วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2559

(91)[100%SKE48] แปลบทสัมภาษณ์ชูริ (ทาคายานางิ อากาเนะ)

“ออกมาจากวิกฤติแล้ว”
แม้ว่าเมมเบอร์หลายคนจะบอกอย่างนั้น
แต่ทาคายานางิ อากาเนะนั้น “ยังไม่พอใจ”
ทั้งเคยได้รับความสำเร็จอันรุ่งเรือง ทั้งเคยตกลงไปในบ่อโคลนอันมืดมิด
เพราะอย่างนั้นจึงรู้สึกได้ถึงวิกฤติ
ความเชื่อมั่นที่ไม่มีวันสั่นคลอนซึ่งร้อนแรงอยู่ในอก ทำให้เธอก้าวต่อไปข้างหน้า

ชีวิตใน SKE48 ตลอด 7 ปี คำตอบเพียงหนึ่งเดียวนี้ที่ได้รับ
ก็คือ “ร้อนแรงสุดกำลัง” เท่านั้น

การลงเลือกตั้งที่คิดอย่างหนัก

- 100%SKE48 ฉบับพิเศษคราวนี้ มีเรื่องหลักที่จะถามอยู่ 2 เรื่อง ก่อนอื่นเรามาเริ่มที่เรื่องเลือกตั้งกันก่อนนะครับ

ชูริ: ทำไมพอถึงเวลาเลือกตั้งทีไร BUBKA ซังจะต้องเชิญมาสัมภาษณ์ทุกทีเลยนะคะ (หัวเราะ)

- มันเป็นธรรมเนียมไปแล้วครับ (หัวเราะ) เชิญเริ่มจากเหตุผลที่ลงเลือกตั้งก่อนเลยครับ

ชูริ: ปีที่แล้วได้อันดับที่ 14 มา ได้เข้าร่วมกิจกรรมในฐานะเซมบัตสึของ AKB48 ได้ไปออกรายการ Music station แล้วก็ “ทีวี 24 ชม.” แฟนๆต่างก็ดีใจกันมากเพราะเรื่องพวกนี้ เป็นหน้าร้อนในชีวิต 48 ที่ไม่มีวันลืมเลย สนุกมากจริงๆค่ะ แต่หลังจากนั้น ก็มีเรื่องหลายๆอย่างที่น่าเจ็บใจ เพราะงั้น ถ้าอยากให้แฟนๆมีความสุขร่วมกันอีกครั้ง ก็คงมีแค่ต้องพยายามไปด้วยกันในงานเลือกตั้งล่ะค่ะ

- เรื่องนี้เข้าใจได้ครับ

ชูริ: แต่ว่า ก็ยังลังเลเหมือนกันว่าจะลงดีมั้ย นั่นเป็นเพราะถึงจะได้อันดับที่ 14 มา แต่ตำแหน่งของฉันในเซมบัตสึ SKE48 ก็ยังไม่ได้ตามที่หวังไว้ จะว่าได้ทำงานในฐานะ SKE48 เต็มที่แล้วก็พูดได้ไม่เต็มปาก ปีที่แล้วฉันคิดว่า “จะต้องทำให้ทุกคนรับรู้ถึง SKE48 ทาคายานางิ อากาเนะอีกครั้งให้ได้” “อยากทำงานหลายๆอย่างให้มากขึ้น” ก็เลยลงเลือกตั้ง แต่ว่าเป้าหมายพวกนั้นยังไม่สำเร็จทั้งหมด นี่เป็นสาเหตุที่ฉันคิดหนักเรื่องลงเลือกตั้งน่ะค่ะ

- นี่คงเป็นสิ่งที่คุณหนักใจสินะครับ พูดกันตามตรง พอรู้ว่าทาคายานางิซังจะลงเลือกตั้ง ผมก็คิด “ชูริมาแล้ว!” ก็ปีที่แล้วน่ะ รู้สึกเหมือนว่าคุณคงจะไม่ลงอีกแล้ว

ชูริ: มีคนพูดอย่างนี้เยอะค่ะ “ปีที่แล้วเธอบอกว่าจะเป็นปีสุดท้ายแล้วไม่ใช่เหรอ!” แต่ว่าตัวฉันเองยังไม่เคยพูดว่า “สุดท้าย” เลย ตอนที่ลงเลือกตั้งปีที่แล้วก็ไม่เคยคิดเรื่องนี้เหมือนกัน แต่แค่ว่า ถ้าปีที่แล้วติดเซมบัตสึแล้วมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นครั้งใหญ่ ก็ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นปีสุดท้ายก็ได้

- ถ้างานในฐานะ SKE48 เพิ่มมากขึ้น และมองเห็นลู่ทางใหม่ๆของเห็นตัวเองแล้ว..

