วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

(91)[100%SKE48 Vol.2] แปลบทสัมภาษณ์จูรินะ x Oriental Radio



SKE48 เอ๋ย จูรินะเอ๋ย จงไขว่คว้าความรุ่งเรืองนั้นมา!
แมตช์พิเศษ 90 นาทีตัดสินแพ้ชนะในรอบเดียว
GET THE GLORY

ในที่สุด 100%SKE48 vol.02 ก็มาถึงไคลแม็กซ์
ด้วยความหาญกล้าที่ซ่อนอยู่ในใจ ความรู้สึกที่มีต่อคู่แข่ง หวังว่าการเปลี่ยนมันออกมาเป็นคำพูดในคราวนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนให้ก้าวไปข้างหน้าได้ เพียงแต่ สิ่งที่เราหวังมากกว่าอื่นใดก็คือจูรินะที่ออกตัวนำไปก่อน ผู้ที่รออยู่ที่บันไดอีกฝั่งคือ
Oriental Radio บัดนี้ เสียงระฆังได้ดังขึ้นแล้ว!

คราวนี้คนรับหน้าที่ทิ้งท้ายในหนังสือเล่มนี้คือ มัตสึอิ จูรินะ จูรินะนั้นได้ขึ้นปกในคราวที่แล้ว เมื่อในคราวนี้ปกเป็นคิตากาว่า เรียวฮะ กองบก. จึงตัดสินใจว่าให้จูรินะมารับหน้าที่ปิดท้ายน่าจะเหมาะสมที่สุด
แต่พวกเราคิดว่า ถ้าลงเรื่องจูรินะโดยให้มาพูดถึงสถานการณ์ของ SKE48 ตอนนี้แค่หน้าเดียวก็จะยังไงๆอยู่ เราอยากให้จูรินะเป็นคนที่ได้ติดต่อกับโลกภายนอกอยู่เสมอ จะเป็นอย่างนั้นได้มั้ยนะ
แล้วจะให้สัมภาษณ์ร่วมกับใครดี ผลที่ออกมาหลังจากประชุมครั้งแล้วครั้งเล่าคือ ถ้าเป็นคนที่มีความเกี่ยวข้องกับ SKE48 แล้วก็เป็นรุ่นพี่ในชีวิตจริงด้วยก็คงดี งั้นก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก Oriental Radio ทั้ง 2 คน
2 คนที่เคยสัมผัสทั้งสวรรค์และนรกมาแล้ว ปีนี้เพลง “PERFECT HUMAN” กลับมาฮิตอีกครั้ง เพราะถ้าเป็นสองคนนี้จะต้องมีเรื่องที่อยากบอกกับจูรินะเป็นแน่ จูรินะจะรู้สึกอย่างไรกับคำพูดเหล่านี้นะ? บทสนทนาที่อยู่ดีๆก็ร้อนแรงขึ้นมาได้เริ่มต้นแล้ว


การพบเจอของทั้ง 3 คน


- พูดถึงความเกี่ยวข้องระหว่าง Oriental Radio ซังกับจูรินะซัง ก็จะนึกถึง “RADIRA! SUNDAY” (รายการวิทยุ) แล้วยังมีอย่างอื่นอีกมั้ยครับ?

นากาตะ: ก็บังเอิญเจอกันบ่อยเนอะ

จูรินะ: นั่นสิคะ

ฟูจิโมริ: ครั้งแรกคือเมื่อไหร่น้า...จำได้ว่าเคยไปเล่นโบว์ลิ่งมั้ง

จูรินะ: ใช่ค่ะ! คิดถึงชะมัด! ในรายการ “Age poyo (โบว์ลิ่ง48)” ไง! (ช่อง TV Aichi)

นากาตะ: ปี 2011 สินะ ที่พวกเราได้ไปร่วมในรายการพิเศษ 3 ตอน นั่นเป็นรายการของพวกเรากับSKE48 แล้วก็ยังได้ไปออก “Konohen!! Traveller” ด้วยกันด้วย (ช่อง TV Tokyo)

จูรินะ: อ่า! จริงด้วย!

ฟูจิโมริ: ตอนที่ไปเซนไดกับมัตสึอิ เรนะจังไง (เดือน 7 ปี 2011)! ได้ไปเกมเซนเตอร์ด้วย

นากาตะ: ตอนนั้นอายุเท่าไหร่นะ?

จูรินะ: ยังอยู่ม.ต้นอยู่เลยค่ะ

นากาตะ: จำได้ตอนนั้นได้ยินว่าจูรินะจังของ SKE48 เนี่ยโดดเด่นมากแถมยังอายุน้อยมากด้วย ฉันตกใจมากเลย คิดว่าเธอคงลำบากมาก หลังจากนั้นก็มีเรื่องล้มป่วยด้วย ใช่มั้ย

จูรินะ: ใช่แล้วค่ะ (ปี 2012)

นากาตะ: พอเห็นข่าวนั้น ก็คิดว่ายังเด็กอยู่แท้ๆแต่ต้องทำงานเยอะขนาดนั้น มันเลยเป็นแบบนี้ไง

จูรินะ: ใจดีจัง เหมือนคุณพ่อเลย (หัวเราะ)

นากาตะ: นั่นเพราะ ตอนที่พวกเราเริ่มเดบิวต์แล้วจู่ๆก็ดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แม้ทุกคนจะจับตามอง แต่หลังจากนั้นแป๊บเดียวก็ร่วง ก็เลยเข้าใจความรู้สึกนั้น แต่ว่ากว่าพวกเราจะได้คุยกันจริงๆก็คงตอนที่เริ่มจัดรายการ “RADIRA!” นั่นแหละ (เดือน 4 ปี 2015)

ฟูจิโมริ: เป็นรายการประจำที่ SKE48 กับโนกิซากะ46 สลับกันมาออก

นากาตะ: แม้จะได้เจอจูรินะจังอีกครั้ง แต่ไม่เหมือนกับภาพตอนที่เจอกันเมื่อหลายปีก่อนเลย พอได้ฟังจากเด็ก SKE48 คนอื่นแล้ว ต้องบอกว่าจูรินะจังให้ความรู้สึกเป็นลูกพี่แล้วล่ะมั้ง

จูรินะ: ฮ่าๆๆๆ

นากาตะ: เข้าใจว่าเธออยู่ในตำแหน่งแบบนั้นล่ะ เรนะจังจบการศึกษาก็ตัดสินใจกลับมาอยู่ SKE48 เต็มตัว...รู้สึกเหมือนว่าพวกเรามองดูเรื่องทั้งหมดนี่อยู่ข้างๆโดยไม่รู้ตัวเลย

ฟูจิโมริ: ฉันไม่เคยข้องเกี่ยวกับวัฒนธรรมไอดอลเลยล่ะ แต่เพราะอัทจัง (นากาตะ) รู้ ฉันก็เลยรู้ไปด้วย อย่างเรื่อง WMatsui เนี่ย หลายปีก่อนฉันไม่เคยรู้เรื่องเลยนะ จะว่าไปก่อนหน้านี้ก็เป็นผู้ชายไม่เอาไหนที่มาแสดงร่วมกับ AKB48 ด้วย ฉันก็เล่นผสมโรงไป...

จูรินะ: รายการ “Show Battle” (NTV ปี 2010) สินะคะ!

ฟูจิโมริ: ใช่ เพราะได้เข้าร่วมตรงนั้น เลยเริ่มรู้จักจูรินะจัง ตอนนั้นมีเมมเบอร์ที่ตอนนี้จบการศึกษาไปแล้วเต็มเลย พอรู้ว่าจะต้องแสดงกับพวกไม่เอาไหนก็แบบอุทานกันออกมา “เอ๋?” ในบรรดานั้น มีจูรินะจังคนเดียวที่เข้ามาทักทายบนเวที

จูรินะ: งั้นเหรอคะ?

