วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2559

[65FS] AKB48SHOW - ตามติดชีวิตสาวคาบเส้น คุมะซากิ ฮารุกะ [TH]

 [65FS] AKB48SHOW - ตามติดชีวิตสาวคาบเส้น คุมะซากิ ฮารุกะ


  


ซับไทยรายการพิเศษจากAKB48showที่ตามถ่ายทำสารคดีชีวิตเมมเบอร์สองคนที่ได้อันดับที่80และ81ในผลด่วนของการเลือกตั้ง
ซึ่งอันดับที่80เป็นของ คุมะซากิ ฮารุกะ SKE48 รุ่น 6 หรือที่แฟนชาวไทยเรียกกันว่า"น้องหมี"นั่นเอง (ขวัญใจ91)
มาทำความรู้จักชีวิตและความคิดเล็กๆน้อยๆของน้องหมีในรายการ10นาทีนี้กันค่ะ ว่าเบื้องหลังรอยยิ้มและการเต้นบ้าพลังนั้นมีอะไรซ่อนอยู่บ้าง ^^




GDRIVE : https://drive.google.com/…/0B4X2hbvkK9WqczNXVkVZaGxuR…/view…
แถม

(91)[100%SKE48] แปลบทสัมภาษณ์คุมะจัง (คุมาซากิ ฮารุกะ)
 http://ske65.blogspot.com/2016/05/91100ske48.html

[100%SKE Press Event] "และซักวัน ฉันอยากเป็นคนที่จะก้าวข้ามจูรินะซังได้"

[ แปลแบบสรุปๆส่วนที่เราสนใจนะคะ ← ]

SKEจะมีหนังสือเป็นของตัวเองโดยเฉพาะในรอบสามปี ถามว่าทุกคนรู้สึกยังไงบ้าง
เรียวฮะบอกว่าตอนแรกที่ได้ยินรู้สึกไม่น่าเชื่อเลย นึกว่าล้อกันเล่นซะอีก
ดีใจมากๆที่มีหนังสือเล่มนี้ออกมาและนอกจากนั้นยังมีสมาชิกรุ่น6 4 คนที่ได้อยู่ในหนังสือเล่มนี้ด้วย
พอมาอยู่รวมกันเป็นเล่มเดียวแบบนี้ก็ไม่เปลืองเงินมากในการซื้อเก็บ อยากให้คนได้อ่านเล่มนี้กันเยอะๆ

หลังจากเรนะและซาเอะจบการศึกษาไป
แน่นอนมันมีความรู้สึกว่า "SKE วิกฤติแล้ว" อยู่ และมีใครหลายคนที่รู้สึกไม่สบายใจ
คุมะคิดว่านี่แหละเป็นเรื่องที่ดี เพราะด้วยความรู้สึกนั้นทุกคนจะรู้สึกว่าตัวเองต้องทำเต็มที่
เพื่อให้SKEเป็นวงที่ดีขึ้นยิ่งกว่าเดิม ตอนนี้ทุกคนเอ่อล้นไปด้วยความรู้สึกว่า "ฉันอยากเป็นคนที่ฉุดดึงSKE48ไปข้างหน้า!"
ถึงอาจจะมีคนบอกว่าSKEสมัยก่อนน่ะเจ๋ง แต่สำหรับคุมะแล้ว เค้าคิดว่าSKEปัจจุบันคือSKEที่ดีที่สุด
และใครหลายคนจะเข้าใจความรู้สึกนั้นหลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้
นักข่าวถามว่า ทั้งสามคนคือคนที่จูรินะตั้งความหวังด้วยไว้มาก ทั้งสามคนรู้สึกยังไงบ้าง

เรียวฮะ
"ฉันดีใจมากเลยค่ะที่จูรินะซังตั้งความหวังกับฉันไว้สูง ฉันคิดว่า SKE ในปัจจุบันนี้ให้ความรู้สึกว่า
SKE = มัตสึอิ จูรินะ ในสายตาของคนนอก
ฉันไม่อยากให้แค่มีชื่อจูรินะซังโผล่ขึ้นมาเมื่อพูดถึงSKE48 อยากให้มีชื่อของพวกเราด้วย
และซักวัน ฉันอยากจะเป็นคนที่สามารถก้าวข้ามจูรินะซังไปได้"

คุมะ
"ฉันดีใจมากค่ะเพราะพูดมาตลอดว่าจูรินะซังเป็นรุ่นพี่ที่เคารพรัก แต่ฉันอยากจะเป็นคนที่ทำให้จูรินะซังคิดว่า
"พวกรุ่นน้องเอาจริงซะแล้ว เริ่มกังวลแล้วสิ จะทำไงดีเนี่ย!" ให้ได้บ้าง

ราระ
"ฉันกับโอบาตะ ยูนะจัง พวกเราอยากไปให้ถึงนาโกยะโดมด้วยกันค่ะ เราไม่เคยขึ้นไปยืนบนเวทีนาโกยะโดมมาก่อนเลย
เป้าหมายของเราคือ ซักวันเราจะต้องกลับไปเล่นคอนเสิร์ตที่นาโกยะโดมให้ได้อีกครั้ง
และในซักวัน ฉันอยากให้พวกเรามีสายสัมพันธ์แบบเดียวกับที่จูรินะซังและเรนะซังมี"

[ว่าด้วยความเห็นจากนักข่าวนสพ.AKB]