ชูริ: ใช่ค่ะ ถ้ามีงานดี่ยวเพิ่มมากขึ้น เลือกทางที่จะเดินไปข้างหน้าได้แล้ว ตำแหน่งใน SKE48 ชัดเจนแล้ว ก็ไม่แน่ว่าปีที่แล้วอาจจะเป็นปีสุดท้ายค่ะ

- วันก่อน ตอนที่คุณจัดรายการประจำของคุณ “Umarete kono kata” กับมัตสึอิ เรนะซัง ก็มีพูดถึงเรื่องเลือกตั้งด้วยนี่ครับ

ชูริ: จริงๆไม่ได้เตรียมพูดเรื่องเลือกตั้งเลยค่ะ ตอนช่วงที่อัดรายการเป็นช่วงที่เปิดรับสมัครลงเลือกตั้งพอดี ตอนนั้นฉันยังไม่ได้ตัดสินใจลง แต่หัวข้อที่สตาฟฟ์ซังให้มา มันมีหัวข้อ “ปรึกษาปัญหาหนักใจของชูริ”ด้วย ทีแรกฉันกะว่าจะคุยเรื่องเลือกตั้งกันส่วนตัว ไม่คิดว่าจะพูดออกไปในรายการซะได้ (หัวเราะ) เรนะซังบอกฉันว่า “เลือกตั้งจะเป็นยังไง มันก็คืองานเลือกตั้งล่ะนะ” คำพูดนี้ช่วยฉันเอาไว้ค่ะ

- แค่เรื่องลงหรือไม่ลง คุณยังกังวลไปถึงขั้นนั้นเลย

ชูริ: ตั้งแต่มีระบบให้ลงสมัครเลือกตั้ง มันก็ไม่เหมือนเดิมค่ะ ถ้าไม่ลงก็จะถูกถามว่า “ทำไมถึงไม่ลงล่ะ?” ถ้าลง ก็จะถูกถามว่า “ทำไมถึงลงล่ะ?” ทั้งๆที่คิดหนักอยู่นานกว่าจะตัดสินใจลงสมัคร แต่กลับมาบอกว่า “คงจะเปิดทางให้รุ่นน้องได้แล้วมั้ง” แน่นอนว่าคนที่พูดอย่างนี้มีไม่เยอะ ฉันคิดว่าทำแบบนั้นมันใจดีเกินไป ชิโนดะ มาริโกะซังก็เคยพูดไว้ว่า“เมมเบอร์ที่ไม่สามารถขึ้นไปได้ด้วยตัวเองนอกจากจะมีคนเปิดทางให้น่ะ ไม่มีทางชนะใน AKB48 ได้หรอก” ฉันไม่ยอมอ่อนข้อให้หรอก...อีกอย่าง ในเซมบัตสึ SKE48 ก็ยังอยู่หลังรุ่นน้องเลย เพราะงั้นฉันเลยคิดว่า “ในเมื่อฉันอยู่หลังในเซมบัตสึ อย่างน้อยในงานเลือกตั้งฉันจะอยู่ข้างหน้า!”

- นั่นสินะครับ!