ฟูจิโมริ: แบบว่า “เอาล่ะ ทุกคนมาตั้งแถวเร็ว ฝากตัวด้วยนะคะ!!” กับแค่คนไม่เอาไหนที่มาเป็นตัวประกอบยังทักทายจริงจังขนาดนี้เลยเหรอ? ฉันคิด ทั้งๆที่ในเซมบัตสึ AKB48 ยังเด็กมากขนาดนั้นแท้ๆ ช่างเป็นเด็กที่พึ่งพาได้จริงๆ

จูรินะ: เป็นความประทับใจที่ดีก็ดีแล้วค่ะ (หัวเราะ)

ฟูจิโมริ: แม้ฉันจะเป็นอย่างนั้น แต่พอได้มาจัด “RADIRA!” ก็ชอบSKE48มากๆเลยล่ะ!

จูรินะ: ดีจัง!



ความเป็นไปได้ของไอดอล



- แล้วจูรินะซังมีความประทับใจ (ต่อทั้ง 2 คน) ยังไงบ้าง?

จูรินะ: ได้ดูทางทีวีก็คิดว่าทั้งสองคนเนี่ยเป็นประเภทตรงข้ามกันหรือเปล่านะ ฟูจิโมริซังมีคาแรคเตอร์ไม่เอาไหน นากาตะซังกลับมีภาพที่จริงจัง เพราะงั้นเลยคิดว่าทั้งสองคนคงไม่ถูกกันแน่ๆ

ฟูจิโมริ: อ๋อ คิดอย่างนี้เองสินะ (หัวเราะ)

จูรินะ: แต่ว่า พอเข้าไปในสตูดิโอกลับรู้สึกว่าทั้งสองคนคุยกันถูกคอมาก รู้สึกแปลกใจค่ะ!

ฟูจิโมริ: แปลกใจเรื่องนี้เหรอ (หัวเราะ)

จูรินะ: แล้วก็ แม้ฉันจะรู้ว่านากาตะซังคิดถึงเรื่อง SKE48 ไม่น้อย แต่ฟูจิโมริซังเองก็คิดอะไรหลายอย่างให้พวกเราเหมือนกัน พอได้ไปออกรายการวิทยุแล้วก็คิดแบบนี้แหละค่ะ

ฟูจิโมริ: ถ้าคุยเรื่องที่จริงจังหน่อยล่ะก็ ฉันได้คะแนนบวกเยอะเลยนะ (หัวเราะ)

นากาตะ: แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะประหลาดใจกับเรื่องที่พวกเราสนิทกัน

จูรินะ: ยิ่งอยู่ด้วยกันนานๆก็มักจะมีเรื่องกระทบกระทั่งกันไม่ใช่เหรอคะ?

นากาตะ: นั่นสินะ

จูรินะ: เมมเบอร์ก็เหมือนกัน ถ้าขายเป็นแพ็คคู่ล่ะก็ มักจะมีเรื่องแบบนี้แหละ

ฟูจิโมริ: หมายความว่า กับเรนะจังเหรอ?

จูรินะ: ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ว่าเข้ากันไม่ได้หรืออะไร...

นากาตะ: เรื่องที่จับตามองกันจนเกินไปใช่มั้ย?

จูรินะ: ใช่ค่ะ แล้วฉันกับเรนะจังก็นามสกุลเหมือนกันด้วย

นากาตะ: นั่นสินะ แต่ว่าพวกเราก็เคยมีช่วงที่ความสัมพันธ์ย่ำแย่เหมือนกันนะ

ฟูจิโมริ: ใช่ๆ

- เรื่องนี้ดังมากเลยนะครับ กลางรายการสดเลย...

จูรินะ: เอ๋ มีเรื่องอะไรเหรอคะ?

นากาตะ: เถียงกันจนลงไม้ลงมือกันเลยล่ะ

จูรินะ: เห!?

ฟูจิโมริ: นึกไม่ออกใช่ม้า (หัวเราะ) กลางรายการสดเลยด้วย!?

จูรินะ: เอ๋!

นากาตะ: ประมาณ2-3ปีหลังจากเดบิวต์น่ะนะ

จูรินะ: แล้วทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะคะ?

นากาตะ: ...ตอนนั้นหงุดหงิดน่ะ (หัวเราะ)

ฟูจิโมริ: เรื่องไม่เป็นเรื่อง

นากาตะ: ใช่ๆ

ฟูจิโมริ: ตอนนั้นฉันพูดล้อเล่นน่าเบื่อๆไป แต่อัทจังก็อารมณ์ไม่ดีด้วย

นากาตะ: ก่อนออกอากาศมีอะไรหลายๆอย่าง

ฟูจิโมริ: จากนั้นพอออกอากาศไฟมันก็ปะทุขึ้น (หัวเราะ)

จูรินะ: งี้นี่เอง เพราะผ่านเรื่องแบบนี้มาถึงมีวันนี้สินะคะ

นากาตะ: ผ่านมาเยอะเลยล่ะ (หัวเราะ) ตอนนี้พวกเราก็อยู่ด้วยกันมา 12 ปีแล้ว จูรินะจังล่ะ?

จูรินะ: 8 ปีค่ะ

นากาตะ: แล้วจูรินะจังกับเรนะจังเป็นยังไงเหรอ?

ฟูจิโมริ: อืม อยากฟังเหมือนกัน

นากาตะ: ทั้งสองคนน่ะถูกขายเป็นแพ็คคู่ คงมีอะไรหลายอย่างนะฉันว่า

จูรินะ: พวกเราน่ะ มีข่าวลือที่ลือกันในหมู่แฟนๆเยอะเลยค่ะ พอมีเรื่องพวกนี้ก็อดไม่ได้ที่จะสนใจ แล้วก็เริ่มมีความรู้สึกว่าหรือเราไม่ควรจะสนิทกันนะ พวกเราเองก็แบบว่าจับตามองแฟนๆของอีกคนด้วย

นากาตะ: โอ้ แบบว่า “เด็กเราเจ๋งกว่า” ประมาณนั้นสินะ

- ในงานเลือกตั้ง AKB ทั้งสองฝ่ายก็จะเข้าโหมดยอมแพ้ไม่ได้

นากาตะ: นั่นสินะ แม้จะเป็นแบบนั้น แต่มันก็ทำให้งานเลือกตั้งร้อนแรงขึ้นนะ SKE48 นี่มีระบบ 2 top ที่ชัดเจนมากเลย

จูรินะ: แรกสุดรู้สึกเหมือนเป็นพี่น้องกันค่ะ พักโรงแรมก็จะอยู่ห้องเดียวกันบ่อยๆ แต่ว่าพอกลายมาเป็นเหมือนคู่แข่งกันแล้วก็...เคยมีช่วงที่รู้สึกมาคุๆเหมือนกัน (หัวเราะ)

ฟูจิโมริ: ตอนนี้ยังติดต่อกันอยู่มั้ย?

จูรินะ: ติดต่อค่ะ! แต่ยังไม่เคยได้ไปกินข้าวกันสองคนเลย

นากาตะ: คงได้ไปด้วยกันสองคนซักวันแหละนะ

จูรินะ: นั่นสินะคะ

นากาตะ: ถ้าทั้งคู่เป็นนักแสดงเหมือนกัน ก็คงจะคุยกันถูกคอล่ะ

ฟูจิโมริ: ดีไม่ดีจะได้แสดงด้วยกันด้วยนะ

จูรินะ: อยากแสดงด้วยกันค่ะ!

นากาตะ: จูรินะจังก็อยากเป็นนักแสดงเหรอ?

ฟูจิโมริ: เรื่อง “Shihei” ที่จูรินะจังแสดงฉันก็ได้ดูอยู่เหมือนกัน มีเสน่ห์มากๆเลยล่ะ! ทำให้รู้สึกว่า “อ๊ะ เป็นนักแสดงจริงๆเลยนี่”  ทั้งบรรยากาศทั้งออร่าออกมาเต็มมาก

จูรินะ: ขอบคุณมากค่ะ!

