วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2561

สัมภาษณ์พิเศษ สุดะ อาคาริ & โซวดะ ซารินะ X บัลเล่ต์ (Melos Web Magazine)

คอลัมน์ ไอดอลกับกีฬาและวัยเยาว์ ตอนที่ 8สัมภาษณ์พิเศษ SKE48 สุดะ อาคาริ & โซวดะ ซารินะ x บัลเล่ต์(ครึ่งแรก)


คอลัมน์ ไอดอลและกีฬาและวัยเยาว์ เป็นบทสัมภาษณ์ที่จะมาพูดคุยกับไอดอลผู้ซึ่งเคยมีประสบการณ์ในการเล่นกีฬาอย่างจริงจัง ทั้งเรื่องความทรงจำและเสน่ห์ของการแข่งกีฬา

ในตอนที่ 8 นี้ เราได้สัมภาษณ์พิเศษกับสุดะ อาคาริและโซวดะ ซารินะแห่ง SKE48 ซึ่งมีฐานอยู่ในนาโกย่า ที่จริงแล้วทั้ง 2 คน มีประสบการณ์ในการเต้นคลาสสิคบัลเล่ต์มาเหมือนกัน อีกทั้งยังเป็น "คามิไทโอ" ในงานจับมือและได้ก้าวขึ้นมาอยู่ในอันดับต้นๆของงานเลือกตั้งเซมบัตสึ AKB48 ด้วยความพยายามอย่างต่อเนื่อง เหมือนๆกันด้วย

สิ่งที่ได้เรียนรู้ในคลาสสิคบัลเล่ต์สามารถนำมาใช้กับการเป็นไอดอลได้อย่างไร ในครึ่งแรกนี้ เราได้พูดคุยถึงจุดเริ่มต้นและความทรงจำในช่วงเวลาที่ต้องผ่านการฝึกซ้อมอันเข้มงวด


วัยเยาว์ที่วนอยู่กับบัลเล่ต์เพราะความหลงใหลใน Toe shoes (รองเท้าบัลเล่ต์)



- โซวดะซัง ในบทสัมภาณ์เมื่อปี 2015 ได้พูดไว้ว่า "สุดะซังเป็นเหมือนอาจารย์" สินะครับ

แซลลี่: เป็นรุ่นพี่ที่นับถือที่สุดเลยค่ะ ตอนที่ฉันเข้า SKE48 ได้มาอยู่ทีมเดียวกับอาคาริซัง แต่ตั้งแต่ตอนนั้นเธอก็เป็นเซมบัตสึประจำของกรุ๊ปแล้ว ในงานเลือกตั้งเองก็ติดเซมบัตสึ สุดยอดมากเลยค่ะ พอได้เห็นเธอแบบนั้น ก็คิดว่า "ถ้าเราพยายามเหมือนอาคาริซัง เราอาจจะได้เป็นเซมบัตสึบ้างก็ได้" แล้วก็พยายามมาแบบนั้น

ดาสุ: ฉันเองที่มาถึงตรงนี้ได้เพราะมองหลังของรุ่นพี่ที่เก่งๆมาเหมือนกัน รุ่นน้องทุกคนเองก็พยายามกันอย่างสุดชีวิต เพราะงั้นฉันก็ต้องยึดไว้ให้มั่น

- ความพยายามของทั้งสองคนกลายเป็นแรงบวกจนผลิดอกออกผลสินะ รู้สึกได้เลยว่าที่มาของความแข็งแกร่งที่ทำให้พยายามมาอย่างต่อเนื่องได้ก็คือประสบการณ์จากคลาสสิคบัลเล่ต์ วันนี้เลยอยากทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนอื่น ไม่ทราบว่าอะไรเป็นตัวจุดประกายให้เริ่มเต้นคลาสสิคบัลเล่ต์ครับ? เริ่มจากสุดะซังก่อน

ดาสุ: ฉันน่ะ ตอนอายุ 5 ขวบ คุณยายแนะนำว่า "มันจะทำให้เราดูดีขึ้น" เลยเริ่มเข้าเรียนโรงเรียนบัลเล่ต์แห่งนึงที่เปิดสาขาอยู่ แต่แรกๆมันไม่สนุกเลยค่ะ ฝืนๆเรียนไป ถึงขั้นบางทีก็บ่นกับคุณพ่อคุณแม่ว่า "เสียค่าเรียนเปล่าๆน่า" (หัวเราะ)

- แต่ถึงอย่างนั้น ตอนอยู่ม.4 ก็ได้อันดับ 2 ในการแข่งระดับประเทศมาด้วย (ไม่มีคนได้อันดับ 1) ทำไมถึงตัดสินใจเต้นต่อล่ะครับ?

