HEAVENLY
นี่คือความสัมพันธ์ที่ทะนุถนอมไว้โดยไม่มีใครล่วงรู้
แต่ทว่า ไม่มีใครสามารถหยุดมันลงได้อย่างแน่นอน
แฟนๆ SKE เฝ้ามองไปที่ความรักน้อยๆอย่างใจจดใจจ่อ
เพียงแค่ผลักดันข้างหลังนั้นเบาๆ
โลกใบนี้ก็มีเพียงแค่เธอสองคน
จดหมายรักที่อ้อมค้อม
- คิดว่าที่ถ่ายทำวันนี้เป็นยังไงบ้างครับ?
ชูริ: สนุกมากค่ะ! แต่ว่าใจเต้นตึกตักไม่หยุดเลย
เอโกะ: ฮุๆๆๆ...เพราะว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ถ่ายใกล้กันขนาดนี้สินะคะ
ชูริ: ครั้งแรกจริงๆนั่นแหละ! ไม่สิๆ มันก็...(นั่งอยู่ไม่สุข)
- เป็นสองคนที่ยังไงก็ไม่กล้าสบตากัน
ชูริ: ไม่กล้ามองหน้ากันตรงๆเลยค่ะ แม้จะเคยไปนั่งร้านคาเฟ่ที่ชินจูกุด้วยกัน
แต่ก็นั่งข้างๆกัน แบบนี้ถึงจะสบายใจได้ ถ้านั่งหันหน้าเข้าหากัน...จะสั่นค่ะ
เอโกะ: ฮุๆๆๆ
- ความรู้สึกตื่นเต้นแบบนี้ มันมาจากอะไรนะ?
ชูริ: อะไรน้า...
เอโกะ: คืออะไรกันนะ?
ชูริ: ถ้าพูดถึงเรื่องตั้งแต่เริ่มต้น ก็คงจะเป็นตอนที่เอโกะซังเหมือนจะกำลังกังวลอะไรซักอย่าง
ที่ฉันเข้าไปคุยคงเป็นตัวจุดประกายน่ะ สำหรับฉันมันเป็นเรื่องปกติธรรมดามาก
แต่สำหรับเอโกะซัง นั่นเป็นการปรึกษากับคนอื่นครั้งแรก
เอโกะ: ฉันไม่เคยปรึกษากับใครมาก่อนเลยค่ะ
ชูริ: ฉันรู้มาจากแฟนๆว่าในนิตยสารมีบทสัมภาษณ์ บอกว่า
“ตอนที่ชูริซังเข้ามาชวนคุย รู้สึกดีใจจริงๆ” ฉันก็คิด “เขียนอะไรไปกันเนี่ย” ตื่นเต้นขึ้นมาเลยค่ะ
- แต่ว่าพอได้ปรึกษากันคราวนั้นแล้ว
ต้องเป็นเรื่องหนักๆค่อยมาปรึกษาหรือเปล่า?
ชูริ: เหมือนจดหมายรักที่อ้อมไปอ้อมมาน่ะค่ะ (หัวเราะ) เพราะตอนนั้นฉันติดซ้อมละครเวที
AKB49 อยู่พอดีก็เลยไม่ได้เจอกัน ฉันเอาแต่คิดเรื่องของเอโกะซัง
แล้วก็พบว่า “แปลกจัง? ทำไมรู้สึก...เหมือนว่าใจเต้นตึกตักเลยฟระ!”
- ในระหว่างที่ไม่ได้เจอหน้ากัน ความรักก็ก่อตัวขึ้น
ชูริ: ตั้งแต่นั้นมาก็กลายเป็นว่าไม่กล้าสบตากันเลย ที่จริงฉันไม่รู้หรอกว่าเธอรู้สึกพิเศษกับฉัน
เรื่องนี้เธอก็ไม่ได้มาบอกกับฉันเอง ฉันรู้มาจากนิตยสารน่ะ เนอะ!
เอโกะ: ฮ่าๆๆๆ เป็นอย่างนั้นแหละค่ะ
- แต่ได้อ่านบทความก็ทำให้จิ้นได้แล้ว
ชูริ: ใช่ค่ะ แบบว่า “เอโกะซังตอนนั้น ให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้าแบบไหนกันนะ?”
