วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2559

(91)[100%SKE48] แปลบทสัมภาษณ์น่อน (คิโมโตะ คาน่อน)

ได้เข้ามาเมื่ออายุ 13 เป็นเซ็นเตอร์ทีม E
ตอนนี้คิโมโตะ คาน่อน อายุ 18 ปีแล้ว
น้องเล็กของทีมกับตำแหน่งที่เคยอยู่ในสปอตไลต์และเคยได้ลิ้มรสความเจ็บปวด
ที่ครั้งนึงเรานึกไม่ออกเลยว่าจะได้เห็นเธอในแบบนี้
ความมุ่งมั่นที่เต็มไปด้วยความร้อนแรงและเป้าหมายที่มั่นคงได้เปิดเผยออกมาแล้ว

เป้าหมายคือการเป็นเอซคนใหม่ที่ชาวนาโกย่าภูมิใจ ที่มีทั้งความเป็น “สายหลัก” และ “นอกลู่นอกทาง” รวมอยู่ด้วยกัน


คุณค่าของประสบการณ์จากการควบทีม


- นับตั้งแต่บทสัมภาษณ์กับ BUBKA เมื่อปี 2014 นี่ถือเป็นอีกครั้งที่ได้มาสัมภาษณ์คิโมโตะซัง

น่อน: นานมากเลยนะคะ

- มีเรื่องเข้าใจผิดมากมาย จนถูกซาซิฮาร่า(ริโนะ)ซังเอาไปล้อในคอนเสิร์ตเลยนะครับ...ต้องขอโทษด้วยนะครับ

น่อน: ฮ่าๆๆ ไม่เลยค่ะ ไม่เป็นไร (หัวเราะ)

- ขอบคุณครับ! ที่เชิญคิโมโตะซังมาสัมภาษณ์คราวนี้ เราตั้งหน้าตั้งตารอมาตลอดเลยครับ ก็เพราะเป็นถึงระดับเอซนี่นะ

น่อน: เอ๋? ขอบคุณค่ะ ว่าแต่ จริงเหรอคะ?

- จริงๆครับ! คิโมโตะซังเอง จนถึงตอนนี้ก็ได้เจอบททดสอบมากมาย ได้รับประสบการณ์ล้ำค่าจากมันมาเยอะเลยใช่มั้ยล่ะครับ

น่อน: นั่นสินะคะ ที่ผ่านมาได้ลองทำอะไรเยอะแยะไปหมด ถ้าไม่ชอบความท้าทายละก็ฉันคงต้องกังวลมากแน่ ตอนนี้โปรแกรมทัวร์ทั่วประเทศกับละครเวที (AKB49) ก็กำหนดแล้ว เป็นอะไรที่ต้องรวบรวมสมาธิทำมันออกมา รู้สึกดีค่ะ ถ้ามีเรื่องที่ยังไม่เคยลองทำก็อยากจะลองดูสักครั้ง ฉันเป็นคนประเภทนั้นล่ะ ตะกละมากเลยค่ะ (หัวเราะ)

- ฮ่าๆๆๆ ดีครับ (หัวเราะ) พูดถึง “ท้าทาย” การที่ได้ควบทีมกับ HKT48 จนถึงปีที่แล้วคงเป็นแรงกระตุ้นได้มากเลยนะครับ?

น่อน: ก็ใช่ค่ะ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ไม่คิดว่าจะสนิทกับทุกคนที่ HKT48 จนถึงตอนนี้ได้ เพราะงั้นที่ทุกคนต้อนรับอย่างดี ฉันดีใจมากค่ะ

- โดยเฉพาะโมโตมุระ (อาโออิ)ซัง แถมยังตั้งชื่อคู่กันด้วย

น่อน: เธอเป็นคนแรกสุดที่เข้ามาคุยกับฉันค่ะ จะบอกว่าเธอเป็นคนช่วยไว้ก็ได้ อาโออิทำให้ความเหงามันหายไป หลังจากนั้นก็สนิทกันมากค่ะ โอชิของอาโออิก็มาบอกกับฉันว่า “ชอบคู่นี้มากเลยล่ะ” ด้วยค่ะ เพราะได้ควบทีมถึงได้เจอกันแบบนี้ แล้วก็ได้ไปออกทัวร์ในฐานะ HKT48 ด้วย ตอนนี้ทัวร์ SKE48 ก็จะกลับมาเล่น ถ้าได้ไปที่ๆฉันเคยไปตอนควบทีม ฉันก็จะบอกกับ SKE48 คนอื่นได้ว่า “ที่นี่มันเป็นแบบนี้ๆนะ”