ดาสุ: ตอนอยู่ป.ได้มีการแสดงพร้อมกับห้องเรียนห้องอื่น ตอนนั้นฉันตกหลุมรักท่าทางการยืนอันงดงามของพี่สาวชั้นม.1ที่ได้เจอกันที่นั่นค่ะ แม้ฉันเองจะใส่ Toe Shoes อยู่แต่ก็คิดว่า "เท่ชะมัดเลย! อยากลองใส่คู่นั้นอ่ะ" แต่ว่า ชั้นเรียนของฉันถ้ายังไม่ป.4 ก็จะไม่ให้ใส่ Toe Shoes เพราะงั้นเลยพยายามต่อจนกว่าจะไปถึงเป้าหมายนั้น

- อย่างงี้นี่เอง

ดาสุ: ระหว่างนั้น ก็ได้ไปซ้อมที่ศูนย์ใหญ่ของโรงเรียนบัลเล่ต์กับเพื่อนๆด้วย แต่ว่าตามไม่ทันเลยสักนิด ตอนนั้นเองที่นิสัยไม่ชอบความพ่ายแพ้ของฉันมันเริ่มร้อนแรงขึ้น (หัวเราะ)

- และแล้วช่วงวัยเยาว์ก็วนอยู่กับบัลเล่ต์สินะ

ดาสุ: ใช่ค่ะ คิดถึงแต่เรื่องบัลเล่ต์จริงๆ เพราะอยากมีความมั่นใจเลยเรียนรู้จากเด็กคนอื่น ตั้งแต่ขึ้นชั้นมัธยมก็ไปเรียนทั้งคลาสเด็กประถม เรียนทั้งคลาสตัวเอง แล้วก็คลาสอื่นๆด้วย เอาแต่เต้นตลอดเลย เรียนมาเรื่อยๆจนมาเข้า SKE48 รวมแล้ว 13 ปีได้ค่ะ

- สุดยอดเลยนะครับ ว่าแต่ที่สุดะซังจดบันทึกเรื่องแฟนๆที่มางานจับมืออยู่เสมอหรือที่ร่ำลือกันว่าเป็น "ดาสุโน๊ต" นั้น สมัยที่ฝึกซ้อมบัลเล่ต์ก็มีจดบันทึกเหมือนกันมั้ยครับ?

ดาสุ: เรื่องนั้น คุณครูเป็นคนแนะนำค่ะว่า "จดบันทึกการซ้อมสิ" แต่เพราะเป็นพวกทำอะไรได้ไม่นานก็เลยไม่ได้จดต่อ จดไปได้แต่ 3 หน้าโน๊ตนั่นก็โดนทิ้งไว้ที่บ้านแล้ว (หัวเราะ)


ซ้อม 5 วันต่อสัปดาห์เพื่อจะเข้าคณะละครเวทีทาคาระซึกะ



- ต่อไป คราวนี้โซวดะซังช่วยบอกจุดประกายที่ทำให้มาเริ่มเต้นบัลเล่ต์หน่อยครับ

แซลลี่: ฉันน่ะ ตอนเด็กร่ายกายไม่แข็งแรงน่ะค่ะต้องเข้าออกโรงพยาบาลและผ่าตัดอยู่หลายครั้ง ตอนนั้นเองคุณหมอก็แนะนำมาว่า "ออกกำลังกายสิอะไรก็ได้" แต่เพราะยุ่งอยู่กับการเรียน ก็เลยซ้อมแค่ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ตอนนั้นไม่ได้จริงจังอะไรเท่าไหร่ ตอนม. 3 ก็เคยเลิกไปครั้งนึง เพราะต้องสอบเข้าม.ปลายมันไม่ง่ายที่จะทำทั้งสองอย่างไปพร้อมกัน ช่วงเข้าม.ปลายคนก็เลิกเรียนกันไปเยอะค่ะ

- แล้วทำไมถึงไม่เลิกไปเลยล่ะครับ?