จากงานเปิดตัวหนังสือ 100%SKE ของสนพ.BUBKAค่ะ
อย่างที่รู้กันว่าหนังสือ100%SKEจะเป็นหนังสือที่รวมบทสัมภาษณ์ รวมกราเวียร์ โดยทั้งเล่มจะเป็นSKE48ล้วนๆ
จริงๆSKEเป็นวงที่ออกหนังสือที่เป็นExclusiveของวงเฉพาะมาหลายเล่มมาก ทั้งหนังสือSKE Historyที่เป็นเล่มสี่สีพอคเกตบุคแถมสติกเกอร์ด้วย!!(แถมมาทำไม..ไม่กล้า ใช้)
แล้วก่อนจะเป็นเล่มนี้คือจะเป็นหนังสือSKE Ura History ของสนพ.BUBKAที่เป็นตัวหนังสือล้วนๆ รวมมาจากคอลัมน์ประวัติวงที่ลงเป็นซีรีส์ในBUBKAรายเดือนเช่นกัน
บรรณาธิการที่เป็นคนทำหนังสือ100%SKEในคราวนี้บอกไว้ว่า
ถึงจูรินะจะเคยบอกว่าSKEตอนนี้กำลังวิกฤติก็เถอะ แล้วทำไมถึงถึงจะทำหนังสือเล่มนี้ออกมาล่ะ? คิดว่ามันจะขายได้เหรอ
เพราะว่าแบบนั้น ยิ่งต้องทำตอนนี้เลยต่างหาก!!
นี่คือ #ทีมSKE ที่แท้จริง...5555555
นอกจากบ.ก.ของBUBKAแล้ว ยังมีนักข่าวสายไอดอลที่บรรยายถึงบรรยากาศในงานแถลงข่าวเปิดตัวหนังสือ100%SKEไว้ด้วยค่ะ
ว่า

"ในงานวันนี้ เหล่านักเขียนและนักข่าวที่เขียนเรื่องSKEกันเป็นประจำได้มารวมตัวกัน
คนแล้วคนเล่าที่ปรากฎตัวเข้ามาในงานเพียงแค่เราสบตากันแว้บเดียวก็รู้สึก ขึ้นมา ว่าคนเหล่านี้คือคนที่รักSKEจากใจและอยากเป็นพลังให้กับSKEแม้เพียงทางใดทาง หนึ่ง
ซึ่งนับเป็นเรื่องแปลกนะครับ
เพราะทั้งการเขียนข่าว เขียนบทความ ย่อมทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเป็นคู่แข่งกัน จะมองว่าเป็นศัตรูกันก็ไม่แปลกเลย
แต่เมื่อไหร่ที่มีชื่อของSKEอยู่ จุดมุ่งหมายของทุกคนจะเป็นหนึ่งเดียวกัน
หัวข้อข่าวที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ นอกจากSKE48นั้นไม่มีอีกแล้ว
เป็นแรงดึงดูดอันอัศจรรย์ที่ทำให้เกิดความสัมพันธ์แบบ "อยากไปชนแก้วกับแกชะมัด!" ขึ้นมาครับ
SKEในตอนนี้ไม่มีรายการประจำ โอกาสได้ออกสื่อน้อยลง
ไม่ว่าใครก็กำลังดิ้นรนพยายามอย่างเต็มที่ ผมคิดว่าเป็นเรื่องน่าเศร้า
และท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้
กลุ่มผู้สื่อข่าวSKEก็กำลังต่อสู้เต็มกำลังเช่นกัน
ในครั้งนี้เป็นBUBKA ที่พยายามสุดแรงทุ่มเทกายใจ
ทำหนังสือของSKE48ล้วนๆออกมาครับ
ถ้าไม่รักล่ะก็ จะทำถึงขนาดนี้ไม่ได้เลย
ผมเคารพนับถืออย่างสุดหัวใจจริงๆ
ผมควรจะทำให้ได้อย่างเขาบ้าง รู้สึกเสียดายมากๆจนวันนี้ถึงกับนอนไม่หลับเลย
ล้อเล่นนะครับ หนังสือพิมพ์AKBก็จะพยายามสุดกำลังให้ไม่แพ้กันเช่นกัน"

เราอ่านแล้วนึกถึงซาเอะที่บอกในสเตจครบรอบสิบปีของรุ่น2ที่AKBต่อหน้า เพื่อนๆรุ่น2ตอนโดนนักข่าวถามเรื่องการทำงานกับ48Gหลังจบการศึกษาในอนาคต ว่า
เค้าอยากจะข้องเกี่ยวกับSKEมากกว่าAKBนะ เรียกเสียงฮือฮาในหมู่เพื่อนๆ (ยูโกะงงเลย55)
แม้แต่ซาเอะอยู่มาสองปีก็อิน นี่แม้แต่ผู้สื่อข่าวก็อินกันไปด้วย เป็นวงที่มีแรงดึงดูดพิเศษให้ชวนเอาใจช่วยและเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนไป ด้วยจริงๆค่ะ

วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2559

(91) เทศกาลขอบคุณสำหรับการจบการศึกษาของชิบาตะ อายะ (แต่ไม่แกรดจากอายะจังนะ!)


หลังจากพี่อายะประกาศแกรด ก็มีเสียงเรียกร้องให้จัดคอนเสิร์ตอำลาถึงขั้นที่ว่าแฟนๆไปตั้งล่ารายชื่อใน change.org เรียกร้องให้ลุงหนวดจัดคอนให้เลยทีเดียว

ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานก็มีประกาศออกมาว่าจะจัดงานขอบคุณขึ้นที่ Zepp Nagoya ไม่มีใครนึกออกว่างานเทศกาลขอบคุณจะออกมาเป็นยังไง แถมที่จัดก็ไม่ได้ใหญ่โต แต่ถึงจะไม่ใช่คอนเสิร์ตมันก็ยังดีน่ะ
ก่อนหน้าวันงาน พี่อายะก็ออกมาสปอยล์ว่าจะมีเล่นเพลง 21 เพลงนะ และจะมีเมมเบอร์มาร่วม 16 คน แล้วก็มีบ่นนิดหน่อยว่าที่ในเว็บเขียนว่า "คนที่มาขึ้นเป็นเมมเบอร์ 16 คนที่อายะชอบ" ไม่ได้แปลว่าคนที่ไม่ได้มาจะไม่ชอบนะ เค้าชอบเมม SKE ทุกคนแหละ!!
และสุดท้ายก็ไม่มีบอกว่าใครบ้างที่จะมา ลุ้นเอาเองวันจริง //มีงี้ด้วย

