วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

(91)[100%SKE48] แปลบทสัมภาษณ์นาโอะจัง (ฟุรุฮาตะ นาโอะ)

ฟุรุฮาตะ นาโอะในคอนเสิร์ตจบการศึกษาของมิยาซาว่า ซาเอะนั้นดูน่าตื่นตาตื่นใจมาก
โบยบินออกจากรัง SKE48 ที่สำคัญยิ่ง รับประสบการณ์จากโลกภายนอก
ด้วยความเจ็บใจกับการที่ไม่ได้ไป “โคฮาคุ” ในปลายปีที่แล้ว
และที่มัตสึอิ จูรินะพูดออกมาว่าเป็น “วิกฤติ”
เมื่อผูกเรื่องพวกนี้เข้าด้วยกัน เธอได้ตัดสินใจแล้ว

ความรักใน SKE48 ที่ทวีมากขึ้น “บันทึกประสบการณ์การเรียนต่างแดน” ของฉัน
“รอยยิ้มของทุกคน ฉันจะเป็นคนปกป้องเอง!”


การตื่นรู้ในความเป็นมืออาชีพ

- วันนี้ คิดว่าจะจัด “งานยกย่องฟุรุฮาตะ นาโอะ” สักหน่อยเลยรีบมาจากโตเกียวเลยครับ

นาโอะ: แปะๆๆๆๆ งั้นฉันแค่นั่งฟังก็พอแล้วมั้งคะ

- แบบนั้นก็ไม่ใช่สัมภาษณ์สิครับ ยังไงก็ขอถามคำถามหน่อยละกัน (หัวเราะ) ก่อนอื่นอยากถามว่า ลักษณะการแสดงของฟุรุฮาตะซังเหมือนว่าอยู่ดีๆก็เปลี่ยนไป จากที่ผมดูโคเอ็งเมื่อเดือน 2 ก่อนกับในคอนเสิร์ตที่ Gaishi Hall เมื่อเดือน 3 มันน่าตื่นตาตื่นใจมากๆเลยครับ

นาโอะ: เอ๋? งั้นเหรอคะ?

- เอ๊ะ? ไม่รู้ตัวเหรอครับ? (หัวเราะ) เปลี่ยนแปลงไปชัดเจนเลยครับ เหมือนกำลังถืออาวุธที่ไม่มีใครสู้ได้ เต็มไปด้วยความมั่นใจ

นาโอะ: แต่ว่าฉันไม่มีความมั่นใจเลยค่ะ จะว่าไงดี ไม่รู้ว่าบางทีอาจจะมีความรู้สึกบางอย่างเปลี่ยนไปก็ได้ค่ะ แบบว่าอยากให้ SKE48 ยอดเยี่ยมขึ้นไปอีก มีความรู้สึกว่ารากฐานของฉันก็คือ SKE48 ค่ะ อยากให้คนรู้จักตรงนี้มากขึ้น อยากให้ SKE48 ในตอนนี้ดียิ่งขึ้น ความคิดแบบนี้มันออกมาผ่านการแสดงค่ะ

- โฮ่...อย่างนี้นี่เอง

นาโอะ: แล้วก็ บางทีอาจจะกำลังสนุกกับการเป็นไอดอลค่ะ กำลังสนุกกับการได้ร้องเพลงได้เต้น

- ฟุรุฮาตะซังในเพลง “Chicken LINE” ก็สุดยอดมาก เหมือนมีมนต์สะกด ดูมั่นมากเลย (หัวเราะ)

นาโอะ: ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ

- เหมือนทะลุไปอีกมิตินึงเลยครับ นี่เกี่ยวกับละครเวที “Hana yori Dango” ที่ได้เล่นเมื่อตอนเดือน 1-2 หรือเปล่าครับ?

นาโอะ: คิดว่าเกี่ยวกันไม่มากก็น้อยค่ะ ความคิดต่อ SKE48 ก็เปลี่ยนไปด้วย ที่ผ่านมาทำงานไปก็มัวแต่คิดไปว่า SKE48 ควรทำยังไงดีนะ แต่ตอนนี้มุ่งมาที่เรื่องที่ตัวเองจะทำได้...

- เริ่มจะเข้าใจขึ้นแล้วล่ะครับ อยากจะดูว่าถ้าตัวเองทำบางอย่างแล้ววงจะเปลี่ยนแปลงไปทางไหน มันก็เลยสื่อออกมาทางการแสดงสินะครับ?

นาโอะ: ใช่เลยค่ะ! เมื่อก่อนจะชอบกังวลกับตำแหน่งของตัวเอง แต่ตอนนี้ไม่มีเปรียบเทียบกับคนอื่นแล้วค่ะ นอกเหนือจากวงไอดอล ถึงตัวเองจะยังมีเป้าหมายที่สูงขึ้นไปแต่ตอนนี้เรื่องของ SKE48 อยู่เหนือสิ่งอื่นใด เรื่องนี้ยังไงก็ไม่สั่นคลอนค่ะ

- ไม่คิดว่าคุณจะคิดไปถึงขนาดนี้ ยังนึกว่าแค่เพราะประสบการณ์จากละครเวทีเองที่กระตุ้นการแสดงของ
ฟุรุฮาตะซัง แต่ว่าไม่มีใครบอกว่า “ดูเปลี่ยนไปนะ” เลยเหรอครับ?

