วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2558

(แปล) -นนตะในความทรงจำของผม-



มาแปลบทความของโอชินนตะนิดหน่อยค่ะ จริงๆเราอ่านมานานแล้วตั้งแต่ยังไม่ออกข่าวว่าออกจากวงแล้วก็คุยกับคนแปลเป็นเวอร์ชั่นญี่ปุ่นนิดหน่อย

คุยกันซักพักแล้วค่ะ ตั้งแต่เวอร์ชั่นอังกฤษยังแปลไม่เสร็จ

คนแปล(ทักแชทเรามา)"*ชื่อเรา* อ่านเรื่องนนตะที่กดไลค์ไปแล้วใช่ไหม"
เรา "อ่านแล้ว...อยากร้องไห้ยังไงไม่รู้"
"ถ้ายังไงก็ช่วยๆแชร์กันหน่อยแล้วกัน ไหนๆก็แปลเป็นญี่ปุ่นแล้ว"
เรา "จริงๆเราไม่อยากพูดเรื่องนนตะออกสื่อมากมาตลอดเลยนะ กลัวจะเห็นคอมเมนท์เลวๆแล้วห้ามตัวเองไม่ให้ด่าไม่ได้555"
"
คนแปล"งั้นถ้าลองคิดถึงใจของคนที่เขียนดู เค้าเขียนโดยที่เตรียมใจยอมรับแล้วว่าต้องมีคนทรามๆ แบบนั้นอยู่ แต่ก็ยังเขียนออกมา เราก็น่าจะตอบสนองความรู้สึกนั้น "
เรา "...โอเค เดี๋ยวจะแปล/ลงแล้วกัน ยังไงก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ "

ค่อนข้างยาว มีทั้งหมด4ส่วน แต่ถ้าอ่านจนจบเราจะดีใจมากๆ
ในฐานะไอดอลที่ให้ความบันเทิงแล้วเราไม่รู้ว่าแต่ละคนมองไอดอลในแบบไหน
แต่การแปลบทความนี้ได้แต่หวังว่าในฐานะแฟนๆแล้ว
จะมองเห็น"ไอดอล"ในแง่มุมที่มากกว่ากราเวียร์หรือความตลกขึ้นมาเหมือนกัน

เพราะไอดอลก็คือมนุษย์คนหนึ่ง ที่มีหลากหลายด้านและมีเรื่องราวในชีวิต มีครอบครัว มีความฝัน มีชีวิต มีความคิด มีความรู้สึก

 ไม่ใช่แค่ตัวระบายความบันเทิง เหยื่ออารมณ์ ให้สนุกปากยังไงก็ได้

______________________________

-นนตะในความทรงจำของผม-

ทุกคน ยินดีที่ได้รู้จักครับ
ผมชื่อคีย์โฮลเดอร์ ฝากเนื้อฝากตัวด้วย
อย่างที่คุณรู้กันว่า สึจิ โนโซมิ (ชื่อเล่น:นนตะ) จบการศึกษาไปแล้วเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนเพราะเหตุการณ์ล่าสุด
นนตะถูกทับถมด้วยข้อความด่าทอมากมาย แค่ได้เห็นแบบนั้นผมก็เจ็บปวดใจมากแล้ว
ผมอาจจะไม่ใช่แฟนคลับที่ชอบมานาน แต่ผมก็อยู่ในเลนนนตะในงานจับมือเสมอ และได้รับการเยียวยาจากรอยยิ้มของเธอและท่าทางใจดีนั้น

ผมคิดว่าผมจะทำอะไรเพื่อตอบแทนนนตะได้ในเวลาอย่างนี้บ้าง
นี่คือเหตุผลที่ผมเขียนสิ่งนี้ขึ้นมา

นี่ไม่ใช่นิยาย ไม่ใช่จินตนาการเพ้อเจ้อ
แต่เป็นเรื่องราวส่วนตัวของผม
ที่อยากจะสื่อให้ทุกคนเห็นว่า ในสายตาของผม ในฐานะแฟนคนหนึ่งของเธอ ผมเห็นเธอเป็นเด็กยังไง

ถึงผมจะขีดเขียนไม่เก่งนัก แต่มันก็คงดีมากถ้าจะมีแค่ซักคนที่จะเข้าใจในตัวตนของนนตะมากขึ้น