- เป็นช่วง Coquettish Juutai chuu ครับ น่าจะประมาณ
2 ปีกว่าได้
เอโกะ: ค่ะ ตอนนั้นเรื่องที่กังวลก็คือเรื่องประกาศเซมบัตสึในวันรุ่งขึ้น
ชูริ: เป็นช่วงที่หลังจากเอโกะซังมาอยู่ KII แล้วก็เริ่มคุ้นเคยกันแล้ว
ตอนแรกๆก็ไม่ได้ค่อยได้คุยกันบ่อยนะคะ อิมเมจในตอนนั้นคือ “เอโกะจังจากทีม S ที่น่ารักมาก
ทุกคนเอ็นดู” แต่ว่าเพราะเรื่องนี้ แป๊บเดียวก็กลายเป็นประหม่าไปซะงั้น
- พูดอีกอย่างก็คือ นี่เป็นรักครั้งแรกของเอโกะซังไม่ใช่เหรอ
เอโกะ: มีแค่ที่นี่ (กองบก.BUBKA) แหละค่ะที่เรียกแบบนี้! ดันเขียนลง “100%
SKE48” เล่มก่อนไปแบบนั้น...
ชูริ: ในเล่มแจกฟรีที่ TSUTAYA ก็ลงแบบนั้นนะ (หัวเราะ)
- แต่ว่า เอโกะซังไม่มีสเปคผู้ชายที่ชอบนี่ครับ ใช่มั้ย
เอโกะ: ไม่มีค่ะ
- นั่นไงล่ะ งั้นสำหรับเอโกะซังแล้วความรู้สึกที่มีต่อทาคายานางิ
ไม่ใช่ “ความรัก” หรอกเหรอ?
เอโกะ: อะไรเนี่ยยยย
- ธีมของเล่ม 3 คือ “ความรัก” ไงครับ เพราะงั้นด้วยธีมนี้ถ้าไม่ลง
“เอโกะชูริ” ล่ะก็ ต้องโดนประหารแน่
เอโกะ: ไม่หรอกค่ะ (หัวเราะ) แต่ว่าคนที่เริ่มไม่กล้าสบตาก่อนก็คือ
ชูริซังไม่ใช่เหรอคะ?
ชูริ: ใช่!
เอโกะ: จากนั้นพอเอามาคุยกันใน MC ในสเตจ
ฉันก็เริ่มเขินแล้วกลายเป็นว่าไม่กล้าสบตาชูริซังเหมือนกัน (หัวเราะ)
- พูดอีกอย่าง ความรู้สึกระหว่างคุณสองคน...ก็คือ “ความรัก” นั่นแหละ
ชูริ: ความรักเหรอ...แต่ว่าอันที่จริงก็เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยรู้สึกกับเมมเบอร์คนไหนมาก่อนเลยล่ะ
- จะว่าไป นี่มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆช่วงมัธยมไม่ใช่เหรอ
แบบว่า A คุงกับ B จังแม้จะชอบกันแต่ก็ต้องบอกผ่านเพื่อนชื่อ C จังว่า “A น่ะ
บอกว่าชอบ B นะ” หลังจากนั้นถึงได้รู้ความรู้สึกของสองฝ่าย ประมาณนั้นน่ะ
ชูริ: นั่นแหละค่ะ! นั่นน่ะ
เป็นช่วงวัยรุ่นที่มาช้ามากเลยไม่ใช่เหรอ
- นิตยสารที่ทำให้มั่นใจว่าทั้ง 2 คนมีความรู้สึกต่อกันก็คือใน 100%เล่มก่อน
ตอนที่สัมภาษณ์เอโกะซัง ตอนนั้นพอพูดไปว่า “เพิ่งจะสัมภาษณ์ชูริซังไป...”
อยู่ดีๆเอโกะซังก็ถามขึ้นมาอย่างตื่นเต้นว่า “เอ๋? พูดอะไรบ้างเหรอคะ?”
หน้าก็เริ่มแดงนิดๆ แถมยังจับผมตัวเองแก้เขินด้วย
ดูยังไงก็เป็นสีหน้าของเด็กสาวที่กำลังมีความรักชัดๆ
เอโกะ: ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อยค่ะ!
- คติของนิตยสารเล่มนี้ก็คือ “พิสูจน์ความจริงที่เที่ยงแท้” (หัวเราะ)
ตั้งแต่นั้น นิตยสารเล่มนี้ก็ได้จัดสัมภาษณ์พิเศษขึ้นมา นัดหมายกับ “เอโกะชูริ”
ชูริ: ฮ่าๆๆๆๆ
- มันคือ “ความรัก” ไงล่ะ อีกอย่างวันนี้ที่ไปถ่ายกันมาทั้งวันก็มีบรรยากาศมุ้งมิ้งเต็มไปหมด
ชูริ: มีตลอดเลยล่ะ! ตั้งแต่วันก่อนจะไปถ่าย ใจฉันก็เต้นตึกตัก
นี่มันคือความรักสินะ?