แซลลี่: ตั้งแต่เข้าม.ปลายก็ติดละครเวทีทาคาระซึกะค่ะ ตอนแรกๆแค่ได้ดูก็พอใจแล้ว แต่ความรู้สึกที่อยากจะไปอยู่ฝั่งคนแสดงมันมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็อยากจะเข้าโรงเรียนการแสดงทาคาระซึกะ แต่ว่าบัลเล่ต์เป็นวิชาที่จำเป็นในการสอบเข้า ก็เลยต้องซ้อมแม้จะไม่ชอบก็ตาม หลังจากนั้นก็ย้ายมาเรียนคลาสบัลเล่ต์เพื่อการสอบและเริ่มซ้อมหนัก 5 วันต่อสัปดาห์

- แล้วในการสอบคุณไปได้ถึงรอบไหนครับ?

แซลลี่: ได้เข้าไปถึงรอบสุดท้ายค่ะ ทุกๆปีจะมีออกข่าวตอนประกาศรายชื่อคนที่สอบผ่านแล้วดีใจกันใช่มั้ยล่ะคะ ฉันก็อยู่ที่นั่นด้วย แต่ว่าก็ไปถึงแค่ตรงนั้น ฉันไม่ได้รับเลือกค่ะ

ดาสุ: ถึงอย่างนั้นแต่เข้าไปถึงรอบสุดท้ายก็สุดยอดแล้วนะ!

แซลลี่: แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าที่ไม่ผ่านตอนนั้นคงเป็นโชคชะตาน่ะค่ะ

ดาสุ: ใช่แล้ว ถ้าผ่านก็คงไม่ได้มาเข้า SKE48 สิเนอะ


การซ้อมบัลเล่ต์นั้นหนักกว่าที่เราเห็น



- แล้วต้องซ้อมอะไรยังไงกันบ้างครับ?

ดาสุ: การซ้อมหลักๆมี 2 อย่างค่ะ อย่างแรกคือการซ้อมกับบาร์เพื่อเช็คพวกท่าเบสิค ส่วนอีกอย่างคือซ้อมเซนเตอร์เป็นการซ้อมจริงที่ตรงกลางของห้อง

- ฟังดูง่ายนะครับ

แซลลี่: การจะเต้นให้สวย ท่าพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญค่ะ เพราะงั้นเลยต้องซ้อมแบบเดิมไปมาหลายๆรอบเพื่อเช็คท่าแต่ละท่า

ดาสุ: แต่ว่า เวลาบางทีที่คุณครูหยุดแล้วมีครูมาสอนแทนน่ะมันก็จะป่วนๆนิดๆใช่มั้ย?

แซลลี่: เข้าใจเลยล่ะ! ครูแต่ละคนก็จะเต้นต่างกันใช่มั้ยล่ะ แล้วถ้าเต้นพร้อมกับเปียโนสดๆจะเต้นด้วยอารมณ์อีกแบบเลยก็ได้

- บัลเล่ต์มักคู่กับความเจ็บปวด อย่างการลงน้ำหนักที่ปลายเท้า เรื่องพวกนี้จะค่อยๆชินไปเองเหรอครับ?

แซลลี่: เจ็บตลอดแหละค่ะ ขาพลิกขาแพลงก็เป็นเรื่องปกติ แต่เพราะมันเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วเราก็จะค่อยๆเลิกใส่ใจกับมันค่ะ

ดาสุ: ร่างกายต้องรับภาระหนักเป็นเรื่องปกติธรรมดาค่ะ การจะทำอะไรบางอย่างให้ดี ฉันว่ามันก็ต้องมีเจ็บปวดบ้าง งานไอดอลในตอนนี้แม้จะมีเรื่องยากลำบากบ้างก็จะรู้สึกว่า "เอาน่า ก็งี้แหละ"

- ได้มีเล่นเทรนนิ่งกล้ามเนื้อบ้างมั้ยครับ?

ดาสุ: สำหรับฉัน จำไม่ได้ว่ามีนะคะ แต่รู้ตัวอีกทีก็เริ่มมีกล้ามแล้ว ตอนนั้นเปอร์เซ็นไขมันในร่างกายนี่เลขตัวเดียวเองค่ะ รู้สึกจะ 7% มั้ง?

