วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2559

[Talk] คำสาปของเด็กรุ่นเลขคู่


วันนี้นั่งดูรูปเก่าๆ เห็นรูปYuudachi no Mae เจ้าของบัลลังก์เบอร์1ในRH SKEปีล่าสุดแล้วรู้สึกอยากชวนคุยเรื่องเด็กๆรุ่นเลขคู่ของ SKE ค่ะ

รุ่น6เป็นหนึ่งในรุ่นที่โดนคำสาปเลขคู่ของSKE คือรุ่นที่เป็นเลขคู่มักจะอาภัพเสมอ อยู่ใต้เงาของแสงไฟที่ส่องไปทางรุ่นเลขคี่
เป็นมาตลอดทั้ง

รุ่น1-2 ทีมSที่เทพเกินไป และKIIที่ยังหาตัวเองไม่เจอ
แต่เพราะความUnderdogทำให้เกิดเป็นแรงผลักดันและไฟที่ทำให้KIIสร้างสตอรี่ที่สุดยอดที่สุดอย่างการที่ ลีดเดอร์ในตอนนั้นอย่างพี่นกตะโกนขอสเตจบนเวทีเลือกตั้ง (เป็นโมเมนท์ที่ทำให้เราชอบKII และลามมาSKEยันทุกวันนี้ ฮา) สร้างทีมที่ร้อนแรงที่สุดเหมาะกับสีแดงของทีมมาจนทุกวันนี้

รุ่น3-4 ก็เช่นกัน ภายใต้เงาของรุ่น3ที่ถูกเรียกว่า "ยุคทองของSKE" รุ่นที่ผลิตเซมบัตสึ คามิ7 ลีดเดอร์ เป็นแกนหลักของวงได้เลย ยูริอะ ยุกโกะ ซาวาโกะ โอกิโสะ สุดะ มิกิ ริซาโกะ ฯลฯ
รุ่น3โตมาในยุคที่ไม่มีทีมสังกัดเหมือน1กับ2 ต้องสู้กันอย่างรุนแรงเพียงเพื่อจะให้ได้รับเลือกขึ้นไปบนเวทีของรุ่นพี่ซักครั้ง สุดะถึงขั้นเก็บเรื่องนิ้วเท้าหักไว้เป็นความลับและขึ้นเวทีไปทั้งอย่างนั้น
ภายใต้เสียงชมที่มีต่อรุ่น3 รุ่น4 ก็เข้ามาพร้อมการก่อตั้งทีม E ที่แทบไม่มีหลักยึด ขาดประสบการณ์ และโดนปรามาศว่าเป็นตัวถ่วงและอ่อนที่สุด
ผ่านเรื่องราวในฐานะ Underdog มาจนเป็นทีมที่ได้รับความรัก ได้พิสูจน์ตัวเอง ได้รับการยอมรับ จนติดเลือกตั้ง AKB กันเพียบ รวมไปถึงอายะที่ไปได้ถึงที่17ในการเลือกตั้งครั้งแรก
ออริทีมEยังคงเป็นแกนหลักของวงแม้อยู่ต่างทีมกัน และได้รับการยอมรับมาจนทุกวันนี้

จนถึงล่าสุดนี้รุ่น5-6
รุ่น5ที่เก่งและพร้อมจนถูกเรียกว่ายุคทองครั้งที่สอง
แกนหลักของ "เคงคิวเซย์ที่แข็งแกร่งที่สุด" ติดเลือกตั้ง ติดเซมบัตสึแทบยกรุ่น
กับรุ่น6ที่คัดมาเยอะและมีดราม่ามากมายกับสเตจเคงคิวว่าสู้รุ่นห้าไม่ได้เลย (รุ่นห้าเก่งเกินไป..)
ในยุคที่รุ่น6ทำสเตจเคงคิวกัน เป็นช่วงเวลาที่มากิโกะที่ฝึกรุ่น5จนถูกเรียกว่าเคงคิวฯเทพ ขึ้นทีมไปแล้ว
เหลือรุ่นพี่ใหญ่ๆแค่วันจังกับคาโอตัน รุ่น5ก็มีแค่2-3คน
เป็นสเตจรุ่น6ล้วนที่โดนเผากันรัวๆ (ฮา)
รวมไปถึงดราม่าของเอสรุ่นคนแรกสุดของรุ่น6จากยูยุ(คิตะฯยูนะ) กับเอสที่โดนดันมาคู่กันทีหลังอย่างเรียวฮะ
แถมริองที่ขึ้นทีมตัดหน้ารุ่น5ทั้งที่เข้าวงมาจริงๆได้ไม่ถึงครึ่งเดือน
แต่ในที่สุดเวลาของรุ่น6ที่ได้รับการยอมรับก็มาถึง
เป็นเวลาที่เคงคิวSKEเปลี่ยนสเตจจากAitakattaล้านปี
มาเป็นSeifuku no me สเตจที่เรียกได้ว่าโหดเป็นอันดับต้นๆของSKE
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่Sเล่นRESET KIIเล่นTheater no megami Eเล่นBoku no taiyou
เลยเอาสเตจทีมSมาให้เคงคิวเล่น เพราะที่นี่เธียเตอร์SKE ต้องมีสเตจของSKEเล่นอยู่ด้วยสิ!
พอเริ่มเล่นสเตจนี้รุ่นพี่ก็อัพโซเชียลกันว่าอยากมาเล่นจัง คนไม่พอบอกเลยนะ คิดถึง ฯลฯ
รุ่น6ผู้ไฟลุกก็พร้อมใจกันบอก ถ้าคนไม่พอเดี๋ยวจะเหมาสองตำแหน่งให้ดู
จะในวันเดียว ใน5ช.ม. ใน2ช.ม. จะจำตำแหน่งให้ดูค่ะ ไม่กวนรุ่นพี่แน่! (สายโหด555)