- คือความรักครับ ความรักเป็นจุดกำเนิดของความสัมพันธ์
ทั้งคู่: ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
แสดงออกมาโดยไม่รู้ตัว
- ทาคายานางิซังคิดว่าเอโกะซังมีตรงไหนบ้างที่ทำให้ใจเต้นแรง?
ชูริ: อืมมม ตรงไหนนะ? ไม่ใช่ความรู้สึก “น่ารักจัง”
แบบพวกลูกหมาหรือเด็กน้อยน่ะค่ะ แล้วก็ไม่ใช่น่ารักแบบไอดอลด้วย...คงเป็นแบบคนๆนึง
เป็นเด็กสาวคนนึงล่ะมั้ง...
เอโกะ: ฮ่าๆๆๆๆๆ
ชูริ: ยิ่งอธิบายยิ่งดูทำให้เข้าใจผิดแฮะ บ้าจริง (หัวเราะ)
-
ก็ความน่ารักแบบลูกหมาหรือเด็กน้อยมันไม่มีความรู้สึกเขินหรือทำให้ใจเต้นนี่ครับ
แต่กับ “เอโกะชูริ” ให้ความรู้สึกแบบนั้น
ชูริ: อ่า เพราะอะไรกันนะ? แต่ว่าถ้าใช้ตรรกะนี้หาคำตอบต่อไปล่ะก็
จะกลายเป็นว่าไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงจริงๆนะ...
- ในเมื่อต่างก็ชอบกันอยู่แล้ว แต่กลับรักษาระยะห่างไว้นิดนึง
มันเหมือน “สถานการณ์แบบอิโนกิ-อาลี” เลย (สถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก)
เอโกะ: อ่า ถึงฉันจะไม่ค่อยเข้าใจเลยก็เถอะ (หัวเราะ)
- พูดอีกอย่างมันเป็น “สถานการณ์แบบเอโกะ-ชูริ” น่ะครับ
ถ้าเอโกะซังลองแสดงความรู้สึกที่มีต่อทาคายานางิซังล่ะ?
เอโกะ: คุยเรื่องนี้ต่อหน้าชูริซังน่าอายออกค่ะ (หัวเราะ)
แต่ว่าจะพูดยังไงดี จริงๆก็เคยคิดเหมือนกันว่า “วันนี้ชูริซังจะอยู่มั้ยนะ”
- โอ้ๆๆ
เอโกะ: เวลามีถ่ายงานหรืองานจับมือก็ชอบคิดว่า “ได้เวลาเดียวกับชูริซังเลย”
พอรู้ตัวอีกทีก็คิดแบบนี้ไปแล้ว
ชูริ: เอโกะซังมี LINE มาว่า “ช่วงนี้ไม่ได้เจอกันเลย” ตอนนั้นฉันก็คิดว่า
“นี่คงเรียกว่าคาหนังคาเขาแล้วล่ะมั้ง” จะชอบทำอะไรแสดงออกมาเองโดยไม่รู้ตัวน่ะค่ะ
เอโกะ: เอ๋!!?
ชูริ: ฉันหมายความไปในทางที่ดีน่ะ แต่ดูยังไงก็เป็นการกระทำที่ไม่ได้คิดไว้ก่อนแน่
หลังจากมีประกาศว่าเอโกะซังได้เล่น “AKB49” ก็ไม่ได้เจอกันพักใหญ่เลย
ฉันได้โผล่ไปดูซ้อม “AKB49” อยู่ครั้งนึง
แต่เหมือนตอนนั้นเอโกะซังจะแยกซ้อมอยู่ที่ตึกอีกชั้นนึง เลยไม่ได้เจอกันเลยค่ะ
เอโกะ: ใช่ค่ะ
ชูริ: ฉันเห็นว่ามันก็ช่วยไม่ได้ก็เลยกลับค่ะ
จากนั้นเอโกะซังก็ส่ง LINE มาว่า “ชูริซังมาเหรอคะ! ทั้งที่บอกว่าอยากเจอแท้ๆ”
แสดงความรู้สึกออกมาตรงๆแบบนั้น
เอโกะ: ฮุๆๆๆๆ
ชูริ: ทั้งที่ปกติออกจะเป็นเด็กขี้อายน่ะ
เอโกะ: ฉันก็พูดแบบนี้บ่อยนะคะ
ชูริ: คงเพราะตรงไปตรงมาแบบนี้ เลยรู้สึกใจเต้นแรงน่ะ
เอโกะ: แต่ว่า ถ้าอยู่ต่อหน้าคงพูดไม่ออกค่ะ ถ้าไม่ใช่ LINE ก็พูดไม่ออก
- นี่มันเหมือนเนื้อเพลงอะไรซักอย่างเลยนะครับ (หัวเราะ) จริงสิ!
