วันจันทร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

[Talk]ความหมายของ"ไอดอล" กับ SKE48 ซาคาโมโตะ มาริน


ท่ามกลางจากการเปิดตัวของ BNK48 ที่นำวัฒนธรรมไอดอลแบบ"ญี่ปุ่น"ถาโถมเข้าสังคมเน็ตของไทย
แน่นอนว่าเมื่อมีกระแส ก็ต้องมีเรื่องราวในแง่ลบ

"ทำตัวแบ๊วๆ น่ารัก ให้คนมาเปย์ไปวันๆ"
"ก็แค่แฟนจำลอง ขายฝันให้โอตะจิ้นเป็นแฟนไปวันๆ"

หลากคำครหาที่ผู้คนมีให้วัฒนธรรม"ไอดอล"
บ้างก็มาจากสายตาที่อคติเป็นทุนเดิม
บ้างก็พูดเรื่องจริง บ้างก็พูดเรื่องไม่จริง

แต่ในความเป็นจริงแล้ว"ไอดอล"ในสังคมญี่ปุ่นเป็นมากกว่า"แฟนจำลอง" สำหรับใครหลายคน

คุณเคยไหมกับเวลาที่เฝ้าติดตามผลงานทีมกีฬาหรือนักกีฬาที่คุณรัก
แล้วใจเต้นจนอยู่นิ่งไม่ได้ ยินดีกับความพยายาม ตื้นตันกับความสำเร็จ  น้ำตาไหลเมื่อเห็นความฝันของเขาเหล่านั้นเป็นจริงไปกับถ้วยแชมป์ หรือรางวัลส่วนตัว

การได้มองเห็นความพยายาม ความทุ่มเท การล้มลุกคลุกคลาน และ Passion ของคนบนจอไปจนถึงวันที่ความพยายามสร้างพลังบวก สร้างแรงบันดาลใจให้เราได้อย่างคาดไม่ถึง
นั่นแหละคือความหมายของการมีอยู่ของไอดอลที่จะทำให้คุณเนื้อเต้น เอาใจช่วย และทุ่มเทให้สุดใจ และอยากจะใช้ชีวิตให้เต็มที่อย่างไม่ยอมแพ้เด็กผู้หญิงพวกนี้
คือไอดอลเจ้าของสีประจำวงคือสีส้มแสดที่สื่อถึงความร้อนแรงและ Passion ของวงน้องแห่งนาโกยะที่ชื่อ SKE48 ที่โด่งดังในด้านความทุ่มเท บ้าพลัง จริงจัง และวัฒนธรรมประจำวงที่จะไม่มีวันทำอะไรครึ่งๆกลางๆเด็ดขาด

สำหรับ ซาคาโมโตะ มาริน เคงคิวเซย์ (เด็กฝึก) รุ่นที่ 8 ของ SKE48 เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย

เด็กตัวสูงที่ยืนอยู่บนเวที เต้นสุดแรงเกิด ยิ้มแย้มเสมอ เรียนมัธยมปลายในโรงเรียนที่เด่นด้านเรียนและเข้าร่วมกิจกรรมชมรมเป็นประจำก่อนมาเข้า SKE48 คนนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเคยเป็นฮิคคิโคโมริ ไม่ยอมไปโรงเรียน ไม่ยอมแม้แต่จะก้าวขาออกจากบ้าน จนกระทั่งเขาได้รู้จักกับวงไอดอลประจำเมืองอย่าง SKE48 ถึงมาอยู่จุดนี้ได้

เราอยากจะถ่ายทอดเรื่องราวของน้องมารินผ่านทางจดหมายวันเกิดที่ครอบครัวของน้องเขียนให้น้องในงานวันเกิดที่ผ่านมาค่ะ