นากาตะ: ฉันน่ะ คิดอย่างนี้มาตลอดเลยว่า งานไอดอลเป็นงานที่ต้องแสดงเพื่อให้คนที่มาดูมีความสุขใช่มั้ย? แต่งานของนักแสดงน่ะคือการแสดงตามบทบาท สองอย่างนี้เป็นงานที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลย แม้ว่าเมมเบอร์ AKB48 หลายคนจะไปเป็นนักแสดงหลังจากจบการศึกษา แม้ว่าจะเก่งมากในโลกไอดอลแต่ในโลกนักแสดงก็ต้องเจอบททดสอบที่ต่างออกไป

จูรินะ: นั่นสินะคะ

นากาตะ: ไม่ว่ายังไงก็ต้องท้าทายกับเรื่องที่ต่างออกไป นั่นเป็นความยากในระดับจิตใจเลยนะ การที่ต้องสู้กับคนที่เป็นนักแสดงมาตั้งแต่เด็กๆ ช่วงที่เป็นไอดอลอยู่นี้อาจจะกลายเป็นข้อเสียเปรียบก็ได้ เพราะงั้นฉันเลยคิดว่าจะมีทางไหนมั้ยที่เมื่อจบการศึกษาจากวงแล้วจะยังสามารถร้องเต้นต่อไปได้

ฟูจิโมริ: เรื่องนี้ คุยกันมาตลอดเลยเนอะ

นากาตะ: ไม่อยากให้เธอลืมความสามารถการร้องการเต้นไปน่ะ ไม่สิ ต้องบอกว่า อยากเห็นร้องเต้นไปเรื่อยๆต่างหาก!

ฟูจิโมริ: ฉันว่าดูอย่างโมริทากะ จิซาโตะซังตอนนี้ก็ได้นะ

นากาตะ: ใช่ๆ เหมือนมัตสึดะ เซย์โกะซังอ่ะ เป็นไอดอลที่ร้องเพลงตลอดมาเลย

จูรินะ: นั่นสินะคะ จริงๆเดิมทีฉันไม่ได้อยากเป็นนักแสดงหรอกค่ะ พูดให้แย่หน่อย คือการแสดงก็คล้ายกับการ “โกหก” ไม่ใช่เหรอคะ ฉันไม่ชอบเลยถ้าจะบอกว่าไม่เคยคิดแบบนี้ คงอดคิดในใจไม่ได้ว่า “ทั้งที่ตัวเองพูดแบบนี้ไว้แท้ๆ”

ฟูจิโมริ: เกลียดการโกหกสินะ

จูรินะ: ฉันชอบการร้องการเต้นที่สุดค่ะก็เลยมาเข้า SKE48 ฉันเคยคิดแบบนั้นมากๆ แต่ว่าเพราะเป็นไอดอลมา 8 ปีแล้ว ดังนั้นเลยเริ่มสนุกกับงานแสดง เพราะแม้ไอดอลจะถูกห้ามไม่ให้มีความรัก แต่ในละครน่ะมีได้!

ฟูจิโมริ: เอ๋!

จูรินะ: ก็รู้สึกว่ามันสนุกดีค่ะ อย่างในซีรี่ย์ตอนแรกก็ได้ปั่นจักรยานคู่กัน ตอนนั้นสนุกมากเลย!

ฟูจิโมริ: อ่า เรื่อง “Dekishina (Watashi Kekkon Dekinain Janakute, Shinain Desu) สินะ

จูรินะ: ใจเต้นตึกตักไม่หยุดเลย! ประมาณนั้นน่ะค่ะ

นากาตะ: รู้สึกเหมือนได้เป็นคนอื่น

จูรินะ: ใช่เลย!

ฟูจิโมริ: น่าสนใจจัง แล้วหลังจากจบการศึกษาจะอยากร้องเต้นอยู่รึเปล่า?

จูรินะ: อยากค่ะ! เพราะมันคือสิ่งที่ฉันชอบที่สุด อีกอย่างถ้าเป็นการแสดงล่ะก็ แฟนๆก็จะเจอฉันได้แค่ในทีวีไม่ใช่เหรอคะ ฉันอยากจะมีที่ๆสามารถเจอแฟนๆได้โดยตรงน่ะ

นากาตะ: พวกเราเองก็เล่นตลกมาตลอดเหมือนกัน แต่ปีนี้มีโอกาสได้ร้องเพลงเยอะขึ้น พวกเราอยากแสดงต่อหน้าคนเยอะๆแบบนี้มาตลอด คิดมาตลอดเลยว่าถ้าทำแบบนั้นได้จะดีใจกันแค่ไหน แต่พอได้แสดงต่อหน้าคนเป็นหมื่นขึ้นมาจริงๆ กลับรู้สึกว่า “เอ๊ะ? เหมือนจะมีอะไรแปลกๆแฮะ” (หัวเราะ)

จูรินะ: ฮ่าๆๆๆ

นากาตะ: เพราะว่าเสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่เสียงหัวเราะน่ะ

ฟูจิโมริ: รู้สึกสับสนนิดๆเนอะ

นากาตะ: คือไม่รู้ว่าทำให้ทุกคนสนุกกันรึเปล่านะ แต่ได้อ่านความเห็นในเน็ตเขียนว่า “สนุกโคตรๆ” ก็รู้สึกว่ายังไงก็เป็นคนละเรื่องกันนั่นแหละ

จูรินะ: ไม่ว่ายังไงเสียงที่ตอบกลับมาก็สำคัญค่ะ ต้องตอบว่า “โชเซ็ตสึคาวาอี้ จูรินะ” (จูรินะน่ารักสุดๆ) อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?

นากาตะ: ฮ่าๆๆๆ

จูรินะ: เพราะงั้นบางทีก็จะรู้สึกเศร้าหน่อยๆถ้าเสียงที่ตอบมาเบา เพราะคนมักจะจำว่าฉันไปทำงานโตเกียว บางทีที่ขึ้นแสดงในสเตจที่นาโกย่าเสียงเชียร์ก็แพ้รุ่นน้อง

ฟูจิโมริ: เรื่องนั้นก็รู้สึกได้เหรอ!

จูรินะ: จริงๆมันรู้สึกได้นะคะ เศร้าเลยแหละ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่พูดถึงเรื่องนี้



สาเหตุที่ดึงดูด



- Oriental Radio มีความประทับใจกับ SKE48 ยังไงบ้างครับ?

นากาตะ: ก่อนอื่น อยากบอกก่อนเลยว่า เด็กน่ารักๆเยอะมาก เรื่องนี้ยังไงก็ต้องบอกให้ชัด

จูรินะ: ดีใจจัง!

นากาตะ: เวลาชื่นชมไอดอลจะขาดคำว่า “น่ารัก” ไม่ได้เลย แล้วก็แน่นอนอยู่แล้วว่าการแสดงของ SKE48 สุดยอดมาก รู้สึกว่าเป็นวงที่เต็มไปด้วยความกระหาย ทุกคนมีเรื่องราวร่วมกัน สร้างบรรยากาศให้ร้อนแรงกันเก่งมาก

- เมมเบอร์ที่คิดว่าน่ารักเป็นพิเศษคือ?

นากาตะ: สำหรับฉันเป็นฟุรุฮาตะ นาโอะจัง อยากให้แสงสปอตไลต์ส่องไปที่เธอมากกว่านี้จังน้า ฉันรู้สึกว่า SKE48 มีความคาดหวังต่อคิตากาว่า เรียวฮะซังสูงมาก คือแน่นอนว่าเรียวฮะจังก็น่ารักมากนะ ตอนที่ได้ไปดูคอนเสิร์ตจบการศึกษาของมิยาซาว่า ซาเอะจัง ออร่าเธอโดดเด่นมาก ความน่ารักของเรียวฮะจังเป็นแบบแฟชั่นๆ เด็กผู้หญิงก็น่าจะคิดว่าน่ารักเหมือนกัน แต่นาโอะจังมีส่วนที่ดึงดูดผู้ชายสูงมากเลย!

จูรินะ: เข้าใจเลยค่ะ!

นากาตะ: ดังนั้นพวกผู้ชายต้องกล้าพูดออกมาให้ชัดว่า “ฟุรุฮาตะซังน่ารัก” เพราะอะไรรู้มั้ย?