อากิโมโตะเซนเซย์จะต้องคิดถึงเรื่อง “เอโกะชูริ” แน่ๆถึงได้เขียนเพลง “Chicken
LINE”
ออกมา...
ชูริ: ไม่ใช่แล้วค่ะ!
- แต่ว่า Chicken ไม่ใช่นกเหรอครับ
เอโกะ: ฮุๆๆๆ ตลกอ่ะ (หัวเราะ)
- ประเด็นนี้ไว้ก่อนแล้วกัน (หัวเราะ) ตั้งแต่เมื่อกี้ก็รู้สึกตะหงิดๆ
ทาคายานางิซังเรียกเอโกะซังว่า “เอโกะซัง”
ชูริ: เรื่องนี้มีที่มาค่ะ ฉันเคยบอกกับพวกรุ่นน้องว่า
“เรียกฉันว่าชูริจังก็ได้นะ” ไม่ก็ “ไม่ต้องเติมซังก็ได้” แต่ถึงฉันพูดอย่างนั้น
เอโกะซังก็เหมือนไม่ฟังเลย เพราะงั้นคงต้องเป็นฉันเองที่ต้องทำตาม
เพื่อให้เท่าๆกับเอโกะซังก็เลยเรียกเธอว่า “เอโกะซัง” ค่ะ
- ใช้ “ชูริซัง” กับ “เอโกะซัง” แสดงความเสมอกัน งั้นเวลาส่วนตัวไม่รู้สึกว่าเหินห่างเหรอครับ? ที่เปลี่ยนวิธีเรียกอย่างนี้น่ะ
ชูริ: ไม่ค่ะ
- อายุห่างกัน 8 ปีใช่มั้ยครับ
ชูริ: ไม่ต้องบอกก็ได้... (หัวเราะ)
- ความรัก อายุไม่สำคัญหรอกครับ
ชูริ: นี่ นี่มันคำถามชี้นำนี่ !
- ถูกต้องครับ
คำถามชี้นำ (หัวเราะ)
เอโกะ: อุฮุๆๆๆ
ชูริ: แหม พวกคำถามแบบ “งั้นมันเป็นยังไงแน่?” นี่น่ะ
คือฉันก็อยากให้แฟนๆรู้สึกสงสัยต่อไป เพราะงั้นฉันไม่ตอบหรอกค่ะ
ยังไงก็ขอให้ทุกคนไปจินตนาการกันเองนะ
ทาคายานางิสุดเท่
- จะว่าไปแล้ว เอโกะซังก็เคยเขียนถึงทาคายานางิซังใน SKE48
mail
ด้วยนี่ครับ
เอโกะ: ค่ะ (เขิน) เพราะไม่อยากให้ชูริซังเห็นก็เลยไม่เขียนลงบล็อก
เรื่องเกี่ยวกับชูริซังที่ค่อนข้างส่วนตัวมักจะเขียนใน SKE48 mail ค่ะ
ชูริ: เรื่องนี้น่ะ แทนที่จะให้แฟนๆมาบอกฉัน ไม่คิดว่า “ฉันพูดเอง”
จะดีกว่าเหรอ?
เอโกะ: ไม่ค่ะ แบบนี้ก็สนุกดี พอเขียนเรื่องพวกนี้ในเมล์แล้ว
ในงานจับมือก็จะมีแฟนๆวิ่งไปบอกกับชูริซังเองค่ะ
ชูริ: แต่ว่า ไม่เห็นมีใครบอกเลยว่าเนื้อหาเป็นยังไง
เอโกะ: นั่นเป็นเพราะฉันบอกพวกเขาไว้ว่า “อย่าไปบอกชูริซังนะคะว่าฉันเขียนอะไร”
ชูริ: แล้วฉันก็ไปทวีตในทวิตเตอร์ว่า
“ดูเหมือนว่าเอโกะซังจะเขียนเกี่ยวกับฉัน เขียนเรื่องอะไรกันแน่น้า
จะไม่เขียนลงบล็อกหน่อยเหรอ ไม่งั้นฉันไม่ได้อ่านนะ” ปรากฎว่ามีแฟนๆมาตอบว่า
“งั้นก็สมัครรับเมล์สิ” แต่แบบนั้นมันไม่ได้น่ะสิ ก็เอโกะซังไม่อยากให้ฉันอ่านก็เลยเขียนลงใน
SKE48 mail ไง หลังจากนั้นเพราะเป็นแบบนี้ เอโกะซังก็เลยเขียนถึงฉันลงในบล็อก
“บ้าง”
- สุดท้ายก็วนกลับมา ทั้งๆที่แค่อยากคุยด้วยแต่ต้องลำบากขนาดนี้
(หัวเราะ)
ชูริ: เดิมความสัมพันธ์ของ “เอโกะชูริ” น่ะจมอยู่ใต้น้ำค่ะ
แต่หลังๆนี่หมือนว่าแฟนๆ SKE48 จะเริ่มสังเกตเห็นกันแล้ว
แต่สื่อที่สังเกตเห็นเรื่องนี้ ก็มีแค่กองบก. 100%
เท่านั้นแหละค่ะ
- แน่นอนอยู่แล้วครับ (หัวเราะ)
แล้วก็แปลกใจมากด้วยที่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ “เอโกะชูริ” ถ่ายแบบด้วยกันสองคน
เอโกะ: ใช่ค่ะ เมื่อก่อนไม่เคยถ่ายด้วยกันสองคนเลย
- จะว่าไป เอโกะซังเคยเขียนเรื่องพวกนี้ลงใน SKE48 mail หมดแล้วมั้ง?