ชูริ: ที่ผ่านมาฉันลงเลือกตั้งตลอด แม้ว่าตอนเลือกตั้งครั้งแรกจูรินะซังกับเรนะซังจาก SKE48 จะไม่ติดอันดับ แต่พอได้เห็นรุ่นพี่ 2 คนจากวงที่ตัวเองอยู่ติดอันดับได้อย่างงดงามแล้ว ฉันก็รู้สึกว่า “ฉันอยากขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีนั้นเหมือนกัน!” มากๆเลยค่ะ ดังนั้น ฉันก็อยากให้พวกรุ่นน้องมองฉันที่ยืนอยู่บนนั้น แล้วคิดว่า “ฉันอยากก็ติดอันดับเหมือนกัน!” บ้างน่ะค่ะ

ฉันมีเพียงตอนนี้

- เข้าใจแล้วครับ พูดถึงความพิเศษของงานเลือกตั้งปีนี้ ก็เป็นเรื่องเมมเบอร์ SKE48 ที่ถอนตัวไปทีละคน โดยเฉพาะเมมเบอร์ที่สนิทกับทาคายานางิซัง แล้วยังมีคนที่ได้อันดับดีในปีที่แล้วอีก

ชูริ: อย่าง (อิชิดะ) อันนะจากรุ่น 2 กับ (โอยะ) มาซานะซังรุ่น1ก็ตัดสินใจไม่ลง พวกเขาก็ต่างมีเหตุผลของตัวเอง เพราะงั้นฉันจะไม่พูดถึงมาก การเลือกที่จะไม่ลง อันที่จริงต้องมีความกล้ามากๆค่ะ ในช่วงที่รับสมัครน่ะแค่ความคิดในตอนเช้ากับตอนเย็นก็ไม่เหมือนกันแล้ว บางทีอาจจะเปลี่ยนไปทุกชม.เลยก็ได้

- ลง ไม่ลง ลง ไม่ลง...สินะ

ชูริ: ค่ะ พอตกเย็นก็เกิดกลัวขึ้นมา มีเวลาให้คิดมากมาย ได้ดูเสียงตอบรับของแฟนๆจากบล็อกและทวิตเตอร์ด้วย แน่นอนว่าก็กลัวที่จะเผชิญหน้ากับผลสุดท้ายเหมือนกัน แต่ฉันสัญญากับแฟนๆไว้แล้ว ยังไงก็จะไม่ร้องไห้ด้วยความเจ็บใจ ไม่ว่าผลจะออกมายังไงก็จะไม่ร้องไห้

- ที่เอ่ยถึงเมื่อกี้ มาซานะซังไม่ลงในปีนี้ ตอนที่รู้ข่าว คุณใช้คำว่า “ช็อค” นั่นเป็นเพราะว่ารู้สึกเหงาหรือเปล่าครับ?

ชูริ: ค่ะ ถึงจะไม่เคยไปบอกกับเจ้าตัวแต่ฉันกับมาซานะซังน่ะตั้งเป้าหมายที่เซมบัตสึเหมือนกันค่ะ ตั้งแต่ “namida no seesaw game” (เพลง undergirls ปี 2010) เป็นต้นมา พวกเราติด undergirls ด้วยกันตลอด ถ้ามาซานะซังอยู่ก็จะรู้สึกเบาใจล่ะ

- พูดตรงๆเลยนะครับ เป้าหมายปีนี้คืออะไรครับ?

ชูริ: สำหรับเรื่องนี้ ฉันยังกังวลอยู่เลยว่าจะพูดออกไปชัดๆดีมั้ย ฉันอยากจัดงานมีทติ้งกับแฟนๆค่ะ

- ทำไมล่ะครับ?

ชูริ: อยากคุยกับแฟนๆโดยตรงนานๆ แค่ในบล็อก มันยากที่จะส่งความรู้สึกไปให้ถึง พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าตอนที่ฉันเขียนฉันรู้สึกยังไง อาจมีคนมองว่า “ก็มีงานจับมืออยู่แล้วนี่” แต่ฉันคิดว่าเวลาแค่ไม่กี่วินาทีนั่นพูดไม่หมดหรอก!