นาโอะ: ไม่มีค่ะ (หัวเราะ) อ๊ะ แต่ว่าเมเนเจอร์ซังเคยบอกว่า “ทัศนคติในการทำงาน เริ่มจะโปรขึ้นแล้วสินะ” แน่นอนว่าเพราะได้สัมผัสโลกภายนอกจากการเล่นละครเวที พอกลับมาที่ SKE48 แล้วคงจะเติบโตขึ้นน่ะค่ะ แต่ในเรื่องการแสดงน่ะนักแสดงคนอื่นที่แสดงด้วยกันเก่งมาก ฉันทำได้ไม่ใกล้เคียงพวกเขาเลย

- งั้นเหรอครับ? พอดีผมได้ไปดูด้วย แต่ดูไม่ออกว่าห่างชั้นกันเลยนะ

นาโอะ: ไม่ค่ะ ฉันไม่ไหวเลย ทั้งหมดเลย! รับรู้ได้เลยว่าทัศนคติในการทำงานของตัวเองยังเด็กเกินไป ใน SKE48 ฉันถูกจัดอยู่ในกลุ่มพี่สาว แต่พอออกมาข้างนอกแล้วก็กลายเป็นแค่เด็กคนนึง ถึงจะคิดว่า”ต้องพยายามให้เต็มที่” แต่ก็ได้รับรู้ถึงความคิดไร้เดียงสาของตัวเองลึกซึ้งเลยค่ะ


โลกภายนอกนั้นต่างกันมาก

- ฟุรุฮาตะซังใน “Hana yori Dango” (รับบทเป็นคุณหนูโทโด ชิซุกะ) จะต้องไปเรียนที่ปารีส ก็เหมือนกันกับที่ออกมาจาก SKE48 มาเรียนที่โลกภายนอกเลยนะครับ

นาโอะ: อ่า จริงด้วยค่ะ

- โทโด ชิซุกะกลับมาจากเรียนต่อที่ปารีส ฟุรุฮาตะซังก็เติบโตขึ้นเมื่อกลับมาที่ SKE48 เหมือนกันเป๊ะเลยครับ

นาโอะ: เรื่องนี้ ไม่เคยคิดเลยค่ะ (หัวเราะ)

- ที่คุณพูดเมื่อกี้ว่า “ได้รับรู้ถึงความไร้เดียงสา” ประสบการณ์การไปเรียนครั้งนี้คงลำบากน่าดูนะครับ?

นาโอะ: นักแสดงทุกคนเป็นมืออาชีพทั้งนั้นเลยใช่มั้ยล่ะคะ ความทุ่มเทในบทบาทที่ได้รับของพวกเขาต่างกับฉันมากจริงๆ พวกเขาศึกษาบทตลอด เก็บทุกๆรายละเอียด ไม่แค่นั้น พวกเขายังสามารถปรับตามที่บอกได้ด้วยสุดยอดจริงๆค่ะ

- เมื่อเดือน 3 ปีที่แล้ว ได้เป็นเมมเบอร์ SKE48 ที่ท้าทายกับละครเวที “AKB49” จากนั้นก็ได้เข้าร่วม “Hana yori dango” ไม่ทราบว่ามีความรู้สึกอย่างไรบ้างครับ?

นาโอะ: คิดว่านี่คงทำให้ฉันเติบโตขึ้นได้ค่ะ ฉันเป็นแค่มือสมัครเล่น ต้องเริ่มนับตั้งแต่หนึ่ง ก็คิดว่า “มันจะต้องเป็นเรื่องดีสำหรับฟุรุฮาตะ นาโอะแน่นอน” ที่ทุกคนเข้มงวดกับฉัน ฉันเข้าใจดีค่ะว่าที่ทำแบบนั้นก็เพื่อฉัน

- เข้มงวดเลยเหรอครับ?

นาโอะ: คราวนี้น่ะ สภาพจิตใจแข็งแกร่งขึ้นมากค่ะ (หัวเราะ) เหมือนโดนบีบจริงๆค่ะ!

- โดนบีบเลยเหรอครับ!

นาโอะ: นี่น่ะ ถึงจะเป็นเพราะว่าฉันทำไม่ได้เอง แต่ตอน “49” ก็ยังเทียบไม่ได้กับเรื่องนี้เลย....

- เดี๋ยวนะครับ พูดถึง “49” ได้ยินว่ายากจนอยากหนีซ้อมเลยไม่ใช่เหรอครับ ถึงขั้นว่ามีเมมเบอร์บางคนเกลียดการซ้อมจนหน้าเขียวไปหมด นี่ยังเข้มงวดกว่า “49” อีกเหรอครับ?

