วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

(91)[100%SKE48 Vol.3] แปลบทสัมภาษณ์เอโกะชูริ (เอโกะ ยูนะ x ทาคายานางิ อากาเนะ)

HEAVENLY

นี่คือความสัมพันธ์ที่ทะนุถนอมไว้โดยไม่มีใครล่วงรู้
แต่ทว่า ไม่มีใครสามารถหยุดมันลงได้อย่างแน่นอน
แฟนๆ SKE เฝ้ามองไปที่ความรักน้อยๆอย่างใจจดใจจ่อ
เพียงแค่ผลักดันข้างหลังนั้นเบาๆ
โลกใบนี้ก็มีเพียงแค่เธอสองคน



จดหมายรักที่อ้อมค้อม


- คิดว่าที่ถ่ายทำวันนี้เป็นยังไงบ้างครับ?

ชูริ: สนุกมากค่ะ! แต่ว่าใจเต้นตึกตักไม่หยุดเลย

เอโกะ: ฮุๆๆๆ...เพราะว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ถ่ายใกล้กันขนาดนี้สินะคะ

ชูริ: ครั้งแรกจริงๆนั่นแหละ! ไม่สิๆ มันก็...(นั่งอยู่ไม่สุข)

- เป็นสองคนที่ยังไงก็ไม่กล้าสบตากัน

ชูริ: ไม่กล้ามองหน้ากันตรงๆเลยค่ะ แม้จะเคยไปนั่งร้านคาเฟ่ที่ชินจูกุด้วยกัน แต่ก็นั่งข้างๆกัน แบบนี้ถึงจะสบายใจได้ ถ้านั่งหันหน้าเข้าหากัน...จะสั่นค่ะ

เอโกะ: ฮุๆๆๆ

- ความรู้สึกตื่นเต้นแบบนี้ มันมาจากอะไรนะ?

ชูริ: อะไรน้า...

เอโกะ: คืออะไรกันนะ?

ชูริ: ถ้าพูดถึงเรื่องตั้งแต่เริ่มต้น ก็คงจะเป็นตอนที่เอโกะซังเหมือนจะกำลังกังวลอะไรซักอย่าง ที่ฉันเข้าไปคุยคงเป็นตัวจุดประกายน่ะ สำหรับฉันมันเป็นเรื่องปกติธรรมดามาก แต่สำหรับเอโกะซัง นั่นเป็นการปรึกษากับคนอื่นครั้งแรก

เอโกะ: ฉันไม่เคยปรึกษากับใครมาก่อนเลยค่ะ

ชูริ: ฉันรู้มาจากแฟนๆว่าในนิตยสารมีบทสัมภาษณ์ บอกว่า “ตอนที่ชูริซังเข้ามาชวนคุย รู้สึกดีใจจริงๆ” ฉันก็คิด “เขียนอะไรไปกันเนี่ย” ตื่นเต้นขึ้นมาเลยค่ะ

- แต่ว่าพอได้ปรึกษากันคราวนั้นแล้ว ต้องเป็นเรื่องหนักๆค่อยมาปรึกษาหรือเปล่า?

ชูริ: เหมือนจดหมายรักที่อ้อมไปอ้อมมาน่ะค่ะ (หัวเราะ) เพราะตอนนั้นฉันติดซ้อมละครเวที AKB49 อยู่พอดีก็เลยไม่ได้เจอกัน ฉันเอาแต่คิดเรื่องของเอโกะซัง แล้วก็พบว่า “แปลกจัง? ทำไมรู้สึก...เหมือนว่าใจเต้นตึกตักเลยฟระ!

- ในระหว่างที่ไม่ได้เจอหน้ากัน ความรักก็ก่อตัวขึ้น

ชูริ: ตั้งแต่นั้นมาก็กลายเป็นว่าไม่กล้าสบตากันเลย ที่จริงฉันไม่รู้หรอกว่าเธอรู้สึกพิเศษกับฉัน เรื่องนี้เธอก็ไม่ได้มาบอกกับฉันเอง ฉันรู้มาจากนิตยสารน่ะ เนอะ!

เอโกะ: ฮ่าๆๆๆ เป็นอย่างนั้นแหละค่ะ

- แต่ได้อ่านบทความก็ทำให้จิ้นได้แล้ว

ชูริ: ใช่ค่ะ แบบว่า “เอโกะซังตอนนั้น ให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้าแบบไหนกันนะ?”

