วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2559

(91)[100%SKE48] แปลบทสัมภาษณ์จูรินะ x นิชิชิ (มัตสึอิ จูรินะ x นากานิชิ ยูกะ)

เพราะเวลามันผ่านมาแล้วเลยพูดได้
จูรินะ ไปเลยไม่ต้องลังเล!

ฤดูใบไม้ผลิปี 2015 นากานิชิ ยูกะกัปตัน SKE48 คนก่อนผู้เป็นกำลังหลักของจูรินะได้ไปจากนาโกย่า
ตอนนี้เวลาผ่านไปหนึ่งปีทั้งตำแหน่งและสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปอย่างมาก
ทั้งสองคนจะคุยอะไรกันบ้าง บทสนทนาที่ไปไกลเกินกว่าประวัติศาสตร์ 8 ปีที่ผ่านมา!

การจบการศึกษาของมัตสึอิ เรนะ

นิชิ: จูรินะ ไม่เจอกันนานเลยนะ
จู: นาน...ที่ไหนกันเล่า! ก่อนหน้านี้ยังได้ไปดูละครเวทีเธออยู่เลย
นิชิ: จริงด้วย ขอบคุณที่มานะ
จู: เรื่อง "Cherry Boys" ที่โรงละคร Ginza Hakuhinkan เนอะ
นิชิ: เป็นยังไงบ้าง? ฉันเล่นเป็นภรรยาที่กำลังท้องล่ะ
จู: บทน่ะเอาไว้ก่อน ที่ได้ไปดูละครเวทีของนิชิชิเนี่ย รู้สึกซึ้งมากเลยล่ะ ขนาดบางฉากที่ไม่ได้ดูซึ้งยังรู้สึกว่า "อ่าา ดีจังเลยน้า" เปล่งประกายจริงๆ กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เลยล่ะ
นิชิ: ดีใจจังเลยน้า งั้นคราวหน้ามีละครเวทีก็ลองมาเป็นนักวิจารณ์ดูสิ จะได้แบบว่ามาช่วยโฆษณาด้วย (หัวเราะ)
จู: แบบว่า ทั้งๆที่ฉันอายุน้อยกว่าแต่รู้สึกอย่างกับเป็นคุณแม่แน่ะ
นิชิ: แม้อายุจะห่างกัน 8 ปีแต่ไม่มีรู้สึกประหลาดอะไรเลยเนอะ
จู: ใช่ ฉันก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ก็เพราะเราเป็นรุ่นเดียวกันไง
นิชิ: ฉันเองก็มีความคิดเหมือนคนอายุประมาณ 20 เหมือนกัน
จู: เว่อร์เกินไปแล้ว (หัวเราะ) แต่ว่าเปล่งประกายจริงๆนะ คงเป็นเพราะเป็นเรื่องที่อยากทำละมั้ง
นิชิ: ไม่ใช่ๆๆ ยังห่างไกลจากความฝันเยอะเลย
จู: เห็นนิชิชิแบบนี้แล้ว ฉันเองก็อยากทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำล่ะ
นิชิ: แต่ว่านะ หลังจากจบการศึกษาก็รู้สึกว่าได้ใช้ประโยชน์จากท่าเต้นที่ได้เรียนรู้จาก SKE แล้ว!
จู: ก็มันต้องเป๊ะมากเลยนี่นะ
นิชิ: เพราะได้รับการชื่นชมเรื่องเต้น โอกาสก็เลยเพิ่มมากขึ้นล่ะ
จู: ดีใจจังเลยแบบนี้
นิชิ: เรื่องของฉันพอแค่นี้ดีกว่า เข้าเรื่องกันได้แล้ว! ฉันจบการศึกษาไปเมื่อวันที่ 31 มีนาคมปีที่แล้ว หลังจากนั้น SKE48กับจูรินะเป็นยังไงบ้าง? ยังรู้สึก "Rena Loss" (เสียใจที่เรนะแกรดไป) อยู่รึเปล่า?
จู: "Rena Loss" (หัวเราะ) เห็นจากทวิตเตอร์เรนะจังล่ะ น่าสนใจมากเลย
นิชิ: ฉันก็เห็นเหมือนกัน (หัวเราะ)
จู: มันเป็นเพราะนิชิชิกับเน่ซังจบการศึกษาแล้ว ก็เหลือแค่เรารุ่น 1 แค่ 3 คน (จูรินะ เรนะ มาซานะ) ถึงจะชอบพูดว่า"เหงาจังเลยน้า" แต่จริงๆแล้วตอนนั้นเรนะจังก็คิดเรื่องจบการศึกษาเหมือนกัน
นิชิ: งั้นสินะ แค่ยังไม่ได้กำหนดเวลาแค่นั้น
จู: เวลาที่อยู่ด้วยกัน 3 คนมันสั้นจริงๆ ฉันน่ะรู้สึกว่าอยากให้ "เรา 3 คนมาพยายามด้วยกันเถอะ" เพราะงั้นพอเรนะจังประกาศจบการศึกษาเลยเหงามาก
นิชิ: นี่คงเป็นสาเหตุของ "Rena Loss" สินะ
จู: ใช่แล้ว เสาหลักเริ่มจบการศึกษาไปทีละคนๆ
นิชิ: แต่ว่าก็ยังมีมาซานะนะ?
จู: อื้ม ตอนที่ปรึกษากันเวลามีเรื่องอะไร ฉันก็เริ่มรู้สึกเหมือนมาซานะเข้าไปทุกที
นิชิ: แล้วก็ยังมีเด็กๆคนอื่นอีกนะ?
จู: อย่าง (คิตางาว่า) เรียวฮะกับโกโต้ ราระจังสินะ
นิชิ: ฉันพลาดรุ่น 7 ไปอ่ะ
จู: แล้วก็มีคุมะจัง (คุมาซากิ ฮารุกะ) พอเห็นพวกเด็กๆค่อยๆเติบโตขึ้นมาก็มีความสุขมากเลยล่ะ เพราะมีพวกเขา เลยออกมาจาก Rena Loss ได้
นิชิ: สำรับจูรินะแล้ว การที่ได้ช่วยเด็กๆเติบโตเนี่ย เหมือนว่ามองเห็นอนาคตที่สดใสของ SKE48 เลยเนอะ?
จู: ใช่ๆ รุ่น1 เหลือแค่ 2 คนแล้ว รุ่น 2 ก็ลดลงไปเยอะ จนถึงตอนนี้คนที่เป็นกำลังลำคัญของ SKE48 ก็ค่อยๆจบการศึกษาออกไป เหงาชะมัดเลย
นิชิ: ฉันก็จบออกไปเกือบปีแล้ว ในระหว่างนี้วงเรามีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง ฉันอยากรู้
จู: ตอนที่นิชิชิกับเน่ซังจบการศึกษาฉันจำได้ว่าเคยพูดไว้ว่า "อยากให้เมมเบอร์ที่ตระหนักได้ว่าพวกเราไม่อยู่แล้วนะ ออกมากันให้มากขึ้น" พอได้ยินอย่างนี้ เมมเบอร์ก็รู้สึกกระตือรือร้นกันมากขึ้นแบบว่า "ต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อ SKE48แล้ว" ไม่ใช่แค่คิดถึงแต่เรื่องตัวเองแต่คิดถึงเรื่องของวงด้วย มันน่าดีใจมากเลยล่ะ ร้อนแรงเหมือนกับตอนที่พวกเรารุ่น 1 เพิ่งเข้ามาแบบว่า "ต้องทำให้ SKE48 ดีขึ้นให้ได้" บรรยากาศเหมือนตอนนั้นเลยล่ะ
นิชิ: งี้นี่เอง ชักจะรู้สึกเหงาแล้วแฮะ ทุกคนลืมพวกเราแล้วรึเปล่าน้า
จู: ไม่ลืมหรอกน่า! อย่างซุสุกิ(ริกะ)หรืออีกหลายคนก็พูดว่า "ไม่มีนิชิชิกับมิเอปี้แล้วนะ!" (หัวเราะ)