นาโอะ: ใช่ค่ะ ฉันว่าชิโนะ อิซามุซัง(ผู้กำกับ 49)ก็อดทนกับพวกเรามาก เพราะเมมเบอร์ทุกคนไม่ใช่นักแสดงมืออาชีพ สอนพวกเราด้วยความเข้าใจมากๆ ชิโนะซังอยากทำให้มันออกมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาอยากให้นักแสดงมีความทรงจำดีๆก็เลยพยายามอย่างมาก แต่พอมาคิดดูตอนนี้ รู้สึกว่าเขาใจดีเกินไปค่ะ (หัวเราะ)

- เป็นโลกที่ต่างออกไปสิ้นเชิงเลยนะครับ แบบถูกดุว่า “เธอนี่มัน!” ทุกวันเลยมั้ยครับ?

นาโอะ: ไม่แรงขนาดนั้นค่ะ ผู้กำกับสอนอย่างใจเย็นมาก การได้รู้ว่าตัวเองทำไม่ได้ต่างหากที่น่าโมโห เลเวลของนักแสดงคนอื่นๆสูงมากจริงๆ ฉันตามพวกเขาไม่ทันเอง ก็ค่อนข้างผิดหวังค่ะ

- เหมือนว่าทั้งๆที่ทุกคนกำลังเรียนเลขม.ปลายอยู่แต่มีแค่ตัวเองที่ยังอยู่แค่ม.ต้น อะไรแบบนั้น?

นาโอะ: ประมาณนั้นค่ะ ตอนแรกก็ไม่อยากร้องไห้ออกมา แต่คิดว่าบางทีการร้องไห้อาจจะแสดงตัวตนออกมาได้ อารมณ์ที่เก็บไว้เลยปล่อยออกมาหมด (หัวเราะ)

- อยากดูตอนที่ซ้อมจังเลยครับ (หัวเราะ)

นาโอะ: ตอนแรกฉันคิดว่า ถ้าฉันร้องไห้จะต้องทำให้ SKE48 เสียชื่อแน่แต่ไม่ได้พูดถึงมัน พอช่วงซ้อมครึ่งหลังก็แทบจะร้องไห้ทุกวันเลยค่ะ

- ในขณะที่เมมเบอร์คนอื่นกำลังทำงานตามปกติ ตัวเองต้องมาเจอเรื่องแบบนี้คนเดียว

นาโอะ: แม้จะมีนักแสดงคนอื่นๆมาบอกว่าฉัน “สปิริตแรงกล้าจริงๆเลย!” แต่ที่พูดอย่างนี้อาจะเป็นวีธีผลักดันฉันก็ได้ แบบมาพูดประมาณว่า “ถ้าเป็นฉันนะ หนีไปนานแล้ว”

- อยากให้มี making ออกมาจังเลยครับ (หัวเราะ) การได้รับประสบการณ์แบบนี้ก็ถือเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอครับ? ฟุรุฮาตะซังก่อนจะมาแสดงละครเวทีก็ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว พอได้แสดงก็ยิ่งสุดยอดขึ้นไปอีก

นาโอะ: ดีใจจัง

- เหมือนฟรีซเซอร์ร่าง 3 เลยครับ

นาโอะ: ฟะ ฟรีซเซอร์เหรอคะ?

- ใกล้จะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดแล้วนะครับ!

นาโอะ: ยังไงคนเราก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงค่ะ

- ดูเหมือนว่าที่ได้ไปเรียนคราวนี้จะประสบความสำเร็จมากเลย

นาโอะ: เย้! ฉันจะพยายามมากขึ้นค่ะ


อยากจะปกป้องจูรินะ

- เราเปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า ที่ Gaishi Hall ได้จัดคอนเสิร์ตจบการศึกษาของมิยาซาว่า ซาเอะซัง มีความรู้สึกยังไงบ้างครับ?

นาโอะ: ตอนที่แสดงอยู่ก็เห็นรอยยิ้มของเมมเบอร์ใช่มั้ยคะ คิดว่าอยากจะปกป้องรอยยิ้มเหล่านั้นไว้ค่ะ

-  มันยิ่งใหญ่มากเลยนะครับ (หัวเราะ)

นาโอะ: ที่ของฉันคือSKE48 ค่ะ เป็นที่ที่เปรียบเสมือนครอบครัว การมีพวกพ้องอยู่เป็นเรื่องสำคัญมาก ฉันไม่ชอบเรื่องที่มาทำให้เมมเบอร์เสียใจ เมื่อซาเอะซังจบการศึกษา ในใจทุกคนก็เป็นกังวลใช่มั้ยล่ะคะ อย่างที่ Gaishi Hall นั้น ฉันไม่ชอบความรู้สึกแบบนั้นเลยค่ะ