- คนดูที่เคยไปดู HKT48 เขามาดู SKE48 ด้วยมั้ยครับ?

น่อน: นี่แหละค่ะ! ฉันว่านี่แหละคือความหมายของการควบทีมล่ะ!

- การควบทีมนี้สิ้นสุดลงเมื่อปี 2015 สำหรับคิโมโตะซัง และ SKE48 ใน 1 ปีนี้ก็มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากมาย

น่อน: รุ่นพี่รุ่น 1 จบการศึกษากันไปหลายคน ตอนนี้ทั้งมักกี้จัง (ไซโต้ มากิโกะ) ที่ได้เป็นกัปตัน ทั้งรุ่น 2 รุ่น 3 แล้วก็พวกเรารุ่น 4 ทุกคนต้องพยายามให้มากขึ้น พวกเรารู้ตัวดีว่าเรื่องที่เราเคยพึ่งพารุ่น 1 ตอนนี้ต้องเป็นพวกเราแล้วที่ทำ

- ช่วงที่สร้างทีมขึ้นมาตั้งแต่ศูนย์จนเป็น SKE48 ก็คือช่วงแรกจนถึงรุ่น 4 นี่แหละนะ

น่อน: ฉันว่านี่เป็นเส้นแบ่งเลยล่ะค่ะ แต่ว่าตำแหน่งระหว่างรุ่น 4 กับเด็กๆตั้งแต่รุ่น 5 ลงไป มันค่อนข้างจะละเอียดอ่อนค่ะ

- ผมได้อ่านบล็อกล่าสุดของคิโมโตะซัง พอรุ่นเดียวกันค่อยๆแยกออกไปทีละคน เพื่อที่จะยกระดับตัวตนของรุ่น 4 ที่ยังอยู่ ดูเหมือนว่าคุณมีบางอย่างทีต้องทำ แบบว่าเหมือนเป็นภารกิจอย่างนึงน่ะครับ

น่อน: ฉันคิดว่ารุ่น 4 เต็มไปด้วยเมมเบอร์ที่มีความเป็นตัวของตัวเอง บางทีคนอาจมองว่าไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ แต่ฉันไม่คิดอย่างนั้นค่ะ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรเราก็จะมีส่วนร่วมตลอด ไม่ว่ายังไง SKE48 จะขาดเมมเบอร์แบบนี้ไม่ได้ค่ะ แม้จะถูกคนวิพากษ์วิจารณ์มาไม่น้อย แต่พวกเราก็รู้สึกเสมอว่าพวกเราต้องทำไรซักอย่าง (ชิบาตะ) อายะจังก็เริ่มเอาดีด้านการพูด (อุเมะโมโตะ) มาโดกะถึงจะจบการศึกษาไปแล้วแต่ก็เป็นพวกสายกีฬา (ยามาชิตะ) ยูคาริก็ได้ที่หนึ่งใน RH มาสองปีซ้อน ยูคาริเป็นความภาคภูมิใจของรุ่น 4 จริงๆค่ะ

- เพราะว่าเป็นครั้งแรกสินะครับ (ต่อจาก Kareha no Station) คิโมโตะซังพอเริ่มพูดถึงรุ่นเดียวกันแล้ว ก็ดูกระตือรือร้นขึ้นมาเลย ไม่ว่าจะในบล็อกหรือบนเวที ก็จะดูสดใสขึ้นมาทันที