Seifuku no meที่นำโดยเรียวฮะกับไอสะ ได้รับการยอมรับจากแฟนๆอย่างกว้างขวาง ทุกอย่างเหมือนจะไปได้สวย จนกระทั่งมีการประกาศงาน Daisokaku (สลับทีม) ของ48G
อนาคตของรุ่น6ก็ดูไม่มั่นคงทันที
ทั้งๆที่ตั้งใจจะฝึกเคงคิวด้วยสเตจนี้ ทั้งๆที่ทีมใหญ่ก็เพอร์เฟคและดูจะล็อคตัวรุ่น6ที่จะขึ้นทีมไว้หมดแล้ว
แต่ในงานไดโซคาคุกลับเลื่อนขั้นดราฟท์รุ่น1ขึ้นทีมทุกคน ทั้งๆที่แทบไม่มีใครเคยขึ้นเวทีสเตจ
แถมยังให้ทีมSใหม่เล่นสเตจSeifuku no meที่เคงคิวเล่นกันอยู่
และเพราะเคงคิวตัวหลักหลายคนอย่างเรียวฮะ คุมะ รุกะ ยูซึกิ ขึ้นทีมกันไปหมด
ทำให้ต้องบอกลาสเตจเคงคิวไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวทันที
หลังงานชัฟเฟิลใหญ่ รุ่น6หลายคนตัดสินใจบอกลา48กรุ๊ป รวมไปถึงไอสะ เซนเตอร์เคงคิวเซย์คู่กับเรียวฮะ ที่บอกชัดเจนว่าเค้าแกรตเพราะงานนี้



ไม่ใช่แค่เด็กๆ แต่รุ่นพี่ในวงและแฟนๆก็รักสเตจSeifuku no meและรุ่น6ที่กำลังพิสูจน์ตัวเอง
จนดราม่าด่าสตาฟ ด่าผจก.กัน ว่าทำอะไรอยู่ เด็กพวกนี้คืออนาคตของเรานะ
จะปล่อยให้ดับไปเฉยๆรึไง ไหนสเตจล่ะ
ดราม่าเรื่องเคงคิวหนักมากจนมัตสึอิ เรนะ(ที่แฟนๆSKEชอบเรียกว่า "ผบ.ใหญ่" สายไฝว้ในตำนาน555) ออกมาเดือดด้วยเลย

คาโอตันต้องมาคอมเมนท์หยุดบอกเรนะซังๆดึกแล้วไปนอนนะคะ มีงานเช้าหนิ 55555555
ในช่วงเวลาที่แย่มากๆของรุ่น6นี้ ผนวกกับคุมะจังยังตกเวทีข้อมือหักในช่วงเดียวกันอีก ก็มีแต่แสดงให้เห็นว่ารุ่น6และเคงคิวสำคัญต่อแฟนๆสำคัญต่อวงขนาดไหน
ถ้าไม่สำคัญคงไม่มีใครใส่ใจและเดือดร้อนด้วยมากขนาดนี้
แถมคนที่แกรตช่วงนี้ก็ไม่มีสเตจแกรตให้อีก ต้องแกรตไปเงียบๆ
แต่รุ่น6ก็ยังมารวมตัวกันจัด"สเตจSeifuku no meในห้องซ้อม" ให้เพื่อนๆเป็นสเตจแกรต ไอสะที่แกรตไปแล้วก็มา คุมะที่แขนหักก็ใส่เฝือกมาเต้นด้วย555
จนในที่สุดก็มีการประกาศสเตจเคงคิวที่ทุกคนรอคอย
ภายใต้ชื่อ Upcoming Kouen
โดยเซทลิสต์จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามฤดูกาล ครั้งแรกคือ Natsu โดยมีซากิป้งเป็นตัวนำ
ในสเตจก็มีลูกเล่นมากมายทั้งคลิปภารกิจจากรุ่นพี่
มีรุ่นพี่ใส่หน้ากากปลอมตัวมาขึ้นด้วย
รุ่นเดียวกันก็พามาเซอร์ไพร์สบ่อยทั้งเรียวฮะ ริอง ยูซึกิ หรือแม้แต่เด็กย้ายวงอย่างรันรันก็มาเล่นกับเค้าด้วย ได้รับคำชมอย่างล้นหลามว่าเจ๋งกว่าสเตจทีมหลักที่ยังดูไม่เข้าที่ตอนนั้นอีก ถึงกับมีคนบอกว่า
"อยากรู้จักSKE48 จงดูUpcoming Kouen!"
เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของอิมามุระที่เจ้าตัวได้นำไปใช้ในNGTปัจจุบันนี้ด้วย
จากความลำบากมากมาย สตอรี่นับล้าน ทำให้รุ่น6เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่ดี และเหนียวแน่นที่สุดรุ่นนึงในSKEเลย
สนิทกันทุกคนเท่าที่ยังอยู่ ทุกคนยอมรับในตัวกันและกัน
เป็นกำลังสำคัญในทีมทั้งด้านเอมซี และการแสดง
เลือกตั้งก็ทยอยติด
อันดับ1ในRH SKEของเพลงYuudachi no mae เพลงประจำเคงคิวรุ่นนี้
จึงไม่ใช่อะไรที่มากไปเลยที่จะตอบแทนทุกอย่างที่ทุกคนได้ทำมา
เป็นรุ่น6ที่พวกเราแฟนSKEภูมิใจ <3
แถมนอกจากที่1แล้วที่2ยังเป็นเพลงจิงโจ้
ทั้งสองเพลงเป็นเพลงที่เรียวฮะเซนเตอร์ เป็นQueen of SKE RHปีนั้นไปเลย ..