- ความรักที่มีต่อ SKE48 ยังคงเหมือนเดิมไม่เสื่อมคลายเลย

นาโอะ: แล้วก็คิดว่า ยังไม่ได้ตอบแทน SKE48 ที่ให้ฉันได้ผ่านออดิทชั่นเข้ามาเลย ฉันคิดเรื่องนี้มาตลอด อยากจะขอบคุณ SKE48 แล้วก็ คิดว่าทำในสิ่งที่ฉันพอจะตอบแทนให้ได้ก่อนแล้วค่อยจบการศึกษา ขณะที่ยืนบนเวทีได้มองเห็นแฟนๆที่คอยสนับสนุนพวกเราอย่างมีความสุข ฉันไม่อยากให้ช่วงเวลาดีๆเหล่านี้หายไป ดังนั้นฉันจะไม่ให้การสนับสนุนที่ผ่านมาเสียเปล่าค่ะ

- มีความคิดมากมายเลยนะครับ ตอนที่ยืนอยู่ที่ Gaishi Hall น่ะ

นาโอะ: จากนั้น หลังจากซาเอะซังลงเวทีไป จูรินะซังก็พูดว่า “SKE48 กำลังอยู่ในวิกฤต” ใช่มั้ยคะ ฉันก็คิดในใจว่า “จูรินะซังพูดขนาดนั้นเลยเหรอ...” แม้เธอจะเป็นรุ่นพี่ใหญ่ แต่ว่าฉันอยากจะปกป้องเธอค่ะ ไม่ว่ายังไงเธอก็เป็นหน้าเป็นตาของ SKE48 ตั้งแต่เรนะซังจบการศึกษาไป เธอก็รับภาระหนักอยู่คนเดียว แม้ฉันจะเป็นรุ่นน้องแต่ฉันไม่อยากให้เธอแบกรับภาระนี้ไปตลอด

- เป็นความคิดที่ลึกซึ้งมากๆเลย ตอนที่ส่งซาเอะซัง เมมเบอร์ก็เรียงแถวกัน ตอนนั้นได้คุยอะไรกันบ้างครับ?

นาโอะ: พูดกับฉันว่า “โทษทีนะที่ไม่ได้ไปดูละครเวทีน่ะ รู้สึกเสียดายมากเลยล่ะ” หลังจากที่ฉันตอบไปว่า “ไม่เป็นไรค่ะ!” ก็พูดมาอีกว่า “จากนี้ไปก็ฝาก SKE48 ด้วยนะ”

- การมีซาเอะซังอยู่ เป็นอย่างไรครับ?

นาโอะ: เป็นคนที่ฉันไม่อาจเอื้อมค่ะ ปฏิสัมพันธ์กับผู้คนด้วยความร่าเริงแบบนั้น จิตใจที่งดงาม....เป็นอะไรที่ฉันเลียนแบบไม่ได้เลย

- ไม่หรอกครับ คุณคิดว่าซาเอะซังได้ให้อะไรกับ SKE48 ไว้บ้าง?

นาโอะ: ได้รับความรู้สึกอบอุ่นค่ะ ความรักเป็นสิ่งสำคัญ (หัวเราะ)

- พูดอะไรยิ่งใหญ่อีกแล้ว (หัวเราะ)

นาโอะ: ฉันคิดอย่างนั้นจริงๆนะคะ! เพื่อให้กล้องถ่ายการแสดงของพวกเราออกมาได้ดีขึ้น เธอก็เป็นตัวแทนไปคุยกับสตาฟฟ์ซัง พูดไปร้องไห้ไป “อยากให้ SKE48 ดีขึ้นอ่ะ!” เวลาคุยกับพวกเมมเบอร์ก็รับรู้ได้ถึงความใจดีของเธอ การได้รับความรักนั้นมาพวกเราก็ร่าเริงขึ้น เพราะงั้นความรักเป็นสิ่งสำคัญค่ะ ความอบอุ่นนี้คอยนำเราไปในทางที่ดี

- เพราะงั้นฟุรุฮาตะซังเลยเปลี่ยนไปด้วย?

นาโอะ: รู้สึกมีความสุขมากขึ้น สนุกมากขึ้นค่ะ ซาเอะซังเก่งในการสร้างบรรยากาศให้ครึกครื้น แค่มีซาเอะซังอยู่ก็ทำให้รอยยิ้มเพิ่มขึ้นได้ พอเธอจบการศึกษาไปก็รู้สึกเหงาค่ะ

- พูดถึงเรื่องจบการศึกษา มิยามาเอะ อามิซังที่อยู่รุ่นเดียวกันก็...