- เป็นช่วง Coquettish Juutai chuu ครับ น่าจะประมาณ 2 ปีกว่าได้

เอโกะ: ค่ะ ตอนนั้นเรื่องที่กังวลก็คือเรื่องประกาศเซมบัตสึในวันรุ่งขึ้น

ชูริเป็นช่วงที่หลังจากเอโกะซังมาอยู่ KII แล้วก็เริ่มคุ้นเคยกันแล้ว ตอนแรกๆก็ไม่ได้ค่อยได้คุยกันบ่อยนะคะ อิมเมจในตอนนั้นคือ “เอโกะจังจากทีม S ที่น่ารักมาก ทุกคนเอ็นดู” แต่ว่าเพราะเรื่องนี้ แป๊บเดียวก็กลายเป็นประหม่าไปซะงั้น

- พูดอีกอย่างก็คือ นี่เป็นรักครั้งแรกของเอโกะซังไม่ใช่เหรอ

เอโกะ: มีแค่ที่นี่ (กองบก.BUBKA) แหละค่ะที่เรียกแบบนี้! ดันเขียนลง “100% SKE48” เล่มก่อนไปแบบนั้น...

ชูริ: ในเล่มแจกฟรีที่ TSUTAYA ก็ลงแบบนั้นนะ (หัวเราะ)

- แต่ว่า เอโกะซังไม่มีสเปคผู้ชายที่ชอบนี่ครับ ใช่มั้ย

เอโกะ: ไม่มีค่ะ

- นั่นไงล่ะ งั้นสำหรับเอโกะซังแล้วความรู้สึกที่มีต่อทาคายานางิ ไม่ใช่ “ความรัก” หรอกเหรอ?

เอโกะ: อะไรเนี่ยยยย

- ธีมของเล่ม 3 คือ “ความรัก” ไงครับ เพราะงั้นด้วยธีมนี้ถ้าไม่ลง “เอโกะชูริ” ล่ะก็ ต้องโดนประหารแน่

เอโกะ: ไม่หรอกค่ะ (หัวเราะ) แต่ว่าคนที่เริ่มไม่กล้าสบตาก่อนก็คือ ชูริซังไม่ใช่เหรอคะ?

ชูริ: ใช่!

เอโกะ: จากนั้นพอเอามาคุยกันใน MC ในสเตจ ฉันก็เริ่มเขินแล้วกลายเป็นว่าไม่กล้าสบตาชูริซังเหมือนกัน (หัวเราะ)

- พูดอีกอย่าง ความรู้สึกระหว่างคุณสองคน...ก็คือ “ความรัก” นั่นแหละ

ชูริ: ความรักเหรอ...แต่ว่าอันที่จริงก็เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยรู้สึกกับเมมเบอร์คนไหนมาก่อนเลยล่ะ

- จะว่าไป นี่มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆช่วงมัธยมไม่ใช่เหรอ แบบว่า A คุงกับ B จังแม้จะชอบกันแต่ก็ต้องบอกผ่านเพื่อนชื่อ C จังว่า “A น่ะ บอกว่าชอบ B นะ” หลังจากนั้นถึงได้รู้ความรู้สึกของสองฝ่าย ประมาณนั้นน่ะ

ชูริ: นั่นแหละค่ะ! นั่นน่ะ เป็นช่วงวัยรุ่นที่มาช้ามากเลยไม่ใช่เหรอ

- นิตยสารที่ทำให้มั่นใจว่าทั้ง 2 คนมีความรู้สึกต่อกันก็คือใน 100%เล่มก่อน ตอนที่สัมภาษณ์เอโกะซัง ตอนนั้นพอพูดไปว่า “เพิ่งจะสัมภาษณ์ชูริซังไป...” อยู่ดีๆเอโกะซังก็ถามขึ้นมาอย่างตื่นเต้นว่า “เอ๋? พูดอะไรบ้างเหรอคะ?” หน้าก็เริ่มแดงนิดๆ แถมยังจับผมตัวเองแก้เขินด้วย ดูยังไงก็เป็นสีหน้าของเด็กสาวที่กำลังมีความรักชัดๆ

เอโกะ: ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อยค่ะ!

- คติของนิตยสารเล่มนี้ก็คือ “พิสูจน์ความจริงที่เที่ยงแท้” (หัวเราะ) ตั้งแต่นั้น นิตยสารเล่มนี้ก็ได้จัดสัมภาษณ์พิเศษขึ้นมา นัดหมายกับ “เอโกะชูริ”

ชูริ: ฮ่าๆๆๆๆ

- มันคือ “ความรัก” ไงล่ะ อีกอย่างวันนี้ที่ไปถ่ายกันมาทั้งวันก็มีบรรยากาศมุ้งมิ้งเต็มไปหมด

ชูริ: มีตลอดเลยล่ะ! ตั้งแต่วันก่อนจะไปถ่าย ใจฉันก็เต้นตึกตัก นี่มันคือความรักสินะ?