สรุปพอวันจริง...งานขอบคุณของพี่ มันก็คือคอนเสิร์ตดีๆนี่แหละค่ะ!!
ส่วนเมมเบอร์ที่มาขึ้น มีแต่รุ่น 4 กับเด็กเคงคิวเซย์ค่ะ!! //กะโปรโมตเด็กใช่มั้ย
โดยงานนี้มีถ่ายทอดสดทาง Nico ซึ่งพี่อายะซี้กับทีมงานอยู่แล้วด้วย

พอได้ดูแล้ว ขอนิยามคอนเสิร์ตนี้ว่า "เกรียน" ค่ะ เกรียนมากตั้งแต่ต้นยันจบ (แม้แต่เว็บไซต์พิเศษของพี่เค้ายังเกรียน http://shibataaya.ske48.co.jp/)
แต่ก็ถือว่าคอนนี้ไล่เรียงเพลงสำคัญๆของพี่อายะไว้หมด และยังโปรโมตเด็กมากๆด้วย


เปิดตัวมาพี่ก็แซะตัวเองก่อนเลย โดยเอาฉากเปิดของ AKB49 มาล้อเลียน อย่างที่ทุกคนรู้กันว่าพี่เค้าปฏิเสธเล่นบทนี้ไปและออกมาขอโทษขอโพยแฟนๆยกใหญ่ และพี่อายะจะเซนซิทีฟทุกครั้งที่โดนแซวเรื่องนี้ แต่นี่เอามาเล่นเองเลยค่ะ ฮาาาาาา
เล่นเสร็จนางก็ถอดชุด โซโล่เพลง Utsukushii Inazuma แต่ไม่ทันจบเพลง โฮโนโนะก็วิ่งออกมาสะกิด "พี่คะๆ พี่ไม่ติดเซมเพลงนี้นะคะ" เห้ย แบบนี้ก็ได้เหรอ แซะตัวเองสองมุกติด นี่งานแกรดพี่จริงๆใช่มั้ยคะ!!?



จากนั้นเด็กๆเคงคิวเซย์ก็ออกมา เล่นเพลง Dear My Teacher โดยมีพี่อายะเป็น Teacher ค่ะ ถ้าใครได้ดูรายการ Zero position 2-3 ตอนล่าสุด จะเป็นคลาสของพี่อายะมาสอนน้องๆเคงคิวเซย์เรื่องเทคนิคต่างๆของไอดอล ก็คงจะเป็นที่มาที่เอาเพลงนี้มาเล่น
ต่อด้วย Theater no Megami เพลงจากสเตจสมัยที่พี่อายะอยู่ทีม C (ทีม KII เก่า ตัว C ย่อมาจาก Churi ลีดเดอร์ในตอนนั้น)
แล้วก็มีเล่นเพลงซิงเลือกตั้ง 2 เพลงที่พี่เค้าติดเซมบัตสึเลือกตั้ง และแน่นอนเพลง  Ai no Imi wo Kangaetemita เพลง undergirls ที่พี่อายะได้เป็นเซนเตอร์ในปี 2013 ด้วย





setlist ทั้งหมดก็ตามข้างล่างค่ะ มั่นใจเป็นเพลงที่พี่อายะเลือกมาเองทั้งหมด อย่าง Mae no Meri ถึงจะเป็นซิงเกิ้ลที่พี่เระแกรดแต่พี่อายะเค้าชื่นชอบเป็นการส่วนตัว
MC ที่มาคั่นรายการก็ เกรียน ฮาแตกขั้นสุด ทั้งตอนเล่นละครให้น่อนเป็นหมอดูหื่นๆ //เอาน่อนที่น่ารักของเราคืนมา
ทั้งตอนที่เมเมคุยกับพี่อายะขณะเปลี่ยนชุดหลังเวที ถามว่า "เพื่อนๆที่เปลี่ยนชุดอยู่ใส่กางเกงในแบบไหน? รายงานมาหน่อย" //ฮาน่าเกลียดที่สุด ฮ่าๆๆๆ

ไฮไลท์ของวันก็คือ โคอามิ (โคบายาชิ อามิ) คู่รักคู่กัดพี่อายะก็มาดูด้วย พอตอนอังกอร์ โคอามิก็เป็นคนตะโกนนำอังกอร์ค่ะ น่ารักสุดอะไรสุด
หลังจากอังกอร์ก็ออกมาร้องเพลงแกรด Sayonara ga tsukushikute
แล้วพี่อายะก็กล่าวขอบคุณ (หรือเรียกว่าบอกรักดี)
"ก่อนจะเข้า SKE48 ฉันไม่เคยสนใจอะไรเลย มีแค่ SKE48 เท่านั้นที่ทำให้ฉันหลงใหล เวลาทั้งหมด 6 ปีของฉัน ได้เข้ามาอยู่ SKE48 ได้เจอกับทุกๆคน ฉันเข้าใจแล้วว่าฉันรักแฟนๆทุกคนมากจริงๆค่ะ ทุกคนน่ะเป็น Amore (อะมอเร่ แปลว่า ที่รัก) ของฉันนะคะ" //ยังจะเกรียน