เอโกะ: เอ่อ “วันนี้ชูริซังพูดมาแบบนี้ล่ะ ดีใจมากๆเลย”
อะไรประมาณนั้นค่ะ...(หน้าแดง)
ชูริ: ฮ่าๆๆๆ
- ตอนนี้น่ะ เป็นสีหน้าของเด็กสาวที่กำลังอยู่ในความรักไม่ใช่เหรอครับ
(หัวเราะ)
เอโกะ: ฮื่ออออ!
- ฮ่าๆๆๆๆ ไม่กี่วันก่อนตอนที่นัดกันที่ชินจูกุ
ทาคายานางิซังก็ให้ของขวัญวัดเกิดเอโกะซังด้วยนี่ครับ
ชูริ: ใช่ค่ะ เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับการแต่งหน้า ที่เลือกของขวัญชิ้นนี้มันมีที่มานะคะ เพราะว่าเอโกะซังเคยบอกฉันว่าฝันอยากจะเป็นนางแบบในอนาคต นั่นเป็นตอนที่เอโกะซังยังไม่ได้บอกใครเลยเกี่ยวกับความฝันนี้
เอโกะ: ชูริซังเป็นคนแรกค่ะที่ฉันเปิดใจคุยเรื่องความฝัน
ที่ผ่านมาไม่เคยบอกใครเลย ได้แต่เก็บเอาไว้
ชูริ: เพราะงั้นฉันเลยบอกว่า “จะต้องพูดความคิดของตัวเองออกมานะ”
สนับสนุนผลักดันเธอแบบนั้น จากนั้นเอโกะซังก็ค่อยๆเริ่มพูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกมา
แล้วก็ได้งานของ LOVE berry ด้วย
อีกอย่างเพราะเธอเคยบอกว่ากำลังศึกษาเทคนิคการแต่งหน้าอยู่พอดี
ดังนั้นก็เลยให้เป็นอันนี้ค่ะ
เอโกะ: ชูริซังคอยคิดถึงเรื่องของฉันตลอดเลย
ชูริ: ก็เพราะว่าฉันเป็นคนแรกที่เอโกะซังเปิดใจด้วยไง ยังไงก็ต้องดูแลเป็นพิเศษน่ะ
- สายสัมพันธ์ของทั้ง 2 คน ผมคิดว่าได้สร้างกระแสใหม่ๆให้กับ SKE48 เลยนะ ทั้ง 2
คนไม่อยากลองจัด SHOWROOM ด้วยกันหน่อยเหรอครับ? แบบหันหน้าเข้าหากัน
ชูริ: ไม่ได้ๆๆๆ
เอโกะ: ยังไงก็ไม่ได้ค่ะ!
ชูริ: แต่ว่า ก็อยากจะจัด SHOWROOM ด้วยกันสักวันเนอะ
เอโกะ: อยากจัดด้วยค่ะ! สักวันมาจัด SHOWROOM ด้วยกันนะคะ!
- เอโกะซังบอกไว้ในบล็อกว่า “ถ้าได้จัดรายการพิเศษกับชูริซังล่ะก็
มีเรื่องเยอะแยะเลยที่อยากคุย” ใช่มั้ยครับ อยากคุยอะไรบ้างล่ะ?
เอโกะ: อืมมม
จะพูดยังไงดีนะ...ฉันเป็นพวกที่มีบางเรื่องที่ยังไงก็ไม่อยากเอามาคุยกับคนอื่น
แม้แต่คนในครอบครัวก็ด้วย
ชูริ: ฉันก็เป็นเหมือนกัน
เอโกะ: ขนาดตอนที่คุยกับชูริซังครั้งแรกก็ไม่ใช่ต่อหน้านะคะ แต่ใช้คุย LINE เอาน่ะ
ชูริ: จริงด้วย ตอนที่คุยกับเอโกะซัง ทั้งที่ตอนนั้นเธอบอกว่า
“ไม่มีอะไรค่ะ” แต่เย็นวันนั้นกลับส่ง LINE มา
เอโกะ: วันนั้นน่ะ ทำไมอยู่ๆถึงอยากคุยกับชูริซังกันนะ?
ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
ชูริ: ฉันก็ไม่คิดว่าจะ LINE
มา
เอโกะ: มันรู้สึกแบบว่า ถ้าเป็นชูริซังล่ะก็ คงพูดได้แน่
ชูริ: ฉันว่าอาจเป็นเพราะตอนนั้นสถานการณ์ของเรา 2 คนคล้ายกันล่ะมั้ง
ตอนนั้นเอโกะซังแม้จะมีเรื่องกลุ้มใจแต่ก็ไม่อาจพูดออกมาได้
ตอนนั้นในทีมฉันเองก็อยู่ตรงจุดนั้นเหมือนกัน ก็เลยรู้สึกว่า “ฉันก็เหมือนกัน”
เลยกลายเป็นว่าสามารถพูดเรื่องที่อยู่ในใจออกมาได้
เอโกะ: ที่ได้พูดออกมามันทำให้ฉันรู้สึกดีมากค่ะ
ตั้งแต่นั้นมีเรื่องอะไรก็จะ LINE บอกชูริซังตลอด
- นี่คงเป็นจุดเริ่มต้นแหละ
อาจเรียกว่าเป็นโมเม้นต์ที่เอโกะซังเกิดใหม่เลยก็ได้นะครับ
ได้ยินว่าไม่กี่วันก่อนในทัวร์ที่ชิบะ ทาคายานางิซังก็กอดไปหนึ่งทีด้วย
เอโกะ: ค่ะ! เพราะฉันขอชูริซังไปว่า “ช่วยบอกว่า “สู้ๆนะ” กับฉันหน่อยค่ะ”
ชูริ: ฉันเลยบอกไปว่า “สู้ๆนะ สู้ๆ ไม่ต้องร้องไห้!” แล้วก็ลูบหัวๆแล้วก็เดินกลับไป
เอโกะ: เท่มากเลย!
ชูริ: จะว่าไป เอโกะซังเคยพูดเรื่องที่น่าเสียใจด้วยครั้งนึง
เอโกะ: จำได้ค่ะ!
ชูริ: เรื่องนั้นน่ะ พอได้ยินฉันก็ตกใจจนร้อง “เอ๊!?” เลยล่ะ
ไม่ว่ายังไงก็ห้ามคิดแบบนี้เด็ดขาดนะ
เอโกะ: ตอนนั้น สภาพฉันน่ะแย่มากเลยล่ะค่ะ
ชูริ: เพราะฉันไม่อยากให้เอโกะซังคิดแบบนี้
ก็เลยดุเธอไปว่า “แบบนี้มันไม่ได้นะ”
เอโกะ: พอฉันถูกชูริซังดุก็เริ่มรู้สึกตัว หลังจากนั้นก็กลับมาเป็นปกติค่ะ
- เท่มากเลย (หัวเราะ)
ชูริ: บางทีการดุก็จำเป็นค่ะ แบบนั้นตัวเองก็จะมีความระมัดระวังด้วย
เรื่องนี้เกิดขึ้นในงานจับมือช่วงคริสมาสต์เมื่อปีที่แล้ว
- จริงสิ ในงานอีเว้นท์อัลบั้มเอโกะซังก็เคยปลอบทาคายานางิซังด้วยใช่มั้ยครับ
ชูริ: มันเป็นช่วงที่ฉันกำลังย่ำแย่มากน่ะ
เอโกะ: ระหว่างที่ถ่ายรูปอยู่ พอดีเดินผ่านหน้าห้อง
แล้วก็เห็นชูริซังกำลังร้องไห้อยู่
ชูริ: ตอนนั้นฉันสะดุ้งเลยค่ะ
ก็ดูแน่ใจแล้วว่าไม่น่ามีใครเข้ามาแน่เลยเลือกห้องนั้นน่ะ
เอโกะ: ตอนนั้นฉันคิดในใจว่า “ชูริซังร้องไห้...” จากนั้นไม่ได้คิดอะไร
ก็เดินเข้าไปในห้อง ลูบหลังชูริซังเลยค่ะ
ชูริ: ตอนนั้นมีเรื่องเสียใจที่ไม่เกี่ยวกับงานค่ะ แต่ว่าตอนทำงานน่ะ
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องยิ้มให้ได้ อย่างเช่นตอนที่ตีแบดกับแฟนๆ ยิ่งเป็นงานที่สนุกอย่างนี้ด้วย
แต่จริงๆแล้วยังไงก็เก็บไม่อยู่เลยวิ่งไปร้องไห้ที่ห้องเก็บคอสตูม
- นี่บังเอิญผ่านไปพอดีเลยมองเห็น
ดูท่าคุณสองคนจะมีด้ายแดงผูกกันอยู่นะครับ
ชูริ: นิยายเรื่องนี้ดูราคาถูกชะมัด!