รอดูต่อไปว่ารุ่น8ภายใต้เงาของ7D2 จะเจออะไรกันต่อไปบ้าง น่าสนใจจริงๆ55


วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2559

[Talk] SKE48 กับ "เพลงที่เปลี่ยนชีวิตคุณ"

[Talk] SKE48 กับ "เพลงที่เปลี่ยนชีวิตคุณ"




สวัสดีค่ะ พอดีเราเพิ่งดูไลฟ์มิฮามะปีนี้จบ (ดีเลย์มาก)
ต้องเกริ่นนำก่อนว่าไลฟ์มิฮามะนี้เรียกว่าเป็นหนึ่งใน "ของขึ้นชื่อ" ของSKE โดยเริ่มครั้งแรกในปี2013 จัดติดต่อกันมาเป็นครั้งที่ 3 แล้ว
โดยเป็นไลฟ์กลางแจ้งที่จัดที่เมืองมิฮามะ ริมทะเลเลยค่ะ
โอตะเลยนิยมงานนี้กันมากแน่นอนว่าตั๋วก็หายากเช่นกัน

แต่ไม่ได้ตั๋วไม่ต้องห่วงเพราะคุณสามารถส่องจากไกลๆได้จากถนนฝั่งตรงข้ามหรือรอบๆ!

ภาพในงานเลยอลังทีเดียว โอตะถือแท่งไฟทะลักเต็มบริเวณ (ฮา) แถมจะจัดในช่วงที่มีงานเทศกาลอยู่แล้วด้วยถือว่าไปเที่ยวกันสนุกๆนอกจากดูไลฟ์ไอดอล

นอกจากสถานที่และความสนุกของเทศกาลที่ดึงดูดคนแล้ว ไลฟ์มิฮามะยังรู้กันดีถึงเรื่องความเทพของเซ็ทลิสต์ในแต่ละปี
ปีนี้ก็เช่นกัน

เซ็ทลิสต์ไลฟ์มิฮามะในปีนี้มาในคอนเซปท์ "เพลงที่โดนใจคุณ แค่ฟังก็รู้สึกมีพลัง"

โดยแฟนคลับจะส่งเนื้อร้องของแต่ละเพลงที่ช่วยชีวิตเค้าไว้ สตาฟก็อุตส่าห์เขียนมือทุกเนื้อเพลงที่แฟนคลับส่งพร้อมทั้งคอมเมนท์ของแฟนๆไว้ในห้องให้เด็กๆได้อ่าน นับเป็นหลายร้อนท่อนเลยทีเดียว

และระหว่างฉายทีวีก็จะมีเด็กๆมาคอมเมนท์เพลงก่อนที่จะฉายเพลงนั้นๆค่ะ ในระหว่างที่ฉายยังมีคอมเมนท์จากแฟนๆขึ้นข้างบนด้วย
เรียกได้ว่าเปิดประสบการณ์ใหม่ในการดูคอน48ได้เลย ถ้าอ่านออกดูไปอินไปมาก555

เพลงไอดอลอาจจะไม่ได้ดีสำหรับทุกคน

อาจจะมีคนคิดว่าเพลงไอดอลแค่แบ๊วๆไปเท่านั้น

แต่เป็นอีกครั้งที่SKEทำให้เราเห็นว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น

แค่มันมีความหมายกับใครซักคน ช่วยสร้างพลังให้ใครได้
ก็เป็นเพลงที่ทรงคุณค่าในตัวมันแล้วค่ะ

และด้วยคอนเซปท์แบบนี้เลยได้ไลฟ์ที่มีการเลือกเพลงได้เจ๋งมากๆไลฟ์นึงมาอีกครั้งสำหรับSKE48

ตัวอย่างเพลง-ท่อนที่แฟนๆเลือก

Mae no meri
"วัยเยาว์คือเส้นทางวกวน ท้อแท้แค่ไหนก็ลุกขึ้นสู้ต่อ ความหวังจะกลายเป็นพลัง ไม่เป็นไรยังสู้ต่อไหว"

คอมเมนท์จากแฟนๆ
"เมื่อมีความฝัน มีความหวัง ต้องวิ่งต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งค่ะ"
หญิงวัย20

"เมื่อไหร่ที่รู้สึกสิ้นหวังหมดกำลัง ก็ได้รับกำลังใจมาจากเพลงนี้ค่ะ
ฟังแล้วร้องไห้เลย" หญิงวัย20

"ตอนที่เจ็บใจกับเรื่องงานจนอยากจะเลิก ฟังท่อนนี้แล้วแรงบันดาลใจเหมือนกลับมาอีกครั้งครับ" ชายวัย40