ก่อนหน้านี้นนตะบอกว่าเธอฝันอยากเป็นไอดอลมาตั้งแต่เด็กแล้ว และเธอก็ทำมันได้

ถึงแม้ช่วงเวลาที่เป็นSKE48ของเธอจะแสนสั้น แต่ก็เป็นช่วงเวลาอันวิเศษที่สุดในชีวิต สำหรับแฟนๆของเธอก็ไม่ต่างกันเลย

ผมได้แต่หวังว่าบทความนี้จะเป็นหลักฐานยืนยันอาชีพที่มีแววก้าวหน้าสดใสของเธอด้วยความสำเร็จหลากหลายอย่าง

ที่ถูกจบลงอย่างกระทันหัน

______________________________

นนตะที่ผมรู้จัก

ส่วนที่ 1 :

"เห็นรึยัง? รูปนนตะ..."

ในช่วงกลางวันของวันพฤหัสที่แล้ว ขณะที่ผมเดินลงไปชั้น1เพื่อซื้อกาแฟที่ร้านสะดวกซื้อ ผมได้รับข้อความจากเพื่อนอย่างกระทันหัน

ในเมล์มีลิงค์รูปสองรูปแนบมา หนึ่งในนั้นคือรูปที่ผมคุ้นเคยดีเลยล่ะ
แต่หนึ่งในนั้นคือรูปพุริคุระที่ผมเคยเห็นเป็นครั้งแรก

แต่ก็นะ มันไม่ใช่ครั้งแรกแล้วใช่ไหมล่ะ?

ก่อนหน้านี้ในปีเดียวกัน ช่วงฤดูใบไม้ผลิ มีรูปตัดต่อรูปหนึ่งโผล่ขึ้นมา ในตอนนั้นผมได้แต่คิดกับตัวเองว่า
"เดี๋ยวนี้เล่นกันแรงขนาดนี้เลยเหรอ!?"
แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างดูเงียบสงบ

ทั้งได้เดบิวท์เป็นอันเดอร์ในสเตจS5 ได้เดบิวท์ในฐานะZebra Angel รวมไปถึงเดบิวท์ในสเตจเคงคิวเซย์ เดบิวท์บนสเตจE4 และทุกอย่างที่เธอทำสำเร็จมา
มันแน่นอนเลยว่าทุกอย่างราบลื่นไร้ปัญหา

ผมตอบกลับเพื่อนไปว่า "ได้แต่หวังว่าคราวนี้ก็จะไม่มีอะไรเหมือนรอบก่อนล่ะนะ"
ผมกลับไปยังออฟฟิซของผม แต่ไม่รู้ทำไมคราวนี้ผมถึงรู้สึกกลัวเหลือเกิน

ในทุกทุกวันผมจะได้รับเมล์จากนนตะ (tl note;โมบายเมล์)
อย่างเช่นเวลาเธอตื่นไม่ไหวในตอนเช้า หรือเวลาที่กำลังจะทานข้าวกลางวันและเข้าห้องซ้อมในช่วงเย็น หรือจะเกี่ยวกับเพื่อนร่วมงานของเธอ
หรือแม้แต่ตอบคำถามตลกๆใน755 แต่ในเย็นวันนั้นผมไม่ได้เมล์อะไรจากนนตะเลย

ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผมจะหยิบมือถือออกมาบนรถไฟ บนบัส ในร้านสะดวกซื้อ แต่ก็ไม่มีอะไรเลย
-เมล์ที่ไม่ได้อ่าน(0)-
เมล์ล่าสุดที่ผมได้รับคือ "ฝันดีค่ะ"ในคืนวันอังคาร

"เหนื่อยหน่อยนะคะวันนี้!
ฮาตะกอนอยู่ๆสลบไปเลย (ฮา)
วันนี้ฉันจะนอนแล้วเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า
ฝันดีค่ะ!"