น่อน: เพราะว่ามีความสุขค่ะ ในตอนแรกพวกเราลำบากกันมาก ไม่ว่าจะทำอะไรก็ออกมาแย่ตลอด แล้วพวกเราก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง อยู่ในสภาพแบบนั้นนานมาก เพื่อนๆในตอนนั้น ตอนนี้ได้แบ่งกันไปอยู่คนละทีม บางส่วนก็จบการศึกษาไปแล้ว บางส่วนก็ยังแอคทีฟกันอยู่ จริงๆนะคะ แม้แต่ตัวเองยังไม่รู้เลยว่าทำไมถึงมีความสุขขนาดนี้



ความรู้สึกที่ต้อง “อยู่ต่อ”


- ความรู้สึกแบบนี้ เป็นเป็นแรงผลักดันของคิโมโตะซังในตอนนี้หรือเปล่าครับ?

น่อน: รุ่น 4 ตอนนี้น่ะ อยู่ในช่วงที่ “คิดจะจบการศึกษา” มากที่สุด ไม่ก็ “ไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อ” มากที่สุด ในบรรดานั้นมีทั้งคนที่เลือกจะจบการศึกษา มีทั้งคนที่ตัดสินใจจะเป็นเมมเบอร์ SKE48 ต่อไป อย่างมาโดกะน่ะ ตัดสินใจจบการศึกษาเพื่อทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ แบบนั้นพวกเรารุ่นเดียวกันก็ดีใจ เพราะงั้นคนที่ยังอยู่ต่อก็อยากจะพยายามในส่วนของเธอด้วย ไม่อยากให้ใครพูดว่ารุ่น 4 แย่ลงเพราะมีคนจบการศึกษาค่ะ

-  “ไม่ให้ใครมาดูถูกได้หรอก!” สินะครับ

น่อน: ก็ อย่างนั้นแหละค่ะ (หัวเราะ) พอโดนดูถูกก็จะยิ่งมีแรงฮึด จิตใจเข้มแข็งมากค่ะ เมมเบอร์หลายคนคิดเหมือนกันว่า”เดี๋ยวจะทำให้ดู!”

- คิโมโตะซังก็มีด้านนี้ด้วยนะ (หัวเราะ)

น่อน: รู้สึกว่าแข็งแกร่งใช่มั้ยคะ? ที่จริงแล้วฉันเป็นคนใจเสาะมากค่ะ (หัวเราะ) ปกติจะคิดอะไรต่างๆมากมาย แต่แค่ไม่ได้พูดออกมาเท่านั้น

- เรื่องอะไรเหรอครับ?

น่อน: ความคิดของตัวเองค่ะ ถ้าเอาไปเขียนลงบล็อก ทุกคนก็จะแบบว่า “คาน่อนร้อนแรงขึ้นมาอีกแล้ว!” แต่ว่าสำหรับตัวเอง ฉันมองว่าไอดอลเป็นคนที่น่ารักและเปล่งประกายมาโดยตลอด ไม่สามารถแสดงอารมณ์แรงๆแบบว่า “ไม่ยอมแพ้หรอก!” ออกมาได้ ดังนั้นฉันก็เลยมีลักษณะแบบนั้นไปเองมั้งคะ

- ถ้าอย่างนั้น ก็คล้ายกับวาตานาเบ้ มายุมากเลยนะครับ?

น่อน: นั่นสินะคะ พูดอีกอย่างก็คือ เป็นคนที่ไม่ให้อารมณ์มามีอิทธิพลค่ะ อยากจะเป็น “ไอดอล” ในอุดมคติของตัวเองเท่านั้น

- แต่ผมว่าในตัวของคิโมโตะซัง ที่จริงแล้วยังมีความเป็น “สายหลัก” อยู่นะครับ

น่อน: ขอบคุณค่ะ แต่ว่าถ้าเดินในสายหลักเท่านั้นก็จะถูกกลบได้ง่าย แม้ว่าการที่มีเมมเบอร์ในสายหลักนี้ซักคนจะสำคัญมาก แต่จะไปในทางนี้ตลอดก็ไม่ได้เหมือนกัน

- คิโมโตะซังเองก็ “นอกลู่นอกทาง” อยู่บ่อยๆเหมือนกัน (หัวเราะ)