ฟูจิโมริ: เพราะอะไรฟะ (หัวเราะ)

นากาตะ: ก็เพราะรู้สึกได้ว่าความคาดหวังต่อเรียวฮะซังน่ะสูงมาก ดังนั้นต้องกล้าพูดให้หนักแน่นว่า “ยังมีอีกตัวเลือกอย่างฟุรุฮาตะซังอยู่นะ” ก็ถ้าจะแตกหน่อเซนเตอร์ที่จะมาสืบทอดจูรินะอ่ะนะ

ฟูจิโมริ: ก็นายเป็นฟุรุฮาตะซังโอชินี่

นากาตะ: แต่ว่า คุมาซากิก็สุดยอดเหมือนกัน เธอประกาศด้วยนี่ว่า “ฉันอยากเป็นเซนเตอร์” ใช่มั้ย?

จูรินะ: สุดยอด! รู้ละเอียดจัง!

นากาตะ: ฉันชอบคนที่กล้าประกาศตัวน่ะ

จูรินะ: นาโอะจังก็เคยพูดนะ

นากาตะ: เคยด้วยใช่มั้ย? งั้นยิ่งทำให้วงมีสีสันมากขึ้นไปอีก

จูรินะ: ใช่ค่ะ ฉันเองเห็นแล้วก็ดีใจมากเหมือนกัน

นากาตะ: ในสถานการณ์ที่จูรินะซังเป็นเซนเตอร์อย่างไม่สั่นคลอน ถ้าไม่มีคนพูดแบบนั้นก็ไม่มีแรงกระตุ้นนะ จริงสิ คุมาซากิซังยังมีอาวุธอีกอย่างนะ วิธีการพูดของเธอน่ารักโคตร!

จูรินะ: ฮ่าๆๆๆ

นากาตะ: พูดไม่ค่อยชัดนะแต่ถ่ายรูปขึ้นกล้องมากๆ

จูรินะ: อื้ม น่ารักมากๆ

นากาตะ: ถ้าให้พูดถึงคนอื่นอีกก็คงเป็น เอโกะ (ยูนะ) ซัง

จูรินะ: ตาแหลมนะคะเนี่ย (หัวเราะ)

นากาตะ: เอโกะซังตอนนี้ไม่มัดผมทวินเทลแล้วอ่ะ ฉันน่ะ สนใจคนที่ทำผมทวินเทลเป็นพิเศษ ทวินเทลเนี่ยเป็นอาวุธอย่างนึงเลยนะ เป็นมนต์สะกดด้วย เพราะงั้นเลยหยุดไม่ได้ ก็เจ้าตัวเธอบอกว่า “ลังเลมาก” ฉันก็เลยถามไปว่าอายุเท่าไหร่แล้ว เธอบอก 16 ปี ฉันเลยบอกว่า “มัดไปเถอะ มัดให้สูงขึ้นอีกนิดก็ดีนะ” (หัวเราะ) เพราะความอ่อนวัยนี่ก็เป็นอาวุธนะ อีกอย่างอันดับเลือกตั้งของเธอก็สูงขึ้นด้วย

จูรินะ: รู้ละเอียดดีจังน้า (หัวเราะ)

นากาตะ: แล้วก็ อาซุม่า ริองซังฉันก็รู้สึกว่าเก่งมาก พอได้ดู MV FURUMARION แล้วก็รู้สึกว่าไม่ค่อยเหมือนไอดอลเท่าไหร่เลย

จูรินะ: แบบนี้ก็มีเหมือนกันสินะคะ

นากาตะ: เหมือนนางแบบเลยล่ะ ดูล้ำมาก ไปในทางนั้นก็ดีเหมือนกันนะ ถ้าตั้งยูนิตเหมือน FURUMARION ขึ้นมาก็จะทำให้คาแรคเตอร์ดูโดดเด่นขึ้น อยากให้ตั้งขึ้นมาอีกจัง แล้ว ฟูจิโมริซังคิดว่าไงครับ?

ฟูจิโมริ: โคตรยาว!

จูรินะ: ฮ่าๆๆๆๆ

ฟูจิโมริ: ฉันไม่เหมือนกับอัทจังน่ะ ฉันไม่ใช่โอตาคุไอดอล

นากาตะ: ฉันไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นโอตาคุไอดอลนะ แค่แบบคอยเฝ้ามองเอง

ฟูจิโมริ: ไม่ใช่แค่นั้นแน่! หมอนี่ตามดู SNS ของเมมเบอร์ทุกคนเลย ถึงฉันจะอยู่ในยุค Morning Musume แต่ก็ไม่ได้บ้ามาก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะสนับสนุนไอดอลยังไง ตั้งแต่เริ่มจัด RADIRA! ก็ได้รับเชิญไปดูคอนเสิร์ต SKE48 เป็นครั้งแรก รู้สึกว่าความร้อนแรงนั้นมันสุดยอดมาก ไม่เหมือนไลฟ์ของศิลปินอื่นๆเลย โบกแท่งไฟ ตะโกนเรียกชื่อสุดแรง เรื่องพวกนี้ฉันคิดไม่ถึงเลย (หัวเราะ) แต่ว่าพอได้เจอเมมเบอร์ในรายการทุกอาทิตย์ก็เริ่มเข้าใจสาเหตุที่ดึงดูดแฟนๆแล้วล่ะ

จูรินะ: โอ้

ฟูจิโมริ: สิ่งที่ทำให้รู้สึกว่าแฟนๆ SKE มีความพิเศษคือ ส่งข้อความมาในทวิตเตอร์ฉันด้วย แม้จะเคยมีแฟนๆวงอื่นส่งมาบ้าง แต่แฟนๆ SKE เนี่ยเยอะสุด (หัวเราะ)

จูรินะ: ก็น่าจะอย่างงั้นนะคะ (หัวเราะ)

ฟูจิโมริ: มาบอกประมาณว่า “ขอบคุณที่จัด RADIRA! มาตลอดนะ คือวงเราน่ะเทียบกับวงอื่นแล้วไม่ค่อยได้รับความใส่ใจเท่าไหร่”

- ฮ่าๆๆๆ

ฟูจิโมริ: มีความเห็นประมาณนี้ส่งมาล่ะ อย่างเช่น ตอนที่ฮิดากะ ยูซุกิจังมารายการก็ถ่ายรูปด้วยกัน แล้วพอโพสต์ไปขำๆก็แพร่ออกไปเร็วมาก (แฟนๆ)ก็มาบอกว่า “ฟูจิโมริ ขอบคุณนะ! เวลาทำงานกับไอดอลวงอื่นไม่ค่อยมีอะไรแบบนี้ รู้สึกได้ชัดเจนมาก ว่าแฟนๆอยากให้คนรู้จัก SKE48 มากขึ้นจริงๆ อีกอย่างเมมเบอร์ SKE48 ก็ส่งเมล์มาในรายการด้วย!

จูรินะ: จริงด้วย!

ฟูจิโมริ: ทุกอาทิตย์เมมเบอร์ที่ไม่ได้มาออกรายการก็จะส่งมา อย่างอาราอิ ยูกิจังนี่ส่งทุกอาทิตย์เลย เหมือนเป็นรายการช่วงนึงเลยล่ะ อย่างถ้าจูรินะจังเป็นสายเมนสตรีม แล้วมีอย่างอาราอิจังเป็นแบบนี้ก็น่าสนใจมากเลยนะ ในโลกนี้จำเป็นต้องมีความพยายามแบบนี้แหละ

- ฟูจิโมริเคยไปงานจับมือโนกิซากะ 46 ด้วยใช่มั้ยครับ

ฟูจิโมริ: เคยครับ ตอนนั้นเสียงวิจารณ์จากแฟน SKE48 เพียบเลย มีแบบน่ากลัวด้วย! ประมาณว่า “นายอยู่ข้างไหนกันแน่” อยากบอกว่าฉันก็จะไปงานของ SKE48 เหมือนกัน แค่กำลังดูอยู่น่ะ

จูรินะ: มีจัดที่โตเกียวเหรอคะ?

ฟูจิโมริ: พวก Pacifico Yokohama น่ะ ถึงจะหาข้อมูลดูแล้วแต่ว่างไม่ตรงวันงานน่ะ

จูรินะ: Oriental Radio ก็เคยแสดงร่วมกับ SKE48 ใน Music Staion แล้วหลังจากนั้นก็ได้แสดงร่วมกับโนกิซากะ46ด้วยไม่ใช่เหรอคะ ตอนนั้นเสียงตอบรับก็เยอะเหมือนกัน!