- เรื่องนี้ผมเข้าใจครับ

ชูริ: ฉันอยากฟังเสียงของแฟนๆด้วย อยากจะพูดตรงๆกับพวกเขา ถ้าแบบนั้นทำให้ความรู้สึกของแฟนๆเป็นหนึ่งเดียวกันได้ก็คงดี เวลาที่ฉันจะเป็นไอดอลต่อไปเหลือไม่มากแล้ว ในระหว่างที่ยังเป็นไอดอลอยู่ ฉันก็อยากให้พวกเขาชอบฉันจนถึงที่สุด เพราะว่าฉันมีแค่ตอนนี้เท่านั้น แต่ว่าพอพูดปุ๊บก็ดูเหมือนว่าฉันตัดสินใจจบการศึกษาแล้ว วางใจได้ค่ะ ฉันยังไม่จบการศึกษาหรอก (หัวเราะ) แต่ก็คิดอะไรหลายๆอย่างอยู่ สิ่งที่ถูกต้องคืออะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรถูกเลยก็ได้


สถานะของทาคายานางิ อากาเนะในตอนนี้

- ขอเข้าเรื่องต่อไปเลยนะครับ แต่ว่าเมื่อกี้ก็มีพูดถึงแล้วล่ะ เพราะงั้นมันก็เกี่ยวกับเรื่องที่แล้วด้วย

ชูริ: คือเรื่อง "SKE48 ต่อจากนี้" ใช่มั้ยคะ?

- ก็รวมถึงเรื่องนี้ด้วย แต่ที่อยากจะถามคือ ทาคายานางิซังคิดว่าตอนนี้ตัวเองอยู่มี “สถานะ” แบบไหนใน SKE48 ครับ

ชูริ: เรื่องนี้นี่เอง ฉันเองก็อยากให้มันชัดเจนเหมือนกันค่ะ

- ถ้างั้นก็ดีมากเลยครับ ทาคายานางิซังน่ะ เคยเป็นลีดเดอร์ทีม KII มาตลอด ตอนชัฟเฟิลครั้งใหญ่ก็ออกจากตำแหน่ง ตอนนี้ไม่ได้เป็นรองลีดเดอร์แล้วก็ไม่ได้เป็นกัปตันของวงด้วย

ชูริ: มันก็เป็นอย่างนี้มา 2 ปีแล้วค่ะ

- นั่นสินะครับ คุณคิดว่าตัวเองควรอยู่ตรงไหนครับ?

ชูริ: ถ้าตามความเห็นของฉันเองนะคะ SKE48 น่ะ นอกจากเซ็นเตอร์ที่เป็นจูรินะซังแล้ว คนอื่นๆไม่มีตำแหน่งที่แน่นอนค่ะ พวกเมมเบอร์นอกเหนือจากเด็กรุ่นใหม่ที่ถูกวางตัวไว้ก็ด้วยเหมือนกัน แต่ AKB48 น่ะต่างออกไปมาก อย่างเช่นโคจิฮารุซังก็เป็นางแบบ พารูรุซังก็เป็นนักแสดง วาตานาเบ้ มายุซังเป็นหน้าเป็นตาของ AKB48 มี่องจังก็เป็นเซ็นเตอร์ยุคใหม่ ถ้าเป็น AKB48 ละก็ ทุกคนมีงานที่ชัดเจนค่ะ แต่ SKE48 มีแค่งานในวงเท่านั้นที่ชัดเจน...

- พวกกัปตันกับลีดเดอร์ พวกนี้เป็นงานในวงสินะครับ

ชูริ: ใช่ค่ะ แต่ว่าหน้าที่งานที่แสดงออกไปข้างนอกกลับไม่ชัดเจน ดังนั้นฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองต้องทำอะไรกันแน่ ถ้ามันชัดเจนขึ้นจะไม่ดีกว่าเหรอคะ?

- ผมก็ว่างั้นครับ

ชูริ: อ๊ะ! อยากให้ทุกคนบอกว่า "พูดถึงไลฟ์ก็ต้องเป็นทาคายานางิ อากาเนะ" ล่ะค่ะ รับหน้าที่สร้างไลฟ์ให้ร้อนแรง ตอนนี้ก็บ้าๆบอๆอย่างนี้ในทัวร์ทั่วประเทศค่ะ (หัวเราะ)

- ผมได้ไปดูแค่ที่อิบารากิเอง ครึกครื้นมากจริงๆครับ

ชูริ: เวลาที่ฉันสามารถแสดงตัวตนออกมาได้มากที่สุดก็คือตอนยืนอยู่บนเวทีค่ะ ถ้าได้เป็นคนที่ทุกคนมองว่า “มีเด็กคนนี้อยู่วางใจได้เลย” ก็คงดีค่ะ