อยากเป็นกำลังให้เธอ

นิชิ: ตอนที่โดน Rena Loss อยู่ช่วงนึงก็ได้รุ่น 7 มาช่วยไว้ เดือนมีนาคมปีนี้มิยาซาว่าซังก็จบการศึกษาไปเหมือนกันใช่มั้ย? คงเหงาล่ะสิ?
จู: เหงาสิ
นิชิ: มีกังวลด้วยมั้ย?
จู: มีสิ สำหรับฉันน่ะ ซาเอะจังเป็นรุ่นพี่คนแรกของฉันใน SKE48 เลย แค่มีเขาอยู่ข้างๆก็วางใจ นี่ไม่ใช่แค่ฉันนะที่คิด ทุกคนก็คิดแบบนั้น เพราะมีตัวตนของซาเอะจังอยู่ ไม่ว่าจะตอนที่ตัดสินใจจบการศึกษาหรือตอนก่อนที่โคเอ็งจบการศึกษาจะเริ่มขึ้น แน่นอนว่าความรู้สึกทุกคนมันสับสนมาก...แม้จะอยากยิ้มเพื่อส่งเขาไปแต่ว่าก็มีเด็กๆร้องไห้กันล่ะ
นิชิ: สำหรับจูรินะแล้ว รู้สึกว่ากลุ้มใจจังเลยน้าหรือรู้สึกว่าไม่มั่นคงกันล่ะ อย่างไหน?
จู: รู้สึกว่าไม่มั่นคงล่ะ ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่ร้องไห้ตอนโคเอ็งจบการศึกษาแต่ตอนที่พูดๆอยู่น้ำตาก็ไหลออกมา
นิชิ: จูรินะก็เป็นรุ่นพี่นะ
จู: อื้ม อยากให้ซาเอะจังจบไปด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสุข เลยไม่อยากร้องไห้ ตัวตนของซาเอะจังน่ะจำเป็นนะ แม้จะพูดแบบนั้นแต่ฉันน่ะยังเป็นคนที่สุดยอดเหมือนซาเอะจังไม่ได้เลย
นิชิ: ให้เหมือนไปซะทุกอย่างไม่ได้หรอกนะ ถ้าเป้าหมายคือแบบนั้น จูรินะก็จะฝืนตัวเองเกินไป
จู: ความรู้สึกที่อยากจะเป็นกำลังให้กับทุกคนมันเอ่อล้นเลยล่ะ แต่ว่าฉันอาจจะไม่เหมาะที่จะพูดแบบนั้น
นิชิ: งั้นสินะ จูรินะน่ะเป็นประเภทนำทุกคนโดยให้มองจากแผ่นหลัง ฉันว่า คงกำลังแสดงให้รุ่นน้องเห็นว่ายังมั่นคงอยู่ ขณะเดียวกันก็ไปทัวร์แสดงเพลง "Wimbledon e tsureteitte" ด้วย
จู: ยังมีเล่นละคนสั้นกับนิชิชิ เน่ซังแล้วก็มาซานะด้วย
นิชิ: อยากจะรักษาสภาพแบบนั้นไว้ ไม่อยากให้มันหายไป แต่ก็ทำไม่ได้ คงกังวลมากๆเลยสินะ
จู: ตอนนี้ไม่มีคนให้อ้อนแล้วสิน้า
นิชิ: อ้อนยูอาสะ (ฮิโรชิ ผู้จัดการเธียร์เตอร์ SKE48) ก็ได้หนิ? เขาก็เหมือนรุ่น 1 คนนึง แน่นอนว่าเป็นคนที่พูดอะไรด้วยก็ได้
จู: ยูอาสะซังเป็นคนที่จะคุยอะไรก็ได้ มีประสบการณ์เป็นผู้จัดการ AKB48 ด้วย กลับมา SKE48 ก็ยิ่งใหญ่ขึ้นล่ะนะ
นิชิ: ตอนที่ควบทีมจูรินะก็รู้สินะ
จู: เพราะงั้นตอนที่คุยกับเขาว่าฉันทำแบบนี้จะดีกับ SKE48 มั้ย เขาก็เข้าใจ เขากลับมานี่ดีจริงๆนะ
นิชิ: ฉันน่ะ จริงๆแล้วไม่รู้นะว่ายูอาสะซังกลับมาแล้ว มีตรงไหนเปลี่ยนไปบ้างมั้ย?
จู: ความรักต่อ SKE48 เพิ่มขึ้นล่ะ
นิชิ: งั้นสินะ!
จู: ทำอะไรหลายๆอย่างเพื่อ SKE48 แม้จะเป็นที่ที่เมมเบอร์มองไม่เห็นก็ตาม
นิชิ: ยูอาสะซังไม่พูดเรื่องพวกนี้กับเมมเบอร์หรอก เพราะงั้นเลยอาจจะถูกเข้าใจผิดได้ง่าย ฉันว่าให้เห็นหน่อยก็ดี
จู: นั่นสินะ ยูอาสะซังก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกัน แต่ว่าไม่ว่ายังไงก็พยายามหาวิธีขาย SKE48 ก็ทำงานอยู่ล่ะ
นิชิ: นี่น่ะ เพราะมุมมองของจูรินะกว้างขึ้นแล้วล่ะมั้ง? เริ่มทำงานตั้งแต่ 7 ปีก่อน แต่คงเพราะจูรินะเป็นผู้ใหญ่แล้วใช่มั้ย?
จู: ฉันก็คิดงั้นเหมือนกัน อายุยูอาสะซังก็ไม่น้อยแล้ว
นิชิ: นั่นสิเนอะ จูรินะปีหน้าก็ 20 แล้วนี่? ตอนเข้ามาอายุ 11 ปี พอพูดแบบนี้ ยูอาสะซังคงอายุไม่ใช่น้อยๆแล้วล่ะ (หัวเราะ)