นาโอะ: ก่อนที่เธอจะประกาศก็รู้สึกได้นิดหน่อยแล้วค่ะ รับรู้ได้จากบรรยากาศ เธอเป็นพวกโกหกไม่เก่ง

- ถึงอย่างนั้น รุ่น 5 ทยอยออกไปจนเหลือน้อยลงทุกที

นาโอะ: นั่นสินะคะ ใกล้จะเหลือ 4 คนแล้ว เร็วจังเลยน้า คนที่โตหน่อยก็มีแค่ฮัปปี้(ฮารุทามุ)กับฉัน แล้วก็(เอโกะ)ยูนะกับนารุติน(อิจิโนะ นารุมิ)เท่านั้น แต่ว่าอามิตัน(มิยามาเอะ)ยังลงเลือกตั้งอยู่ ก็ยังพอมีเวลาค่ะ ดีใจจัง


การเดิมพันกับงานเลือกตั้ง

- นี่เป็นสิ่งเดียวกันกับที่ได้ยินจากเมมเบอร์คนอื่นๆในเล่มนี้นะครับ ที่ Gaishi จูรินะซังพูดออกมาว่า “SKE48กำลังอยู่ในวิกฤติ” แต่รับรู้ได้จากบรรยากาศว่าเริ่มมีลมเปลี่ยนทิศเกิดขึ้นแล้ว ฟุรุฮาตะซังคิดว่ายังไงครับ?

นาโอะ: ขึ้นอยู่กับว่ามองจากมุมไหนค่ะ ถ้ามองไปที่เป้าหมายข้างบนก็ยังไม่พอ แต่ว่าเป็นเพราะคำพูดของจูรินะซัง พวกเมมเบอร์ก็เริ่มมีความร่วมมือร่วมใจกัน จะบอกว่าเป็นลมเปลี่ยนทิศก็ได้ค่ะ

- นั่นสินะครับ ถ้ามองในมุมที่ต่างกัน คำตอบก็ย่อมต่างกัน

นาโอะ: แต่ว่า พอคิดว่าพวกรุ่นพี่คงจะอยู่ไปตลอดไม่ได้ จะทำยังไงดี? แน่นอนว่าคนที่เป็นเสาหลักของ SKE48 ก็คือพวกรุ่นพี่ ความนิยม การแสดง เอ็มซีที่น่าสนใจในรายการต่างๆ....พวกรุ่นพี่เองก็อยากจะจบการศึกษาเพื่อไล่ตามความฝัน แต่ถ้าพวกเขาจบการศึกษาออกไปแล้ว จะเป็นยังไงล่ะ? พวกรุ่นน้องจะต้องพยายามให้มากขึ้น จะต้องตั้งเป้าหมายสูงขึ้นไปอีก เมื่อมีรุ่นพี่จบการศึกษา ก็จะรู้สึกถึงช่องว่างทุกครั้งเลย “ที่ผ่านมาเราพึ่งเธอมากเกินไป” สถานการณ์ตอนนี้น่ะ คนที่เป็นที่รู้จักมากมีจูรินะซังแค่คนเดียวเอง เป้าหมายของ SKE48 น่ะคือ “อยากขึ้นแสดงงานโคฮาคุ!” (งานขาว-แดง) แล้วก็ “อยากจัดคอนเสิร์ตที่นาโกย่าโดม!” ด้วย แต่ถ้าไม่เป็นที่รู้จักก็คงทำความฝันให้เป็นจริงไม่ได้ ดังนั้นทุกๆคนจะต้องเป็นที่รู้จักให้มากขึ้น...แต่จะว่าไป เรื่องพวกนี้ทำให้รู้สึกว่า “เธอคิดมากเกินไปแล้ว” มั้ยคะ? ถ้าคิดว่าไม่ดีจะไม่เขียนลงไปก็ได้ค่ะ

- ไม่หรอกครับ ผมจะเขียนลงไปหมดเลย (หัวเราะ) เมื่อกี้ที่พูดถึง “งานโคฮาคุ” แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีคำว่า “อยากไปอีกครั้ง!” ออกมาจากปากเมมเบอร์เลยนะครับ

นาโอะ: ถ้าจะพูดออกมาจากปากได้ ความรู้สึกและความมั่นใจจะต้องมีค่ะ แม้ฉันจะไม่รู้ว่าทุกคนอยากจะกลับไปขึ้นเวทีนั้นมากแค่ไหน แต่ก่อนอื่นจะต้องตั้งเป้าหมายของวงก่อนว่าเราจะไปที่ไหน ถ้าเราไม่ตัดสินใจคงไม่ได้ อย่างเช่นการลองลงเดิมพันกับการเลือกตั้งครั้งนี้

- พูดถึงเลือกตั้ง เป้าหมายปีนี้คืออะไรครับ?

นาโอะ: เซมบัตสึค่ะ!

- ชัดเจนมากเลยครับ!