- ทัวร์ในตอนนี้ เป็นทีมแต่ละทีมบวกกับเคงคิวเซย์สลับกันไปใช่มั้ยครับ

ชูริ: ฉันอยากให้ทุกคนมาร่วมกัน ระเบิดออกไปสุดแรง อยากบอกพวกเขาว่า “เล่นบ้าๆกว่านี้อีกหน่อยก็ได้นะ” ทั้ง (สุดะ) อาคาริและยากาตะ มิกิจังก็เคยพูดกับฉันว่า “ถ้ามีชูริอยู่ในไลฟ์มันจะสนุกมากเลย” เพื่อนที่เคยอยู่ทีมเดียวกันมาบอกกับฉันแบบนี้ ดีใจมากเลยล่ะ

ทั้งหมดเพื่อ SKE48

- ฤดูร้อนปีที่แล้ว เรนะซังจบการศึกษาไป อยากทราบว่าหลังจากนั้นความรู้สึกของทาคายานางิซังเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้างครับ

ชูริ: อย่างแรกคือ พอเรนะซังจบการศึกษาไป ฉันก็รู้สึกว่า “เหลือคนเดียวแล้วสิน้า...” เรนะซัง มิเอปี้ (ซาโต้ มิเอโกะ) (ฟุรุคาว่า) ไอริ ทุกคนไม่อยู่แล้ว

- คนที่สนิทต่างค่อยๆจบการศึกษาไปแล้วสินะครับ

ชูริ: พอไม่มีคนที่สนิทกันแล้วมันเศร้ามาก ฉันยังเคยคิดเลยว่าต่อจากนี้ไม่อยากจะสนิทกับเมมเบอร์คนไหนอีกแล้ว ตอนช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว ในห้องแต่งตัวทีม KII ก็เอาแต่อยู่คนเดียวตลอด แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนก็ใจดีมาก มาถามฉันว่า “ชูริซัง มีอะไรรึเปล่า?” อย่างเช่นอาราอิ ยูกิจัง คิตาโน่ รุกะจัง แล้วก็เอโกะจัง พวกเขาช่วยฉันไว้ค่ะ ทำให้ฉันกลับมาพยายามอีกครั้ง

- พอเรนะซังจบการศึกษาไป ในวงมีการเปลี่ยนแปลงยังไงบ้างครับ?

ชูริ: ฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้วมีออกยูนิตเด็กรุ่นใหม่ Love Crescendo ฤดูใบไม้ผลิปีนี้ “Chicken LINE” ก็มีเด็กๆมายืนอยู่ข้างหน้า ฉันคิดว่านี่เป็นผลจากการที่เรนะซังจบการศึกษาค่ะ

- ทาคายานางิซัง ส่วนตัวมองว่ายังไงครับ?

ชูริ: ฉันได้รับเลือกให้อยู่ยูนิต “Transit Girls” ค่ะ ตอนที่รู้ว่าคำว่า “Transit” หมายถึง “เปลี่ยน” ไม่คิดว่ามันสื่อออกมาได้ดีนะ ก็ฉันยังไม่คิดจะเปลี่ยนซะหน่อย

- ยังคงรออยู่ที่สนามบินต่อไป (หัวเราะ) (Transit แปลว่า เปลี่ยนเครื่องก็ได้)

ชูริ: ใช่ค่ะ (หัวเราะ) แต่ว่าถึงรู้สึกไม่ค่อยพอใจ ตอนนั้นก็ไม่ได้พูดออกมา

- แล้วคิดว่า “Chicken LINE” เป็นไงบ้างครับ?

ชูริ: เป็นเพลงที่เท่มากค่ะ ถ้าไม่ใช่มุมมองส่วนตัวของทาคายานางิ ก็เป็นเพลงที่เยี่ยมมากเลย

- แล้วมุมมองของคุณคือ?