ปิดท้ายด้วย  Aun no Kiss เพลงแจ้งเกิดของพี่อายะที่แท้จริง
โดยพี่อายะกล่าวทิ้งท้ายว่า "ถึงฉันจะแกรดจาก SKE48 แต่ทุกคนอย่าแกรดจากฉันนะคะ ฉันรักแฟนๆทุกคนจริงๆนะ" //บอกรักอีกแล้ว

งานก็จบลงไปอย่างสวยงาม วันนี้เองก็มีงาน 2shot ซิง Chicken LINE งานสุดท้ายของพี่เค้า แถวพี่อายะคือไม่ต้องนับค่ะ แถววนไปเป็นสิบๆตลบ ล้นทะลักมาก

จากเด็กสาวที่กล้าโดดเรียนมาทำตามความฝัน จนมาเป็นเมมเบอร์แถวหน้าในวงไอดอลระดับชาติ ตำนานซินเดอเรลล่าแห่ง 48 group คนนี้จะเป็นที่กล่าวถึงตลอดไป 
เส้นทางของชิบาตะ อายะต่อจากนี้ ขอให้ทุกคนติดตามกันต่อไปด้วยค่ะ To be continued.


setlist
M1 Utsukushii Inazuma (ร้องไม่จบโดนโฮโนโนะมาหยุดไว้)
M2 Dear my teacher
M3 Theater no Megami
M4 Tenshi no Shippo
M5 Kokoro no Placard
M6 Halloween Night
M7 Ai no Imi wo Kangaetemita
M8 Idol Nante Yobanaide
M9 Skirt, Hirari
M10 Tenohira
M11 Aishiteru to ka, Aishiteta to ka (เพลงยูนิต Furumarion ร้องคู่กับเมเม)
M12 Coquettish Juutai Chuu
M13 Wagamama na Nagareboshi (ร้องคู่น่อน)
M14 Oki Doki
M15 Mirai to wa?
M16 12Gatsu no Kangaroo
M17 Sansei Kawaii
M18 Pareo wa Emerald
M19 Mae no Meri
M20 To be continued

EN1 Sayonara ga tsukushikute
EN2 Aun no Kiss

วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2559

(91)[100%SKE48] แปลบทสัมภาษณ์ด้งจัง (ฟุกุชิ นาโอะ)

เข้ามาในวงโดยการเป็นดราฟต์รุ่น 1 
อีก 2 ปีต่อมาได้เป็นรองลีดเดอร์ทีม E...ฟุกุชิ นาโอะ
จากคนที่คอยสนับสนุนมาเป็นเมมเบอร์ จนกระทั่งได้รับตำแหน่ง
เรื่องเหล่านี้ต้องเป็นเธอเท่านั้นที่ทำได้
ด้งจังผู้รัก SKE48 มากกว่าใคร กับคำปฏิญาณตนที่มาจากจิตวิญญาณ

เพราะฉันเคยเป็นแฟนๆมาก่อนก็เลยทำได้
มาทำให้ SKE48 “ด้ง” (ตู้ม) กันเถอะ!


ครั้งที่สองที่ในหัวมันขาวโพลนไปหมด


- นี่อาจจะเสียมารยาทไปหน่อย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าฟุกุชิซังจะได้เป็นรองลีดเดอร์ทีม E น่ะครับ! อยากทราบว่ามีวิสัยทัศน์ต่อเรื่องนี้ยังไงบ้าง เลยเชิญมาน่ะครับ 

ลูกพี่ด้ง: ไม่หรอกค่ะๆ เรื่องนี้น่ะ...(หัวเราะ) 

- เดิมเคยเป็นแฟนพันธุ์แท้มาก่อน ตอนนี้กลับได้รับตำแหน่งใน SKE48 นี่มันยอดเยี่ยมมากเลยครับ อยากจะขอให้ฟุกุชิซังแสดงความเชื่อมั่นในการเป็นผู้นำสักหน่อย ก่อนอื่น ยังจำโมเม้นท์ที่ประกาศได้มั้ยครับ? 

ลูกพี่ด้ง: ดราฟท์รุ่น 1 ใน 48 กรุ๊ปทั้งหมด จบการศึกษาไปแล้วถึง 3 คน ทุกคนพูดกันว่า “คนที่เหลืออยู่พยายามเข้านะ” ณ ตอนนั้น มัตสึโมโต้ จิคาโกะจังก็ถูกเรียกชื่อ ได้เป็นรองลีดเดอร์ทีมS ในใจฉันก็คิด “ถึงเวลาของดราฟต์รุ่น 1 แล้ว!” 

- ตอนนั้นคงยังรู้สึกเป็นแค่คนยืนดูเฉยๆสินะครับ

ลูกพี่ด้ง: ใช่ค่ะ (หัวเราะ) จากนั้น พอตอนที่ฉันถูกเรียกก็จำอะไรไม่ค่อยได้แล้ว ตอนหลังได้ยินจากสตาฟฟ์ซังว่า แม้กล้องจะจับภาพฉันอยู่ แต่อยู่ดีๆก็หายไปจากจอเฉยเลย

- ล้มลงไปเลย

ลูกพี่ด้ง: “จุกเหมือนคนโดนต่อยท้อง” เลยค่ะ (หัวเราะ) ตอนนั้นถึงได้รู้ว่า ในหัวขาวโพลนไปหมดนี่มันเป็นอย่างนี้เอง

- นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วครับที่ในหัวมันขาวโพลนไปหมด

ลูกพี่ด้ง: ครั้งที่ 2 ค่ะ ครั้งแรกคือตอนที่ถูกเลือกในงานดราฟต์ครั้งที่ 1 ตอนนั้นในใจคิดว่า “เย็นนี้กินซาโนะราเมงเสร็จก็กลับบ้านเลยแล้วกัน”