นาโอะ: อยากติดเซมบัตสึค่ะ! ใกล้จะอายุ 20 แล้วด้วย ไม่รู้ว่าจะเป็นไอดอลไปอีกกี่ปี ถ้าเข้าเซมบัตสึได้ ก็อาจจะมองเห็นก้าวต่อไปได้ชัดขึ้น นี่ก็อาจจะเป็นโอกาสที่จะเผยแพร่ SKE48 ออกไปด้วย ปีที่แล้วได้อันดับที่ 24 มา ต่อไปก็ต้องเล็งที่เซมบัตสึค่ะ ปีที่แล้วแฟนๆให้ใบเบิกทางสู่เซมบัตสึมา ฉันก็จะไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง พูดให้ชัดกว่านี้ก็คือ อยากได้อันดับเลขตัวเดียว ถ้าเป็นตำแหน่งที่กล้องจะถ่ายมาฉันก็ดีใจค่ะ (หัวเราะ) มันอาจจะยากแต่ฉันจะไปข้างหน้าไม่หยุดยั้ง!

- พึ่งพาได้จริงๆ! ใน 1 ปีมานี้ รู้สึกว่าตัวเองเติบโตขึ้นมั้ยครับ?

นาโอะ: วิธีคิดเปลี่ยนไปอย่างจริงจังเลยค่ะ ความรู้สึกที่มีต่อ SKE48 ก็แข็งแกร่งขึ้น เปลี่ยนไปจริงๆค่ะ ปีนี้ชัดเจนมากๆเลย

- กังวลเรื่องจำนวนคนที่จะติดอันดับบ้างมั้ยครับ?

นาโอะ: ปีที่แล้วมีคนติดอันดับเยอะมาก คนทั่วไปที่ดูข่าวก็จะคิดว่า “SKE48 เนี่ยดังจริงๆนะ” เป็นเรื่องที่ดีค่ะ

- ปีนี้ก็รอดูสปีชที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของคุณอยู่นะครับ แบบว่าร้องไห้ไปก็พูดไปว่า “ฉันรัก SKE48 รักมากๆ รักมากๆๆ” (หัวเราะ)

นาโอะ: ดูเหมือนว่าทาคามินะซังก็พูดกับคนรอบข้างด้วยว่า “ร้องแรงจังเลยน้า” (หัวเราะ) ถ้าได้อันดับดีๆ ฉันคิดไว้แล้วค่ะว่าจะพูดอะไร อยากจะขอบคุณ AKB48 เพราะถ้าไม่มี AKB48 ก็ไม่มี SKE48
AKB48 น่ะคือจุดเริ่มต้น ถ้าไม่มีพวกเขา วันนี้ฉันก็อาจไม่ได้มาอยู่ตรงนี้

- ตอบได้งงามจนสุดท้ายเลยครับ (หัวเราะ) งั้น “งานยกย่องฟุรุฮาตะ นาโอะ” ก็คงจบลงแค่นี้ล่ะครับ


วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

(91)[แปล] 7 Kami song ของมัตสึอิ เรนะ

แด่หญิงสาว(?)หัวเหม่ง(?) ผู้คลั่งไคล้รถไฟ รองเท้าผ้าใบ ดิสนีย์ มังงะ อนิเมะและไอดอล ซึ่งได้ก้าวเข้าสู่อายุ 25 ปีเต็มในวันนี้

เราขอฉลองวันเกิดนางด้วยการแปลคอลัมน์นึงจาก pamphlet คอนเสิร์ตจบการศึกษา 2588 days ค่ะ \\ปรบมือ//



7 kami song ของมัตสึอิ เรนะ

เปิดเผย 7 kami song จากเพลงของ AKB48 group ที่มัตสึอิ เรนะเลือกด้วยความชอบส่วนตัว หลังจากคิดหนักอยู่นาน เธอก็เลือกเพลงคามิออกมา ได้แก่..

Banana Kakumei เพลงรองทีม E จากซิงเกิ้ลที่ 15 “Bukiyou Taiyou”


 “Banana Kakumei”...มาแล้ว! (หัวเราะ) ฉันชอบเพลงนี้มากจริงๆนะ! ครั้งแรกที่ได้ฟังเพลงนี้ยังคิดเลยว่า “ทำไงดี!” “บานาน่า...มันจะยังไงนะ?” แต่ว่าพอได้ร้องก็สนุกมากเลยล่ะค่ะ ตอนแรกก็กังวลนิดหน่อยว่าแฟนๆได้ฟังแล้วจะมีปฏิกิริยายังไง ปรากฎว่าพอทุกคนได้ฟังเพลงนี้แล้วก็อารมณ์ดี ในที่สุดก็มีเพลงที่ “ถ้าพูดถึงทีม E ก็ต้องเพลงนี้แหละ” ซักที ดีใจมากๆค่ะ ทำให้รู้สึกว่าเวลาทีม E จะทำอะไรก็จะอยากจะร้องเพลงนี้ ท่าเต้นก็น่ารัก MV ฉันก็ชอบมาก ตอนแรกๆฉันดู MV วนไปวนมาไม่หยุดเลย ตอนนี้เลิกละ เคยดูพร้อมกับคนอื่นครั้งเดียว แต่ก็มีบางครั้งนะที่อยู่ดีๆก็อยากดู MVBanana Kakumei”  ขึ้นมา (หัวเราะ) ดูทีไรก็ขำตลอดเลยค่ะ