ฟูจิโมริ: ฮ่าๆๆๆๆ

จูรินะ: เมมเบอร์ใส่ใจกับเรื่องพวกนี้มากนะ!

ฟูจิโมริ: ถ้าอย่างนั้น งั้นฉันเปลี่ยนท่าทีละ! แต่ว่านะ นี่อาจจะเป็นข้ออ้าง แต่คือทุกอาทิตย์โนกิซากะ46 เป็นนากาโมโตะ ฮิเมะกะจังตลอด ส่วน SKE48 ทุกอาทิตย์จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ บางทีได้เจอกันอีกทีก็เกินครึ่งปีแล้ว...แต่ยังไงก็เป็นข้ออ้างสินะ!

จูรินะ: อดไม่ได้ที่จะบอกว่า “ยังไงก็จะไปทางนั้นสินะ!” (หัวเราะ)

ฟูจิโมริ: ไม่ใช่ๆๆ ฉันก็เป็น SKE48 โอชิอยู่นะ! เพราะงั้นฉันอยากให้รายการเป็นที่บ่มเพาะเด็กที่มีอนาคต แบบเรียวฮะจังหรือแบบโกโต้ ราระจังน่ะ

จูรินะ: ฉันก็อยากโปรโมตเด็กๆแบบนั้นค่ะ แม้ว่าจะมีเด็กอย่างนาโอะจัง แต่ก็อยากให้ขยายวงกว้างออกไปอีก! ถ้ามีเด็กซักคนเป็นแบบคาโอตันคงจะดีมากเลยไม่ใช่เหรอคะ แม้ว่าถ้ามี 10 คนอาจจะไม่ไหวก็ตาม

- ถ้าเป็นแบบนั้นวงคงขายไม่ออกครับ (หัวเราะ)

จูรินะ: งั้น ถือว่า Oriental Radio เป็น SKE48 โอชิแล้วนะคะ?

ฟูจิโมริ: ได้เลย!

นากาตะ: แต่ว่านะ หมอนี่อาจจะเป็นพวกตามกระแสอันดับหนึ่งของวงการบันเทิงเลยก็ได้

ฟูจิโมริ: ว่าใครเป็นพวกตามกระแสกัน! ฉันสนับสนุน SKE48 กับโนกิซากะ46 เท่าๆกันนั่นแหละ



ควรทำยังไงดี



- จูรินะซังมีเรื่องที่อยากถาม Oriental Radio นี่ครับ

จูรินะ: ค่ะ ตอนนี้มีคนพูดกันว่า SKE48 กำลังอยู่ในช่วงขาลง สำหรับฉันแล้ว สภาพตอนนี้มันค่อนข้างเจ็บปวดค่ะ

นากาตะ: อื้ม

จูรินะ: ที่ผ่านมาพอมีเมมเบอร์จบการศึกษาก็จะรู้สึกถึงวิกฤต แต่พอผ่านไประยะนึง ทุกคนก็จะคิดว่า “จะต้องพยายามในส่วนของเมมเบอร์เหล่านั้นด้วย” พาวเวอร์อัพขึ้นมา อีกอย่างพลังของแฟนๆก็เพิ่มสูงขึ้นด้วย ประมาณว่า “พวกเราต้องสนับสนุนให้มากขึ้นไปอีก! แต่ว่าลึกๆแล้วกลับไม่รู้ว่าควรทำยังไงกันแน่ จะต้องทำยังไงดี ทั้งสองคนมองพวกเราจากภายนอก เคยคิดแบบว่า “ถ้าทำอย่างนี้มากขึ้นอีกก็จะดีนะ” บ้างมั้ยคะ?

นากาตะ: ฉันคิดว่าไม่มีตรงไหนแย่นะ วงทุกวง ทาเลนท์ทุกคนก็บอกทั้งนั้นว่า พอดังขึ้นมา จากนั้นก็ค่อยๆตกลง แล้วก็กลับมาได้รับความสนใจอีกรอบ เป็นวัฏจักรแบบนี้ ฉันว่าคนที่อยู่มายาวนานก็ผ่านวัฏจักรแบบนี้มาทั้งนั้นแหละ SKE48 น่ะสกิลสูงมาก แถมยังน่ารักมากด้วย ถ้าให้พูดล่ะก็ อยากให้มีเพลงฮิตๆน่ะ

จูรินะ: อ่า

นากาตะ: แบบที่ทำให้คนบอกว่า “เพลงใหม่คราวนี้ดีจังเลยนะ!” เรื่องนี้น่ะ แม้ว่าฉันพูดไปจะไม่มีประโยชน์ เพราะยังไงกำแพง “Heavy Rotation หรือ “Koisuru Fortune Cookie” ก็สูงมาก

ฟูจิโมริ: นั่นสินะ ถ้ามีเพลงที่แม้แต่คนที่ไม่ค่อยรู้จัก SKE48 ก็ยังบอกว่า “ฉันรู้จัก!” แบบนั้นแสดงว่าติดลมบนแล้ว

นากาตะ: ทำยังไงถึงจะเจอเพลงที่ฮิตขนาดนั้น เรื่องนี้สำหรับนักแต่งเพลงทุกคนเป็นอะไรที่ไม่มีทางรู้เลย เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถวางแผน คาดคะเนออกมาได้ ส่วนอีกอย่างก็คงเป็นเรื่องคอสตูมล่ะมั้ง

จูรินะ: คอสตูมเหรอคะ?

นากาตะ: ก็มีคอสตูมที่มีความเป็นAKB48 ไม่ใช่เหรอ?

จูรินะ: ลายสก๊อตสีแดงเหรอ?

นากาตะ: ใช่ๆๆ แล้วก็มีคอสตูมที่มีความเป็นโนกิซากะ46 ด้วยไม่ใช่เหรอ?

จูรินะ:อ่า ใช่ๆ

นากาตะ: ในความคิดฉัน คอสตูมที่มีความเป็น  SKE48 ก็เป็นลายสก๊อตสีน้ำเงินล่ะ แต่เรื่องนี้ไม่ค่อยเป็นที่จดจำเท่าไหร่ คอสตูมของSKE48 มองๆแล้วมันคล้าย AKB48 ล่ะมั้ง ฉันว่าถ้าทำให้คอสตูมมันดูต่างได้ก็คงดีนะ

จูรินะ: แบบกุ้งทอดเหรอ?  *T/N : กุ้งทอด (Ebi fry) เมนูขึ้นชื่อของนาโกย่า*

นากาตะ: ถ้าเป็นพวกของดีนาโกย่าจะเป็นไงนะ (หัวเราะ) แต่ว่าSKE48 ตอนนี้ไม่มีอะไรไม่ดีเลยนะ! ก่อนหน้านี้ก็เคยถามในรายการ ไม่ว่าจะเพลงหรือท่าเต้นก็เป็นอะไรที่กำหนดเองไม่ได้

จูรินะ: ใช่ค่ะ

นากาตะ: พวกเราน่ะเหมือนเป็นวงอินดี้ เราตัดสินใจเองได้แบบ “คราวหน้าใช้เพลงแบบนี้นะ” หรือ “จะใส่อะไรดี?” พอเป็นแบบนั้นก็ลำบากนะเพราะมันถูกวางมาหมดแล้ว แล้วก็อยากให้ออกเพลงยูนิตมาเยอะๆด้วย อยากดูยูนิตที่ต่างกันออกไปน่ะ

จูรินะ: ฉันคิดว่าเพิ่มเมมเบอร์ให้เยอะขึ้นก็ได้ สำหรับ Love Crescendo ก็คงจะรู้สึกแบบว่า “มีเด็กน่ารักๆเพิ่มขึ้นอีกแล้ว!