ชูริ: เจ็บใจมากค่ะ ที่จริงฉันคิดว่าจะใช้เวลาที่มีอยู่คอยสอนพวกรุ่นน้อง ซึ่งฉันก็ทำมาตลอด แต่ว่าไม่มีใครมาออดิชั่นเพื่อจะเต้นอยู่หลังรุ่นน้องหรอกค่ะ

- ไม่มีหรอกครับแบบนั้น

ชูริ: อย่างเช่น (ทาคากิ) ยูมานะน่ะ เธอชอบเด็กๆ SKE48 ทุกคน อยากจะสนับสนุนทุกๆคน มันเป็นเรื่องที่งดงามมากๆ แต่ฉันน่ะฝันอยากจะเป็นไอดอลที่เปล่งประกาย แน่นอนว่าก็มีรุ่นน้องที่ฉันชื่นชมอยู่เหมือนกัน อยากให้เด็กเหล่านี้ได้รับความสนใจมากกว่านี้

- ลองบอกชื่อมาหน่อยได้มั้ยครับ?

ชูริ: อย่างเช่น...บอกไม่ได้ค่ะ (หัวเราะ) ฉันบอกกับเจ้าตัวไปแล้ว เพราะพอจะมองเห็นว่าพวกเขามีดี ในเวลาแบบนี้บอกชื่อพวกเขาไม่ได้หรอกค่ะ

- มีกี่คนครับ?

ชูริ: ค่ะ ก็มีทั้งคนที่ฉันอยากให้เข้าเซมบัตสึ มีทั้งคนที่เข้าเซมบัตสึได้แล้วแต่อยากให้ได้รับการชื่นชมมากกว่านี้...เยอะเลยค่ะ

- ทาคายานางิซัง กับจูรินะซังและเรนะซังเคยถูกเรียกว่า “JRA” มาก่อน รู้สึกจะเป็นช่วงปี 2011-2012 ความรู้สึกในตอนนั้นเป็นยังไงครับ?

ชูริ: ตอนนั้นไม่มีอะไรต้องกลัวเลยค่ะ เพราะว่าที่ได้ตำแหน่งข้างหน้ามาอยู่ดีๆก็ได้มาโดยไม่รู้อะไรเลย ตอนที่ได้เข้าเซมบัตสึ “Aozora kataomoi” ก็รู้สึกถึงความกดดันจากรุ่นพี่ค่ะ รู้สึกแบบว่า “อ๊ะ แย่ละ” (หัวเราะ) หลังจากนั้นพอได้ร้องเพลงกับจูรินะซังและเรนะซังก็ดีใจมาก ทั้งชอบพวกเขามากและนับถือมากๆด้วย ก็ได้ร้องเพลงด้วยกันกับทั้ง 2 คน แต่...ตอนนั้นฉันคิดอะไรอยู่บ้าง? นึกไม่ออกเลยค่ะ คงคิดว่าอยากเป็นเซ็นเตอร์มั้งคะ?

- ที่ถามนี่ เพราะคิดว่าอาจจะได้คำตอบที่ช่วยชี้ทางให้รุ่นน้องได้น่ะครับ

ชูริ: ฉันตอบได้แค่ ฉันตอนนั้นน่ะ ทุ่มเทสุดชีวิตเลยค่ะ เพื่อที่จะได้เป็นเซ็นเตอร์ในสักวัน ความพยายามในวันนี้ จะต้องได้ผลกลับมาในสักวัน ทำไปด้วยความคิดแบบนั้น ที่ฉันบอกได้คือ “ความพยายามอาจจะไม่ได้ผลอะไรกลับมา แต่ในเมื่อมาอยู่ตรงนี้แล้วก็มีแต่ต้องทำให้มากขึ้นเท่านั้นไม่ใช่เหรอ” ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก มีแค่เรื่องนี้แหละค่ะที่ฉันพูดได้อย่างภาคภูมิใจ ฉันน่ะระยะเวลา7 ปีที่ผ่านมาที่เข้ามาอยู่ SKE48 ไม่ว่าจะเป็นเวลางานหรือเวลาส่วนตัว ฉันก็คิดถึงแต่เรื่องของ SKE48 ยกเว้นแค่ตอนเล่นกับนกที่บ้านเท่านั้นแหละ!