น่อน: เดิมฉันเป็นพวกที่ชอบสร้างบรรยากาศในห้องแต่งตัวอยู่แล้วค่ะ (หัวเราะ) ชอบดูรายการตลกมากๆ อย่างพวก “Gakitsukai” (Downtown no Gaki no Tsukai ya Arahende!!) แล้วก็ “24-Jikan taikyu” ดูมาตั้งแต่ก่อนรายการจะดังอีกนะคะ สมัยก่อนรายการไม่มีมุกทะลึ่งเยอะขนาดนี้ ชอบมากเลยค่ะ

- เพราะพื้นฐานเป็นอย่างนี้ก็เลยเอนเตอร์เทนเก่งละมั้งครับ อย่างคิโมโตะซังใน “Magical radio” ก็ตลกมาก ถ้ามีรายการแบบนั้นอีกก็คงดีนะครับ

น่อน: จริงค่ะ อยากทำรายการนั้นอีกจัง


ไม่ใช่ “น้องสาวของทุกคน” แล้วนะ


- คิโมโตะซังน่ะ ฤดูใบไม้ผลิปีนี้ก็จะเป็นคนวัยทำงานแล้วใช่มั้ยครับ

น่อน: ใช่ค่ะ แย่แล้ว (หัวเราะ) พูดตามตรง ทีแรกฉันนึกว่าพอจบมัธยมแล้วก็จะไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วค่ะ

- SKE48 เหรอครับ?

น่อน: ตอนที่เข้ามาใหม่ๆคิดไว้อย่างนั้น แต่ว่าแป๊บเดียวเวลาก็ผ่านไป 6 ปีแล้ว รู้สึกว่าไวขนาดนี้เลยเหรอ?

- ถ้าเทียบตัวเองในตอนนั้นกับตอนนี้ มีอะไรเปลี่ยนไปบ้างมั้ยครับ?

น่อน: แน่นอนว่ามีอยู่แล้วล่ะค่ะ ทุกคนก็บอกว่าฉันเปลี่ยนไป แม้ว่าพื้นฐานของตัวเองยังเหมือนเดิม ความมุ่งมั่นแบบว่า “ยังไงก็จะทำให้ได้!” ไม่ได้เปลี่ยนไป แต่สภาพแวดล้อมก็ย่อมเปลี่ยนไปอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะคะ เดิมเคยรู้สึกว่าเป็นน้องสาวของทุกคน เป็นรุ่นน้อง แต่ตอนนี้ก็เริ่มกลายเป็นรุ่นพี่แล้วค่ะ...ก็ เครียดอยู่ไม่น้อยเลยค่ะ!

- อยู่ดีๆเป็นอะไรไปครับ? (หัวเราะ)

น่อน: อยากจะสนิทกับรุ่นน้องค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะเข้าหาพวกเขายังไงดี คิดหนักมากค่ะว่า “ถ้าใจดีกับพวกเขา จะเหมาะมั้ยนะ?” เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมาก แต่แล้วก็คิดได้ว่า ถ้าอยากจะคุยด้วยก็คุยสิ! ถ้าไม่อยากก็ไม่ต้อง!

- คิดมากเกินไปแล้ว (หัวเราะ)

น่อน: ทุกคนพูดว่าฉันเป็น “รุ่นน้อง” มาตลอด แฟนๆก็เหมือนกัน มองว่ารุ่นน้องน่ะเป็นคู่แข่งของฉันหมด ฉันก็เลยเครียดแล้วก็เอาแต่หลีกหนีมัน แต่ว่าตอนนี้ควรจะเป็นรุ่นพี่ได้แล้ว ก็เลยแบบ “ย้าก ช่างมันเถอะ!” (หัวเราะ) ดังนั้นช่วงนี้ก็เลยสนิทกับทุกคนมาก (โกโต้) ราระกับสุกาวาระ (มายะ) ได้มาอยู่ทีมเดียวกัน ก็คุยกันตลอดเลย

- เท่าที่ฟังดู การเปลี่ยนแปลงของคิโมโตะซังจากปีที่แล้วมาถึงปีนี้ เกี่ยวกับที่(มัตสึอิ) เรนะซังและ มิยาซาว่าซัง (ซาเอะ) ซังจบการศึกษามากๆเลยนะครับ