- สุดะซังในรายการสารคดีก็โชว์รูปตอนผอมด้วยนี่ครับ

ดาสุ: แต่ว่าตอนนั้นไม่ได้รู้สึกเลยค่ะว่าตัวเองผอม ข้าวก็กินเยอะ แกะมันฝรั่งทอดกินทุกวัน (หัวเราะ) แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อ้วน แล้วก็จะถูกถามเป็นปกติว่า "ทำไมถึงผอมอย่างนี้ล่ะ?" พอเลิกเต้นบัลเล่ต์แล้วก็อ้วนขึ้นทันทีเลย ตกใจมากเลยค่ะ

แซลลี่: ขนาด SKE48 เต้นเยอะมากๆก็ยังไม่ผอมเลยเนอะ ฉันเองตอนที่เต้นบัลเล่ต์ก็ผอมกว่าตอนนี้ตั้ง 8 กิโลแน่ะ

- ท่าเต้นบัลเล่ต์ใช้พลังงานเยอะสินะครับ

ดาสุ: ฉันว่าคงเพราะแม้แค่จะรักษาตำแหน่งยืนให้อยู่ แรงขาแรงแขนก็ยังผ่อนไม่ได้เลย กล้ามเนื้อข้างในก็ต้องใช้ด้วย เป็นสภาพแบบว่ากล้ามเนื้อหลังก็ต้องตรงน่ะค่ะ

- แน่นอนว่าท่าทางของทั้งสองคนดูดีมากเลยครับ

ดาสุ: นั่นสินะ เรื่องท่าทางมักจะได้รับคำชมบ่อยๆ คงเป็นเพราะได้เรียนบัลเล่ต์ล่ะมั้งคะ

แซลลี่: ตอนเป็นนักเรียนแม้แต่ครูใหญ่ยังชมเลยค่ะ

ดาสุ: อ๊ะ ฉันก็เหมือนกัน! ฉันถูกชมว่าโค้งทักทายได้สวยล่ะ (หัวเราะ)



---------------------------------------------------


คอลัมน์ ไอดอลและกีฬาและวัยเยาว์ ตอนที่ 8สัมภาษณ์พิเศษ SKE48 สุดะ อาคาริ & โซวดะ ซารินะ x บัลเล่ต์(ครึ่งหลัง)





การลองผิดลองถูกในการแข่งขันและงานแสดงโชว์



- คนที่จะได้ไปแข่ง เลือกจากคนที่ทำได้ดีในตอนซ้อมแต่ละวันหรือเปล่าครับ?

ดาสุ: โดยทั่วไปก็ใช่ค่ะ โรงเรียนบัลเล่ต์ของฉันน่ะคุณครูจะจัดอันดับในตอนซ้อมเซนเตอร์ จะเห็นความสามารถที่แท้จริงของแต่ละคนได้ง่ายมาก ในทุกๆคลาสคนที่จะมายืนตำแหน่งเด่นก็จะเปลี่ยนไป

แซลลี่: เอ๊ะ น่ากลัวอ่ะ...!

ดาสุ: ฉันน่ะตามหลังคนอื่นๆอยู่ แรกสุดก็เลยโดนจับไปอยู่ข้างหลัง เพราะงั้นฉันเลยซ้อมเอาเป็นเอาตายคิดว่าจะต้องเป็นเซนเตอร์ให้ได้ เวลามองเด็กที่เก่งที่สุดก็จะมองหาว่ามีตรงไหนที่ไม่เหมือนกับตัวเองแล้วก็ศึกษา แบบว่า "ไม่เหมือนกันตรงไหนนะ?" "จะทำยังไงให้ออกมาดูสวยงามกว่าเด็กคนนั้นได้นะ?" ดังนั้นตอนที่ได้รับเลือกให้ยืนตำแหน่งเซนเตอร์จริงๆก็เลยดีใจมาก ก็ประมาณ 2-3 ปีค่ะ หลังจากที่เริ่มพยายามมา

แซลลี่: ที่ๆฉันเรียน ในการซ้อมเซนเตอร์ไม่ได้มีกำหนดตำแหน่งยืนเป็นพิเศษค่ะ แต่คุณครูบอกว่า "มายืนตรงกลางข้างหน้าสิ" ตอนที่เพิ่งเข้า SKE48 มาก็เหมือนกัน คุณครูสอนเต้นก็พูดแบบเดียวกัน เพราะงั้นเลยคิดว่าทั้งบัลเล่ต์และไอดอล การแสดงอารมณ์และท่าทางออกมาให้เห็นเป็นสิ่งสำคัญค่ะ

- คลาสสิคบัลเล่ต์น่ะ นอกจากการแข่งขันแล้วก็มีการแสดงโชว์ด้วยใช่มั้ยครับ?

