะ


“ความเหมาะสม” กับ “ความสามารถเฉพาะตัว”


- ต่อไปเป็นคำถามเดียวกับที่ใช้ถามเมมเบอร์คนอื่นๆที่ได้สัมภาษณ์ลงในเล่มนี้นะครับ คือมีช่วงเวลาที่วงมีบรรยกาศไม่ค่อยดี ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเริ่มดีขึ้นแล้ว ชิบาตะซังคิดว่ายังไงครับ?

อายะ: ช่วงหลังจาก Mae no Meri บรรยากาศไม่ค่อยดีจริงๆค่ะ ไม่ว่าจะแฟนๆหรือเมมเบอร์ก็โดน “Rena Loss” กันหมด แต่ว่าเรื่องใหญ่อีกเรื่องที่เพิ่งผ่านไป คือ คอนเสิร์ตจบการศึกษาของ (มิยาซาว่า)ซาเอะซัง ช่วงก่อน-หลังคอนเสิร์ตก็มี “Sae-san Loss” ค่ะ

- เป็นเรื่องที่น่าสนใจจริงๆ

อายะ: เป็นเพราะคำพูดของซาเอะซัง ทุกคนเลยอยากรวมใจกันเป็นหนึ่ง ทุกคนพร้อมสู้เต็มที่ค่ะ เก็บเรื่องราววันนั้นไว้แล้วพยายามสู้ต่อไปค่ะ

- ซาเอะซังเป็นศูนย์กลางของทุกคน ดูเหมือนว่าจะให้พลังความสามัคคีไว้เป็นของขวัญจบการศึกษาสินะ

อายะ: คงจะอย่างนั้นค่ะ การที่ซาเอะซังมาน่ะเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่จริงๆ...อืม..

 (ตอนนี้มี double play เกิดขึ้นอีกครั้ง)
อายะ: ว๊า!! Gettsu (double play) อีกแล้ว กี่รอบแล้วเนี่ย!

- วันนี้ 3 รอบแล้วครับ

อายะ: เอ๊ะ เมื่อกี้ถึงไหนแล้วนะคะ?

- ซาเอะซังครับ (หัวเราะ)

อายะ: อ่า ใช่ๆ (หัวเราะ)

- จะว่าไป ในคอนเสิร์ตจบการศึกษา หลังจากที่ซาเอะซังลงจากเวทีไป ก็มีประกาศระบบใหม่ใช่มั้ยครับ มีการแต่งตั้งกัปตันกับรองลีดเดอร์ ทำให้เราพอเห็นฉากต่อไปของ SKE48 เป็นเรื่องที่ดีจัง

อายะ: ใช่ค่ะ!

- แต่ว่าตอนที่เรนะซังจบการศึกษาไม่มีอะไรแบบนี้ ก็เลยทำให้อารมณ์โศกเศร้ามันเหลืออยู่ในใจ

อายะ: นั่นสินะคะ ตอนนี้บรรยากาศของวงก็ผ่อนคลายลงมาก

- มีอีกเรื่องที่อยากจะถามครับ สำหรับ SKE48 ช่วงเวลาของ WMatsui เป็นช่วงที่ยาวนาน ไม่ใช่แค่สองคนนี้ แต่ยังมีช่วงที่ชิบาตะ อายะ ทาคายานางิ อากาเนะ สุดะ อาคาริ 3 คนที่แข่งกันช่วงชิงตัว “A” กันอยู่ด้วย
(T/N note: ตัว A คือตัวอักษรย่อของชื่อ เหมือนเบิ้ลอิเป็น JR เนื่องจาก 3 คนนี้ตัวอักษรย่อเป็นตัว A เหมือนกัน เลยต้องแย่งกันหน่อย)

อายะ: มีฉันเข้าไปแข่งกับเขาด้วยเหรอคะ? ขอบคุณค่ะ (หัวเราะ)

- ผมว่าทั้งหมดเป็นคนที่เอื้อมถึง WMatsui ได้ครับ เพื่อจะเป็นแบบนี้ได้ คุณคิดว่าอะไรคือสิ่งที่จำเป็นต้องมีครับ?

อายะ: อะไรน้า...ฉันน่ะเป็นพวกขบถ เป็นประเภท “ไม่มีทางเข้าเซมบัตสึได้หรอก!” ตอนนั้นฉันเอาแต่แข่งกับตัวเอง เพราะอยากเข้าเซมบัตสึนั่นแหละ ฉันถึงได้พยายามสุดชีวิตทั้งในโคเอ็นและงานจับมือ แต่ว่าจะสนใจแค่งานจับมือก็ไม่ได้ มันเป็นคนละเรื่องกับการเอาชีวิตรอดในวงการบันเทิงค่ะ

- นั่นสินะครับ

อายะ: การมีแฟนๆเยอะเป็นสิ่งที่สำคัญมาก แต่ว่าถ้าจะให้ดีไปกว่านั้นต้องมีความสามารถเฉพาะตัวค่ะ ประมาณ 1 ปีที่ผ่านมานี้ฉันไม่ค่อยได้สนใจแล้วว่าบัตรจับมือจะขายดีมั้ย แน่นอนว่าตราบใดที่ยังอยู่ในวงฉันก็ทุ่มเทกับมันเหนือสิ่งอื่นใดอยู่แล้ว แต่เรื่องในอนาคตก็ต้องคิดค่ะ ทั้งเรื่อง“ความเหมาะสม” ทั้งเรื่อง “ความสามารถเฉพาะตัว” แล้วก็ต้องเรียนรู้ที่จะขยายขอบเขตมุมมองของตัวเองออกไป

- “ความสามารถเฉพาะตัว” ตรงนี้ มีเมมเบอร์ที่น่าสนใจมั้ยครับ?

อายะ: (โกโต้) ราระค่ะ! พูดอังกฤษได้ ตีกอล์ฟก็เก่ง แล้วยังตั้งใจพยายามแบบสุดๆ ความสามารถสูงมากค่ะ (ฟุรุฮาตะ)นาโอะจังก็ร้องเพลงเก่ง ฝีมือการแสดงก็ดี (อาซุม่า)ริองก็เหมือนกัน มีจุดที่น่าดึงดูดเยอะมาก น่าอิจฉาจริงๆค่ะ

- ก็คือ ตอนนี้มีรุ่นน้องหลายคนที่ทำให้รุ่นพี่อิจฉาได้

อายะ: ใช่ค่ะ! แต่ว่าก็ต้องมีเด็กอย่างยูนานะที่แฟนๆหลงหัวปักหัวปำอยู่ด้วย การที่มีเด็กๆที่ไม่เหมือนกับจูรินะซังและเรนะซังแข่งกันอยู่แบบนี้ เป็นสิ่งที่เราอยากเห็นไม่ใช่เหรอคะ

(การแข่งขันจบลง โฮเซย์แพ้ไป 1-11)
อายะ: อ๊า!! แพ้ซะแล้ว!

- อดเป็น “เทพธิดาแห่งชัยชนะ” เลยนะครับ...

อายะ: อืม...สงสัยต้องมาล้างตาซะแล้ว ตอนลีกฤดูใบไม้ร่วงคงต้องมาดูแล้วล่ะ! สัญญาเลยค่ะ!



blogged by 91

[91][bsummary]

Translation

[Translation][bsummary]

Subtitle

[subtitle][bsummary]

Update

[SKEUpdate][bsummary]