เอโกะ: ถ้าชูริซังร้องไห้ ฉันคงเป็นห่วงมากเลยค่ะ
ชูริ: เมื่อ 2 ปีก่อนตอนที่ถ่ายทำ “Konya wa Join us” ก็เหมือนกัน
พอเห็นฉันเดินร้องไห้ตรงทางเดิน เธอก็ LINE มาว่า “ชูริซังไม่เป็นไรนะคะ?”
เอโกะ: ก็เป็นห่วงจริงๆนี่ จริงสิ วันเกิดชูริซังเมื่อปีที่แล้วก็เหมือนกัน!
ชูริ: อ่า เรื่องนั้น ตอนวันเกิดน่ะแม้ KII
ทุกคนจะมาอวยพร แต่ตัวฉันเองกลับรู้สึกว่าปีนั้นฉันไม่เติบโตขึ้นเลย
ทั้งๆที่ทุกคนมาอวยพรให้ฉันอย่างมีความสุขแต่ตัวเองกลับรู้สึกไม่มีความสุขกับวันเกิดแบบนั้นได้...เกลียดตัวเองที่เป็นแบบนั้นมากก็เลยร้องไห้ออกมาค่ะ
- สายสัมพันธ์ของทั้ง 2 คนข้องเกี่ยวกันบ่อยๆ งั้นขอถามซักนิดนะครับ
คริสมาสต์ปีนี้นัดกันไว้ว่ายังไงบ้าง?
ชูริ: ทำไมถึงถามเรื่องนี้ล่ะ! ก็คงจะจัดปาร์ตี้กับเมมเบอร์ KII ล่ะมั้ง?
ตอนนั้นแค่นั่งข้างๆกันโดยไม่รู้ตัวเหมือนปกติก็พอแล้ว ถ้าสองต่อสองล่ะก็คงไม่ไหว!
เอโกะ: ฮ่าๆๆๆๆ
- จากนั้นสองคนก็ขอตัวออกมาจากงานปาร์ตี้ก่อน...
ทั้งคู่: ไม่ค่ะ!
- ในคืนที่หิมะตกอย่างเงียบสงบ...
ชูริ: จะจิ้นคริสมาสต์แนวอีโรติคทำม้ายยย (หัวเราะ) แต่ว่า
ตอนที่ทุกคนกำลังกินข้าวด้วยกันก็จะนั่งข้างกันโดยไม่รู้ตัวตลอดเลย
เอโกะ: นั่นสินะคะ (หัวเราะ)
ชูริ: เวลาอยู่ในห้องแต่งตัวก็ใช่ ไม่ว่าใครจะเข้ามาในห้องก่อน
ก็จะมีที่ว่างที่นึงอยู่ข้างๆตลอดเลย
เอโกะ: ฮ่าๆๆๆๆ
- ในทีมเขาก็รู้กันทั่วนะครับว่าสองคนสนิทกันมาก
ศัตรูของนางฟ้า
- สุดท้ายนี้ ยังไงก็ยังอยากถามเรื่องงานเลือกตั้ง AKB48 หน่อย
เอโกะซัง เป้าหมายปีนี้คืออะไรครับ?
(T/L note: บทสัมภาณ์นี้สัมภาษณ์เมื่อต้นปี 2017 ดังนั้นงานเลือกตั้งในนี้จึงหมายถึงงานเลือกตั้งปี 2017)
เอโกะ: ที่ปีก่อนได้อันดับ 35
ทั้งๆที่ติดอันดับครั้งแรกแต่ก็ได้อันกับที่ดีขนาดนั้น หลังจากประกาศ
เมมเบอร์ที่ติดอันดับก็จะมายืนถ่ายรูปรวมกันใช่มั้ยคะ ตอนนั้นที่กำลังแนะนำ Next
Girls อยู่ รู้สึกว่าตัวเองอยากจะไปยืนอยู่แถวแรกจริงๆค่ะ วิวที่เห็นในตอนนั้นยังตรึงอยู่ในใจ
เพราะงั้นปีนี้ตั้งเป้าหมายไว้ที่ Under Girls ค่ะ แล้วก็ซักวันนึงถ้าได้ไปยืนร้องเพลงอยู่ข้างๆชูริซังก็คงดี
ชูริ: โอ้ (เขิน)
- ส่วนทาคายานางิซัง ก็ตัดสินใจลงสมัครเร็วมากเลย
ชูริ: หลังจากจบงานเลือกตั้งปีที่แล้ว ก็ได้จัดงานพบปะแฟนๆค่ะ
ตอนนั้นก็ได้ประกาศไว้แล้ว
- มีเป้าหมายที่ตั้งไว้มั้ยครับ?