และเมล์ก่อนหน้านั้นที่เขียนเรื่องแบคแดนเซอร์บนสเตจทีมE

"วันนี้ทำหน้าที่เป็นแบคแดนเซอร์จบแล้วค่ะ~
วันนี้เพราะทั้งต้องซ้อมและเป็นแบคแดนเซอร์เลยแทบไม่ว่างเลย
วันนี้ทำอะไรกันบ้างคะ
เล่าให้ฟังหน่อย~"

อินบ็อกซ์ของผมเต็มไปด้วยเมล์จากนนตะ บางครั้งถึงกับรู้สึกเลยว่า "เด็กนี่น่ารำคาญชะมัด!"

ในทุกทุกวันเธอจะส่งเมล์มามากมาย และบางทีก็ส่งอะไรน่าเบื่อสุดๆมาด้วย!

ในขณะที่รูปจากเมล์เธอถมอินบ๊อกซ์ผมเต็มไปหมด ผมก็บางทีคิดว่า"ใครฟะ!?" หรือแม้แต่บน 755 เธอก็จะโพสต์รูปเดิมนั่นแหละ
แต่คืนนั้น ไม่ว่ายังไง ผมก็อยากเห็นเมล์จากเธอเหลือเกิน
จะน่าเบื่อแค่ไหนก็ไม่เป็นไรหรอก จะส่งรูปซ้ำๆมาก็ได้
ผมได้แต่คิดดังก้องในใจ "จะอะไรก็เถอะ ช่วยโพสท์อะไรก็ได้ทีเถอะ"

หลังจากนั้น ในสองทุ่มวันนั้น โทรศัพท์ของผมก็สั่น มาจากนนตะ!

"สวัสดีตอนเย็นค่ะ
ช่วงหลังๆมานี้อากาศหนาวมาก ระวังอย่าให้เป็นไข้หวัดกันนะคะ
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ"

สั้นมาก
ไม่มีรูป
ไม่มีอีโมเกินสองอันด้วยซ้ำ

และมากไปกว่านั้น ราตรีสวัสดิ์ตอนสองทุ่มมันเป็นอะไรที่ผมไม่เคยเห็นจากเธอมาก่อน

แปลกจริงๆ ประโยคนี้ก็ด้วย
"ระวังอย่าให้เป็นไข้หวัดด้วยนะคะ"
มันทำให้ผมรู้สึกถึงเรื่องแย่ๆขึ้นมา

"นายแค่คิดไปเองน่า ไม่มีอะไรมากหรอก"

นนตะยังคงยิ้มแย้มไม่เปลี่ยน ในขณะที่กุมมือสองข้างของผม

นั่นคืองานจับมือครั้งสุดท้าย ก่อนที่ผมจะได้ไปดูเธอสเตจเคงคิวเซย์

มันเป็นเพอร์ฟอร์มานซ์ที่วิเศษแต่ไม่รู้ทำไม ระหว่างที่เล่นสเตจอยู่ สีหน้านนตะก็ซีดเผือกและผมคิดว่าผมเห็นเธอน้ำตาคลอเบ้าเล็กน้อยระหว่างเพลง Sakura no Hanabiratachi

ผมตกใจเล็กๆ และถามเธอเรื่องนั้น

"ผมไปดูสเตจมาด้วยนะ"

"เห็นอยู่ค่ะ! เป็นยังไงบ้าง? ได้ตั้งใจดูนนตะไหม"

"ผมมองนนตะตลอดเลย! แต่อยู่ๆเธอร้องไห้รึเปล่า ผมเป็นห่วงมากนะ...หรือว่าแค่คิดไปเอง?"

"คิดไปเองรึเปล่าคะ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก!"
เธอยังคงยิ้มอย่างธรรมชาติเหมือนเดิม

"จริงเหรอ?" เพราะผมตั้งใจมองเธอตั้งแต่ต้นจนจบเลยนะ ผมเชื่อไม่ลงหรอก
แต่บางทีผมอาจจะคิดไปเองก็ได้มั้ง

"หมดเวลาแล้วครับ" สตาฟพูดขึ้นมา

นนตะจับมือของผมไว้ตลอด

ผมรอให้เธอพูดคำว่า "ไว้มาใหม่อีกนะ!"

"ขอบคุณที่ตั้งใจมองดูฉันนะคะ" กลับเป็นสิ่งที่เธอพูดออกมา!

ส่วนที่ 2:

สึจิ โนโซมิ ชื่อเล่น "นนตะ" จากนารา อายุ19ปี

เมื่อเธอถามขึ้นมาว่า "ใครคือสาวซึนเดเระอันอ่อนโยนผู้มาจากโลกแห่งยามาโตะ?" เราจะตอบพร้อมกันว่า "นนตะ!!"