- พูดอีกอย่างคือ ในใจยอมแพ้ไปแล้วใช่มั้ยครับ

ลูกพี่ด้ง: ปรากฎว่าอยู่ดีๆก็โดนเรียกชื่อ ในหัวสมองนี่ขาวโพลนไปหมดเลยค่ะ สุดท้ายก็ไม่ได้ไปกินราเมง แต่ได้ไปกินเนื้อย่างแทน (หัวเราะ)

- เนื้อย่างฉลองสินะ (หัวเราะ)

ลูกพี่ด้ง:  นับแต่นั้น แม้จะเคยมีประสบการณ์ที่รู้สึกว่าในหัวมันขาวโพลน แต่พอฉันรู้ตัวอีกที ลีดเดอร์สุดะ (อาคาริ) ซังก็มาอยู่ข้างๆฉันแล้ว ตอนนั้นฉันหอบจนแทบจะหายใจไม่ทันแล้วค่ะ แต่ทุกคนกลับขำ! ในใจคิด “ขำอะไรกันเนี่ย!” (หัวเราะ) คงจะเพราะว่าฉันที่เคยเป็นโอตะมาก่อน ตอนนี้กลายมาเป็นรองลีดเดอร์ เรื่องกลับตาลปัตรแบบนี้ตลกดีใช่มั้ยล่ะคะ

- ก็ต้องขำอยู่แล้วล่ะครับ (หัวเราะ)

ลูกพี่ด้ง: ตอนที่ประกาศว่า (ไซโต้) มากิโกะซังเป็นกัปตัน ฉันก็เริ่มตั้งสติได้แล้ว รู้สึกว่า “โอ้ มากิโกะซัง สุดยอด!” แต่ว่าพอมาคิดดูดีๆ ฉันเองก็เพิ่งจะโดนเรียกชื่อไปเหมือนกัน

- แต่ว่า ปฏิกิริยาจากคนดูก็ดีมากเลยนะครับ

ลูกพี่ด้ง: หลังจากนั้นก็ร้องเพลงสุดท้าย “Nakama no Uta” ได้ลงไปแตะมือกับคนดู ได้ยินคนพูดว่า “สู้ๆนะ” “ถ้าเป็นด้งจังต้องทำได้แน่” ทำให้ยิ่งรู้สึกว่าที่ได้มาอยู่ SKE48 นี่มันดีจริงๆ ถึงแม้ตอนนั้นจะยังงงๆก็เถอะ

- ตอนนี้ก็ผ่านมาสักพักแล้วจากวันที่ประกาศ คิดมั้ยครับว่าทำไมถึงเป็นฉัน?

ลูกพี่ด้ง: ต้องล้อกันเล่นแน่ๆ! วันก่อนหน้านั้นก็ประกาศว่าจะกลับมาแสดง  AKB49 อีกรอบ แล้วฉันก็ได้เป็นหนึ่งในนั้นรับบทเป็นโอตะ ตอนนั้นฉันก็คิดแล้วว่าคงล้อเล่นแน่ๆ แต่วันต่อมา ฉันก็ไปถามผู้จัดการยูอาสะซังว่า “นี่ล้อเล่นใช่มั้ยคะ?” เขาตอบกลับมาว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะ! แค่คิดว่าถ้าคนที่เคยเป็นแฟนอย่างฟุกุชิมาเป็นรองลีดเดอร์ จะต้องนำอะไรใหม่ๆมาสู่วง ได้แน่ๆ” ถึงตอนนั้นจะคิดว่าที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง แต่พอมาคิดตอนนี้ก็ยังมีส่วนที่รู้สึกอยู่ว่าพวกเขาล้อฉันเล่นแน่ๆ (หัวเราะ)

- ปกติรองลีดเดอร์ต้องทำอะไรบ้างครับ?

ลูกพี่ด้ง: ถ้าตอนนี้ก็ นำเอ็นจิ้นตอนก่อนเริ่มโคเอ็นค่ะ แล้วก็หลังจากจบโคเอ็นก็จะเป็นตัวแทนเมมเบอร์กล่าวขอบคุณ วันที่ลีดเดอร์ไม่อยู่ก็จะให้ฉันทำแทน บางทีพอฉันพูด “งั้นทวนกันอีกทีนะ เพลงแรกคือ...” ทุกคนก็จะแบบว่า “ด้งเริ่มแล้ว.....” อะไรแบบนั้น (หัวเราะ) แต่ว่า คงเพราะเห็นฉันเอาจริงเอาจัง เลยอยากให้ฉันผ่อนคลายหน่อย บรรยากาศก็เป็นแบบนี้ล่ะค่ะ รุ่นพี่ใจดีมาก ดีมากเลยค่ะ


สร้างประวัติศาสตร์ร่วมกับแฟนๆ


- คืนวันที่ประกาศ คุณเขียนในบล็อกว่า “อยากจะสร้างวงที่เต็มไปด้วยความร้อนแรง” แสดงความเชื่อมั่นออกมาอย่างนั้น เลยอยากจะขอให้อธิบายหน่อยครับ

ลูกพี่ด้ง: ใช่ค่ะ...ในคอนเสิร์ตจบการศึกษาของซาเอะซัง ก็ร้องไห้ไปจนไม่เหลือน้ำตาแล้ว แต่ว่าจากนั้นจูรินะซังก็พูดว่า “SKE48 กำลังอยู่ในวิกฤต” ใช่มั้ยคะ พอได้ยินคำพูดนั้น น้ำตาก็ไหลออกมาอีกรอบ 

- ทั้งๆที่รู้สึกว่าน้ำตาไหลจนหมดไปแล้ว

ลูกพี่ด้ง: ค่ะ เพราะรู้สึกว่า “เป็นอย่างนั้นจริงๆด้วยน้า”

- จะบอกว่า ฟุกุชิซังเองก็รู้สึกถึงวิกฤตด้วยสินะครับ

ลูกพี่ด้ง: ที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าวิกฤตที่สุดก็คือ การไม่ได้ไป “งานขาว-แดง” ค่ะ ปีที่แล้วก่อนเริ่มรายการ นากานิชิ ยูกะซังกับ ซาโต้ มิเอโกะซังพูดไว้ว่า “ขอให้ได้มาขึ้นเวทีนี้อีกนะ” หลังจากทั้งสองคนจบการศึกษาไป ทุกคนก็พยายามกันเรื่อยมา แต่ไม่คิดว่าสุดท้ายจะไม่ได้รับเลือก รู้สึกอยากขอโทษพวกเขามากๆค่ะ

- เพื่อจะหลุดพ้นจากวิกฤตนี้ คิดว่าควรทำยังไงดีครับ?