1 ปีของนากานิชิ

จู: นี่ๆ 1ปีมานี้นิชิชิเป็นยังไงบ้าง? อยากรู้อ่ะ อยากรู้มากๆ
นิชิ: เล่นละครเวที 3 เรื่องก็เริ่มคุ้นเคยแล้วล่ะ ถึงจะเทียบกับนักแสดงคนอื่นไม่ค่อยได้ แต่ได้เข้าในสภาพแวดล้อมใหม่ ใช้ชีวิตแบบรีบร้อน เพราะงั้น1ปีมานี้รู้สึกเติบโตขึ้นล่ะ เริ่มไปอยู่ที่โตเกีบวคนเดียว ได้เซ็นสัญญากับค่ายใหม่ ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำสะสมประสบการณ์ไป เรื่องที่ต้องทำให้สำเร็จด้วยมือตัวเองก็เยอะขึ้น แต่ว่าพอพูดๆไปแล้วก็รู้สึกเหงามากเหมือนกัน
จู: งี้เองสินะ!
นิชิ: ใน 7 ปีนั้นน่ะ มีแต่สิ่งที่ทำร่วมกับคนอื่นๆใช่มั้ยล่ะ? พออยู่ดีๆก็กลายเป็นตัวคนเดียว อยู่คนเดียว เหงามากเลยล่ะ
จู: ฮ่าๆๆๆ เหงาอย่างไม่น่าเชื่อเลยสินะ
นิชิ: เหงามากเลยล่ะ
จู: จบการศึกษาไปแล้วมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง?
นิชิ: ที่ SKE48น่ะสนิทแต่กับเด็กๆที่อายุน้อยกว่าทั้งนั้น ตอนนี้คนที่แสดงละครเวทีด้วยกันส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่กว่าหมดเลย จะสื่อสารยังไงดี ตอนนี้ก็ศึกษาอยู่ล่ะ
จู: ได้เจอเมมเบอร์เก่าๆบ้างมั้ย?
นิชิ: เจอชาวาโกะ (ฮาตะ ซาวาโกะ) บ่อยเลยล่ะ เดือนนึงอย่างน้อยต้องได้กินข้าวกันครั้งนึง ยังไงก็จะมาดูละครเวทีฉันให้ได้ เพราะว่ามีงานพากษ์วีนัสโปรเจ็กต์ด้วยกัน แล้วก็คงเพราะอยู่เอเจนซี่เดียวกันด้วยแหละ
จู: แล้วเมมเบอร์ปัจจุบันล่ะ
นิชิ: มี (เดกุจิ) อากิจังนัดฉันออกไป ตอนนั้นมาซานะก็อยู่ด้วย (หัวเราะ) ฮาจัง (โอโนะ ฮารุกะ) ก็อยู่
จู: แน่นอนว่าเป็นพวกรุ่น 1 !
นิชิ: หลังจากจบการศึกษาก็เจอมาซานะหลายครั้งแล้ว
จู: ตอนนั้นคุยเรื่อง SKE48 มั่งมั้ย?
นิชิ: แน่นอนว่ามีเรื่องจูรินะ (หัวเราะ) แบบว่า "ช่วงนี้มีเรื่องแบบนี้ล่ะ" ไม่ก็ "ยกเลิกควบทีมแล้วนะ" แล้วก็ประมาณครึ่งเดือนก่อนก็ได้เจออิโซฮาระ (เคียวกะ) ด้วย ได้รู้ว่าเขากำลังจะย้ายบ้าน ได้เอเจนซี่แล้วก็กำลังจะมาทำงานที่โตเกียวล่ะ
จู: สุดยอด! ได้ฟังเรื่องของเมมเบอร์ที่จบการศึกษาไปแล้วมีความสุขจังเลย
นิชิ: ซุสุกิ (ริกะ) ก็ติดต่อมาบ่อยๆ (อินุซากะ) อาซานะก็ด้วย อาซานะน่ะ เชื่อมั่นในจูรินะมากเลยนะ
จู: ไปได้ยินมาจากไหนเนี่ย
นิชิ: จากฉันนี่แหละ (หัวเราะ)
จู: แบบว่าดีใจมากเลยล่ะ
นิชิ: จริงสิ คุวาบาร่า มิซุกิก็เจอบ่อยเหมือนกัน ไปกินข้าวกัน 3 คนกับ (คาโต้) รูมิด้วย
จู: ฉันก็เจอบ่อยนะ
นิชิ: ส่วนมิเอโกะ (เน่ซัง) ถึงจะไม่เจอบ่อยแต่ก็คุยกันบ่อยล่ะ
จู: สายสัมพันธ์ของ SKE48 นี่แข็งแกร่งมากเลยเนอะ โดยเฉพาะรุ่น 1 ที่จบออกไปแล้วยังสนิทกัน ดีใจจัง