ด้วยเสียงเชียร์อันดังก้องและแท่งไฟสีส้มมากมายที่สว่างไสว
"สึจิ โนโซมิ หรือจะเรียกว่านนตะก็ได้ค่ะ!"

เธอโค้งตัวลงด้วยใบหน้าแดงระเรือ
7D2มีเด็กสาวมากมายที่เปล่งประกายบนเวที
และในหมู่เด็กสาวเหล่านั้น นนตะโดดเด่นขึ้นมาด้วยหน้าตาที่ดูดีและ...อายุ

มันไม่ธรรมดาเลยนะที่จะมาเป็นไอดอลตอนอายุ18
และผมถามเธอตรงๆในงานจับมือว่า

"ทำไมนนตะถึงอยากเป็นไอดอลล่ะ?"

"ฉันอยากเป็นไอดอลมาตั้งแต่เด็กแล้วนะคะ"

"แต่มาเข้าSKEตอนอายุ18เนี่ยนะ ทำไมล่ะ?"

บางทีผมอาจจะถามอย่างจริงจังพร้อมด้วยสีหน้าฉงนของผม..
และผมรู้สึกขึ้นมาตอนนี้ล่ะว่าไม่น่าเลย

"ฉันไปออดิชั่นมาหลายที่แล้วค่ะ แต่ไม่ได้รับเลือกเลย"

เธอจ้องมองตรงมาที่ตาของผม ไม่แม้แต่จะรู้สึกตะขิดตะขวง
เธอก็แค่ตอบคำถามของผมมาอย่างซื่อตรงด้วยรอยยิ้มหวานตามปกติของเธอ

รอยยิ้มตามปกติที่ทำให้หัวใจของผมสงบลงและช่วยเยียวยาผมได้
แต่คราวนี้ดูเหมือนว่าจะมีความรู้สึกขุ่นมัวเล็กน้อยในดวงตาของเธอ
ไม่สิ มันไม่ใช่ความเศร้า
แต่เป็นความเงียบงันต่างหาก

ผมไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมร้สึกว่าเธอมีเสน่ห์อันแปลกประหลาดที่ทำให้ผมถูกดึงดูดได้ทุกครั้ง

เด็กสาวที่มีรอยยิ้มแบบนี้ จริงๆแล้วเป็นเด็กยังไงกันนะ?

ผมสงสัยขึ้นมานิดหน่อย

ย้อนไปเมื่อ 4-5 ปี ก่อน
ในรายการ AKB to XX จะมีช่วงหนึ่งที่จะโทรไปหาผู้คนที่อยากจะ
"ได้รับกำลังใจจากเมมเบอร์AKB48" และคนที่โคโมริ มิกะซังโทรไปหาตอนนั้นก็คือ
เด็กสาววัย14ขวบจากนารา "สึจิ โนโซมิ"

"มันอาจจะน่าเบื่อนะคะ แต่ฉันอาศัยอยู่กับแม่แค่สองคนค่ะ
เราต้องทำทุกอย่างกันเองสองคนทุกวันเลย ช่วยให้กำลังใจฉันด้วยนะคะ"

ถ้าเด็กคนนี้คือนนตะ(TL;ใช่แน่นอนค่ะ ฟังคลิปแล้วเสียงไม่เปลี่ยนเลย)
เราคงจินตนาการกันได้เลยนะ ว่าเธอในวัย14ขวบที่อาศัยในนาราใช้ชีวิตแบบไหน

อยู่กับคุณแม่แค่สองคน และต้องทำงานบ้านทุกอย่างทุกวัน
ถ้าลองเปรียบเทียบเธอกับเด็กสาวทั่วไปในวัยเดียวกัน เธอมีความรับผิดชอบมากมายให้แบกรับกับหน้าที่ทั้งหลายนี้

วันก่อนตอนที่ครบรอบหนึ่งปีของการประกาศผลออดิชั่นรุ่น7รอบสุดท้าย
นนตะพูดบน755ว่าหลังจากอัดคลิปเสร็จเธอต้องรีบไปทำงานพิเศษ
เพราะตอนนั้นก็สายมากแล้ว