นากาตะ: AKB48 GROUP น่ะ ไม่ว่ายังไงก็เป็นระบบใช้เซนเตอร์ตรงกลาง แต่ว่าถ้าเปลี่ยนเป็นยูนิตคนน้อยลงก็คงไม่สนใจแล้วว่าใครจะเป็นเซนเตอร์

ฟูจิโมริ: นั่นสินะ แบบนั้นจะทำให้จำง่ายขึ้นด้วย แต่ว่ายังมีวิธีที่จะทำให้ SKE48 ร้อนแรงขึ้นอีกนะ

จูรินะ: เอ๊ะ อะไรเหรอคะ?

ฟูจิโมริ: นั่นคือต้องให้อากิโมโตะเซนเซย์หันหน้ากลับมาให้ได้! ฉันน่ะ ไปร้านกาแฟที่เดียวกับอากิโมโตะเซนเซย์บ่อยๆล่ะ

จูรินะ: เอ๋!

ฟูจิโมริ: เพราะงั้นเลยเจอกันบ่อย มีเมมเบอร์ไปร้านนั้นด้วยนะ!

จูรินะ: ฮ่าๆๆๆ

ฟูจิโมริ: เขามักจะง่วนกับการแต่งเพลงตลอดเลย!

นากาตะ: เดี๋ยวนะ นั่นใช่ตัวจริงรึเปล่า? Time Machine Sangou (นักแสดงตลก) รึเปล่า?

ฟูจิโมริ: ตัวจริงสิ! เซกิ (ฟุโตชิ) ซังแต่งเพลงไม่เป็นซะหน่อย (หัวเราะ)

นากาตะ: อาจจะเป็นเซกิซังกำลังนั่งเขียนมุขอยู่ก็ได้มั้ง?

ฟูจิโมริ: แค่เห็นก็รู้แล้ว! เพราะออร่าแรงมาก ไม่กล้าเข้าไปคุยด้วยเลยสักนิด

นากาตะ: อากิโมโตะซังน่ะ คอยฟังเรื่องที่เมมเบอร์คุยกันใช่มั้ย? ได้ยินว่าหลังจากในไลฟ์โนกิซากะ 46 ที่พูดกันว่า “อยากให้มียูนิตเล็กๆเยอะกว่านี้” ก็ได้ทำยูนิตต่อด้วย ฉันก็คิดว่า “มีเรื่องอย่างนี้ด้วยแฮะ สุดยอดจริงๆ” ดังนั้นต้องไปเสนอกับโปรดิวเซอร์นะ

จูรินะ: ค่ะ! จะพยายามทำให้ได้ค่ะ (หัวเราะ)



แก่นแท้ของการเปลี่ยนผ่านรุ่น



นากาตะ: อาจจะฟังดูตรงๆไปหน่อยนะ แต่เธอเคยคิดถึงเรื่องจบการศึกษามั้ย?

จูรินะ: เคยค่ะ แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องรีบร้อนอะไร แต่พอคิดแล้วก็คิดว่าจะต้องสร้างคนมาสืบทอดให้ได้ 3ปีที่ผ่านมานี้ฉันคิดถึงเรื่องคนที่จะมาสืบทอดตลอดเลย มีไปดูคลาสซ้อมเต้นของเมมเบอร์ที่เข้ามาใหม่ด้วย เข้าไปสอนตัวต่อตัวด้วย ราระน่ะเหมือนฉันในสมัยก่อนเลย ขณะที่ดูคลาสซ้อมก็หวังว่าไม่กี่ปีจากนี้พวกเขาจะเป็นแบบฉันได้ จริงสิ เด็กรุ่น 8 ที่เข้ามาคราวนี้ เด็กๆน่ารักเต็มเลย!

ฟูจิโมริ: ฮ่าๆๆๆ ใจเย็นนะ SKE48 ก็น่ารักทุกคนแหละ

จูรินะ: เพราะงั้นเลยตั้งหน้าตั้งตารอมากๆค่ะ อนาคตสดใสจริงๆ! มันแปลว่าวันที่ตัวเองจะจบการศึกษาอาจจะเร็วขึ้นก็ได้ ถ้าไม่มีคนๆนั้นขึ้นมาตัวเองคงจะจบการศึกษาอย่างวางใจไม่ได้ ถ้าไม่เป็นแบบนั้นฉันจะไม่ยกโทษให้ตัวเองเลย ตราบใดที่ยังทำให้ฉันคิดว่าถึงไม่มีฉันอยู่ SKE48 ก็ไม่เป็นไร ไม่ได้ ฉันก็ยังไม่คิดจะจบการศึกษาค่ะ

ฟูจิโมริ: นั่นก็แค่ถ้าใช่มั้ยล่ะ แล้วถ้าโดนแซงหน้าไปขณะที่ตัวเองยังอยู่ในวงจะไม่เป็นไรใช่มั้ย?

จูรินะ: ไม่เป็นไรเลยค่ะ

ฟูจิโมริ: อ่า งั้นเหรอ งั้นก็น่าสนใจแล้วล่ะ ในรายการ เวลาคุยกับเมมเบอร์เรื่องจูรินะ รู้สึกพวกเขาจะเกรงๆนิดๆนะ

จูรินะ: ฮ่าๆๆๆๆ เพราะงั้นพอนาโอะจังกับคุมะจังประกาศว่าจะมายืนเซนเตอร์ ฉันเลยดีใจมาก หวังว่าจะมีเมมเบอร์แบบนี้เพิ่มมากขึ้น อีกอย่างการประกาศออกมาแบบนั้นก็ทำให้ได้รับความสนใจไม่ใช่เหรอ ฉันอยากจะใช้ประสบการณ์ของตัวเองมาสอนเมมเบอร์เหล่านี้ให้มากขึ้นค่ะ

- ผมว่า “การเปลี่ยนผ่าน” แบบนี้ในวงการบันเทิงก็มีเหมือนกันนะครับ Oriental Radio พอจะให้คำแนะนำกับฟุรุฮาตะซังและคุมาซากิซังได้มั้ยครับ?

นากาตะ: พวกเราก็เริ่มจะรู้สึกถึงการเปลี่ยนผ่านเหมือนกัน

จูรินะ: เอ๋!

นากาตะ: ก็ต้องแย่งชิงรายการมาจากพวกรุ่นพี่ เวลามีรุ่นน้องโผล่มาก็คงมีความรู้สึกแบบว่าจะทำยังไงดี พอได้ยินที่จูรินะจังพูดเมื่อกี้ สิ่งที่ฉันคิดก็คือ ในใจจูรินะจังตอนนี้คงอยากจะส่งเสริมรุ่นน้องใช่มั้ยล่ะ?

จูรินะ: ค่ะ

นากาตะ: ฉันว่าคนที่จะมายืนอยู่แนวหน้าของ SKE48 ในอนาคตไม่ใช่เด็กที่จูรินะค้นพบหรอก คือหมายความว่าไม่ใช่ “จูรินะตัวน้อย” แต่เป็นเด็กที่จะทำให้จูรินะจังตกใจว่า “เอ๋ คนนี้เหรอ?” ต่างหากที่จะแบกรับวง

จูรินะ: อ่า อย่างนั้นเองเหรอคะ!

นากาตะ: การเปลี่ยนผ่านน่ะ มักจะมีเรื่องที่คิดไม่ถึงเสมอแหละ ถ้าคนนั้นรับอิทธิพลมามากเกินไปก็จะเปลี่ยนผ่านไม่ได้

จูรินะ: จริงด้วย

นากาตะ: แล้วก็คงจะหลีกเลี่ยงการปะทะกันไม่ได้ จะเริ่มตีกันแบบว่า “ไม่เข้าใจเลยจริงๆ” ไม่ก็ “จะเอาชนะเธอให้ได้!” การเปลี่ยนผ่านไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ไม่มีทางจบได้อย่างราบรื่นหรอก ดังนั้นฉันเลยอยากให้ปีนี้ รุ่นน้องปะทะกับรุ่นพี่น่ะ

จูรินะ: งั้นเหรอคะ!?