คอมเมนท์จากจูรินะสำหรับMae no meri

"พอบอกว่า วัยเยาว์ เนี่ย จะคิดถึงวัยนักเรียนเนอะ แต่มีข้อความจากแฟนคลับเข้ามาว่า ถึงผมจะวัยลุงแล้วแต่ก็ได้รับพลังว่าจะไม่ยอมแพ้ จะขอพยายามต่อ จากเพลงนี้เหมือนกัน ฉันว่า"วัยเยาว์"ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุเลยค่ะ การอยากทำอะไรก็ตามอย่างสุดชีวิต

นั่นแหละค่ะคือวัยเยาว์ นั่นแหละคือการพุ่งทะยาน(มาเอะโนะเมริ) ได้พลังจากข้อความนี้มากเลยค่ะ"

Mirai to wa : เพลงที่ส่งข้อความให้ก้าวต่อไป เหมือนเป็นภาคต่อของ Mae no meri
"อนาคตนั้น ไม่ใช่วินาทีต่อไปหรือวันพรุ่งนี้ หรือแม้แต่ปีหน้า แต่มันเริ่มขึ้นตอนนี้เลย จะมัวแต่รีรอไม่ได้หรอก"

คอมเมนท์จากแฟนๆ
"ถ้าไม่พยายามก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ถ้ามัวแต่รอโอกาสก็จะเปลี่ยนอะไรไม่ได้ เป็นเพลงที่ทำให้รู้สึกว่าต้องทำมันด้วยตัวเองครับ"  ชายวัย20

"เพื่อที่จะไม่ให้รู้สึกเสียดายในอีกสามปีหรือห้าปีให้หลัง
ก็ต้องทำ"ช่วงเวลานี้"ให้ดีที่สุด" ชายวัย30

นอกจากสองเพลงนี้แล้วก็ยังมีอีกหลายเพลงเลยที่เลือกกันมา
แล้วยังมีเพลงที่เลือกจากทาเลนท์ที่ร่วมงานกับSKEบ่อยๆด้วยค่ะ คาดไม่ถึงอยู่หลายเพลงทีเดียว

แนะนำให้ลองหาดูกันเลยสำหรับคอนเสิร์ตนี้ ><

แล้วใครมีเพลงไหนของSKEที่ประทับใจเนื้อเพลงกันมั่งมั้ยคะ?
ส่วนตัวของเราชอบท่อน
"ชีวิตคือการวิ่งอย่างไม่หยุดยั้ง
พุ่งทะยานสุดพลังด้วยที่ทนอยู่นิ่งไม่ไหวกับความฝัน"
มาก

ชีวิตสำหรับเราคือการวิ่งไปเรื่อยๆ เรียนรู้ ก้าวหน้า และเติบโตไปทุกวัน จริงๆ :)

วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2559

(91)[100%SKE48] แปลบทสัมภาษณ์น่อน (คิโมโตะ คาน่อน)

ได้เข้ามาเมื่ออายุ 13 เป็นเซ็นเตอร์ทีม E
ตอนนี้คิโมโตะ คาน่อน อายุ 18 ปีแล้ว
น้องเล็กของทีมกับตำแหน่งที่เคยอยู่ในสปอตไลต์และเคยได้ลิ้มรสความเจ็บปวด
ที่ครั้งนึงเรานึกไม่ออกเลยว่าจะได้เห็นเธอในแบบนี้
ความมุ่งมั่นที่เต็มไปด้วยความร้อนแรงและเป้าหมายที่มั่นคงได้เปิดเผยออกมาแล้ว

เป้าหมายคือการเป็นเอซคนใหม่ที่ชาวนาโกย่าภูมิใจ ที่มีทั้งความเป็น “สายหลัก” และ “นอกลู่นอกทาง” รวมอยู่ด้วยกัน


คุณค่าของประสบการณ์จากการควบทีม


- นับตั้งแต่บทสัมภาษณ์กับ BUBKA เมื่อปี 2014 นี่ถือเป็นอีกครั้งที่ได้มาสัมภาษณ์คิโมโตะซัง

น่อน: นานมากเลยนะคะ

- มีเรื่องเข้าใจผิดมากมาย จนถูกซาซิฮาร่า(ริโนะ)ซังเอาไปล้อในคอนเสิร์ตเลยนะครับ...ต้องขอโทษด้วยนะครับ

น่อน: ฮ่าๆๆ ไม่เลยค่ะ ไม่เป็นไร (หัวเราะ)

- ขอบคุณครับ! ที่เชิญคิโมโตะซังมาสัมภาษณ์คราวนี้ เราตั้งหน้าตั้งตารอมาตลอดเลยครับ ก็เพราะเป็นถึงระดับเอซนี่นะ

น่อน: เอ๋? ขอบคุณค่ะ ว่าแต่ จริงเหรอคะ?

- จริงๆครับ! คิโมโตะซังเอง จนถึงตอนนี้ก็ได้เจอบททดสอบมากมาย ได้รับประสบการณ์ล้ำค่าจากมันมาเยอะเลยใช่มั้ยล่ะครับ

น่อน: นั่นสินะคะ ที่ผ่านมาได้ลองทำอะไรเยอะแยะไปหมด ถ้าไม่ชอบความท้าทายละก็ฉันคงต้องกังวลมากแน่ ตอนนี้โปรแกรมทัวร์ทั่วประเทศกับละครเวที (AKB49) ก็กำหนดแล้ว เป็นอะไรที่ต้องรวบรวมสมาธิทำมันออกมา รู้สึกดีค่ะ ถ้ามีเรื่องที่ยังไม่เคยลองทำก็อยากจะลองดูสักครั้ง ฉันเป็นคนประเภทนั้นล่ะ ตะกละมากเลยค่ะ (หัวเราะ)

- ฮ่าๆๆๆ ดีครับ (หัวเราะ) พูดถึง “ท้าทาย” การที่ได้ควบทีมกับ HKT48 จนถึงปีที่แล้วคงเป็นแรงกระตุ้นได้มากเลยนะครับ?