ทั้งงานพิเศษ งานบ้าน ไล่ตามความฝันที่อยากเป็นไอดอล
นนตะคนนี้ดูไม่เหมือนภาพทั่วไปเด็กสาวมัธยมปลายเลย

นนตะจะทำอะไรถ้าไม่ได้มาเป็นไอดอล?
เธอตอบคำถามนี้บน755ว่า "ฉันก็ยังอยากเข้ามหาลัยนะคะ"
บางทีนนตะก็อาจเฝ้ารอคอยวันที่จะได้ทำกิจกรรมในฐานะเด็กมหาลัยด้วยเหมือนกัน

ส่วนที่ 3 :

ในงานจับมือเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมาที่ผมได้พบนนตะครั้งแรก
ตอนนั้นผมเหนื่อยล้ากับงานและเริ่มคิดจะเปลี่ยนงาน
เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของผมเลยล่ะ

คนก่อนหน้าผมจับเสร็จแล้ว สตาฟเรียกผมเข้าไปด้วยคำว่า"คนต่อไปเลยครับ"
หลังจากให้สตาฟตรวจมือแล้ว ผมเดินเข้าไป และมือของผมถูกกุมด้วยเด็กสาวคนหนึ่งที่มองผมอย่างอ่อนโยนด้วยรอยยิ้มแสนหวาน

"ผมมาครั้งแรกเลย ยินดีที่ได้รู้จัก ดีใจได้ที่เจอนะ" ผมพูด
คำทักทายปกติทั่วไป เธอเองก็ทักทายผมเช่นกัน
มือของผมถูกกุมอย่างมั่นคงและดึงไปใกล้ๆ และสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากฝ่ามือของเธอ

ตอนนี้จะพูดอะไรดีนะ? ผมคิด

"จริงๆแล้วผมเป็นต่างชาติล่ะ" ผมพูดออกไป

"จริงเหรอคะ? มาจากประเทศอะไรเหรอ?" เธอตอบกลับมา

"จีนครับ" ผมตอบ

ผมพูดแบบนี้กับเมมเบอร์แทบทุกคนที่ผมไปจับมือครั้งแรก
และจะมีคำตอบทั่วไปอยู่สองแบบ แบบแรกคือ "สุดยอด! คล่องภาษาญี่ปุ่นมากเลยนะคะ"
คำว่า "สุดยอด" ช่างเอนกประสงค์เหลือเกิน เพราะมันดูจะใช้ได้ในทุกสถานการณ์ กับชาวต่างชาติก็เช่นกัน

การถูกชมว่า "คุณคล่องภาษาญี่ปุ่นมากเลย"เป็นคำชมที่ยอดเยี่ยม

อีกแบบหนึ่งก็คือ "จริงเหรอคะ? จีน? หนีห่าว!"
สำหรับชาวต่างชาติแล้วการทักทายด้วยภาษาบ้านเกิดของเค้าก็น่ายินดีเช่นกัน

ผมคิดอยู่ว่านนตะจะพูดแบบไหนกันนะ
แต่เธอกลับถามสิ่งนี้ออกมา

"อยู่ญี่ปุ่นมานานแค่ไหนแล้วคะ?"

ผมตกใจน่าดู และตอบกลับไปด้วยเสียงสั่นเครือเล็กน้อย

"ภาษาญี่ปุ่นของคุณดีมากเลยค่ะ เรียนก่อนที่จะมาหรือเรียนหลังอยู่ที่นี่แล้วคะ?"

ไม่
เพราะผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมาอยู่ที่ญี่ปุ่นตั้งแต่แรก ผมไม่ได้เตรียมตัวเรียนภาษาญี่ปุ่นมาก่อน
ตั้งแต่ที่ผมมาถึงญี่ปุ่นผมได้แต่ยุ่งกับการงานและไม่มีเวลาแม้แต่จะไปเรียนโรงเรียนสอนภาษา

ผมเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นจากคนญี่ปุ่นรอบๆตัวผม ผมพูดศัพท์ตามพวกเขา เลียนแบบวิธีที่พวกเขาพูด และผมก็เริ่มรู้สึกตัวว่าผมพูดและเข้าใจภาษาญี่ปุ่นได้แล้วล่ะ

"แบบนี้เอง..." ในระหว่างที่กุมมือผม เธอถอนหายใจเล็กน้อยและพูดว่า
"แย่หน่อยนะคะ.. คุณคงจะผ่านอะไรหนักหนามามากเลยใช่ไหม ตอนนี้คุณเป็นยังไงคะ มีความสุขอยู่ดีรึเปล่า?"