ชูริ: อันดับ 8 ค่ะ เหตุผลเหรอ อย่างแรกเลยก็เพราะปีนี้ฉันซึ่งเป็นรุ่น 2
เข้ามาอยู่ SKE48 เป็นปีที่ 8 แล้ว แล้วก็คงมีวันที่ฉันจะออกจาก SKE48
หวังว่าหลังจากนั้นทุกคนจะยังเป็นแฟน SKE48 ต่อไป อีกอย่าง พอหมุนเลข 8 ไปอีกทางก็จะเป็นอินฟินิตี้ใช่มั้ยคะ
ฉันเชื่อในความรักของแฟนๆที่ไม่มีวันจบสิ้นค่ะ...นั่นแหละเป็นเหตุผลอย่างที่สอง
- ถ้าแบบนั้น ก็ไม่ได้ตั้งเป้าที่คามิ 7
แต่ตรงนี้ก็คาดหวังไว้เหมือนกันใช่มั้ยครับ?
ชูริ: ค่ะ พูดถึงอันดับ 7 ไม่ว่ายังไงก็จะนึกถึงอาคาริน (สุดะ อาคาริ) เมื่อปีที่แล้วตลอดเลย
ก็ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากติดใน 7 อันดับนะคะ แต่แค่สำหรับฉันแล้ว อันดับ 8
เป็นอันดับที่เหมาะสมน่ะค่ะ
- ปีนี้ลงเลือกตั้งอย่างไม่ลังเลเลยซักนิด
ชูริ: ก็ขนาดคนที่ประกาศไปแล้วว่า “ปีนี้เป็นปีสุดท้าย” ยังลงได้เลยนี่คะ!
เอโกะ: ฮุๆๆๆๆ
ชูริ: โอบะ มินะ ก็พอกันนั่นแหละ!
- ถ้ามีเพื่อนมาด้วยเยอะขึ้นก็ไม่น่ากลัวแล้ว!
ชูริ: แต่ว่าฉันแค่อยากให้ทุกคนเข้าใจ นั่นคือจิตใจของพวกเรามันเปลี่ยนไปแล้วค่ะ!
- นั่นสินะครับ แล้วความมุ่งมั่นที่จะเป็น “วงที่คนติดอันดับมากสุด”
ซึ่งหลุดมือไปเมื่อปีที่แล้ว ก็คงจะมากขึ้นด้วยสินะ?
ชูริ: ปีนี้ (โอยะ) มาซานะซังกับคาโอตัน (มัตสึมุระ คาโอริ) ก็ลงสมัครด้วย
ก็มีความรู้สึกว่าเราน่าจะคว้ามันกลับมาได้
- ปีนี้ดูมองโลกในแง่ดีมากเลยนะครับ
ชูริ: ใช่ค่ะ! ไม่พูดอะไรในแง่ลบอีกแล้วล่ะ!
เอโกะ: ถ้าพูดออกมาอาจโดนตบได้น่ะค่ะ
- “ถ้าพูดอะไรในแง่ลบออกมาจะโดนตบ”
สัญญากับโอบะซังไว้อย่างนี้สินะ เอโกะซัง
ในงานเลือกตั้งนี่มีเมมเบอร์ที่จับตามองมั้ยครับ?
ชูริ: อ่า เรื่องนี้ฉันก็สงสัยเหมือนกัน มีเมมเบอร์ที่ไม่อยากยอมแพ้มั้ย?
เอโกะ: เอ่อออ จะว่ามีก็มีค่ะ...พูดออกมาได้ใช่มั้ยคะ?
ชูริ: แต่ว่า ฉันก็พอรู้สึกได้อยู่บ้างล่ะ
เป็นเมมเบอร์ในทีมเดียวกันใช่มั้ย?
เอโกะ: ค่ะ อยู่ทีมเดียวกัน
ชูริ: นอกจากเด็กคนนั้นก็คงไม่มีใครแล้วล่ะ ไม่ต้องบอกก็ได้นะ!
- สุดท้ายก็ถูกความรักของทาคายานางิซังปกป้องไว้ได้นะ (หัวเราะ)