น่อน: จะว่าไปมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆค่ะ ใน “Request Hour” ของ AKB48 ปีนี้พอซ้อมเสร็จ (มัตสึอิ) จูรินะซังก็เรียกเมมเบอร์ไปกินข้าวด้วยกัน ตอนนั้นน่ะ ทุกคนก็คุยเรื่องว่า จากนี้ SKE48 จะทำยังไงต่อดี

- พอเห็นรูปในเน็ต ก็เป็นประเด็นในหมู่แฟนๆด้วยเหมือนกัน แล้วได้ข้อสรุปว่าไงบ้างครับ?

น่อน: ก็ไม่ชอบที่มันเป็นอย่างนี้ ต้องให้นาโกย่ารักวงเราให้มากขึ้นกว่านี้อีก นาโกย่าตอนนี้น่ะ มีวงที่กำลังทำกิจกรรมอยู่มากมายเลยใช่มั้ยล่ะคะ แน่นอนว่าเราก็พอรับรู้ได้ถึงพลังเหล่านั้น ดังนั้นเลยคิดว่าพวกเราจะต้องเป็นความภาคภูมิใจของนาโกย่าให้ได้ ถึงขั้นอยากไปเดินตามถนนแล้วประกาศด้วยตัวเองเลยว่า “พวกเรามีสเตจนะคะ มาดูกันเยอะๆนะคะ” อยากจะขอบคุณทุกคนที่สนับสนุน อยากจะพยายามให้มากขึ้นโดยไม่ลืมภูมิหลังของตัวเอง พอคุยกันถึงว่า “จะทำอะไรได้มั่งนะ?” ทุกคนก็แสดงความเห็นออกมาเยอะเลยค่ะ ถึงจะอยู่ในวิกฤตก็ยังร่วมแรงร่วมใจกันพยายามต่อไป นี่แหละ SKE48 ก็ตอนนี้น่ะเป็นเวลาที่ทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจกันมากที่สุด!

- คิโมโตะซัง ร้อนแรงจังเลยนะครับ!

น่อน: เมมเบอร์ทุกคนต่างก็ร้อนแรงแบบนี้เหมือนกันค่ะ พอร่วมแรงร่วมใจกันแล้วมันสุดยอดมากจริงๆ ในจุดนี้น่ะ พวกเราไม่มีทางแพ้วงอื่นแน่ แม้แต่ AKB48 ซังเองจะทำแบบนี้ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ฉันคิดว่าพวกเราต้องมีความภาคภูมิใจแบบนี้ไว้ค่ะ เมื่อพวกเรากับแฟนๆร่วมมือกัน จะต้องมีส่วนให้แฟนใหม่ๆเข้ามาเพิ่มขึ้น ดังนั้นก็เลยคิดว่าจะทำยังไงให้คนมาชอบเรามากขึ้น

- ก็คือจะบอกว่าให้ความร้อนแรงนี้ไปโอบล้อมพวกเขาให้เข้ามาสนับสนุนเพิ่มขึ้นสินะ

น่อน: ใช่ค่ะ จะว่าไป ตอนนี้ Nogizaka46 ก็กำลังมาแรงเหมือนกัน

- ตอนนี้พวกเขากำลังมาแรงสุดๆเลย สำหรับคิโมโตะซังผู้ชื่นชอบไอดอล Nogizaka46 เป็นยังไงบ้างครับ?

น่อน: พวกเขาน่ารักมากจริงๆค่ะ! หน้าตาดีชะมัดเลย!