น่อน: ก็ใช่ค่ะ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ไม่คิดว่าจะสนิทกับทุกคนที่ HKT48 จนถึงตอนนี้ได้ เพราะงั้นที่ทุกคนต้อนรับอย่างดี ฉันดีใจมากค่ะ

- โดยเฉพาะโมโตมุระ (อาโออิ)ซัง แถมยังตั้งชื่อคู่กันด้วย

น่อน: เธอเป็นคนแรกสุดที่เข้ามาคุยกับฉันค่ะ จะบอกว่าเธอเป็นคนช่วยไว้ก็ได้ อาโออิทำให้ความเหงามันหายไป หลังจากนั้นก็สนิทกันมากค่ะ โอชิของอาโออิก็มาบอกกับฉันว่า “ชอบคู่นี้มากเลยล่ะ” ด้วยค่ะ เพราะได้ควบทีมถึงได้เจอกันแบบนี้ แล้วก็ได้ไปออกทัวร์ในฐานะ HKT48 ด้วย ตอนนี้ทัวร์ SKE48 ก็จะกลับมาเล่น ถ้าได้ไปที่ๆฉันเคยไปตอนควบทีม ฉันก็จะบอกกับ SKE48 คนอื่นได้ว่า “ที่นี่มันเป็นแบบนี้ๆนะ”

- คนดูที่เคยไปดู HKT48 เขามาดู SKE48 ด้วยมั้ยครับ?

น่อน: นี่แหละค่ะ! ฉันว่านี่แหละคือความหมายของการควบทีมล่ะ!

- การควบทีมนี้สิ้นสุดลงเมื่อปี 2015 สำหรับคิโมโตะซัง และ SKE48 ใน 1 ปีนี้ก็มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากมาย

น่อน: รุ่นพี่รุ่น 1 จบการศึกษากันไปหลายคน ตอนนี้ทั้งมักกี้จัง (ไซโต้ มากิโกะ) ที่ได้เป็นกัปตัน ทั้งรุ่น 2 รุ่น 3 แล้วก็พวกเรารุ่น 4 ทุกคนต้องพยายามให้มากขึ้น พวกเรารู้ตัวดีว่าเรื่องที่เราเคยพึ่งพารุ่น 1 ตอนนี้ต้องเป็นพวกเราแล้วที่ทำ

- ช่วงที่สร้างทีมขึ้นมาตั้งแต่ศูนย์จนเป็น SKE48 ก็คือช่วงแรกจนถึงรุ่น 4 นี่แหละนะ

น่อน: ฉันว่านี่เป็นเส้นแบ่งเลยล่ะค่ะ แต่ว่าตำแหน่งระหว่างรุ่น 4 กับเด็กๆตั้งแต่รุ่น 5 ลงไป มันค่อนข้างจะละเอียดอ่อนค่ะ

- ผมได้อ่านบล็อกล่าสุดของคิโมโตะซัง พอรุ่นเดียวกันค่อยๆแยกออกไปทีละคน เพื่อที่จะยกระดับตัวตนของรุ่น 4 ที่ยังอยู่ ดูเหมือนว่าคุณมีบางอย่างทีต้องทำ แบบว่าเหมือนเป็นภารกิจอย่างนึงน่ะครับ

น่อน: ฉันคิดว่ารุ่น 4 เต็มไปด้วยเมมเบอร์ที่มีความเป็นตัวของตัวเอง บางทีคนอาจมองว่าไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ แต่ฉันไม่คิดอย่างนั้นค่ะ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรเราก็จะมีส่วนร่วมตลอด ไม่ว่ายังไง SKE48 จะขาดเมมเบอร์แบบนี้ไม่ได้ค่ะ แม้จะถูกคนวิพากษ์วิจารณ์มาไม่น้อย แต่พวกเราก็รู้สึกเสมอว่าพวกเราต้องทำไรซักอย่าง (ชิบาตะ) อายะจังก็เริ่มเอาดีด้านการพูด (อุเมะโมโตะ) มาโดกะถึงจะจบการศึกษาไปแล้วแต่ก็เป็นพวกสายกีฬา (ยามาชิตะ) ยูคาริก็ได้ที่หนึ่งใน RH มาสองปีซ้อน ยูคาริเป็นความภาคภูมิใจของรุ่น 4 จริงๆค่ะ

- เพราะว่าเป็นครั้งแรกสินะครับ (ต่อจาก Kareha no Station) คิโมโตะซังพอเริ่มพูดถึงรุ่นเดียวกันแล้ว ก็ดูกระตือรือร้นขึ้นมาเลย ไม่ว่าจะในบล็อกหรือบนเวที ก็จะดูสดใสขึ้นมาทันที

น่อน: เพราะว่ามีความสุขค่ะ ในตอนแรกพวกเราลำบากกันมาก ไม่ว่าจะทำอะไรก็ออกมาแย่ตลอด แล้วพวกเราก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง อยู่ในสภาพแบบนั้นนานมาก เพื่อนๆในตอนนั้น ตอนนี้ได้แบ่งกันไปอยู่คนละทีม บางส่วนก็จบการศึกษาไปแล้ว บางส่วนก็ยังแอคทีฟกันอยู่ จริงๆนะคะ แม้แต่ตัวเองยังไม่รู้เลยว่าทำไมถึงมีความสุขขนาดนี้



ความรู้สึกที่ต้อง “อยู่ต่อ”


- ความรู้สึกแบบนี้ เป็นเป็นแรงผลักดันของคิโมโตะซังในตอนนี้หรือเปล่าครับ?