ลูกพี่ด้ง: ฉันคิดว่าเมมเบอร์ทุกๆคนต้องสำรวจตัวเองใหม่ค่ะว่าคิดยังไงกับ SKE48 อยากให้ความรู้สึกเหมือนตอนเริ่มต้นกลับมาอีกครั้ง คิดว่าอยากสร้างให้วงออกมาเป็นแบบไหน ตัวเองอยากจะเป็นแบบไหน ถ้าทุกคนมีความตั้งใจแล้ว พอความคิดพวกนี้มารวมกันจะต้องทำให้วงได้รับความนิยมขึ้นมาได้แน่

- SKE48 ที่ “ได้รับความนิยมมากที่สุด” ของฟุกุชิซัง คือ SKE48 ตอนไหนครับ?

ลูกพี่ด้ง: ตอนขึ้นแสดง “Pareo wa emerald” ในงานขาว-แดง (เดือน 12 ปี 2012) ค่ะ ตอนนั้นฉันเป็นไข้ นอนดูรายการอยู่ที่บ้าน ตอนช่วง “Kataomoi Finally” (เดือน 1 ในปีเดียวกัน) ก็รู้สึกว่าใกล้ถึงเวลาแล้วล่ะ 

- ได้แสดงในรายการ Music station ด้วย

ลูกพี่ด้ง: ตอนนั้นพวกแฟนๆร้อนแรงกันมาก ดังนั้นเมมเบอร์ก็เลยพยายามไม่ให้แพ้ความร้อนแรงของแฟนๆ ในคอนเสิร์ตที่ Gaishi Hall (คอนเสิร์ตจบการศึกษาของซาเอะ) ก็รู้สึกได้เหมือนกัน แฟนๆ SKE48 เนี่ยอบอุ่นมากๆ เป็นหนึ่งเดียวกันมากๆ ใน LINE live ก่อนหน้านี้ก็สามารถกดหัวใจทะลุเป้าหมาย 1 ล้านหัวใจได้ ก่อนหน้ารายการพวกเรายังคุยกันอยู่เลยว่า “จนถึงตอนนี้สถิติมากที่สุดแค่ 6 แสนเอง จะถึง 1 ล้านได้มั้ยนะ”

- จากประสบการณ์ของฟุกุชิซัง ที่แฟนๆร้อนแรงกันขนาดนี้มาจากอะไรครับ?

ลูกพี่ด้ง: เพราะทุกคนคิดว่า “อยากให้ SKE48 ดียิ่งๆขึ้น” ค่ะ ไม่ว่ายังไง ก็มีคนเยอะมากๆที่เป็นฮาโกะโอชิ รวมถึงตัวฉันด้วย แม้ว่าโอชิแรกสุดของฉันยังไงก็เป็นจูรินะซัง...แต่เมื่อมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ทุกคนก็จะรวมใจกัน ลุกฮือขึ้นมา

-  “รวมใจกัน ลุกฮือขึ้นมา” (หัวเราะ)

ลูกพี่ด้ง: อยากให้วงนี้ได้รับการสนับสนุนไปตลอด อยากจะสร้างประวัติศาสตร์ร่วมกับแฟนๆ ถ้าทำให้พวกเขารู้สึกว่า “พวกเราเป็นหนึ่งเดียวกัน” ได้ก็คงดีค่ะ

- ถ้าดูจากอุดมการณ์นี้ แล้วปี 2016 นี้ล่ะครับเป็นยังไง?

ลูกพี่ด้ง: มีช่วงนึงที่รู้สึกว่าแย่แล้วจริงๆ ที่แย่ที่สุดคือช่วงก่อนและหลังที่ (มัตสึอิ) เรนะซังจบการศึกษาค่ะ แฟนๆก็ถามเหมือนกัน “SKE48 จะเป็นไรมั้ยนะ” ในตอนนั้นฉันเองก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไง แต่ฉันคิดว่า ก่อนอื่นตัวเองต้องพยายามให้เต็มที่เท่าที่จะทำได้ เมื่อตัวเองทำเต็มที่แล้วถึงจะมาคิดเพื่อวง ไม่ว่าจะกี่ปี ก็ต้องแบบนี้เท่านั้นแหละค่ะ...ตอนที่คิดแบบนี้อยู่ ก็ได้รับตำแหน่งรองลีดเดอร์แล้ว ดังนั้นก็จะเผยแพร่วงนี้ออกไปให้มากขึ้นค่ะ

- ในตอนที่คุณคิดว่าต้องพยายามเต็มที่เท่านั้น ทำอะไรไปบ้างครับ?