เรื่องของรุ่นน้อง

นิชิ: ช่วงนี้ฉันก็เป็นแบบนี้แหละ พูดถึงจูรินะเลิกควบทีมแล้ว ตอนนั้นก็ส่งไลน์มาด้วยนี่
จู: ส่งไลน์กลุ่มอิคิมูจิ (รุ่น 1 ห้าคนคือ จูรินะ เรนะ มาซานะ นากานิชิ มิเอโกะ) คิดว่าไงมั่ง?
นิชิ: ก็คิดว่า "อ่า งั้นเหรอ"
จู: แค่นั่นอ่ะนะ? (หัวเราะ)
นิชิ: แม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไรออกจากปากตัวเอง แต่ถ้ามาปรึกษา ฉันก็ให้คำแนะนำได้ ฉันว่ามันก็ดีกับสุขภาพร่างกายของจูรินะ ไปกลับโตเกียว-นาโกย่าน้อยลง
จู: แม้มันจะไม่ได้น้อยลงเลยอ่ะนะ
นิชิ: ไม่ลดลงเหรอ? (หัวเราะ)
จู: อันที่จริงก็ไม่ได้เลิกควบทีมเพราะเรื่องนี้หรอก
นิชิ: แต่ว่า ฉันพอจะเข้าใจนะว่าจูรินะคิดอะไรถึงขอเลิกควบทีม
จู: พูดเหมือนที่แฟนๆมาพูดกับฉันเลยอ่ะ
นิชิ: ในเวลาระหว่างนี้ฉันก็เปลี่ยนเป็นแฟนไปแล้วล่ะ (หัวเราะ)
จู: นั่นสิเนอะ นิชิชิกับเน่ซังจบการศึกษาไป เรนะจังก็จบการศึกษาไป จากนั้นก็เจอ "Rena Loss" สำหรับ SKE48 แล้วเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องใหญ่ ตัวเองเลยรู้สึกว่าถ้าไม่ทำอะไรซักอย่างเพื่อ SKE48 คงไม่ได้แล้ว
นิชิ: เรื่องนี้น่ะ จากในกลุ่มไลน์ฉันก็พอรู้ล่ะ
จู: เพราะงั้นก็เหมือนที่พูดไปเมื่อกี้ คนที่ช่วยฉันออกมาคือรุ่น 7
นิชิ: ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องรุ่น 7 เท่าไหร่ มีอะไรดีๆบ้างบอกมาหน่อยสิ
จู: ข้อดีมีเยอะจนพูดลำบากเลยล่ะ (หัวเราะ) อันแรกก็รุ่น 7 น่ะ ได้แสดงโคเอ็ง "Party" ทั้งตอนฝึกซ้อมและซ้อมจริงฉันก็ไปดูหมดเลย รู้สึกคิดถึงความหลังขึ้นมาเลย
นิชิ: เหมือนเห็นพวกเราสมัยก่อนสินะ?
จู: ใช่ นั่งดูพวกเขาซ้อมจริงอยู่ตรงที่นั่งด้านหน้าสุด มองดูเหงื่อที่กระเซ็น ได้ยินฝีเท้าบนเวทีเสียง "ปังๆ" เป็นความรู้สึกแบบนั้นล่ะ
นิชิ: พลังของเด็กวัยรุ่นสินะ
จู: ใช่ ความรู้สึกแบบนี้แหละคือ SKE48 แต่โคเอ็ง "Party" ของ SKE48 กับ AKB48 มีสิ่งที่ไม่เหมือนกันอยู่ใช่มั้ยล่ะ?
นิชิ: ใช่แล้วล่ะ โคเอ็ง "Party" ของ SKE48 น่ะเต็มไปด้วยความเป็น SKE48 มันใส่รูปแบบของอันนะเซนเซย์ลงไป
จู: ตอนรุ่น 7 แสดงก็มีความรู้สึก AKB48 อยู่ ฉันอยากจะใส่ความรู้สึกของ SKE48 ลงไปก็เลยไปซ้อมด้วย มันมีเพลง "SKE48" ด้วยใช่มั้ยล่ะ ในเนื้อเพลงมีสถานที่ดังๆของ SKE48 เพราะงั้นจะไม่แสดงด้วยความรู้สึกของ SKE48 ไม่ได้ เลยลองบอกว่า "เปลี่ยนตรงนี้หน่อยมั้ย" แม้จะไม่ค่อยรู้อะไรแต่ทำไปโดยคิดว่าถ้าให้คนที่สนับสนุน SKE48 ตั้งแต่เริ่มต้นกลับมาดู จะรู้สึกแบบนั้น
นิชิ: อย่างนี้นี่เอง โกโต้ ราระเป็นยังไงเหรอ?
จู: โมเม้นต์ที่เจอเขาครั้งแรก ก็รู้สึกว่านี่แหละความรู้สึกของ SKE48
นิชิ: เห! หมายความว่าไง?
จู: มีออร่า ดูแล้วให้ความรู้สึกวางใจได้
นิชิ: ฉันไม่เคยคุยกับเขาเลยอ่ะ วันที่ฉันจบการศึกษาก็วันที่เปิดตัวรุ่น7 นี่แหละ
จู: กับรุ่น 7 คนอื่นๆน่ะ ฉันจะแบบว่า "สู้เขา!" "ตรงนี้มันไม่ใช่นะ!" จะมองแบบนั้น แต่กับราระน่ะ ไม่มีอะไรแบบนี้เลย
นิชิ: มีพลังนักสู้ขนาดนั้นเลย
จู: ใช่ เก่งมากเลยล่ะ
นิชิ: แต่ว่าแบบนี้ ก็เท่ากับตั้งด่านไว้สูงมากเลยนะ
จู: งั้นเหรอ ฉันก็คิดว่านี่ก็ทำให้เขาลำบากเหมือนกัน
นิชิ: นี่ก็เหมือนสิ่งที่จูรินะเคยผ่านมาล่ะนะ
จู: อื้ม ฉันว่าเหมือนมากเลย ดูการซ้อมจริงของโชนิจิ (การแสดงวันแรก) จากนั้นก็ได้ดูอีกรอบ ราระในตอนนั้นไม่ร่าเริงเลย เหมือนกระวนกระวาย แล้วบางทียังดูเหงาๆอีก พอโคเอ็งจบลงก็อยู่ส่งคนดู เขาเอาแต่ก้มหน้า ตอนนั้นคงมีแฟนมาพูดอะไรที่ทิ่มแทงล่ะ พอดีกับตอนที่ถูกจัดให้อยู่ตำแหน่งที่ 3 ใน "Mae no Meri" คงมีแฟนไม่น้อยที่ไม่เห็นด้วย
นิชิ: แฟนๆแบบนี้ก็มีอยู่ตลอดนั่นแหละ
จู: พอจบ ฉันก็รีบไปหาราระ ถึงเขาจะไม่ได้พูดอะไรแต่ก็มองเห็นสายตาที่เจ็บปวด ฉันก็เลยพูดกับเขาว่า "ฉันรู้นะว่าเธออยากพูดอะไร" ตอนสมัย "Oogoe diamond" ฉันก็เคยมีช่วงที่ลำบากแบบนั้นเหมือนกัน ตอนจับมือก็ถูกข้ามไป ฉันเข้าใจความรู้สึกของราระดีเลยล่ะ ก็คิดว่าต้องไปให้กำลังใจเขา
นิชิ: จูรินะกลายเป็นพี่สาวไปแล้ว (หัวเราะ)
จู: ตอนแรกนึกว่าแฟนๆจะยอมรับได้แล้ว แต่จริงๆไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ว่าจะกับเมมเบอร์หรือแฟนๆ ใครก็ตามที่ยืนอยู่ข้างหน้าต้องมีภูมิคุ้มกันล่ะนะ
นิชิ: แต่ว่าถ้าไม่ก้าวผ่านอุปสรรคพวกนี้ก็ไม่สามารถเปล่งประกายได้นะ อย่างจูรินะที่เป็นจูรินะทุกวันนี้ก็เหมือนกัน ฉันว่ามันเป็นสเต็ปที่ต้องก้าวไปให้ได้