น่อน: รุ่น 4 ตอนนี้น่ะ อยู่ในช่วงที่ “คิดจะจบการศึกษา” มากที่สุด ไม่ก็ “ไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อ” มากที่สุด ในบรรดานั้นมีทั้งคนที่เลือกจะจบการศึกษา มีทั้งคนที่ตัดสินใจจะเป็นเมมเบอร์ SKE48 ต่อไป อย่างมาโดกะน่ะ ตัดสินใจจบการศึกษาเพื่อทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ แบบนั้นพวกเรารุ่นเดียวกันก็ดีใจ เพราะงั้นคนที่ยังอยู่ต่อก็อยากจะพยายามในส่วนของเธอด้วย ไม่อยากให้ใครพูดว่ารุ่น 4 แย่ลงเพราะมีคนจบการศึกษาค่ะ

-  “ไม่ให้ใครมาดูถูกได้หรอก!” สินะครับ

น่อน: ก็ อย่างนั้นแหละค่ะ (หัวเราะ) พอโดนดูถูกก็จะยิ่งมีแรงฮึด จิตใจเข้มแข็งมากค่ะ เมมเบอร์หลายคนคิดเหมือนกันว่า”เดี๋ยวจะทำให้ดู!”

- คิโมโตะซังก็มีด้านนี้ด้วยนะ (หัวเราะ)

น่อน: รู้สึกว่าแข็งแกร่งใช่มั้ยคะ? ที่จริงแล้วฉันเป็นคนใจเสาะมากค่ะ (หัวเราะ) ปกติจะคิดอะไรต่างๆมากมาย แต่แค่ไม่ได้พูดออกมาเท่านั้น

- เรื่องอะไรเหรอครับ?

น่อน: ความคิดของตัวเองค่ะ ถ้าเอาไปเขียนลงบล็อก ทุกคนก็จะแบบว่า “คาน่อนร้อนแรงขึ้นมาอีกแล้ว!” แต่ว่าสำหรับตัวเอง ฉันมองว่าไอดอลเป็นคนที่น่ารักและเปล่งประกายมาโดยตลอด ไม่สามารถแสดงอารมณ์แรงๆแบบว่า “ไม่ยอมแพ้หรอก!” ออกมาได้ ดังนั้นฉันก็เลยมีลักษณะแบบนั้นไปเองมั้งคะ

- ถ้าอย่างนั้น ก็คล้ายกับวาตานาเบ้ มายุมากเลยนะครับ?

น่อน: นั่นสินะคะ พูดอีกอย่างก็คือ เป็นคนที่ไม่ให้อารมณ์มามีอิทธิพลค่ะ อยากจะเป็น “ไอดอล” ในอุดมคติของตัวเองเท่านั้น

- แต่ผมว่าในตัวของคิโมโตะซัง ที่จริงแล้วยังมีความเป็น “สายหลัก” อยู่นะครับ

น่อน: ขอบคุณค่ะ แต่ว่าถ้าเดินในสายหลักเท่านั้นก็จะถูกกลบได้ง่าย แม้ว่าการที่มีเมมเบอร์ในสายหลักนี้ซักคนจะสำคัญมาก แต่จะไปในทางนี้ตลอดก็ไม่ได้เหมือนกัน

- คิโมโตะซังเองก็ “นอกลู่นอกทาง” อยู่บ่อยๆเหมือนกัน (หัวเราะ)

น่อน: เดิมฉันเป็นพวกที่ชอบสร้างบรรยากาศในห้องแต่งตัวอยู่แล้วค่ะ (หัวเราะ) ชอบดูรายการตลกมากๆ อย่างพวก “Gakitsukai” (Downtown no Gaki no Tsukai ya Arahende!!) แล้วก็ “24-Jikan taikyu” ดูมาตั้งแต่ก่อนรายการจะดังอีกนะคะ สมัยก่อนรายการไม่มีมุกทะลึ่งเยอะขนาดนี้ ชอบมากเลยค่ะ

- เพราะพื้นฐานเป็นอย่างนี้ก็เลยเอนเตอร์เทนเก่งละมั้งครับ อย่างคิโมโตะซังใน “Magical radio” ก็ตลกมาก ถ้ามีรายการแบบนั้นอีกก็คงดีนะครับ

น่อน: จริงค่ะ อยากทำรายการนั้นอีกจัง


ไม่ใช่ “น้องสาวของทุกคน” แล้วนะ


- คิโมโตะซังน่ะ ฤดูใบไม้ผลิปีนี้ก็จะเป็นคนวัยทำงานแล้วใช่มั้ยครับ

น่อน: ใช่ค่ะ แย่แล้ว (หัวเราะ) พูดตามตรง ทีแรกฉันนึกว่าพอจบมัธยมแล้วก็จะไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วค่ะ

- SKE48 เหรอครับ?