ลูกพี่ด้ง: ไม่ว่าทำอะไรก็ใส่เต็มที่สุดชีวิต ไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยก็ต้องรู้สึกขอบคุณมัน ต้องไม่ลืมว่าตัวเองมาถึงตอนนี้ได้เพราะถูกรับเลือกมาในงานดราฟต์ ยังไงก็ห้ามลืมความรู้สึกตอนเริ่มต้นนั้นค่ะ

- ไม่เพียงแค่เรนะซัง ซาเอะซังก็จบการศึกษาไปเหมือนกัน ต้องให้ความรู้สึกกระตือรือร้นกลับมาอีกครั้ง

ลูกพี่ด้ง: ฉันจะเดินหน้าไปกับมากิโกะซังค่ะ จริงๆก็อยากให้มากิโกะซังเป็นกัปตันมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว! รู้สึกว่า “เพิ่งจะเป็นตอนนี้อ่ะนะ!” ด้วยซ้ำไปค่ะ

- ฮ่าๆๆ นี่พูดในฐานะแฟนหรือเมมเบอร์ครับ?

ลูกพี่ด้ง: ทั้งสองอย่างค่ะ ช่วงที่ (มากิโกะซัง) เป็นเคงคิวเซย์  ก็เป็นคนคอยสรุปให้ตลอดเลยไม่ใช่เหรอคะ? เพราะงั้นก็เลยมีภาพจำว่า “ถ้าพูดถึง SKE48 ก็ต้องมากิโกะนี่แหละ” ทั้งเต้นเก่ง ทั้งคอยดูแลรุ่นน้อง แม้ว่าจะดูน่ากลัว (หัวเราะ) แต่ว่าเราต้องมีรุ่นพี่แบบนี้แหละที่คอยนำทุกคน

- ตอนนี้ SKE48 กำลังมุ่งไปทางไหน พอจะรู้มั้ยครับ?

ลูกพี่ด้ง: รู้ค่ะ ตอนที่เรนะซังจบการศึกษา ก็มีความรู้สึกแบบว่า “แย่ล่ะ แกรดแล้วสินะ...” แต่ตอนนี้ทุกคนค่อยๆกลับมาพยายามสู้ต่อไป แล้วก็ที่จูรินะซัง กลับมา SKE48 (ยกเลิกควบทีม) มันเป็นเรื่องสำคัญมากเลยค่ะจังหวะนี้น่ะ จากนี้ไป SKE48 จะต้องไปได้สวยแน่นอน

- เรื่องที่ดีในคอนเสิร์ตจบการศึกษา (ของซาเอะ) ที่ Gaishi hall ก็คือ การประกาศกัปตันคนใหม่ ทำให้ทุกคนมองเห็น SKE48 เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น หลังจากนั้น สำหรับเมมเบอร์แล้ว รู้สึกยังไงกันบ้างครับ?

ลูกพี่ด้ง: หลังจากคอนเสิร์ตนั้น ทุกคนก็เริ่มคลายเศร้าค่ะ หลังจากที่ Toyota Stadium (คอนเสิร์ตจบการศึกษาของเรนะ) “ต่อไปจะร้องเพลงด้วยความรู้สึกยังไงดีนะ” ทุกคนต่างก็ไม่รู้ แต่ว่าคอนเสิร์ตจบการศึกษาของซาเอะซังมันต่างออกไป เมฆหมอกความเศร้าอยู่ดีๆก็หายไปค่ะ

- ถ้าฟุกุชิซังเป็นหนึ่งในโอตะที่ไปดูคอนเสิร์ตวันนั้น จะเป็นอย่างไรครับ?

ลูกพี่ด้ง: คงตะโกนว่า “มากิโกะ!!!!!” ทั้งน้ำตามั้งคะ (หัวเราะ) ถ้าอยู่บ้านล่ะก็ ตอนนั้นคงเสิร์ชหาคำว่า “มากิโกะ” ใหญ่เลยล่ะค่ะ

- นี่คือด้านที่เป็นโอตะสินะครับ (หัวเราะ)

ลูกพี่ด้ง: พอมาคิดดูอีกที มันอาจจะเป็นพลังของซาเอะซังก็ได้ค่ะ ที่จบลงไปอย่างสดใสได้ขนาดนี้

- งี้นี่เอง เพราะความสดใสของซาเอะซังทำให้มันเป็นอย่างนั้น

ลูกพี่ด้ง: เพราะงั้น แม้ว่าจะรู้สึกเศร้าอยู่เหมือนกันที่ซาเอะซังจบการศึกษา แต่มันกลายเป็นความสุขค่ะ มิยามาเอะ (อามิ) ซังเองก็กำลังจะจบการศึกษา แต่ก็เพื่อไปตามความฝันเลยจบการศึกษาใช่มั้ยล่ะคะ ดังนั้นตอนนี้ฉันคิดในแง่บวกมากๆ


นาโกย่าคือบ้าน


- ต่อไปก็ อีเว้นท์ที่ต้องการการแสดงพลังจากแฟนๆ

ลูกพี่ด้ง: ...นั่นสินะคะ

- ความร่าเริงเมื่อกี้มันหายไปไหนล่ะครับ (หัวเราะ) เป้าหมายในงานเลือกตั้งคืออะไรครับ?

ลูกพี่ด้ง: นี่เป็นโอกาสครั้งใหญ่ที่หนึ่งปีจะมีครั้งนึง ที่จะทำให้คนจำนวนมากจำเราได้ แล้วก็ยังทำให้รับรู้ได้ด้วยว่ามีแฟนๆที่คอยสนับสนุนเราอยู่ เป้าหมายของฉันคือติดอันดับค่ะ

- ตอนฟุกุชิซังเป็นโอตะได้โหวตอะไรยังไงมาบ้างครับ?

ลูกพี่ด้ง: ฉันโหวต Request Hour ค่ะ แม้จะเคยโหวตเลือกตั้งบ้าง แต่ยังไง ก็แน่นอนว่าต้องให้จูรินะซังหมดเลย

- เรื่องนี้ถึงไม่บอกก็รู้ครับ (หัวเราะ) แล้วเป้าหมายของวงคืออะไรครับ?