"ถึง มาริน
สุขสันต์วันเกิดครบรอบ 15 ปีนะ
พวกเราถูกบอกมาตลอดว่า “เลี้ยงลูกทั้งที่อายุยังน้อยอยู่ต้องลำบากแน่ๆ” แต่การได้เห็นว่าลูกกินข้าวร่าเริงแค่ไหน เติบโตมาแข็งแรงขนาดไหน เราก็ไม่รู้สึกลำบากอะไรเลย
แต่ตอนที่เกือบจบชั้นประถม 6 สุขภาพของลูกก็ทรุดหนัก ด้วยความที่ขาดเรียนบ่อยก็ทำให้ลูกปรับตัวเข้ากับชั้นมัธยมต้นไม่ได้
ลูกมักจะคิดมากเกินไปเสมอว่าเพื่อนๆจะคิดยังไงกับลูก แถมยังมีช่วงที่ถึงขั้นไม่แม้แต่จะออกไปนอกบ้านในวันหยุด
จนกระทั่งได้รู้จักกับสเตจSKE ที่ทำให้ลูกออกไปข้างนอกบ้านได้อีกครั้ง
พูดตรงๆนะ พวกเราไม่สบายใจเลยที่เห็นลูกออกไปโรงละครSKEแทนที่จะไปโรงเรียน แต่ในเวลานั้นลูกมองโลกมืดมนมากๆ เอาแต่โทษตัวเองที่ไปโรงเรียนเหมือนคนอื่นไม่ได้ ถึงขั้นที่ปฏิเสธความเป็นตัวเอง เพราะแบบนั้น เราเลยคิดว่ามันก็ไม่แย่อะไรหรอก ถ้าลูกจะไปที่นั่นแล้วทำให้รู้สึกดีขึ้นมาได้
มารินเอาแต่ดูSKE พูดถึงSKE และฟังแต่SKE เพราะลูก ทำให้พวกเราถูกดึงตามกระแสและคุ้นเคยกับSKEไปด้วย เอ้อ แถมในรถก็ห้ามเล่นเพลงอื่นนอกจากเพลง SKE ด้วยนะ
ลูกเริ่มไปดูการแสดงที่โรงละครSKEได้ด้วยตัวเอง เรียนรู้วิธีขึ้นรถไฟไปไหนคนเดียวครั้งแรกเพื่อที่จะไปร่วมอีเวนท์ และตอน ม.2 ลูกก็กลับไปโรงเรียนได้อีกครั้ง แถมยังเข้าร่วมชมรมอย่างขยันขันแข็งทุกวันเลยด้วย!
มีเวลาแค่นิดเดียวที่ใช้เตรียมตัวในการสอบเข้ามัธยมปลาย แต่ก็ลูกทำเต็มที่และได้คะแนนสูงเกินค่าเฉลี่ย
เราจินตนาการไม่ออกเลยว่าชีวิตของลูกตอนนี้จะเป็นยังไง ถ้าไม่มี SKE48
ตอนนี้ลูกก็ได้มาอยู่ในSKEที่รัก ได้เวลาตอบแทนสิ่งที่SKEทำให้ลูก
ขอให้พยายามเต็มที่เพื่อที่จะมอบรอยยิ้มสื่อถึงใจแฟนๆ และเป็นคนที่สามารถเป็นเสาหลักให้SKEได้
มาริน ขอบคุณนะที่เกิดมาเพื่อพวกเรา มาริน ลูกและพี่คือสมบัติล้ำค่าของพวกเรา
เพราะแบบนั้นขอให้รักษาดูแลและเห็นค่าในตัวเองอยู่เสมอ เมื่อไหร่ที่มีอุปสรรค เราจะก้าวผ่านมันไปด้วยกัน ในฐานะครอบครัว

ขอโทษสำหรับจดหมายยาวๆนี้ด้วยนะคะ ในท้ายที่สุด อยากจะขอขอบคุณแฟนๆทุกคน ฝ่ายจัดการ และเหล่าเมมเบอร์ที่ร่วมกันจัดงานอันแสนวิเศษนี้ให้ลูกสาวของพวกเรา

เธอเพิ่งจะเริ่มก้าวแรกบนทางเดินใหม่ อาจจะขาดความมั่นใจไปบ้าง แต่ช่วยสนับสนุนเธอด้วยนะคะ
จาก ปะป๊า ม่ะม๊า และน้องสาว"