น่อน: ตอนที่เข้ามาใหม่ๆคิดไว้อย่างนั้น แต่ว่าแป๊บเดียวเวลาก็ผ่านไป 6 ปีแล้ว รู้สึกว่าไวขนาดนี้เลยเหรอ?

- ถ้าเทียบตัวเองในตอนนั้นกับตอนนี้ มีอะไรเปลี่ยนไปบ้างมั้ยครับ?

น่อน: แน่นอนว่ามีอยู่แล้วล่ะค่ะ ทุกคนก็บอกว่าฉันเปลี่ยนไป แม้ว่าพื้นฐานของตัวเองยังเหมือนเดิม ความมุ่งมั่นแบบว่า “ยังไงก็จะทำให้ได้!” ไม่ได้เปลี่ยนไป แต่สภาพแวดล้อมก็ย่อมเปลี่ยนไปอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะคะ เดิมเคยรู้สึกว่าเป็นน้องสาวของทุกคน เป็นรุ่นน้อง แต่ตอนนี้ก็เริ่มกลายเป็นรุ่นพี่แล้วค่ะ...ก็ เครียดอยู่ไม่น้อยเลยค่ะ!

- อยู่ดีๆเป็นอะไรไปครับ? (หัวเราะ)

น่อน: อยากจะสนิทกับรุ่นน้องค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะเข้าหาพวกเขายังไงดี คิดหนักมากค่ะว่า “ถ้าใจดีกับพวกเขา จะเหมาะมั้ยนะ?” เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมาก แต่แล้วก็คิดได้ว่า ถ้าอยากจะคุยด้วยก็คุยสิ! ถ้าไม่อยากก็ไม่ต้อง!

- คิดมากเกินไปแล้ว (หัวเราะ)

น่อน: ทุกคนพูดว่าฉันเป็น “รุ่นน้อง” มาตลอด แฟนๆก็เหมือนกัน มองว่ารุ่นน้องน่ะเป็นคู่แข่งของฉันหมด ฉันก็เลยเครียดแล้วก็เอาแต่หลีกหนีมัน แต่ว่าตอนนี้ควรจะเป็นรุ่นพี่ได้แล้ว ก็เลยแบบ “ย้าก ช่างมันเถอะ!” (หัวเราะ) ดังนั้นช่วงนี้ก็เลยสนิทกับทุกคนมาก (โกโต้) ราระกับสุกาวาระ (มายะ) ได้มาอยู่ทีมเดียวกัน ก็คุยกันตลอดเลย

- เท่าที่ฟังดู การเปลี่ยนแปลงของคิโมโตะซังจากปีที่แล้วมาถึงปีนี้ เกี่ยวกับที่(มัตสึอิ) เรนะซังและ มิยาซาว่าซัง (ซาเอะ) ซังจบการศึกษามากๆเลยนะครับ

น่อน: จะว่าไปมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆค่ะ ใน “Request Hour” ของ AKB48 ปีนี้พอซ้อมเสร็จ (มัตสึอิ) จูรินะซังก็เรียกเมมเบอร์ไปกินข้าวด้วยกัน ตอนนั้นน่ะ ทุกคนก็คุยเรื่องว่า จากนี้ SKE48 จะทำยังไงต่อดี

- พอเห็นรูปในเน็ต ก็เป็นประเด็นในหมู่แฟนๆด้วยเหมือนกัน แล้วได้ข้อสรุปว่าไงบ้างครับ?

น่อน: ก็ไม่ชอบที่มันเป็นอย่างนี้ ต้องให้นาโกย่ารักวงเราให้มากขึ้นกว่านี้อีก นาโกย่าตอนนี้น่ะ มีวงที่กำลังทำกิจกรรมอยู่มากมายเลยใช่มั้ยล่ะคะ แน่นอนว่าเราก็พอรับรู้ได้ถึงพลังเหล่านั้น ดังนั้นเลยคิดว่าพวกเราจะต้องเป็นความภาคภูมิใจของนาโกย่าให้ได้ ถึงขั้นอยากไปเดินตามถนนแล้วประกาศด้วยตัวเองเลยว่า “พวกเรามีสเตจนะคะ มาดูกันเยอะๆนะคะ” อยากจะขอบคุณทุกคนที่สนับสนุน อยากจะพยายามให้มากขึ้นโดยไม่ลืมภูมิหลังของตัวเอง พอคุยกันถึงว่า “จะทำอะไรได้มั่งนะ?” ทุกคนก็แสดงความเห็นออกมาเยอะเลยค่ะ ถึงจะอยู่ในวิกฤตก็ยังร่วมแรงร่วมใจกันพยายามต่อไป นี่แหละ SKE48 ก็ตอนนี้น่ะเป็นเวลาที่ทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจกันมากที่สุด!

- คิโมโตะซัง ร้อนแรงจังเลยนะครับ!