ลูกพี่ด้ง: แค่ทำให้ทุกคนรู้สึกได้อีกครั้งว่า SKE48 นี่สุดยอดจริงๆแค่นั้นก็พอแล้วค่ะ แม้ว่าจำนวนคนติดอันดับจะสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ “ใครติด” ต่างหาก การติดอันดับก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะมีชื่อได้ใช่มั้ยล่ะคะ อย่างเช่น การไม่ติดผลด่วนแต่ติดวันจริง อะไรแบบนั้น

- นับตัวเองเป็นหนึ่งในนั้นมั้ยครับ?

ลูกพี่ด้ง: เอ๋? ก็ไม่เชิงค่ะ...เทียบกับตัวเองแล้ว ฉันคิดเรื่องว่าปีนี้ใครจะติดเซมบัตสึมากกว่า อย่างแรก ชูริซัง (ทาคายานางิ อากาเนะ) น่าจะติด....

- กลับไปเป็นโอตะอีกแล้วนะครับ (หัวเราะ) เมื่อกี้ก็มีพูดถึงด้วยว่า “อยากจะสร้างวงที่เต็มไปด้วยความร้อนแรง” ถ้าเกิดถูกถามว่า “แล้วมันเป็นวงแบบไหนล่ะ” จะตอบว่ายังไงครับ?

ลูกพี่ด้ง: วงที่จริงจังค่ะ

- ซาเอะซังก็เคยพูดแบบนี้

ลูกพี่ด้ง: กรุ๊ปที่มุ่งไปที่จุดหมายเดียวกัน ทะยานไปข้างหน้า ถ้าไม่สำเร็จก็จะไม่ลดละความพยายาม

- ได้ย้ายจากโทชิกิมาอยู่ไอจิ รู้สึกยังไงบ้างครับ?

ลูกพี่ด้ง: ได้มาแล้ว ก็ทำตามใจตัวเองสุดๆไปเลยค่ะ (หัวเราะ) ตอนนี้นาโกย่าก็คือบ้านของฉัน บางครั้งไปโตเกียว พอได้กลับนาโกย่าก็รู้สึกว่า “นาโกย่าสุดยอด!” ดังนั้นไม่ว่าจะเป็น SKE48 หรือนาโกย่า ฉันก็อยากให้มีคนชอบเยอะขึ้นๆค่ะ 

- กลายเป็นสาวนาโกย่าไปเรียบร้อยแล้ว (หัวเราะ)


ก็เหมือน “เกียบัน” นั่นแหละ


ลูกพี่ด้ง: ตรงนี้ฉันก็มีคำถามอยากถามเหมือนกันค่ะ ทำไมคราวนี้ถึงอยากออกเล่มพิเศษคะ?

- คิดว่า เมื่อซาเอะซังจบการศึกษาไป เมมเบอร์ก็เป็นหนึงเดียวกันมากขึ้น ในเวลาแบบนี้ อยากจะรวบรวมความคิดของ SKE48 ที่มันโผล่เข้ามาไว้ในแมกกาซีนเล่มเดียวกันน่ะครับ แล้วก็เลยเชิญคนที่เป็นกำลังหลัก มีความคิดแรงกล้าที่จะดึง SKE48 ต่อไปข้างหน้ามาสัมภาษณ์กัน คิดว่าฟุกุชิซังเป็นคนที่มีความคิดแบบนั้นครับ 

ลูกพี่ด้ง: จริงสิ ก่อนหน้านี้ ไปกินข้าวกับอุเมะโมโตะ มาโดกะซัง เป็นวันหลังจากที่เธอประกาศจบการศึกษา เธอก็ถามฉันว่า “ด้งจังต่อไปจะทำยังไงเหรอ?” เพราะฉันไม่ใช่คนที่อยากจะเข้าวงการบันเทิง แค่อยากเข้า SKE48 เท่านั้นเอง ฉันเลยตอบกลับไป “เป้าหมายตอนนี้น่ะ คือใช้ชีวิตในวันพรุ่งนี้ให้เต็มที่ค่ะ” ถ้า SKE48 ดีขึ้น ตัวเองก็จะเติบโตขึ้นด้วย แต่ไม่ว่ายังไง สุดท้ายแล้วฉันก็แค่อยากพยายามทำเพื่อ SKE48 แค่นั้นเอง เรนะซังเคยบอกฉันว่า “ด้งจังต้องปกป้อง SKE48 ที่รักนี้ไว้นะ” นี่เป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉันค่ะ แม้ว่าตอนนี้จะมีฉันเพียงคนเดียวที่คิดอย่างนี้ แต่ต่อจากนี้ไปก็อยากให้มีเพื่อนมาร่วมด้วยเพิ่มขึ้นค่ะ

- เต็มไปด้วยความร้อนแรงจริงๆ คิดแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้วรึเปล่าครับ?
ลูกพี่ด้ง: ตอนเด็กๆชอบดู “เกียบัน” ค่ะ

-  “ตำรวจอวกาศเกียบัน” เหรอครับ! นั่นรู้สึกจะตั้งแต่สมัยยุค 80 แล้วนะ!

ลูกพี่ด้ง: คุณพ่อของฉันชอบมากค่ะ เพลงเปิดฉันก็ชอบมาก “ลาก่อนน้ำตา ยินดีที่ได้รู้จักความกล้า”

- นี่เป็นสิ่งที่ SKE48 ในตอนนี้ต้องการอยู่พอดีเลย! นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้เจอเรื่องที่สำคัญที่สุดตรงนี้ ขอบคุณที่มาสัมภาษณ์ในวันนี้ครับ! (หัวเราะ)




blogged by 91

[91][bsummary]

Translation

[Translation][bsummary]

Subtitle

[subtitle][bsummary]

Update

[SKEUpdate][bsummary]