ว่าด้วยเรื่อง SKE48

นิชิ: จูรินะคิดว่า SKE48 ต่อจากนี้จะทำยังไงต่อไปดี?
จู: ฉันอยากให้เราเป็นเหมือน Chunichi Dragons ถ้าคนที่อยู่ในนาโกย่าก็จะบอกว่า "พูดถึงนาโกย่าก็ ต้อง Chunichi แหละ" เป็นเหตุผลในการสนับสนุนพวกเขาใช่มั้ยล่ะ? แบบนั้นแหละ ช่วงนี้ต้องเอาใจใส่ท้องถิ่นมากขึ้น ทั้งสตาฟฟ์ซังและเมมเบอร์เองก็คิดแบบนี้กันมากขึ้น ยังมีคนอีกเยอะที่ไม่รู้จัก SKE48 อยากให้คนที่ไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกลก็อยากจะมาดู SKE48 แต่ถึงอย่างนั้น SKE48 ตอนนี้ดูเหมือนว่าข้อมูลพวกนี้กลับถูกแพร่ออกไปน้อยมาก ดังนั้นพวกเราก็รู้สึกอยากไปแสดงตามที่ต่างๆ
นิชิ: เรื่องนี้ก็เกี่ยวกับที่เลิกควบทีมด้วยสินะ
จู: ใช่แล้ว อยากให้คนพูดว่า "ถ้าพูดถึงนาโกย่าก็ต้อง SKE48 สิ"
นิชิ: นี่เป็นเรื่องที่คงอยู่มาตั้งแต่ SKE48 เริ่มในปี 2008 เลยล่ะนะ เมื่อยังไม่อาจบรรลุได้ก็เลยยืดออกไปอีก
จู: ตอนที่เรนะจังยังอยู่ เป็นเซมบัตสึ AKB48 ก็เคยคุยกันว่า "พยายามเพื่อให้คนรู้จักชื่อของ SKE48 มากขึ้น" แต่พักหลังนี่ในเซมบัตสึมี SKE48 แค่ฉันคนเดียว ถ้าที่ตรงนั้นมีแค่ฉันคนเดียว ก็จะถูกมองเป็นเมมเบอร์ AKB48 ไป ความคิดนี้ค้างอยู่ในใจฉันมาตลอด ดังนั้นพอเลิกควบทีมก็เลยยืดอกพูด "SKE48" ได้เต็มปาก
นิชิ: คนที่มาดูแล้วรู้สึกว่าจูรินะใช้ได้นะ ฉันว่าก็จะเข้ามาทำความรู้จัก SKE48 แน่ๆ
จู: ใช่ๆ แต่ว่าถ้ายังควบทีมอยู่ แล้วพูดถึง SKE48 เขาก็จะแบบว่าอะไรน่ะ
นิชิ: แน่นอนว่าเรื่องของ AKB48 ก็ชอบเหมือนกัน
จู: แน่นอน แต่ว่าซิงเกิ้ล AKB48 คราวนี้ เรียวฮะกับราระก็เข้าเซมบัตสึด้วยนะ
นิชิ: อ๊ะ ซิงเกิ้ลที่ 44 สินะ
จู: อื้ม เนี่ยนะใจมันพองโตขึ้นมาเลยล่ะ ทั้งๆที่งานเลือกตั้งปีที่แล้ว SKE48 เป็นวงอันดับหนึ่ง แต่ว่าหลังจากซิงเกิ้ล "Halloween Night" แล้ว ซาเอะจัง อายะจัง ชูริแล้วก็คาโอตันกลับไม่ติดเซมบัตสึ เจ็บใจชะมัดเลย ทั้งๆที่ตั้งตารอ อยากให้ SKE48 เป็นที่รู้จักมากกว่านี้
นิชิ: เรื่องนั้นมันยากนะ เพราะกำลังของเมมเบอร์คนเดียวมันทำอะไรไม่ได้
จู: นั่นสินะ เรื่องนี้จะโทษสตาฟฟ์ก็ไม่ได้
นิชิ: จะสร้างโอกาสให้ SKE48 เป็นที่รู้จักมากขึ้นยังไงสินะ แต่ว่าหลังๆนี่จูรินะก็เริ่มเล่นทวิตเตอร์แล้วนี่
จู: ใช่ เริ่มตอนวันเกิดครบ 19 ปี
นิชิ: ฉันว่านี่แหละจะช่วยให้คนนอกรู้จัก SKE48 มากขึ้น
จู: แต่ว่า ฉันไม่ค่อยถนัดเล่นอินเตอร์เน็ตเท่าไหร่
นิชิ: แหงล่ะ (หัวเราะ) แต่ว่านะ คามาตะ (นัตสึกิ) ตอนนี้กำลังบุกโลกโชกิ (หมากรุกญี่ปุ่น) อยู่ ได้รับปฏิทินจากสมาคมโชกิด้วย แล้วก็โพสต์ลงทวิตเตอร์ จูรินะก็ลงรูปเซลฟี่ตัวเองเยอะๆสิ
จู: ได้เหรอแบบนั้น?