- ฮ่าๆๆๆ ผมว่าคิโมโตะซังก็ประมาณนั้นเหมือนกันนะครับ จริงๆนะ

น่อน: ไม่เลยค่ะ...ว่ากันตามจริงแล้ว พวกเขากับ SKE48 ให้ความรู้สึกที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ว่าภาพที่ต้องสู้สุดแรงเกิดนั่นแหละค่ะภาพของ SKE

- นี่คงเป็นทั้งอาวุธแล้วก็เสน่ห์ของพวกคุณเลยล่ะ

น่อน: ตอนนี้น่ะ SKE48 ร้อนแรงเต็มที่แล้ว ขอแค่มีโอกาสที่จะจุดระเบิดก็พอ ในเวลาแบบนี้ ถ้าเราทำให้คนหันมามองได้ ฉันว่าไม่ว่ายังไง SKE48 ก็ไม่มีวันจบลงหรอกค่ะ


สร้างแนวทางใหม่ๆขึ้นมา


- ในขณะที่คิดถึง SKE48 คิโมโตะซังคิดยังไงกับแนวโน้มของตัวเองบ้างครับ?

น่อน: แม้ว่าจะอิงแต่ความคิดตัวเองไม่ได้ แต่ฉันก็คิดอยู่ว่าทางที่ตัวเองจะเดินไปคือทางไหนแน่ จะเป็นสายหลักหรือสายวาไรตี้ และแล้วฉันก็คิดว่าฉันจะกรุยทางใหม่ที่อยู่ระหว่างทั้งสองทางค่ะ ฉันชอบวาไรตี้ ถ้ามีโอกาสก็จะไม่ปล่อยไป แต่ก็มีแฟนๆที่ชอบฉันในด้านที่เป็นสายหลัก (ไอดอล) ซึ่งก็อยากรักษาเอาไว้เหมือนกัน ทำให้สับสนมากจริงๆ...ดังนั้นฉันคิโมโตะ คาน่อน อยากจะเป็นคนสร้างแนวทางใหม่ของตัวเองขึ้นมา

- มองเห็นชัดเจนแล้วสินะครับ

น่อน: ใช่ค่ะ ทั้งเป้าหมายที่ควรจะเป็นและที่ๆอยากตั้งเป้าไว้

- พวกเราจะตั้งหน้าตั้งตารอดู คิโมโตะซังที่วิ่งนำอยู่ในทางสายหลักไปสู่ตำแหน่งที่อยู่ใจกลางของ SKE48 ได้ใช่มั้ยครับ?

น่อน: นี่ก็ขึ้นอยู่กับตัวเองต่อจากนี้ค่ะ เมื่อเวลาที่ฉันจะได้ไปยืนอยู่ตรงกลางมาถึง ตอนนั้นฉันอยากทำให้ทุกคนคิดว่า “ที่แท้ SKE48 ก็มีอย่างนี้ด้วย” แน่นอนว่าก่อนอื่นจะต้องได้รับการยอมรับจากแฟนๆ แล้วก็อยากจะทำให้ความสนใจใน SKE48 เผยแพร่ออกไปมากขึ้น ดังนั้นนี่คือเป้าหมายสุดท้ายที่แท้จริงของฉันค่ะ

- ไฟที่ลุกโชนอยู่ในใจของคิโมโตะซัง ผมรับรู้ได้อย่างลึกซึ้งเลยจากการสัมภาษณ์วันนี้ สุดท้ายอยากทราบว่ารู้สึกยังไงกับงานเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในปีนี้ครับ?

น่อน: ตอนที่ฉันยังสับสนอยู่ว่า “SKE48 ยังต้องการฉันอยู่มั้ย” มาโดกะก็บอกฉันว่า “ยังไงคาน่อนก็เป็นคนที่ขาดไม่ได้นะ” เพราะเป็นคนที่คอยดูฉันมาตลอดถึงพูดประโยคนี้ออกมาได้ ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจพยายามต่อไป เป้าหมายคืออันเดอร์เกิร์ลค่ะ ฉันจะพุ่งไปข้างหน้า สู้ต่อไป

- จะรอฟังข่าวดีนะครับ ขอบคุณมากๆเลย

น่อน: ขอบคุณมากค่ะ เพื่อรุ่นเดียวกันและเพื่อ SKE48 ยังไงก็สู้ไม่ถอยค่ะ!


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

blogged by 91

[91][bsummary]

Translation

[Translation][bsummary]

Subtitle

[subtitle][bsummary]

Update

[SKEUpdate][bsummary]