แซลลี่: คลาสที่ฉันเรียนจะจัดปีละครั้งในห้องเรียนค่ะ ถึงจะไม่ได้จัดใหญ่โตแต่ว่าเด็กเก่งๆก็จะได้โซโล่ เพราะงั้นเลยพยายามซ้อมโดยตั้งเป้าที่ตรงนั้น ตอนม. 2 ได้รับบทเป็นกามเทพในเรื่อง "Don quixote" ดีใจมากๆเลยค่ะ

ดาสุ: ส่วนโรงเรียนที่ฉันเรียน แต่ละสาขาจะมาจัดงานแสดงร่วมกันค่ะ แล้วก็ยังได้แสดงร่วมกับพวกผู้ใหญ่พร้อมวงออเคสตร้าสดๆด้วยค่ะ พอคนที่อยากไปออกส่งชื่อไป ก็จะเขียนประกาศว่าใครได้รับบทไหนบนผนัง มีครั้งนึงตอนม.1 ฉันได้รับบทสวอนฮิลด์ในเรื่อง "Coppelia" ตอนนั้นรู้สึกเหมือนได้อยู่จุดสูงสุดเลยค่ะ (หัวเราะ)




- เมื่อได้รับบทดีๆคุณพ่อคุณแม่ก็ดีใจสินะครับ

ดาสุ: ดีใจมากๆเลยล่ะค่ะ! ทั้งญาติๆทั้งเพื่อนๆก็มาดูกันเยอะเลย

แซลลี่: ทุกคนน่ะจะเอาดอกไม้มาให้ด้วย แล้วเราก็ให้เขาด้วยเหมือนกัน

ดาสุ: แม้จะดีใจมากที่ได้แสดง แต่มีครั้งนึงที่ฉันพูดจาแย่ๆกับคุณแม่ ตอนนั้นเพื่อไม่ให้การแสดงจริงออกมาแย่ ฉันถือเคล็ดหลายๆอย่างค่ะ เช่น ก่อนจะออกไปแสดงจะลูบตุ๊กตาช้างก่อน แต่ก็มีเต้นพลาดไปครั้งนึง ฉันก็ดันไปโทษว่า "เพราะแม่มาดูก็เลยทำพลาด" แล้วก็ไปพูดจาแย่ๆใส่คุณแม่ว่า "วันหลังไม่ต้องมาดูเลยนะ!" เพราะทำตัวแบบนั้น ทำให้ไม่ได้คุยกันไปพักนึงเลยค่ะ

แซลลี่: เรื่องนั้น คุณแม่ฉันจะเป็นประเภทเลือกคำพูดได้ดีค่ะ เคยมีบอกว่า "ถึงซารินะจะกระโดดได้สูงเด่นกว่าคนอื่น แต่ดูไม่เข้ากับคนรอบๆเลยอ่ะ ได้เต้นเดี่ยวๆก็คงดีเนอะ" (หัวเราะ) ตอนนั้นน่ะ คุณครูก็พูดเหมือนกันว่า "เหมือนเข้าไปอยู่ในอีกโลก เต้นอยู่คนเดียว เข้าไปอยู่ในโลกของตัวเองเหมือน 'หญิงสาวที่อยู่ในฝัน' เลยนะ" ที่เป็นคนแปลกๆเนี่ยแม้แต่ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่ค่ะ (หัวเราะ)

ดาสุ: ได้ยินแบบนั้นแล้วฉันก็วางใจ ซารินะยังเป็นเหมือนเดิมสินะ (หัวเราะ) แต่ว่า SKE48 น่ะก็มีส่วนที่ถูกสร้างจากเรื่องแบบนี้ เพราะยิ่งแต่ละคนพยายามมากเท่าไหร่ เมมเบอร์คนอื่นๆก็จะพยายามมากขึ้นเท่านั้น

แซลลี่: การที่แต่ละคนโดดเด่นในเรื่องต่างๆกันเป็นสีสันของ SKE48 เนอะ!