นิชิ: มันต้องได้สิ ก็ได้เห็นจูรินะที่น่ารัก ทวิตเตอร์มีความสามารถเผยแพร่มากเลยนะ ถ้าเมมเบอร์แสดงให้เห็นว่าทำอะไรได้ เรื่องพวกนี้ก็จะกระจายออกไปได้มากขึ้น แต่ว่าจูรินะชอบฝืนทำงานเยอะๆ ก็ทำ
ให้มันพอประมาณนะ ถ้าเกิดล้มป่วยไป มันจะไม่กลับมาเหมือนเดิมอีกนะ
จู: ค่า เพื่อการนั้น อยากให้เมมเบอร์พูดว่า "ไว้ใจเด็กคนนี้ได้เลย" กันเยอะๆนะ
นิชิ: จนถึงตอนนี้ แม้จะมีป้ายแบบว่า "รุ่นใหม่" อยู่ แต่ฉันว่าต้องไม่จำกัดอยู่แค่นี้ ฉันคิดว่าทุกคนต้องรับผิดชอบด้วยกัน
จู: อืม ตอนนี้รู้สึกว่าทุกคนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมากเลยล่ะ
นิชิ: ฉันว่าแบบนี้ก็ดีแล้ว ถ้าในใจแต่ละคนมีความคิดว่า "ฉันจะฉุดดึงไปเอง" แบบนั้นดีมากเลยใช่มั้ยล่ะ? จูรินะเองก็ลังเลอยู่ว่า "จะให้ใครมาช่วยดึง SKE48 ดีน้า" แบบนี้ดีที่สุดเลย ถ้าเป็น SKE48 ที่ไม่ว่าใครก็สามารถเป็นเซ็นเตอร์ได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจแบบนั้น มันสุดยอดไปเลยไม่ใช่เหรอ แต่ว่าก็อาจจะมีแบบว่าคาดหวังกับใครไว้มากเกินไป จนโดนบีบเละไปเหมือนกัน
จู: จริงด้วยเนอะ
นิชิ: อย่างตารางงานของจูรินะเต็มเอี๊ยดขนาดนั้น แล้วเกิดป่วยขึ้นมา ไม่มีใครมาเป็นเซ็นเตอร์แทนสถานการณ์ยุ่งยากแบบนั้น หรืออย่างเช่น กราเวียร์ต้องเป็นเด็กคนนี้เท่านั้นอะไรแบบนั้น
จู: ฉันน่ะ อยากให้ SKE48 มีคามิ 7 บ้างเหมือนกัน
นิชิ: เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นของมันเองไม่ใช่เหรอ
จู: เรื่องแบบนี้ไม่ได้อยู่ดีๆก็เกิดขึ้นหรอกนะ ฉันคิดว่าการออกซิงเกิ้ลที่มีคนน้อยๆก็เป็นวิธีหนึ่ง
นิชิ: "Gomenne Summer" ก็มี 7 คนเนอะ ฉันว่าบาลานซ์ดีมากเลยล่ะ
จู: ซิงเกิ้ลที่ออกเมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้วก็มี 7 คนนะ
นิชิ: Love Crescendo สินะ ฉันว่ามันเป็นความท้าทายมากเลยล่ะ เพราะว่าไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไรบ้าง
จู: ซิงเกิ้ลตอนเดือนมีนาคม "Chicken LINE" ฉันกับเรียวฮะ แล้วก็ราระยืนอยู่แถวหน้า แม้จะเป็นเรื่องที่ฉันกำหนดไม่ได้ แต่ฉันคิดว่าอิมเมจแบบว่า "นี่แหละ SKE48" ก็ดีเหมือนกัน แม้จะรู้สึกอยากให้เมมเบอร์หลายคนได้มายืนแถวหน้า แต่ถ้าเวลาคนบอกว่า "พูดถึง SKE48 ก็ต้องคนนี้ล่ะนะ" แล้วมีหน้าคนๆนั้นลอยออกมา ถ้าหน้าเหล่านั้นเพิ่มมากขึ้นได้ SKE48 ก็จะแข็งแกร่งขึ้น
นิชิ: นั่นสินะ จะให้คนจำได้ก่อนอื่นต้องมีรายการประจำฉายทั่วประเทศสินะ
จู: ใช่แล้วล่ะ!
นิชิ: นี่แหละสำคัญที่สุด! ...ถึงจะพูดเข้าข้างไปหน่อยก็เถอะ(หัวเราะ) แต่เพื่อใช้ SKE48 ให้เป็นประโยชน์ต้องตั้งกลุ่มพวก MC เนอะ