หลังจากอ่านจดหมายจบแล้ว น้องมารินก็พูดเป้าหมายในชีวิตไอดอลของตัวเองตามนี้ค่ะ

"ก่อนอื่นเลย ต้องขอบคุณทุกท่านที่จัดงานแสนวิเศษนี้ให้ฉันค่ะ
ก็ตามที่บอกในจดหมาย ช่วงมัธยมต้นฉันไปโรงเรียนไม่ได้เลย แต่เพราะพลังที่ได้รับจาก SKE ฉันก็มายืนอยู่ตรงนี้แล้วค่ะ!
แม้แต่หลังจากที่เข้า SKE มาแล้ว แม่ฉันก็คอยถามตลอดว่า “ลูกจะเข้า SKE จริงๆ เหรอ ลูกจะสอบเข้า(ม.ปลาย)ปีนี้แล้วนะ?” แต่ถึงจะพูดแบบนั้น แม่ก็บอกฉันว่าอย่าขาดเรียนมากแล้วกัน
คอยรับส่งฉันหลังโรงเรียนเลิก หรือแม้แต่เวลาที่ฉันฝึกซ้อมจนดึก แม่ก็ยังคอยรับส่งฉันทุกวัน
ขอบคุณมากจริงๆค่ะ
ถ้าไม่มี SKE คงไม่มีตัวฉันที่ยืนอยู่ตรงนี้ คงจะได้แต่ขังตัวเองอยู่ในบ้าน ไม่ได้ไปแม้แต่โรงเรียน
เพราะแบบนั้นฉันเลยอยากตอบแทน SKE48 ให้ได้ค่ะ
ในงานวันเกิดส่วนใหญ่ ทุกคนมักจะพูดอะไรประมาณว่า “ฉันจะเป็นไอดอลเบอร์หนึ่งของญี่ปุ่น!” หรือ “ฉันอยากจะเป็นไอดอลเบอร์หนึ่งของโลก” แต่สิ่งที่ฉันต้องการมีเพียงการอยากทำให้ SKE48 เป็นที่รู้จักของผู้คนมากขึ้นไปอีก ทำให้ผู้คนรับ SKE48 เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเขาให้ได้ค่ะ
ขอบคุณมากจริงๆและเพื่อให้การนั้นเป็นจริง
ฉันจะพยายามทุ่มเทเต็มที่ในทุกสิ่งที่ทำ และมอบรอยยิ้มให้แก่ผู้คนมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
จากนี้ไปก็ขอแรงสนับสนุนจากทุกคนด้วยนะคะ!
ขอบคุณมากค่ะ ช่วยสนับสนุนSKE48ด้วยกันนะคะ"

ไม่จำเป็นต้องเป็นไอดอลเบอร์หนึ่ง แต่อยากจะเป็นไอดอลที่ได้ช่วยชีวิต ได้เป็นแรงบันดาลใจของใครต่อใครได้มากขึ้นซักคน เหมือนที่ตัวเองได้รับมาก็ยังดี

ทันทีที่น้องพูดประโยคนี้จบ น้องมารินก็คือไอดอลเบอร์หนึ่งของเราแล้วค่ะ :)

นี่คงเป็นอีกความหมายของไอดอล ที่ไม่ใช่แค่แฟนมโน ไม่ใช่แค่ขายแบ๊วไปวันๆ
แต่ยังเป็นคนที่นอกจากจะไล่ตามความฝันของตัวเองแล้ว ก็มอบความฝันและแรงบันดาลใจให้ใครต่อใครด้วย

ไอดอลที่ตระหนักว่าตัวเองซักวันคงจะเป็น"ส่วนหนึ่ง"ในชีวิตของใครซักคนแบบนี้ ไม่ว่ายังไงก็คงไม่ทำให้เราผิดหวังแน่ๆ

ทำให้เรานึกถึงสปีชของมัตสึอิ เรนะ ในการเลือกตั้งครั้งสุดท้ายของเจ้าตัว ว้่าในชีวิตไอดอล 5-6 ปีที่ผ่านมา เขาได้เป็น"ส่วนหนึ่ง" ในชีวิตของใครต่อใครมากมายอย่างไม่ทันรู้ตัว

แต่บางทีอาจจะไม่ใช่แค่ส่วนหนึ่ง ในบางห้วงเวลาเขาอาจจะเป็น"ทุกอย่าง"ของใครบางคนเลยก็ได้

ต่อให้ใครต่อใครจะดูถูกเส้นทางนี้มากแค่ไหน ตราบใดที่ SKE48 ยังมีไอดอลที่ยึดมั่นในหลักการนี้อยู่
 ก็เป็นเรื่องสวยงามเสมอกับการที่มีคนที่ตั้งเป้าจะเป็นเป้าหมายหรือแรงบันดาลใจของใครซักคน หรือแม้แต่ส่งต่อความฝันให้ใครต่อใคร

 สุดท้ายเมื่อได้เฝ้ามองคนแบบนี้ ได้มองเค้าไล่ตามความฝันของตัวเอง ถึงจะเลยวัยหรือไม่ได้อยากเป็นไอดอลกับเค้าเลย (ฮา)