ดาสุ: ใช่แล้ว แม้การมานั่งจับผิดท่าเต้นกันเยอะเกินไปจะไม่ดีก็เถอะ (หัวเราะ)


ได้เรียนรู้การเอาตัวรอดในสังคมแห่งการแข่งขันผ่านการเต้นบัลเล่ต์



- ทั้ง 2 คนเอาชนะการแข่งขันที่ดุเดือดภายในกรุ๊ปมาได้ คิดว่าอาจเป็นเพราะประสบการณ์ที่ได้รับจากบัลเล่ต์หรือเปล่าครับ?

ดาสุ: นั่นสินะคะ ไม่นานมานี้ในซิงเกิ้ลจบการศึกษาของวาตานาเบ้ มายุซัง "11 gatsu no anklet" ก็ได้ไปถ่าย MV ด้วย และเพราะ "เต้นบัลเล่ต์ได้" ก็เลยได้ถ่ายซีนโซโล่ คนที่ได้ซีนโซโล่นอกจากมายุซังก็มีแค่ฉันคนเดียว เพราะแบบนั้นก็มีบ่อยเหมือนกันที่รู้สึกว่า "ดีจังเลยนะที่ได้เรียนบัลเล่ต์" น่ะค่ะ

- อย่างงี้นี่เอง

ดาสุ: อีกอย่าง ตอนที่เรียนบัลเล่ต์ก็เคยซ้อมเพื่อจะไล่ตามคนอื่นให้ทันมาแล้ว ดังนั้นเลยมั่นใจว่าฉันซ้อมด้วยตัวเองมามากกว่าใคร โดยเฉพาะตอนแรกเริ่มที่ไม่มีประสบการณ์ในการเต้นเลย ฉันก็ซ้อมเอาเป็นเอาตายเพื่อให้เห็นผลออกมาให้ได้

- โซวดะซังเองก็ไต่ขึ้นมาจากการเป็นดราฟต์ที่ถูกเลือกในรอบที่ 5 คงจะมีอะไรในใจใช่มั้ยครับ?

แซลลี่: "อย่าทำตามคนอื่น" เรื่องนี้เป็นสิ่งที่คุณครูสอนบัลเล่ต์สอนมาค่ะ แม้แต่ตอนนี้ก็ยังเตือนตัวเองอยู่ตลอด อย่างเช่น การลองแต่งคอสเพลย์ในงานจับมือ อะไรอย่างนี้

ดาสุ: อ๊ะ ฉันจำได้! พวกชุดกี่เพ้า ชุดนางพยาบาลสินะ

แซลลี่: ตอนนั้นยังไม่มีเมมเบอร์คนไหนเคยทำเลย ฉันก็ปรับปรุงอะไรหลายๆอย่างตามเสียงตอบรับจากแฟนๆ

- ไม่ใช่แค่ให้ความพร้อมเท่านั้น แต่ที่จริงยังสามารถใช้เทคนิคและร่างกายแบบบัลเล่ต์มาโชว์ได้ด้วย อย่างเช่น สุดะซังที่ดังจากการแข่งขันตัวอ่อนในตอน "การต่อสู้ชิงตำแหน่งราชินีตัวอ่อนอันดับ 1" ของรายการ Kanjani no shiwake (ช่อง TVasahi)

ดาสุ: ใช่ค่ะ ถึงจะผ่านมาเกิน 3 ปีแล้ว ตอนนี้ก็ยังมีคนพูดว่า "อ๊ะ คนตัวอ่อนนี่" อยู่เลย

แซลลี่: อันนี้ฉันก็ได้ดูอยู่ที่บ้านด้วยค่ะ ถึงตอนนั้นจะยังไม่ได้เข้า SKE48 แต่ก็จำได้เพราะมันอิมแพ็คมากๆเลย

- นอกจากนี้ ในเพลง "Kodoku na Ballerina" ของ SKE48 ก็มีพาร์ทที่ต้องเต้นเดี่ยวๆในชุดบัลเล่ต์ด้วย ท่อนนั้น ถ้าเป็นคนที่ไม่มีประสบการณ์คงจะยากนะครับ