ความรู้สึกของจูรินะ

นิชิ: ดูจากที่คุยกับจูรินะมาถึงตรงนี้แล้ว เรื่องความรู้สึกที่อยากให้ SKE48 ดีขึ้นโผล่มาตลอดเลย ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ ฉันคิดว่าความรักที่จูรินะมีต่อ SKE48 แข็งแกร่งที่สุดเลยล่ะ
จู: ก็คิดตลอดเลยว่าจะทำยังไงให้ SKE48 เผยแพร่ออกไปได้ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ฉันกังวลตลอดเลย
นิชิ: ถ้าให้ฉันพูดล่ะก็ มันไม่ใช่เรื่องที่จูรินะจะแบกรับมากจนเกินไป ก็ยังมีเรื่องที่ลำพังแค่จูรินะทำไม่ได้อยู่ไม่ใช่เหรอ? ทั้งหมดนั่นกลายเป็นว่า "ฉันจะต้องทำอะไรซักอย่าง"
จู: อืม เรื่องนี้แหละที่ทำไม่ได้ (หัวเราะ)
นิชิ: เรื่องพวกนั้นปล่อยให้ยูอาสะซังจัดการก็พอแล้ว ให้สตาฟฟ์ซังที่รับผิดชอบจัดการไป สตาฟฟ์ซังที่ชอบ SKE48 ก็มีอยู่เยอะนะ ตอนนี้อาจมีเรื่องที่ยังทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ถ้าจูรินะอยากจะทำล่ะก็ ก็ไปบอกกับสตาฟฟ์ซัง "เด็กคนนี้มีจุดเด่นแบบนี้นะ" ให้รู้แบบนี้ไม่ได้เหรอ? ให้เขาได้เห็นข้อดีของคนอื่นๆ
จู: อื้ม งั้นสินะ
นิชิ: ถ้าทำแบบนั้น ก็จะกลายเป็นว่า "จูรินะของพวกเราพูดไว้แบบนี้ล่ะนะ" (หัวเราะ)
จู: ถ้าฉันพูดจะมีแรงโน้มน้าวได้มั้ยน้า?
นิชิ: ก็คือ เมเนเจอร์ซังน่ะจะมองไม่เห็นเมมเบอร์ตอนก่อนจะเปลี่ยนชุด เมมเบอร์เวลาอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ก็จะเกร็งจนแสดงตัวเองออกมาได้ไม่ดี ดังนั้นถ้าจูรินะสามารถบอกได้ว่า "เด็กคนนั้นเล่าเรื่องตลกเก่งมากเลยนะ" อะไรแบบนั้น ไม่แน่ว่าเวลาติดต่อกับนักแสดงตลกเขาอาจจะเห็นจุดนี้ก็ได้ ลองคุยกับคนหลายๆคนดูแล้วรึยัง อย่างเช่น คุยกับ BUBKA ซังว่า "เด็กคนนั้นน่ะหุ่นดีมากเลยนะ" ไม่ก็ "เด็กคนนั้นร้อนแรงสุดๆไปเลย เรียกไปด้วยเถอะค่ะ" ประมาณนั้น อ้อ เมื่อก่อนจูรินะยังเคยบอก BUBKA ซังว่าอยากให้ถ่ายฉันในชุดว่ายน้ำด้วย ถึงจะไม่ได้ถ่ายจริงๆก็เถอะ แต่เมื่อก่อนก็มีเรื่องแบบนี้ (หัวเราะ)
จู: ฮุๆๆๆ แต่ว่าฉันเองยังไม่ค่อยมั่นใจในสายตาตัวเองเท่าไหร่
นิชิ: ไม่เป็นไรนี่ มีฉันประทับตารับรองให้อยู่ มั่นใจในตัวเองหน่อย
จู: งั้นเหรอ ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นจะดีกว่าใช่มั้ย
นิชิ: ใช่ๆ
จู: งั้นเพื่อการนี้ฉันต้องไปทำความรู้จักกับเมมเบอร์ให้มากขึ้นละ อยากเจอกับเมมเบอร์บ่อยขึ้น อยากคุยเรื่องงานเกี่ยวกับ SKE48 ให้มากขึ้น