นากาตะ: ฉันน่ะ ถึงไม่มีคนพูดว่า “นากาตะ น่าสนใจดีนี่” ก็ไม่เป็นไร และถึงจะมีคนพูดว่า “อะไรกัน หมอนี่น่ะเหรอ?” แต่ฉันก็จะถือซะว่า “เรื่องของแกสิ แกมันหัวโบราณต่างหาก” เพราะฉันน่ะมีแนวคิดแบบ “ฉันจะขยี้แก” (หัวเราะ)

จูรินะ: น่ากลัวอ่ะ (หัวเราะ)

ฟูจิโมริ: เพราะว่าโลกของพวกเราไม่ใช่กรุ๊ปไง

นากาตะ: แต่ว่านะ ในโลกนี้มันก็ยังมีคนที่เราอยากบดขยี้แต่ทำไม่ได้อยู่ เพราะงั้นพอฉันได้ฟังคำพูดของจูรินะจังก็รู้สึกว่าใจดีจริงๆ ถ้าพูดออกมาว่า “ฉันไม่มีทางยอมแพ้พวกแกแน่!” จะไม่ทำให้ SKE48 มีสีสันมากกว่าเหรอ เมื่อกี้ฉันคิดอย่างนี้ตลอดเลยล่ะ

- ถ้าทำแบบนั้น แรงสะท้อนกลับจากข้างล่างก็จะแรงขึ้นด้วย

นากาตะ: ถ้าแสดงออกไปว่า “แน่จริงก็เข้ามาเลย!” จะทำให้ทุกคนรู้สึกว่า “อย่ามาทำเป็นเล่นนะ!” ใช่มั้ยล่ะ? แต่จะบอกว่ามันเป็นแค่ทางนึงที่อาจจะทำได้อ่ะนะ

จูรินะ: นั่นสินะ

นากาตะ: ไม่จำเป็นต้องฝืนนะ ไม่ต้องรับผิดชอบถึงขั้นว่า “ถ้าไม่ส่งเสริมรุ่นน้องขึ้นมาให้ได้ก่อนจะจบการศึกษาไม่ได้” ขนาดนั้นก็ได้

- จูรินะซังก็เหมือนกัน เพราะไม่ได้เหมือนรุ่นพี่คนไหน ตอนนี้เลยสามารถเป็นตัวท๊อปแนวหน้าได้ ใช่มั้ยล่ะครับ?

จูรินะ: จริงด้วยนะ ไม่มีใครเป็นเป้าหมาย ซึมซับข้อดีของรุ่นพี่มาบวกกับของตัวเอง ถ้าทำแบบนี้ฉันคิดว่าก็จะกลายเป็นคนที่ไม่มีใครสามารถเลียนแบบได้ อย่างเช่น ราระก็พูดอังกฤษแล้วก็ตีกอล์ฟเก่งไม่ใช่เหรอคะ สำหรับรุ่นน้องที่มีสิ่งที่ฉันไม่เก่ง ยังไงก็น่าสนใจ อยากให้มีเมมเบอร์แบบนั้นโผล่มาค่ะ



ทฤษฎีการแพ้ชนะของ Oriental Radio



- พวกเราถามเมมเบอร์ทุกคนที่ให้สัมภาษณ์คราวนี้ว่า “ถ้าพูดถึงคู่แข่งนึกถึงใคร?” Oriental Radio มีเล็งใครเป็นคู่แข่งมั้ยครับ?

ฟูจิโมริ: คู่แข่งเหรอ...

นากาตะ: เรื่องนั้น ในความคิดฉันตัวตนของ Audrey (คู่หูตลก) ยิ่งใหญ่มากเลยล่ะ

จูรินะ: เอ๋!

นากาตะ: ที่พูดอย่างนี้ก็เพราะตอนที่พวกเราเริ่มจะดรอปลง Audrey ก็เริ่มดังขึ้นมาพอดี ได้เป็นขาประจำในรายการ “Waratte iitomo” พร้อมๆกัน แถมยังอยู่วันเดียวกันด้วย พวกเราเป็นขาประจำในรายการมาก่อน พวกเขาก็เข้ามาเสริม ตั้งแต่นั้นพวกเขาก็เริ่มมีรายการของตัวเอง พวกเราสองกรุ๊ปมักจะถูกเปรียบเทียบกันบ่อยๆ วากาบายาชิ (มาซายาสุ) ซังยังมีรายการเดี่ยวด้วย แม้ว่า Audrey จะเป็นรุ่นพี่พวกเราถึง 5 ปี แต่ตอนนั้นพวกเราอยากเอาชนะพวกเขามาตลอด

จูรินะ: ไม่รู้เลยนะเนี่ย!

นากาตะ: รายการ “Shikujiri Sensei สำหรับพวกเราเป็นสนามรบเลยล่ะ ทุกๆครั้งจะแข่งกันจริงจังมาก

ฟูจิโมริ: ครั้งแรกเป็นพวกเราที่ได้ไปออก

นากาตะ: ใช่ ตอนที่ได้ข้อเสนอนี้พวกเรากลุ้มใจมากเลย แต่ยังไงถ้าจะต้องไปออกก็ต้องทำให้คนพูดถึงให้ได้ ก็เลยจัดเต็ม จากนั้นถ้ารายการจบลงก็เป็นชัยชนะของพวกเรา แต่ถ้ารายการจัดต่อก็เป็นความพ่ายแพ้ของพวกเรา เราคิดของเราเองแบบนี้แหละ แต่แล้วรายการก็ได้จัดต่อ แถมได้เลื่อนเวลาจากกลางดึกมาเป็นเวลาไพรม์ไทม์ด้วย พอฉันคิดว่า “เราแพ้แล้ว...” ในรายการตอนสุดท้ายที่ยังอยู่เวลาดึกนั้นพวกเราก็ถูกเรียกให้ไปออกอีกรอบ ฉันก็แบบว่า งั้นก็ได้ ฉันจะเล่นตอนนี้ให้ดีที่สุด แล้วถ้ารายการย้ายไปช่วงเวลาไพรไทม์แล้วโดนถอดออก ก็แปลว่าฉันชนะ (หัวเราะ)

จูรินะ: ฮ่าๆๆๆๆๆ

นากาตะ: แต่แล้ว ช่วงที่ออกอากาศเวลาไพรไทม์ ด้วยกระแสตอบรับที่ดีพวกเขาก็จัดรายการต่อไปได้ พอฉันคิดว่า “เราแพ้อีกแล้วสินะ” ก็ถูกเรียกไปอีกรอบ แต่ว่าฉันคงหมดมุขแล้ว แต่เพราะคิดว่า “ความล้มเหลวของคนในประวัติศาสตร์ก็ถูกพูดถึงอยู่เหมือนกันนะ” ก็เลยไปออก อีกอย่างมันเป็นสิ้นปีของปีที่แล้วพอดี ก็ตัดสินใจว่าจะจัดเป็นการสรุปผลงานทั้งปี ดังนั้นก็เลยเสนอไปว่าจะจัดงานมอบรางวัล ถ้างานนี้เป็นที่พูดถึงล่ะก็ ถือเป็นชัยชนะของฉัน (หัวเราะ)

จูรินะ: ฮ่าๆๆๆๆๆ

นากาตะ: แต่ตอนนั้นกลับเรียกเรทติ้งได้ไม่มากเท่าไหร่ ตั้งแต่นั้นมาครึ่งปีเขาก็ไม่เรียกอีกเลย แบบว่า “อ่า แพ้แล้ว!

ฟูจิโมริ: ฮ่าๆๆๆ

นากาตะ: แต่แล้ว พอรายการออกอากาศเนื้อหาที่ไม่เคยเผยแพร่มาก่อน ก็ได้รับเสียงตอบรับดีมาก เพราะงั้นสตาฟฟ์รายการ “Shikujiri Sensei” ก็เลยจัดรายการพิเศษ “Nakata rekishi juku” ถ้ากระแสดีล่ะก็ถือเป็นชัยชนะของฉัน!

จูรินะ: แล้วชนะมั้ยคะ?

นากาตะ: เรื่องนั้น จนถึงตอนนั้นตัวเลขก็ออกมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าเป็นผลงานนะ พอ “rekishi juku” เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ถ้ารายการของทางนั้น(Audrey)จบไป ก็เหมือนพวกเรายึดที่มั่นไว้ได้แล้ว เราสู้กับวากาบายาชิซังแบบนั้นล่ะ

- SKE48 เองก็ได้รับการสั่งสอนจากมากิโนะ อันนะเซนเซย์แบบนั้นเหมือนกัน “งานแต่ละชิ้นที่ทำคือแพ้ชนะ!