ดาสุ: อันที่จริง "Kodoku na Ballerina" น่ะ เกิดขึ้นเพราะเผอิญว่าเมมเบอร์ที่ได้รับบทในเพลงนี้เคยเรียนบัลเล่ต์ค่ะ เพราะงั้นฉันเลยพลอยได้รับโอกาสที่จะโชว์ไปด้วย เป็นเพลงที่น่าจดจำมาก ด้วยความที่มันมีความทรงจำแบบนั้น แน่นอนว่าคนที่ไม่มีประสบการณ์มาเล่นก็อาจจะดูอึดอัดก็ได้นะ

แซลลี่: ไม่ว่าจะจำท่าได้มากแค่ไหนแต่ท่าทางของคนที่มีประสบการณ์กับไม่มีก็จะต่างกันโดยสิ้นเชิง ที่จริงแล้วฉันน่ะ พอได้เข้า SKE48 ปุ๊บก็ไปคุยกับคุณครูสอนเต้นเลยว่า "ฉันอยากเล่นตำแหน่ง Ballerina ค่ะเพราะเคยเต้นบัลเล่ต์มาก่อน" แล้วก็เลยได้รับโอกาสให้แสดงในสเตจที่เธียเตอร์ ผลคือมันทำให้แฟนจำฉันได้ว่า "อ๊ะ เด็กที่เป็น Ballerina นี่นา"

ดาสุ: aggressive ตั้งแต่เริ่มเลยสินะ

- พูดถึง "Kodoku na Ballerina" การหมุนตัวต่อเนื่อง 100 เมตรบนทางเดินแคบๆในคอนเสิร์ตของสุดะซังก็เป็นที่เลื่องลือมาก


ดาสุ: ทางตรงนั้นรู้สึกจะสูงประมาณ 3 เมตรค่ะ แล้วทางมันก็แคบมาก ฉันกลัวมากเลย หลังซ้อมเสร็จก็ร้องไห้ใหญ่เลยล่ะ

- แฟนๆพูดถึงกันมาก แต่เบื้องหลังเป็นแบบนี้เองสินะครับ

แซลลี่: ฉันอยู่ที่ชั้น 2 ของเวที ก็คิดอยู่เหมือนกันว่า "สุดะซัง ดีจัง..." (หัวเราะ) แต่ฉันคิดว่าถ้าตัวเองต้องทำคงจะกลัวมากๆเหมือนกันค่ะ


ไม่ว่าจะอย่างไร ก็อยากจะเต้นบัลเล่ต์ต่อไป



- คำถามสุดท้าย ต่อจากนี้ยังอยากจะเต้นบัลเล่ต์ต่อไปมั้ยครับ?

ดาสุ: อยากเต้นต่อไปเพื่อรักษารูปร่างค่ะ ปีที่แล้วได้ซ้อมหลังจากไม่ได้ซ้อมมานาน มันสนุกมากเลยล่ะ แต่เปลี่ยนชุดลำบากชะมัด (หัวเราะ) แล้วก็ ฉันไม่ค่อยชอบตัวเองตอนใส่ชุด leotard (ชุดรัดรูปชิ้นเดียวทั้งตัว) เท่าไหร่ เพราะงั้นตอนนี้ก็ซ้อมบาร์กับกำแพงที่บ้านอยู่ค่ะ

แซลลี่: ก่อนหน้านี้ฉันได้ไปเข้าคลาสบัลเล่ต์และแจ๊สแดนซ์มาค่ะ เดิมทีตัวฉันก็แข็งอยู่แล้ว แล้วนี่ยังแข็งกว่าเดิมอีก ลำบากมากเลยล่ะ รู้สึกเหมือนร่างกายมันหนักขึ้นๆ (หัวเราะ)

ดาสุ: บัลเล่ต์น่ะ ว่ากันว่าถ้าหยุดไป 1 วันต้องใช้เวลารื้อฟื้นถึง 3 วันนะ

แซลลี่: นี่ก็ไม่ได้เล่นมาหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลากี่ปีถึงจะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้...(หัวเราะ) แต่ว่า ไม่ว่าจะยังไง ก็อยากจะเต้นบัลเล่ต์ต่อไปค่ะ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

blogged by 91

[91][bsummary]

Translation

[Translation][bsummary]

Subtitle

[subtitle][bsummary]

Update

[SKEUpdate][bsummary]