นิชิ: เรื่องนี้ฉันคงช่วยไม่ได้แล้ว (หัวเราะ) แต่ว่า ซาเอะซังก็จบการศึกษาไปแล้วใช่มั้ยล่ะ SKE48 ก็ก้าวเข้าสู่บทต่อไปแล้วล่ะมั้ง? ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ก็ต้องตั้งใจคิดให้ดี แม้ว่ามันจะยังไม่เห็นผลก็ตาม
จู: นั่นสิเนอะ SKE48 ในตอนนี้น่ะ มองเห็นสัญญาณที่ดีล่ะ ในคอนเสิร์ตจบการศึกษาของซาเอะจังฉันก็พูดไปว่า "SKE48 ตอนนี้กำลังวิกฤต" แต่ว่าตอนนี้กลับไม่มีความรู้สึกว่ามีตรงไหนแย่เลย นั่นเพราะว่าพวกรุ่นน้องกระตือรือร้นกันมาก ทุกคนต่างก็อยากทำอะไรซักอย่างเพื่อ SKE48 ดังนั้นฉันว่าอนาคตที่สดใสรอ SKE48 อยู่ล่ะ
นิชิ: งั้นก็ดีแล้วล่ะนะ
จู: เรื่องนึงที่ไม่ต้องสงสัยเลยคือ เวลาที่เมมเบอร์จบการศึกษา แฟนๆก็ไม่ได้หายไปไหน อย่างในคอนเสิร์ตตอนที่พูดว่า "SKE48 ตอนนี้กำลังวิกฤต" คนที่อยู่ตรงนั้นก็ตอบฉันกลับมาว่า "SKE48 ไม่เป็นไรหรอก" "พยายามไปด้วยกันนะ" ได้ยินแล้วดีใจจริงๆ SKE48 น่ะขับเคลื่อนด้วยแฟนๆ ทั้งเมมเบอร์ทั้งแฟนๆทุกคน รวมถึงสตาฟฟ์ซังจับมือกันเป็นวงไปด้วยกัน แม้จะมีเมมเบอร์จบการศึกษาไป ความร้อนแรงก็ไม่น้อยลง เพราะงั้นเลยตั้งตารองานเลือกตั้งที่จะถึงนี้
นิชิ: งานเลือกตั้งใกล้เข้ามาแล้วสินะ สู้เขา!
จู: พอกลับมาไม่ควบทีมแล้ว ก็เผชิญหน้ากับความกังวลว่าตัวเองจะทำยังไงถึงจะดี เพราะงั้นวันนี้ได้คุยกับนิชิชิ รู้สึกว่ามุมมองของตัวเองเปิดกว้างขึ้นอีก อยากจะไปข้างหน้าอีก!
นิชิ: โอ๊ส! ดีมาก
จู: ก็มีส่วนที่เศร้าอยู่บ้างนิดนึงล่ะ แต่ว่าฉันเป็นพวกที่ถ้ามีเรื่องไหนที่ฉันทำได้ด้วยตัวเองก็จะลองทำดู ไม่มีเวลามาหยุดอยู่เฉยๆหรอก
นิชิ: ฉันพูดไปกี่รอบแล้ว ว่าอย่าฝืนตัวเอง (หัวเราะ) กินเยอะๆ พักผ่อนเยอะๆ อ้อนคนที่อ้อนได้ สุขภาพต้องมาก่อน!
จู: เหมือนคุณแม่เลยอ่ะ (หัวเราะ)
นิชิ: เวลาที่เจอเรื่องลำบาก ก็มาคุยในกลุ่มไลน์อิคิมูจิได้นะ ตอนนั้นน่ะ มิเอโกะคงเป็นคนแรกที่ตอบ (หัวเราะ)
จู: นิชิชิตอบช้าตลอดเลย
นิชิ: ใช่ๆ รอให้ฉันตอบก็เปลี่ยนเรื่องคุยกันไปแล้ว...เรื่องนี้น่ะช่างมันเถอะ! ฉันน่ะอยากให้จูรินะไร้เดียงสาตลอดไปเลย
จู: แต่ว่า ฉันอายุ 19 แล้วนะ?
นิชิ: พูดอะไรของเธอ คุวาบาระ มิซุกิจะ 25 อยู่แล้วยังไร้เดียวสาอยู่เลย! ตอนนี้ก็ยังเรียก ".....ยากิ!" อยู่ (หัวเราะ) เพราะงั้นจูรินะก็เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆแหละดีแล้ว
จู: อื้ม เข้าใจแล้ว! วันนี้ขอบคุณมากนะ!


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

blogged by 91

[91][bsummary]

Translation

[Translation][bsummary]

Subtitle

[subtitle][bsummary]

Update

[SKEUpdate][bsummary]