น่อน: เมมเบอร์ทุกคนต่างก็ร้อนแรงแบบนี้เหมือนกันค่ะ พอร่วมแรงร่วมใจกันแล้วมันสุดยอดมากจริงๆ ในจุดนี้น่ะ พวกเราไม่มีทางแพ้วงอื่นแน่ แม้แต่ AKB48 ซังเองจะทำแบบนี้ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ฉันคิดว่าพวกเราต้องมีความภาคภูมิใจแบบนี้ไว้ค่ะ เมื่อพวกเรากับแฟนๆร่วมมือกัน จะต้องมีส่วนให้แฟนใหม่ๆเข้ามาเพิ่มขึ้น ดังนั้นก็เลยคิดว่าจะทำยังไงให้คนมาชอบเรามากขึ้น

- ก็คือจะบอกว่าให้ความร้อนแรงนี้ไปโอบล้อมพวกเขาให้เข้ามาสนับสนุนเพิ่มขึ้นสินะ

น่อน: ใช่ค่ะ จะว่าไป ตอนนี้ Nogizaka46 ก็กำลังมาแรงเหมือนกัน

- ตอนนี้พวกเขากำลังมาแรงสุดๆเลย สำหรับคิโมโตะซังผู้ชื่นชอบไอดอล Nogizaka46 เป็นยังไงบ้างครับ?

น่อน: พวกเขาน่ารักมากจริงๆค่ะ! หน้าตาดีชะมัดเลย!

- ฮ่าๆๆๆ ผมว่าคิโมโตะซังก็ประมาณนั้นเหมือนกันนะครับ จริงๆนะ

น่อน: ไม่เลยค่ะ...ว่ากันตามจริงแล้ว พวกเขากับ SKE48 ให้ความรู้สึกที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ว่าภาพที่ต้องสู้สุดแรงเกิดนั่นแหละค่ะภาพของ SKE

- นี่คงเป็นทั้งอาวุธแล้วก็เสน่ห์ของพวกคุณเลยล่ะ

น่อน: ตอนนี้น่ะ SKE48 ร้อนแรงเต็มที่แล้ว ขอแค่มีโอกาสที่จะจุดระเบิดก็พอ ในเวลาแบบนี้ ถ้าเราทำให้คนหันมามองได้ ฉันว่าไม่ว่ายังไง SKE48 ก็ไม่มีวันจบลงหรอกค่ะ


สร้างแนวทางใหม่ๆขึ้นมา


- ในขณะที่คิดถึง SKE48 คิโมโตะซังคิดยังไงกับแนวโน้มของตัวเองบ้างครับ?

น่อน: แม้ว่าจะอิงแต่ความคิดตัวเองไม่ได้ แต่ฉันก็คิดอยู่ว่าทางที่ตัวเองจะเดินไปคือทางไหนแน่ จะเป็นสายหลักหรือสายวาไรตี้ และแล้วฉันก็คิดว่าฉันจะกรุยทางใหม่ที่อยู่ระหว่างทั้งสองทางค่ะ ฉันชอบวาไรตี้ ถ้ามีโอกาสก็จะไม่ปล่อยไป แต่ก็มีแฟนๆที่ชอบฉันในด้านที่เป็นสายหลัก (ไอดอล) ซึ่งก็อยากรักษาเอาไว้เหมือนกัน ทำให้สับสนมากจริงๆ...ดังนั้นฉันคิโมโตะ คาน่อน อยากจะเป็นคนสร้างแนวทางใหม่ของตัวเองขึ้นมา

- มองเห็นชัดเจนแล้วสินะครับ

น่อน: ใช่ค่ะ ทั้งเป้าหมายที่ควรจะเป็นและที่ๆอยากตั้งเป้าไว้

- พวกเราจะตั้งหน้าตั้งตารอดู คิโมโตะซังที่วิ่งนำอยู่ในทางสายหลักไปสู่ตำแหน่งที่อยู่ใจกลางของ SKE48 ได้ใช่มั้ยครับ?

น่อน: นี่ก็ขึ้นอยู่กับตัวเองต่อจากนี้ค่ะ เมื่อเวลาที่ฉันจะได้ไปยืนอยู่ตรงกลางมาถึง ตอนนั้นฉันอยากทำให้ทุกคนคิดว่า “ที่แท้ SKE48 ก็มีอย่างนี้ด้วย” แน่นอนว่าก่อนอื่นจะต้องได้รับการยอมรับจากแฟนๆ แล้วก็อยากจะทำให้ความสนใจใน SKE48 เผยแพร่ออกไปมากขึ้น ดังนั้นนี่คือเป้าหมายสุดท้ายที่แท้จริงของฉันค่ะ

- ไฟที่ลุกโชนอยู่ในใจของคิโมโตะซัง ผมรับรู้ได้อย่างลึกซึ้งเลยจากการสัมภาษณ์วันนี้ สุดท้ายอยากทราบว่ารู้สึกยังไงกับงานเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในปีนี้ครับ?

น่อน: ตอนที่ฉันยังสับสนอยู่ว่า “SKE48 ยังต้องการฉันอยู่มั้ย” มาโดกะก็บอกฉันว่า “ยังไงคาน่อนก็เป็นคนที่ขาดไม่ได้นะ” เพราะเป็นคนที่คอยดูฉันมาตลอดถึงพูดประโยคนี้ออกมาได้ ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจพยายามต่อไป เป้าหมายคืออันเดอร์เกิร์ลค่ะ ฉันจะพุ่งไปข้างหน้า สู้ต่อไป

- จะรอฟังข่าวดีนะครับ ขอบคุณมากๆเลย

น่อน: ขอบคุณมากค่ะ เพื่อรุ่นเดียวกันและเพื่อ SKE48 ยังไงก็สู้ไม่ถอยค่ะ!


blogged by 91

[91][bsummary]

Translation

[Translation][bsummary]

Subtitle

[subtitle][bsummary]

Update

[SKEUpdate][bsummary]