- ตอนนั้น ช่างมันเถอะครับ (หัวเราะ)

ชูริ: แต่ว่าเพราะชอบนกมากก็เลยอยากทำงานที่เกี่ยวกับนกด้วย ถ้าพวกนกได้รับการคุ้มครองให้มันมีความสุขได้ก็จะดีค่ะ

- นี่คิดไปถึงขั้นนั้นเลยเหรอครับ!

ชูริ: ใช่ค่ะ อยากให้ประชากรนกเพิ่มขึ้น อยากให้ทุกคนรักนกพวกนี้ เพราะนกพวกนี้น่ะอยู่ได้แค่ประมาณ 10 ปีเอง...เรื่องนี้น่ะ ต้องคุยกันนะคะ?

- ไว้โอกาสหน้าดีกว่าครับ (หัวเราะ)

ชูริ: ยังไงก็ตาม ที่จะบอกคือฉันจะทำเพื่อ SKE48 ค่ะ เพื่อไม่ให้มีเรื่องเข้าใจผิด พิธีบรรลุนิติภาวะฉันก็ไม่ได้ไปร่วม ตอนปีใหม่มีงานรวมญาติก็ไม่เดินข้างๆพี่ชายน้องชายเด็ดขาด

- สมแล้วที่เป็น “ชาว SKE48” (หัวเราะ) จะว่าไป ไซโต้ มากิโกะที่อยู่รุ่นเดียวกันได้เป็นกัปตันด้วย

ชูริ: ฉันบอกเธอไปว่า “จะต้องเป็นตัวของตัวเองนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเราก็จะไปกับเธอ” ที่ผ่านมาเธอเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับทุกคนมาตลอด แค่ทำเหมือนเดิมก็พอแล้ว

- เท่าที่ได้ถามเมมเบอร์หลายคนที่มาสัมภาษณ์คราวนี้ ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า  “ความรู้สึกของวงเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว ไม่หยุดนิ่งแล้วล่ะ” ทาคายานางิซังคิดว่ายังไงครับ?

ชูริ: ฉันรู้สึกว่ายังไม่เปลี่ยนไปเท่าไหร่ค่ะ ดังนั้นจะต้องเปลี่ยนแปลงต่อไปเรื่อยๆ อยากลองอะไรใหม่ๆบ้าง อย่างเช่น ตอนเปลี่ยนเซ็นเตอร์ “12 gatsu no kangaroo” แต่ครั้งนั้นเป็น NMB48 ที่เปลี่ยนไปก่อน

- ถ้าจะลองอะไรใหม่ๆ ก็อยากจะเป็นคนแรกที่ได้ลองสินะครับ

ชูริ: ค่ะ แล้วจริงๆก็อยากได้รายการประจำค่ะ (หัวเราะ) จนถึงตอนนี้ก็มีคนมากมายที่ชอบพวกเราเพราะได้ดูรายการทีวี เป็นโอกาสดีที่จะให้คนได้รู้จักคาแรคเตอร์ของแต่ละคนด้วย

- เป็นการสัมภาษณ์ที่ได้เข้าใจความคิดของทาคายานางิซังอย่างถ่องแท้เลย

ชูริ: ถ้าแบบนั้นก็ดีใจค่ะ แล้วก็เรื่องงาน “งานขาวแดง” เมื่อปีที่แล้วเราไม่ได้ขึ้นแสดง ฉันเจ็บใจจนร้องไห้ออกมาเลย แต่ดูเหมือนว่าเมมเบอร์ที่เจ็บใจกลับมีไม่มาก ยิ่งทำให้ฉันเจ็บใจเข้าไปอีก บางทีก็คิดว่านี่คงเป็นสถานการณ์ของ SKE48 ในตอนนี้ ฉันอยากให้ทุกคนมีความมั่นใจที่จะกลับไปที่นั่นอีกครั้ง!

- ไม่เป็นไรหรอกครับ SKE48 น่ะยังไปต่อจากนี้ได้อีก!


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

blogged by 91

[91][bsummary]

Translation

[Translation][bsummary]

Subtitle

[subtitle][bsummary]

Update

[SKEUpdate][bsummary]