“Seishun No Mizushibuki” เพลงรองของ Boat Pier เซมบัตสึจากซิงเกิ้ลที่ 12 “Utsukushii Inazuma


ฉันซึ้งกับเพลงนี้มากเลยค่ะ ร้องทีไรก็สนุก เมมเบอร์ที่แสดงด้วยกันน่ะ ไม่ว่าจะตอนแสดงหรือแม้กระทั่งตอนซ้อมก็จะหัวเราะกันเฮฮา สนุกสุดๆเลย แล้วก็ที่ดีใจที่สุดก็คือที่ได้ร้องท่อนแรกพร้อมกับชูรินั่นแหละ ครั้งแรกที่ฉันได้ร้องท่อนแรกกับชูริคือเพลง “Bike To Sidecar” ก็จริง แต่ว่าที่ฉันจำได้ดีที่สุดก็เพลงนี้แหละ เพราะงั้นเลยรู้สึกว่า “ได้ร้องเพลงด้วยกันสองคนนี่สนุกจริงๆ” นี่ยังเป็นครั้งแรกด้วยที่รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเมมเบอร์ ก็เลยรู้สึกซึ้งมาก ท่าเต้นก็เต้นได้พร้อมกับทุกคน สนุกมากค่ะ




“2588 nichi” เพลงโซโล่จากซิงเกิ้ลที่ 18 “Mae no Meri


มันเป็นเพลงจบการศึกษาของฉันค่ะ แล้วก็เป็นเพลงแรกที่เล่าถึงตัวเอง แม้จะไม่ได้คุยอะไรกับอากิโมโตะเซนเซย์แต่ฉันคิดว่ามันเป็นคำพูดของฉันที่เคยพูดมาจนถึงตอนนี้ ทั้งความดื้อรั้นของฉัน ความที่เข้ากับใครไม่ค่อยได้ออกมาในเพลงนี้หมดเลย ฉันรู้สึกว่าเนื้อเพลงมันสื่อถึงสิ่งที่ฉันจะพูดกับแฟนๆและเมมเบอร์กำลังเศร้าเพราะฉันจบการศึกษา ตอนที่ร้องไปก็มักจะโยงเนื้อเพลงกับช่วงเวลาหลายๆช่วงที่ผ่านมา...มีท่อนนึงที่บอกว่า “ฉันภูมิใจกับวัยเยาว์นี้”  ฉันคิดว่า 7 ปีนี้เป็นวัยเยาว์ของฉันจริงๆเลยล่ะ สำหรับฉันแล้วการได้ร้องเพลงนี้ก็ถือว่าช่วยไว้เยอะเหมือนกัน ฉันมักจะคิดว่า “ช่วงวัยรุ่นของฉันมันเป็นยังไงกันแน่นะ...” คนที่อายุเท่ากันกับฉันคงเรียนมหาวิทยาลัย ใช้ชีวิตกับการเรียน แต่ฉันหันหน้าเข้าวงการบันเทิง ฉันเคยกังวลว่าถ้าตัวเองนึกย้อนกลับมาถึงช่วงเวลานี้ฉันจะคิดยังไง แต่เนื้อร้องท่อนนั้นทำให้ความกังวลหายไป ฉันคิดอะไรได้หลายๆอย่างเลยค่ะ




“Takeuchi Senpai” จากสเตจ AKB48 Himawarigumi 1st stage “Boku no Taiyou”


นี่น่าจะเป็นเพลงที่ฉันชอบที่สุดเท่าที่ฉันอยู่ใน 48 กรุ๊ปมาเลยค่ะ ในเพลงนี้โคจิม่าซังน่ารักมากๆเลย...นี่คือเหตุผลที่ทำให้เธอติดอันดับเลยค่ะ (หัวเราะ) พอคิดย้อนกลับไป ก่อนจะมาเข้า SKE48 ฉันนั่งดู DVD อยู่ที่บ้านนับครั้งไม่ถ้วน อ๊ะ พอเข้า SKE48 แล้วก็ดูหลายรอบเหมือนกัน (หัวเราะ) เพลงนี้สื่อถึงความรู้สึกที่มีต่อรุ่นพี่ค่ะ เมโลดี้ก็เพราะ ตอนที่ได้ร้องในสเตจ (SKE48 Team E 3rd Boku no Taiyou) พอคิดว่าได้มาร้องเพลงที่ชอบที่สุดของ AKB48 ก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากๆ




“Dreaming Girls” จากสเตจ AKB48 Himawarigumi 1st stage “Boku no Taiyou”