ผมตะลึงเกินกว่าจะพูดอะไรออกไปได้ และถูกดันออกนอกเลนโดยสตาฟ

ในงานจับมือ เมมเบอร์แต่ละคนจะจับมือกับแฟนๆมากกว่าสามร้อยคนในแต่ละช่วงเวลา
นั่นก็คือ เมมเบอร์แต่ละคนต้องพูดคุยเรื่องราวกว่า300หัวข้อ และหัดที่จะตอบกลับไปทันที มันต้องใช้การปรุงแต่งมากเลยล่ะ เพราะแบบนั้นผมก็เข้าใจได้นะถ้าจะมีเมมเบอร์ที่จะตอบอะไรส่งๆกลับมา

แต่คำตอบของนนตะที่มีให้ผมไม่ใช่อะไรส่งๆเลย

ผมคงพูดไม่ได้ว่านนตะเป็น"คามิไทโอ"(จับมือเทพ ตอบสนองได้อย่างเหมาะสมเสมอ ; ยูกิริน , ซายาเน่ , เรนะ ) หรือ "สึริชิ"(นักตกเหยื่อ กุมหัวใจแฟนๆด้วยท่าที/คำพูดได้ ; มิลกี้้ , อาคาริน)

ที่เธอทำก็แค่ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา พยายามเข้าใจผมและปฏิบัติต่อผมอย่างมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน มีทั้งความเคารพและความเห็นอกเห็นใจ
ความประทับใจนี้ฝังลึกในตัวผมมาก

ในขณะเดียวกันตัวเธอเองก็คงผ่านเรื่องยากลำบากมาไม่น้อย ถ้าแบบนั้นเธอคงพูดอะไรอย่าง "คุณคงจะผ่านอะไรหนักหนามามากเลยใช่ไหม?"ออกมาไม่ได้

พอคิดอย่างนี้ผมก็รู้สึกเศร้าสร้อยแทนเธอขึ้นมานิดหน่อย

ส่วนที่ 4 :

ในสเตจเคงคิวเซย์ นนตะได้ร้องยูนิตเพลง Anata to Christmas Eve ผมชอบเพลงนี้มากๆและดูทุกเวอร์ชั่นที่นนตะร้องบนDMMเลยล่ะ

"ที่ซักแห่งบนโลกใบนี้ เธอกระซิบถ้อยคำ
คำมั่นสัญญาแห่งรัก
จะเริ่มต้นขึ้นในวันนี้อย่างมั่นคงใช่ไหม?
Merry Christmas and I love you"

ท่ามกลางแสงไฟสีน้ำเงินเข้ม เธอขับกล่อมเพลงนี้ออกมาด้วยเสียงอันอ่อนหวาน มองจ้องมายังคนดูและยิ้มออกมาอย่างหวานซึ้งและอ่อนโยน
ผมรู้สึกได้เสมอเลยว่าเธอกำลังเฝ้าฝันถึงใครซักคนเวลาที่ร้องเพลงนี้
เฝ้าฝันถึงใครซักคน หรือแม้แต่ตกหลุมรักใครคนนั้น

ผมไม่แน่ใจนัก แต่ผมจะยินดีมากถ้าความรู้สึกของผมถูกต้อง
เธอผ่านเรื่องราวยากลำบากมามาก อาจทนทุกข์มาหลายอย่าง
ถึงเธอจะดูเข้มแข็งแต่ในจิตใจของเธอนั้นต้องมีส่วนที่เปราะบางแน่นอน

มันต้องดีมากแน่ๆถ้าจะมีใครซักคนที่รักและคอยดูแลเธอเป็นอย่างดีได้

แต่อย่างไรก็ตาม โชคร้ายนัก อย่างที่เรารู้กัน..