- คือความรักครับ ความรักเป็นจุดกำเนิดของความสัมพันธ์

ทั้งคู่: ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ



แสดงออกมาโดยไม่รู้ตัว


- ทาคายานางิซังคิดว่าเอโกะซังมีตรงไหนบ้างที่ทำให้ใจเต้นแรง?

ชูริ: อืมมม ตรงไหนนะ? ไม่ใช่ความรู้สึก “น่ารักจัง” แบบพวกลูกหมาหรือเด็กน้อยน่ะค่ะ แล้วก็ไม่ใช่น่ารักแบบไอดอลด้วย...คงเป็นแบบคนๆนึง เป็นเด็กสาวคนนึงล่ะมั้ง...

เอโกะ: ฮ่าๆๆๆๆๆ

ชูริ: ยิ่งอธิบายยิ่งดูทำให้เข้าใจผิดแฮะ บ้าจริง (หัวเราะ)

- ก็ความน่ารักแบบลูกหมาหรือเด็กน้อยมันไม่มีความรู้สึกเขินหรือทำให้ใจเต้นนี่ครับ แต่กับ “เอโกะชูริ” ให้ความรู้สึกแบบนั้น

ชูริ: อ่า เพราะอะไรกันนะ? แต่ว่าถ้าใช้ตรรกะนี้หาคำตอบต่อไปล่ะก็ จะกลายเป็นว่าไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงจริงๆนะ...

- ในเมื่อต่างก็ชอบกันอยู่แล้ว แต่กลับรักษาระยะห่างไว้นิดนึง มันเหมือน “สถานการณ์แบบอิโนกิ-อาลี” เลย (สถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก)

เอโกะ: อ่า ถึงฉันจะไม่ค่อยเข้าใจเลยก็เถอะ (หัวเราะ)

- พูดอีกอย่างมันเป็น “สถานการณ์แบบเอโกะ-ชูริ” น่ะครับ ถ้าเอโกะซังลองแสดงความรู้สึกที่มีต่อทาคายานางิซังล่ะ?

เอโกะ: คุยเรื่องนี้ต่อหน้าชูริซังน่าอายออกค่ะ (หัวเราะ) แต่ว่าจะพูดยังไงดี จริงๆก็เคยคิดเหมือนกันว่า “วันนี้ชูริซังจะอยู่มั้ยนะ”

- โอ้ๆๆ

เอโกะ: เวลามีถ่ายงานหรืองานจับมือก็ชอบคิดว่า “ได้เวลาเดียวกับชูริซังเลย” พอรู้ตัวอีกทีก็คิดแบบนี้ไปแล้ว

ชูริ: เอโกะซังมี LINE มาว่า “ช่วงนี้ไม่ได้เจอกันเลย” ตอนนั้นฉันก็คิดว่า “นี่คงเรียกว่าคาหนังคาเขาแล้วล่ะมั้ง” จะชอบทำอะไรแสดงออกมาเองโดยไม่รู้ตัวน่ะค่ะ

เอโกะ: เอ๋!!?

ชูริ: ฉันหมายความไปในทางที่ดีน่ะ แต่ดูยังไงก็เป็นการกระทำที่ไม่ได้คิดไว้ก่อนแน่ หลังจากมีประกาศว่าเอโกะซังได้เล่น “AKB49 ก็ไม่ได้เจอกันพักใหญ่เลย ฉันได้โผล่ไปดูซ้อม “AKB49” อยู่ครั้งนึง แต่เหมือนตอนนั้นเอโกะซังจะแยกซ้อมอยู่ที่ตึกอีกชั้นนึง เลยไม่ได้เจอกันเลยค่ะ

เอโกะ: ใช่ค่ะ

ชูริ:  ฉันเห็นว่ามันก็ช่วยไม่ได้ก็เลยกลับค่ะ จากนั้นเอโกะซังก็ส่ง LINE มาว่า “ชูริซังมาเหรอคะ! ทั้งที่บอกว่าอยากเจอแท้ๆ” แสดงความรู้สึกออกมาตรงๆแบบนั้น

เอโกะ: ฮุๆๆๆๆ

ชูริ: ทั้งที่ปกติออกจะเป็นเด็กขี้อายน่ะ

เอโกะ: ฉันก็พูดแบบนี้บ่อยนะคะ

ชูริ: คงเพราะตรงไปตรงมาแบบนี้ เลยรู้สึกใจเต้นแรงน่ะ

เอโกะ: แต่ว่า ถ้าอยู่ต่อหน้าคงพูดไม่ออกค่ะ ถ้าไม่ใช่ LINE ก็พูดไม่ออก

- นี่มันเหมือนเนื้อเพลงอะไรซักอย่างเลยนะครับ (หัวเราะ) จริงสิ! อากิโมโตะเซนเซย์จะต้องคิดถึงเรื่อง “เอโกะชูริ” แน่ๆถึงได้เขียนเพลง “Chicken LINE” ออกมา...