นากาตะ: จูรินะจังมีคู่แข่งมั้ย?

จูรินะ: ถ้าเมมเบอร์...ที่สำคัญที่สุดคงเป็นซาชิฮาร่า (ริโนะ) ซังมั้งคะ

ฟูจิโมริ: ซัชชี่เหรอ แข็งแกร่งมากนะ

นากาตะ: คู่แข่งน่ะ ไม่ว่ายังไงก็ต้องเป็นคนที่เหนือกว่าตัวเรานิดนึงล่ะ ดูจากอันดับเลือกตั้งจูรินะจังก็เป็นแบบนั้นแหละ จะเอาชนะซาชิฮาร่าซังเป็นเรื่องใหญ่นะ เพราะซาชิฮาร่าซังได้อันดับหนึ่งในงานเลือกตั้ง เลยทำให้ HKT48 ได้รับความสนใจด้วย

จูรินะ: นั่นสินะคะ วิธีขายเมมเบอร์ HKT48 ของซาชิฮาร่าซังน่ะเยี่ยมมาก พอฉันกลับมา SKE48 เต็มตัว ตอนที่คิดว่าจะทำยังไงให้เมมเบอร์เป็นที่รู้จักมากขึ้น หลายครั้งก็จะรู้สึกว่าเรื่องพวกนี้ซาชิฮาร่าซังเก่งมาก อยากขโมยข้อดีของเธอมาเลยค่ะ

นากาตะ: เหมือนเป็นทั้งผู้เล่นทั้งโค้ชอ่ะนะ พอคิดอย่างนี้ จะมองว่าเป็น “ทัพจูรินะ vs ทัพซาชิฮาร่า” ก็ได้ เป็น One Top ของทั้งสองวงเหมือนกัน ถ้าสู้กันขึ้นมาคงสนุกแน่

- จำนวนคนที่ติดอันดับก็เหมือนกันครับ SKE48 ได้ 20 ที่ HKT48 ก็ตามมาติดๆด้วย 19 ที่

นากาตะ: งี้นี่เอง งั้นโค่นมันเลย! ฉันจะเชียร์เธอเอง!

จูรินะ: เอาจริงเหรอคะ!?

ฟูจิโมริ: โค่นล้มซาชิฮาร่า! ในเมื่อถ้าจะต้องออกเดิน ก็เอานี่แหละเป็นเป้าหมาย

นากาตะ: ฉันคิดว่าซาชิฮาร่าซังเป็นคนที่เก่งมากนะ เธอมีอิมเมจที่ตลกรุ่นใหม่อย่างพวกเราให้ความสำคัญ แต่ไม่รู้ทำไมถึงมีความรู้สึกต่อต้าน (หัวเราะ) เพราะงั้นฉันเลยอยากจะสนับสนุนเธอ(จูรินะ)น่ะ



โอกาสชนะของจูรินะ



- ถ้าจะเอาชนะซาชิฮาร่าล่ะก็ จะใช้อะไรเป็นตัวเปิดทางดีครับ?

นากาตะ: ซาชิฮาร่าซังถนัดเรื่องโปรดิวซ์มาก ฉันว่าไม่จำเป็นต้องไปในด้านเดียวกับเค้าหรอก แต่ถ้าพูดเรื่องความสวย เธอเหนือกว่าซาชิฮาร่าซังนะ

- ฮ่าๆๆๆๆ

ฟูจิโมริ: ตรงนี้แหละข้อได้เปรียบ (หัวเราะ)

นากาตะ: จูรินะจังแค่แสดงด้านนี้ออกไปก็พอแล้ว ไม่ต้องตลกแต่ใช้ความน่ารักและความสวยเนี่ยแหละเข้าสู้

จูรินะ: ฉันว่าแค่ฉันเต้นและร้องเพลงได้ไม่แพ้ใครก็พอแล้วล่ะ

- ถ้า oriental radio จะทำงานร่วมกับ SKE48 หรือกับจูรินะซัง คิดว่าจะทำออกมาแบบไหนครับ?

นากาตะ: ยังไงดีนะ? ถ้าได้จัดรายการด้วยกันซักรายการก็คงดีนะ

จูรินะ: ทั้งสองคนรู้เรื่องพวกเราเยอะขนาดนี้ ถ้าได้จัดรายการที่สามารถดึงเอาจุดเด่นของเมมเบอร์ออกมาได้ก็คงดีค่ะ ยกตัวอย่างจากที่เราคุยกันเมื่อกี้นี้ เช่น การแข่งขันเรื่องแฟชั่นของเรียวฮะกับริอง ก็รู้สึกว่าทั้งสองคนจะคิดให้พวกเราได้ค่ะ เพราะว่าการจะโปรดิวซ์ออกมาให้เหมาะกับเมมเบอร์ได้ ถ้าไม่ได้ชอบหรือไม่เข้าใจเรื่องของเด็กคนนั้นก็คงคิดไม่ออก

นากาตะ: ถ้ามีรายการแบบนั้นก็คงดีเนอะ แต่ว่าเรื่องที่อยากจะเอาชนะซาชิฮาร่าซังน่ะ ฉันว่าเป็นความตั้งใจที่ดีมากเลย

จูรินะ: แม้เมื่อกี้จะบอกว่าเธอเป็นคู่แข่ง แต่จริงๆแล้วฉันชอบซาชิอาร่าซังนะคะ

- ผมจะจดไว้อย่างดีครับ

จูรินะ: ฉันก็มีไปกินข้าวกับเธอเหมือนกันนะคะ! เพราะว่าชอบเลยอยากเอาชนะเธอน่ะ

นากาตะ: ก็เพราะเป็นคนละสายกันนี่เนอะ

ฟูจิโมริ: เรื่องนี้ ฉันว่าพูดต่อไปเรื่อยๆก็ดีนะ มันค่อนข้างดึงดูดคนน่ะ

นากาตะ: ซาชิฮาร่าซังก็ใช้ SNS เก่งเหมือนกัน ฉันว่าจูรินะจังลงรูปสวยๆบ่อยๆก็ดีนะ

จูรินะ: แบบที่แม้ผู้หญิงด้วยกันเห็นก็รู้สึกชื่นชม อย่างนั้นเหรอ?

นากาตะ: ใช่ ได้เล่น Instagram อยู่มั้ย?

จูรินะ: ไม่ค่อยค่ะ

นากาตะ: เล่นเถอะ! อัพพวกรูปสวยๆดูเป็นผู้ใหญ่หน่อยก็ดี ตอนนี้ในทวิตเตอร์ชอบอัพรูปเซลฟี่ธรรมดาๆ
ใช่มั้ยล่ะ?

จูรินะ: ใช่ค่ะ...รู้เยอะจังเลยนะคะ (หัวเราะ)

นากาตะ: จูรินะจังยังถ่ายได้สวยกว่านี้อีกนะ! ไม่ต้องทุกวันก็ได้ ถ้าอัพรูปขึ้น Instagram ฉันว่าอิมเมจจะดีขึ้น นั่นเป็นสิ่งที่ซาชิฮาร่าทำไม่ได้

- ฐานแฟนก็จะเปลี่ยนไปด้วยนะครับ

จูรินะ: ว้าว ได้อะไรเยอะเลยแฮะ ที่คุยกันนี่จัดอาทิตย์ละครั้งเลยได้มั้ยคะ?

นากาตะ: ฮ่าๆๆๆ

ฟูจิโมริ: จะตั้งให้นากาตะเป็นโปรดิวเซอร์เหรอ?

จูรินะ: ฮ่าๆๆๆ จากที่คุยกันวันนี้ได้อะไรเยอะเลย ต้องขอบคุณมากๆเลยนะคะ!




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

blogged by 91

[91][bsummary]

Translation

[Translation][bsummary]

Subtitle

[subtitle][bsummary]

Update

[SKEUpdate][bsummary]