"ผมชอบคริสต์มาสต์อีฟของนนตะมากเลยนะ" ผมบอกเธอแบบนี้ครั้งนึงตอนไปจับมือ

"คุณบอกแต่ว่าชอบแต่ก็ไม่เคยมาดูสเตจพวกเราเลยนี่" เธอดูโมโหนิดหน่อย

เธอพูดถูก ถึงตอนนั้นผมยังไม่เคยไปเธียเตอร์SKE48เพื่อไปดูสเตจเคงคิวเซย์เลย

"ช่วยลองมาดูพวกเราหน่อยมั้ยคะ แค่ซักครั้งก็ยังดีนะ"เธอพูดอีก

ผมจะตอบอะไรได้ล่ะ ตอนนั้นผมยุ่งกับงานมาก แถมผมกำลังคิดเรื่องเปลี่ยนงานและไม่แน่ใจกับเงินเดือนในปีหน้านัก
มันคงสิ้นเปลืองเกินไปที่จะเดินทางไปถึงนาโกย่าเพียงเพื่อดูสเตจเดียว
แต่ผมตอบเธอแบบนั้นไม่ได้หรอก ผมได้แต่ส่ายหน้า

"เพราะเรื่องงานเหรอคะ?"

ผมพยักหน้า ผมได้เล่าเรื่องปัญหาในงานของผมให้เธอฟังเล็กน้อยมาก่อนหน้านี้

"เกิดอะไรขึ้นคะ? พูดให้ฟังได้นะ!" เธอดูเป็นห่วงน่าดูเลย

ผมทำได้แค่ส่ายหน้าเงียบๆ

แต่ทันใดนั้นผมก็ตัดสินใจได้เลย ว่าผมจะลองลงสุ่มสเตจเคงคิวเซย์ให้เร็วที่สุด และถ้าโชคดีพอ ผมจะมานาโกย่าเพื่อดูมัน

และโชคดีที่ผมถูกตั๋วสเตจแล้วได้เดินทางมาถึงนาโกย่าเพื่อดูสเตจนั้น ผมเห็นว่ามากกว่าหนึ่งในแปดส่วนของคนดูวันนั้นเป็นแฟนของนนตะ ไม่ว่าเวลาที่เธอแนะนำตัว เวลาร้องเพลง หรือพูดอะไรออกมา แท่งไฟสีส้มจะส่องสว่างและเสียงเชียร์จะดังลั่นไปทัวร์เธียเอตร์

นนตะมีแฟนๆมากมาย ไม่ใช่แค่ที่เธียเตอร์เท่านั้น
บัตรจับมือของเธอก็ขายหมดเร็วมาก แน่นอนว่าใช้เวลานานทีเดียวในการต่อแถวรอจับมือเธอในงานจับมือ

"นนตะมีแฟนๆเยอะแยะแล้วนี่ ผมคงไม่จำเป็นต้องเชียร์แล้วมั้ง"

ผมถามเธอไปแบบนั้นครั้งนึง เป็นคำถามที่โหดร้าย

"ไม่หรอก ฉันมีแฟนคลับไม่เยอะหรอกค่ะ" เธอตอบกลับมาและรอยยิ้มก็ดูไม่สบายใจนิดหน่อย

"ดูคนข้างหลังแถวนั่นสิ มีแฟนๆของเธอเยอะแยะเลยไม่ใช่เหรอ"
ผมยังคงเล่นต่อกับคำถามใจร้ายนั้น

"ไม่ ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ อย่าพูดแบบนั้นเลย.."

รอยยิ้มของเธอดูโดดเดี่ยว พอรู้ว่าเธออาจจะเจ็บปวดเพราะคำถามของผม ผมรีบเปลี่ยนเรื่องทันที แต่ตอนนั้นเวลาของผมจะหมดแล้ว

ตอนนี้ ในหมู่คนที่รังแกทำร้ายนนตะบนอินเตอร์เน็ต
มีกี่คนกันนะที่ต่อแถวรอจับมือเธออยู่ในงานจับมือ
จะมีซักกี่คนกันที่โบกแท่งไฟสีส้มและส่งเสียงเชียร์เธออยู่ในเธียร์

มากไปกว่านั้น กับเด็กสาววัย19ที่พูดว่า "ฉันมีแฟนคลับนิดเดียวเองค่ะ" ด้วยรอยยิ้มโดดเดี่ยว
เธอจะคิดอะไรในใจตอนเห็นข้อความโหดร้ายพวกนั้นบนอินเตอร์เน็ตกันนะ?