ชูริ: ไม่ใช่แล้วค่ะ!

- แต่ว่า Chicken ไม่ใช่นกเหรอครับ

เอโกะ: ฮุๆๆๆ ตลกอ่ะ (หัวเราะ)

- ประเด็นนี้ไว้ก่อนแล้วกัน (หัวเราะ) ตั้งแต่เมื่อกี้ก็รู้สึกตะหงิดๆ ทาคายานางิซังเรียกเอโกะซังว่า “เอโกะซัง”

ชูริ: เรื่องนี้มีที่มาค่ะ ฉันเคยบอกกับพวกรุ่นน้องว่า “เรียกฉันว่าชูริจังก็ได้นะ” ไม่ก็ “ไม่ต้องเติมซังก็ได้” แต่ถึงฉันพูดอย่างนั้น เอโกะซังก็เหมือนไม่ฟังเลย เพราะงั้นคงต้องเป็นฉันเองที่ต้องทำตาม เพื่อให้เท่าๆกับเอโกะซังก็เลยเรียกเธอว่า “เอโกะซัง” ค่ะ

- ใช้ “ชูริซัง” กับ “เอโกะซัง” แสดงความเสมอกัน งั้นเวลาส่วนตัวไม่รู้สึกว่าเหินห่างเหรอครับ? ที่เปลี่ยนวิธีเรียกอย่างนี้น่ะ

ชูริ: ไม่ค่ะ

- อายุห่างกัน 8 ปีใช่มั้ยครับ

ชูริ: ไม่ต้องบอกก็ได้... (หัวเราะ)

- ความรัก อายุไม่สำคัญหรอกครับ

ชูริ: นี่ นี่มันคำถามชี้นำนี่

ถูกต้องครับ คำถามชี้นำ (หัวเราะ)

เอโกะ: อุฮุๆๆๆ

ชูริ: แหม พวกคำถามแบบ “งั้นมันเป็นยังไงแน่?” นี่น่ะ คือฉันก็อยากให้แฟนๆรู้สึกสงสัยต่อไป เพราะงั้นฉันไม่ตอบหรอกค่ะ ยังไงก็ขอให้ทุกคนไปจินตนาการกันเองนะ



ทาคายานางิสุดเท่


- จะว่าไปแล้ว เอโกะซังก็เคยเขียนถึงทาคายานางิซังใน SKE48 mail ด้วยนี่ครับ

เอโกะ: ค่ะ (เขิน) เพราะไม่อยากให้ชูริซังเห็นก็เลยไม่เขียนลงบล็อก เรื่องเกี่ยวกับชูริซังที่ค่อนข้างส่วนตัวมักจะเขียนใน SKE48 mail ค่ะ

ชูริ: เรื่องนี้น่ะ แทนที่จะให้แฟนๆมาบอกฉัน ไม่คิดว่า “ฉันพูดเอง” จะดีกว่าเหรอ?

เอโกะ: ไม่ค่ะ แบบนี้ก็สนุกดี พอเขียนเรื่องพวกนี้ในเมล์แล้ว ในงานจับมือก็จะมีแฟนๆวิ่งไปบอกกับชูริซังเองค่ะ

ชูริ: แต่ว่า ไม่เห็นมีใครบอกเลยว่าเนื้อหาเป็นยังไง

เอโกะ: นั่นเป็นเพราะฉันบอกพวกเขาไว้ว่า “อย่าไปบอกชูริซังนะคะว่าฉันเขียนอะไร”

ชูริ: แล้วฉันก็ไปทวีตในทวิตเตอร์ว่า “ดูเหมือนว่าเอโกะซังจะเขียนเกี่ยวกับฉัน เขียนเรื่องอะไรกันแน่น้า จะไม่เขียนลงบล็อกหน่อยเหรอ ไม่งั้นฉันไม่ได้อ่านนะ” ปรากฎว่ามีแฟนๆมาตอบว่า “งั้นก็สมัครรับเมล์สิ” แต่แบบนั้นมันไม่ได้น่ะสิ ก็เอโกะซังไม่อยากให้ฉันอ่านก็เลยเขียนลงใน SKE48 mail ไง หลังจากนั้นเพราะเป็นแบบนี้ เอโกะซังก็เลยเขียนถึงฉันลงในบล็อก “บ้าง”

- สุดท้ายก็วนกลับมา ทั้งๆที่แค่อยากคุยด้วยแต่ต้องลำบากขนาดนี้ (หัวเราะ)