ชอบเพลงนี้มากค่ะ! นี่เป็นเพลงเปิดของสเตจ “Boku no Taiyou” ของ AKB48 สเตจนี้เป็นสเตจที่ฉันชอบที่สุดในบรรดาสเตจของ AKB48 ด้วย “พอเลิกเรียนก็รีบมาที่ห้องซ้อม พยายามเพื่อไปให้ถึงเวทีที่ฝันไว้” เป็นเพลงแบบนั้นค่ะ เธียร์เตอร์ AKB48 น่ะ ผนังสามารถเปลี่ยนเป็นกระจกได้ (ผนังบนเวทีหมุนได้) ไม่เหมือนเธียร์เตอร์ SKE48 พอเปลี่ยนเป็นกระจกแล้วบนเวทีก็ดูเหมือนห้องซ้อมเลย ก่อนจะร้องเพลงเมมเบอร์จะตบมือหรือกระทืบเท้าเป็นจังหวะ ฉากนั้นมันน่าประทับใจมาก เมมเบอร์ AKB48 ในตอนนั้นส่วนใหญ่ก็เป็นนักเรียนกันอยู่ ความเปล่งประกายนั้น..มัน...จริงๆฉันเคยดู DVD สเตจนั้นจนพังไปรอบนึง (หัวเราะ) เป็นเพลงที่น่าซาบซึ้งมาก อยากให้เมมเบอร์เด็กๆได้มาร้องเพลงนี้ค่ะ ตอนนั้นทีม A กับทีม K รวมกันเป็น Himawarigumi ที่แสดงสเตจ “Boku ni Taiyou” เป็นทีมยอดเยี่ยมอย่างไม่อาจคาดคิด มีทั้งมาเอดะซัง ยูโกะซัง ชิโนดะซัง อิทาโนะซัง แล้วยังมีซาเอะซัง อากิโมโตะ ซายากะซัง โคจิม่าซัง ทาคามินะซัง มิเนกิชิซัง เมมเบอร์ที่เป็นเซมบัตสึอยู่ในนั้นหมดเลย! ฉันเองก็เคยเล่น (SKE48 Team E 3rd Boku no Taiyou) ฉันชอบมองดูสีหน้าเมมเบอร์ที่แสดงอยู่ เพลงนี้น่ะมีแค่เด็กนักเรียนเท่านั้นที่จะสามารถแสดงออกมาได้ ฉันชอบอยู่ในยรรยากาศแบบนั้น ทุกครั้งที่ได้เล่นเพลงนี้ในสเตจก็รู้สึกว่าโชคดีจริงๆ




Utsukushii Inazuma” เพลงซิงเกิ้ลที่ 12


นี่คงเป็นเพลงซิงเกิ้ลที่ฉันชอบมากที่สุดเลยค่ะ เป็นเพลงที่ชอบที่สุด ชอบท่าเต้นที่เต็มไปด้วยอารมณ์...แต่ก็งดงามมาก นักเต้น WARNER เป็นคนสอนเต้นพวกเรา เซนเซย์คนนี้เป็นคนคิดท่าให้เพลง “Manatsu no sound good ของ AKB48 เพลง “Inochi wa Utsukushii” และ “Manatsu no Free&Easy” ของ Nogizaka46 ด้วย
ในเพลงนี้มีท่าที่ดูเหมือนเต้นผิดเยอะมาก (ท่าทางทุกคนดูเหมือนเต้นผิดจังหวะ) เป็นท่าที่ทำให้ทุกคนจำได้แม่น เพราะงั้นตอนเต้นเลยสนุกมาก แล้วก็ชอบตัวเพลงที่ร้อนแรงอย่างไม่เคยมีมาก่อน เวลาได้แสดงในไลฟ์จะสนุกมากๆค่ะ


Nante ginga wa akarui darou” เพลงรอง Akagumi จากซิงเกิ้ลที่ 9 “Aishitaraburu”
เพลงนี้เป็นเพลงทีมขาวแดงของ SKE48 ค่ะ ความหมายเพลง ทำนอง คอสตูมเข้ากันมากๆ ฉันชอบมากค่ะ ได้รับความนิยมจากแฟนๆสูงมากด้วย แต่ไม่ค่อยมีโอกาสได้เล่น ในคอนเสิร์ตใหญ่ๆเคยเล่นไปแค่ประมาณ 3 ครั้งเองมั้งคะ เป็นเพลงที่เล่นน้อยมาก น้อยจนทุกครั้งที่ถูกถามว่า “อยากใส่ชุดไหนล่ะ?” ฉันก็คิดตลอดเลยว่า “อยากใส่ชุด Ginga อ่ะ” (หัวเราะ) ชอบชุดเพลงนี้มากๆเลยค่ะ ชุดแบบคลาสสิคสุดยอดเลย!



เรนะจัง โอทันโจบิ โอเมะเดโต้วววว!!!

blogged by 91

[91][bsummary]

Translation

[Translation][bsummary]

Subtitle

[subtitle][bsummary]

Update

[SKEUpdate][bsummary]