ผมไม่รู้เหมือนกัน และไม่อาจจินตนาการได้

"นนตะ ผมมาแล้วนะ! ได้ดูเพอร์ฟอร์มานซ์เธอแล้ว สุดยอดเลย!!"

ผมบอกนนตะท้ายสเตจนั้นในช่วงเวลาส่งออกจากสเตจ

"ขอบคุณค่ะ ไว้มาอีกนะ จะครั้งที่สอง ที่สาม ก็ช่วยมาอีกทีนะคะ!"

คำตอบของเธอและสีหน้านั้นยังคงแจ่มชัดในความทรงจำของผม

นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นเธอแสดงบนเวที และบางที ก็อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย
ถ้าผมรู้มาก่อนว่านั่นคือครั้งสุดท้าย ผมจะทำอะไรบ้างนะ?
บางทีผมอาจจะส่งเสียงเชียร์เธอให้ดังกว่านี้
ตั้งใจมองแต่เธอคนเดียวให้มากกว่านี้
ตั้งใจเก็บความรู้สึกทุกวินาทีอันแสนล้ำค่าในเธียเตอร์มากกว่านี้

แต่ตอนนี้มันสายไปแล้ว

ผมยังคงอยากดูการแสดงของเธอ อยากจะพูดคุยกับเธอ
ผมไม่แม้แต่จะพูดคำว่า "ชอบนะ!"กับเธอเลยด้วยซ้ำ
ของขวัญที่สัญญาว่าจะส่งให้ผมก็ยังไม่ได้ส่งให้เธอ

ใน48กรุ๊ปนี้มีเมมเบอร์มากมายที่แสนยอดเยี่ยมก็จริง เมื่อเทียบกับนนตะ
พวกเธออาจจะยอดเยี่ยมกว่า หรือ"ใสซื่อ"กว่า

แต่เด็กสาวที่กุมมือและเรียกชื่อผมไปพร้อมกับส่งรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนหวานมาให้
เด็กสาวอายุ19ที่ร้องเพลงด้วยเสียงแสนอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความใฝ่หา

มีเพียงนนตะคนเดียวเท่านั้น

และตอนนี้ผมสูญเสียเธอไปตลอดกาลแล้ว

--------------------------

This article is originally written in Chinese under the title “我認識的辻のぞみ” (“The Tsuji Nozomi that I know”). It is then translated into Japanese with some small adjustments under the title “のんたの思い出”(“My Memories of Nonta”) with the help of Tung Wen Chung. Now it is co-translated into English with Hayate Low based on the Japanese version, and is proofread by “Aidolmayuyu” and “KudoShinichi”. The author would like to express special gratitude to Mr Tung, Hayate Low, and the two proofreaders. The author thanks the manager of ske48matomelog site for allowing us to publish the Japanese version there.
Also, the author thanks AQ, Caven Chan, Hayate Low, Makura, Porte, Pluto Tang, Shu Han Yang, Shu Hao Yu, 杜冰旋,Yu-wei Li, and all readers, commentators and forwarders in 百度贴吧,Facebook,PTT, 新浪微博, twitters, ske48matomelog, etc.
Without their warmly helps, advices and encouragements, this article cannot be completed. Of course, all mistakes, errors, and inanities remaining are entirely the author’s responsibility. Last but not the least, it should be noted that not everyone mentioned above is a fan of Nonta, but all of them hope that she can recover soon, and would like to show their regards and best wishes to her. They, including the author, are looking forward to seeing Nonta again.

----
TH translator note :

Special thanks to everyone (as mentioned above) who helps contributing this in many other languages. Your kind efforts is truly appreciated.
Also, the original writer who decided to publish this article.
I just hope spreading this article will at least make people acknowledge her as a girl who simply wants to follow her childhood dream.

I appreciate your efforts and thanks for everything.

(also Hayate who encourages me to translate this with his warm(?) words thx bakate! :v )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

blogged by 91

[91][bsummary]

Translation

[Translation][bsummary]

Subtitle

[subtitle][bsummary]

Update

[SKEUpdate][bsummary]