ชูริ: เดิมความสัมพันธ์ของ “เอโกะชูริ” น่ะจมอยู่ใต้น้ำค่ะ แต่หลังๆนี่หมือนว่าแฟนๆ SKE48 จะเริ่มสังเกตเห็นกันแล้ว แต่สื่อที่สังเกตเห็นเรื่องนี้ ก็มีแค่กองบก. 100% เท่านั้นแหละค่ะ

- แน่นอนอยู่แล้วครับ (หัวเราะ) แล้วก็แปลกใจมากด้วยที่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ “เอโกะชูริ” ถ่ายแบบด้วยกันสองคน

เอโกะ: ใช่ค่ะ เมื่อก่อนไม่เคยถ่ายด้วยกันสองคนเลย

- จะว่าไป เอโกะซังเคยเขียนเรื่องพวกนี้ลงใน SKE48 mail หมดแล้วมั้ง?

เอโกะ: เอ่อ “วันนี้ชูริซังพูดมาแบบนี้ล่ะ ดีใจมากๆเลย” อะไรประมาณนั้นค่ะ...(หน้าแดง)

ชูริ: ฮ่าๆๆๆ

- ตอนนี้น่ะ เป็นสีหน้าของเด็กสาวที่กำลังอยู่ในความรักไม่ใช่เหรอครับ (หัวเราะ)

เอโกะ: ฮื่ออออ!

- ฮ่าๆๆๆๆ ไม่กี่วันก่อนตอนที่นัดกันที่ชินจูกุ ทาคายานางิซังก็ให้ของขวัญวัดเกิดเอโกะซังด้วยนี่ครับ

ชูริ
: ใช่ค่ะ เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับการแต่งหน้า ที่เลือกของขวัญชิ้นนี้มันมีที่มานะคะ เพราะว่าเอโกะซังเคยบอกฉันว่าฝันอยากจะเป็นนางแบบในอนาคต นั่นเป็นตอนที่เอโกะซังยังไม่ได้บอกใครเลยเกี่ยวกับความฝันนี้

เอโกะ: ชูริซังเป็นคนแรกค่ะที่ฉันเปิดใจคุยเรื่องความฝัน ที่ผ่านมาไม่เคยบอกใครเลย ได้แต่เก็บเอาไว้

ชูริ: เพราะงั้นฉันเลยบอกว่า “จะต้องพูดความคิดของตัวเองออกมานะ” สนับสนุนผลักดันเธอแบบนั้น จากนั้นเอโกะซังก็ค่อยๆเริ่มพูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกมา แล้วก็ได้งานของ LOVE berry ด้วย อีกอย่างเพราะเธอเคยบอกว่ากำลังศึกษาเทคนิคการแต่งหน้าอยู่พอดี ดังนั้นก็เลยให้เป็นอันนี้ค่ะ

เอโกะ: ชูริซังคอยคิดถึงเรื่องของฉันตลอดเลย

ชูริ: ก็เพราะว่าฉันเป็นคนแรกที่เอโกะซังเปิดใจด้วยไง ยังไงก็ต้องดูแลเป็นพิเศษน่ะ

- สายสัมพันธ์ของทั้ง 2 คน ผมคิดว่าได้สร้างกระแสใหม่ๆให้กับ SKE48 เลยนะ ทั้ง 2 คนไม่อยากลองจัด SHOWROOM ด้วยกันหน่อยเหรอครับ? แบบหันหน้าเข้าหากัน

ชูริ: ไม่ได้ๆๆๆ

เอโกะ ยังไงก็ไม่ได้ค่ะ!

ชูริ: แต่ว่า ก็อยากจะจัด SHOWROOM ด้วยกันสักวันเนอะ

เอโกะ: อยากจัดด้วยค่ะ! สักวันมาจัด SHOWROOM ด้วยกันนะคะ!

- เอโกะซังบอกไว้ในบล็อกว่า “ถ้าได้จัดรายการพิเศษกับชูริซังล่ะก็ มีเรื่องเยอะแยะเลยที่อยากคุย” ใช่มั้ยครับ อยากคุยอะไรบ้างล่ะ?

เอโกะ: อืมมม จะพูดยังไงดีนะ...ฉันเป็นพวกที่มีบางเรื่องที่ยังไงก็ไม่อยากเอามาคุยกับคนอื่น แม้แต่คนในครอบครัวก็ด้วย

ชูริ: ฉันก็เป็นเหมือนกัน

เอโกะ: ขนาดตอนที่คุยกับชูริซังครั้งแรกก็ไม่ใช่ต่อหน้านะคะ แต่ใช้คุย LINE เอาน่ะ

ชูริ: จริงด้วย ตอนที่คุยกับเอโกะซัง ทั้งที่ตอนนั้นเธอบอกว่า “ไม่มีอะไรค่ะ” แต่เย็นวันนั้นกลับส่ง LINE มา

เอโกะ: วันนั้นน่ะ ทำไมอยู่ๆถึงอยากคุยกับชูริซังกันนะ? ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

ชูริ:  ฉันก็ไม่คิดว่าจะ LINE มา

เอโกะ: มันรู้สึกแบบว่า ถ้าเป็นชูริซังล่ะก็ คงพูดได้แน่

ชูริ: ฉันว่าอาจเป็นเพราะตอนนั้นสถานการณ์ของเรา 2 คนคล้ายกันล่ะมั้ง ตอนนั้นเอโกะซังแม้จะมีเรื่องกลุ้มใจแต่ก็ไม่อาจพูดออกมาได้ ตอนนั้นในทีมฉันเองก็อยู่ตรงจุดนั้นเหมือนกัน ก็เลยรู้สึกว่า “ฉันก็เหมือนกัน” เลยกลายเป็นว่าสามารถพูดเรื่องที่อยู่ในใจออกมาได้

เอโกะ: ที่ได้พูดออกมามันทำให้ฉันรู้สึกดีมากค่ะ ตั้งแต่นั้นมีเรื่องอะไรก็จะ LINE บอกชูริซังตลอด

- นี่คงเป็นจุดเริ่มต้นแหละ อาจเรียกว่าเป็นโมเม้นต์ที่เอโกะซังเกิดใหม่เลยก็ได้นะครับ ได้ยินว่าไม่กี่วันก่อนในทัวร์ที่ชิบะ ทาคายานางิซังก็กอดไปหนึ่งทีด้วย

เอโกะ: ค่ะ! เพราะฉันขอชูริซังไปว่า “ช่วยบอกว่า “สู้ๆนะ” กับฉันหน่อยค่ะ”

ชูริ: ฉันเลยบอกไปว่า “สู้ๆนะ สู้ๆ ไม่ต้องร้องไห้! แล้วก็ลูบหัวๆแล้วก็เดินกลับไป

เอโกะ: เท่มากเลย!

ชูริ: จะว่าไป เอโกะซังเคยพูดเรื่องที่น่าเสียใจด้วยครั้งนึง

เอโกะ: จำได้ค่ะ!

ชูริ: เรื่องนั้นน่ะ พอได้ยินฉันก็ตกใจจนร้อง “เอ๊!?” เลยล่ะ ไม่ว่ายังไงก็ห้ามคิดแบบนี้เด็ดขาดนะ 

เอโกะ: ตอนนั้น สภาพฉันน่ะแย่มากเลยล่ะค่ะ

ชูริ:  เพราะฉันไม่อยากให้เอโกะซังคิดแบบนี้ ก็เลยดุเธอไปว่า “แบบนี้มันไม่ได้นะ”

เอโกะ: พอฉันถูกชูริซังดุก็เริ่มรู้สึกตัว หลังจากนั้นก็กลับมาเป็นปกติค่ะ

- เท่มากเลย (หัวเราะ)

ชูริ: บางทีการดุก็จำเป็นค่ะ แบบนั้นตัวเองก็จะมีความระมัดระวังด้วย เรื่องนี้เกิดขึ้นในงานจับมือช่วงคริสมาสต์เมื่อปีที่แล้ว

- จริงสิ ในงานอีเว้นท์อัลบั้มเอโกะซังก็เคยปลอบทาคายานางิซังด้วยใช่มั้ยครับ

ชูริ: มันเป็นช่วงที่ฉันกำลังย่ำแย่มากน่ะ

เอโกะ: ระหว่างที่ถ่ายรูปอยู่ พอดีเดินผ่านหน้าห้อง แล้วก็เห็นชูริซังกำลังร้องไห้อยู่

ชูริ: ตอนนั้นฉันสะดุ้งเลยค่ะ ก็ดูแน่ใจแล้วว่าไม่น่ามีใครเข้ามาแน่เลยเลือกห้องนั้นน่ะ

เอโกะ: ตอนนั้นฉันคิดในใจว่า “ชูริซังร้องไห้...” จากนั้นไม่ได้คิดอะไร ก็เดินเข้าไปในห้อง ลูบหลังชูริซังเลยค่ะ

ชูริ: ตอนนั้นมีเรื่องเสียใจที่ไม่เกี่ยวกับงานค่ะ แต่ว่าตอนทำงานน่ะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องยิ้มให้ได้ อย่างเช่นตอนที่ตีแบดกับแฟนๆ  ยิ่งเป็นงานที่สนุกอย่างนี้ด้วย แต่จริงๆแล้วยังไงก็เก็บไม่อยู่เลยวิ่งไปร้องไห้ที่ห้องเก็บคอสตูม

- นี่บังเอิญผ่านไปพอดีเลยมองเห็น ดูท่าคุณสองคนจะมีด้ายแดงผูกกันอยู่นะครับ

ชูริ: นิยายเรื่องนี้ดูราคาถูกชะมัด!

เอโกะ: ถ้าชูริซังร้องไห้ ฉันคงเป็นห่วงมากเลยค่ะ

ชูริ: เมื่อ 2 ปีก่อนตอนที่ถ่ายทำ “Konya wa Join us” ก็เหมือนกัน พอเห็นฉันเดินร้องไห้ตรงทางเดิน เธอก็ LINE มาว่า “ชูริซังไม่เป็นไรนะคะ?”

เอโกะ: ก็เป็นห่วงจริงๆนี่ จริงสิ วันเกิดชูริซังเมื่อปีที่แล้วก็เหมือนกัน!

ชูริ: อ่า เรื่องนั้น ตอนวันเกิดน่ะแม้ KII ทุกคนจะมาอวยพร แต่ตัวฉันเองกลับรู้สึกว่าปีนั้นฉันไม่เติบโตขึ้นเลย ทั้งๆที่ทุกคนมาอวยพรให้ฉันอย่างมีความสุขแต่ตัวเองกลับรู้สึกไม่มีความสุขกับวันเกิดแบบนั้นได้...เกลียดตัวเองที่เป็นแบบนั้นมากก็เลยร้องไห้ออกมาค่ะ

- สายสัมพันธ์ของทั้ง 2 คนข้องเกี่ยวกันบ่อยๆ งั้นขอถามซักนิดนะครับ คริสมาสต์ปีนี้นัดกันไว้ว่ายังไงบ้าง?

ชูริ: ทำไมถึงถามเรื่องนี้ล่ะ! ก็คงจะจัดปาร์ตี้กับเมมเบอร์ KII ล่ะมั้ง? ตอนนั้นแค่นั่งข้างๆกันโดยไม่รู้ตัวเหมือนปกติก็พอแล้ว ถ้าสองต่อสองล่ะก็คงไม่ไหว!

เอโกะ: ฮ่าๆๆๆๆ

- จากนั้นสองคนก็ขอตัวออกมาจากงานปาร์ตี้ก่อน...

ทั้งคู่: ไม่ค่ะ!

-  ในคืนที่หิมะตกอย่างเงียบสงบ...

ชูริ: จะจิ้นคริสมาสต์แนวอีโรติคทำม้ายยย (หัวเราะ) แต่ว่า ตอนที่ทุกคนกำลังกินข้าวด้วยกันก็จะนั่งข้างกันโดยไม่รู้ตัวตลอดเลย

เอโกะ: นั่นสินะคะ (หัวเราะ)

ชูริ: เวลาอยู่ในห้องแต่งตัวก็ใช่ ไม่ว่าใครจะเข้ามาในห้องก่อน ก็จะมีที่ว่างที่นึงอยู่ข้างๆตลอดเลย

เอโกะ: ฮ่าๆๆๆๆ

- ในทีมเขาก็รู้กันทั่วนะครับว่าสองคนสนิทกันมาก



ศัตรูของนางฟ้า


- สุดท้ายนี้ ยังไงก็ยังอยากถามเรื่องงานเลือกตั้ง AKB48 หน่อย เอโกะซัง เป้าหมายปีนี้คืออะไรครับ?

(T/L note: บทสัมภาณ์นี้สัมภาษณ์เมื่อต้นปี 2017 ดังนั้นงานเลือกตั้งในนี้จึงหมายถึงงานเลือกตั้งปี 2017)

เอโกะ: ที่ปีก่อนได้อันดับ 35 ทั้งๆที่ติดอันดับครั้งแรกแต่ก็ได้อันกับที่ดีขนาดนั้น หลังจากประกาศ เมมเบอร์ที่ติดอันดับก็จะมายืนถ่ายรูปรวมกันใช่มั้ยคะ ตอนนั้นที่กำลังแนะนำ Next Girls อยู่ รู้สึกว่าตัวเองอยากจะไปยืนอยู่แถวแรกจริงๆค่ะ วิวที่เห็นในตอนนั้นยังตรึงอยู่ในใจ เพราะงั้นปีนี้ตั้งเป้าหมายไว้ที่ Under Girls ค่ะ แล้วก็ซักวันนึงถ้าได้ไปยืนร้องเพลงอยู่ข้างๆชูริซังก็คงดี

ชูริ: โอ้ (เขิน)

- ส่วนทาคายานางิซัง ก็ตัดสินใจลงสมัครเร็วมากเลย

ชูริ: หลังจากจบงานเลือกตั้งปีที่แล้ว ก็ได้จัดงานพบปะแฟนๆค่ะ ตอนนั้นก็ได้ประกาศไว้แล้ว

- มีเป้าหมายที่ตั้งไว้มั้ยครับ?

ชูริ: อันดับ 8 ค่ะ เหตุผลเหรอ อย่างแรกเลยก็เพราะปีนี้ฉันซึ่งเป็นรุ่น 2 เข้ามาอยู่ SKE48 เป็นปีที่ 8 แล้ว แล้วก็คงมีวันที่ฉันจะออกจาก SKE48 หวังว่าหลังจากนั้นทุกคนจะยังเป็นแฟน SKE48 ต่อไป อีกอย่าง พอหมุนเลข 8 ไปอีกทางก็จะเป็นอินฟินิตี้ใช่มั้ยคะ ฉันเชื่อในความรักของแฟนๆที่ไม่มีวันจบสิ้นค่ะ...นั่นแหละเป็นเหตุผลอย่างที่สอง

- ถ้าแบบนั้น ก็ไม่ได้ตั้งเป้าที่คามิ 7 แต่ตรงนี้ก็คาดหวังไว้เหมือนกันใช่มั้ยครับ?

ชูริ: ค่ะ พูดถึงอันดับ 7 ไม่ว่ายังไงก็จะนึกถึงอาคาริน (สุดะ อาคาริ) เมื่อปีที่แล้วตลอดเลย ก็ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากติดใน 7 อันดับนะคะ แต่แค่สำหรับฉันแล้ว อันดับ 8 เป็นอันดับที่เหมาะสมน่ะค่ะ

- ปีนี้ลงเลือกตั้งอย่างไม่ลังเลเลยซักนิด

ชูริ: ก็ขนาดคนที่ประกาศไปแล้วว่า “ปีนี้เป็นปีสุดท้าย” ยังลงได้เลยนี่คะ!

เอโกะ: ฮุๆๆๆๆ

ชูริ: โอบะ มินะ ก็พอกันนั่นแหละ!

- ถ้ามีเพื่อนมาด้วยเยอะขึ้นก็ไม่น่ากลัวแล้ว!

ชูริ: แต่ว่าฉันแค่อยากให้ทุกคนเข้าใจ นั่นคือจิตใจของพวกเรามันเปลี่ยนไปแล้วค่ะ!

- นั่นสินะครับ แล้วความมุ่งมั่นที่จะเป็น “วงที่คนติดอันดับมากสุด” ซึ่งหลุดมือไปเมื่อปีที่แล้ว ก็คงจะมากขึ้นด้วยสินะ?

ชูริ: ปีนี้ (โอยะ) มาซานะซังกับคาโอตัน (มัตสึมุระ คาโอริ) ก็ลงสมัครด้วย ก็มีความรู้สึกว่าเราน่าจะคว้ามันกลับมาได้

- ปีนี้ดูมองโลกในแง่ดีมากเลยนะครับ

ชูริ: ใช่ค่ะ! ไม่พูดอะไรในแง่ลบอีกแล้วล่ะ!

เอโกะ: ถ้าพูดออกมาอาจโดนตบได้น่ะค่ะ

- “ถ้าพูดอะไรในแง่ลบออกมาจะโดนตบ” สัญญากับโอบะซังไว้อย่างนี้สินะ เอโกะซัง ในงานเลือกตั้งนี่มีเมมเบอร์ที่จับตามองมั้ยครับ?

ชูริ: อ่า เรื่องนี้ฉันก็สงสัยเหมือนกัน มีเมมเบอร์ที่ไม่อยากยอมแพ้มั้ย?

เอโกะ: เอ่อออ จะว่ามีก็มีค่ะ...พูดออกมาได้ใช่มั้ยคะ?

ชูริ: แต่ว่า ฉันก็พอรู้สึกได้อยู่บ้างล่ะ เป็นเมมเบอร์ในทีมเดียวกันใช่มั้ย?

เอโกะ: ค่ะ อยู่ทีมเดียวกัน

ชูริ: นอกจากเด็กคนนั้นก็คงไม่มีใครแล้วล่ะ ไม่ต้องบอกก็ได้นะ!


- สุดท้ายก็ถูกความรักของทาคายานางิซังปกป้องไว้ได้นะ (หัวเราะ)

blogged by 91

[91][bsummary]

Translation

[Translation][bsummary]

Subtitle

[subtitle][bsummary]

Update

[SKEUpdate][bsummary]