เราก็รู้สึก Inspired และอยากทำอะไรเพื่อคนอื่นให้ได้อย่างเด็กพวกนี้นะ

วันอาทิตย์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

(91)[100%SKE48 Vol.2] แปลบทสัมภาษณ์ตี๋สุกาวาระ (สุกาวาระ มายะ)

Sprout Out สุกาวาระ มายะ



วิวที่เห็นในตำแหน่งเซ็นเตอร์
- ในที่สุดก็ “สุกาวาระน่ะนะ!
สกวร: สุกาวาระแห่งพื้นที่ราบเซนไดได้เผยออกมาแล้วค่ะ (ขำ) อันที่จริงก่อนหน้านี้ก็เคยได้รับเชิญไปถ่ายชุดว่ายน้ำครั้งนึง แต่ว่าตอนนั้นยังลังเลอยู่น่ะค่ะ...ที่รับงานคราวนี้ ก็ได้ไปปรึกษาสุดะ (อาคาริ) ซังมา
- ไปถามว่า “ลองดูดีมั้ย” เหรอ?
สกวร:  เธอก็บอกมาว่า “ถ้าไม่อยากปฏิเสธไปแล้วมาเสียดายภายหลัง ก็ตอบรับไปเถอะ” เพราะเคยปฏิเสธมาครั้งนึง ตัวเองก็รู้สึกไม่ดี...อีกอย่าง ได้ยินมาว่าคราวนี้จะได้พื้นที่ใหญ่ๆด้วย!
- จุดสำคัญอยู่ตรงนี่เอง (หัวเราะ) ก็ได้ลงทั้งโปสเตอร์ ทั้งในเล่มอีก 10 หน้านี่เนอะ! ที่ได้ลองถ่ายวันนี้เป็นยังไงบ้างครับ?
สกวร:  สนุกอย่างไม่น่าเชื่อค่ะ
- อย่างไม่น่าเชื่อ (หัวเราะ)
สกวร:  ก่อนอื่น ฉันไม่เคยใส่ชุดว่ายน้ำจริงจังแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ คิดว่าจากนี้คงต้องไปซื้อชุดว่ายน้ำของตัวเองมั่งแล้ว
- ธีมของ 100%SKE48 คราวนี้คือ “ความกล้า” ด้วยความหมายนั้น สุกาวาระซังเองก็ใช้ความกล้าที่จะท้าทายกับการถ่ายกราเวียร์เหมือนกัน ถ้ามันสามารถเปลี่ยนแปลงความคิดได้แม้เล็กน้อย มันก็คุ้มค่าที่จะทำล่ะ
สกวร: ขอบคุณมากจริงๆค่ะ
- เมื่อกี้นี้พูดถึงว่าเคยได้รับเชิญไปถ่ายชุดว่ายน้ำด้วย สุกาวาระซังนี่ได้รับเลือกในหลายๆเรื่องเร็วมากเลยนะ
สกวร:  เป็นเรื่องที่ต้องขอบคุณมากๆเลยค่ะ...ตอนประกาศ LOVE CRESCENDO ก็เหมือนกัน ตอนนั้นฉันยังเต้นไม่ได้เลยจริงๆ ได้แต่คิดว่าจะเป็นไรมั้ยน้า
- แต่ช่วงนี้ ภาพของสุกาวาระซังบนเวทีมันดูสนุกมากเลยนะ
สกวร:  ขอบคุณมากค่ะ (หัวเราะ)
- ได้ยินมาว่าคุณชอบคาชิวากิ (ยูกิ) ซัง อยากเป็นไอดอลในอุดมคติแบบเธอใช่มั้ยครับ?
สกวร:  ตอนนี้ มันตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงเลยค่ะ (หัวเราะ) เดิมทีฉันไม่ได้สนใจไอดอลเลยแต่ว่ามีเพื่อนคนนึงที่ชอบไอดอลมาก มาคุยเรื่อง AKB48 ให้ฟัง จากนั้นตอนที่ไปเล่นที่บ้านเพื่อน ในห้องเธอมีแต่ AKB48 เต็มไปหมด ได้นั่งดู AKBINGO ด้วยกันตอนนั้นก็คิดว่ายูกิรินซังดีมากเลย เพราะงั้นตอนที่ได้เข้ามา SKE แรกๆก็อยากจะเป็นแบบนั้น แต่ว่าไม่ไหวค่ะ
- แล้วอยู่ดีๆก็ตัดหน้าม้าแบบนั้น (ขำ) สั้นมากเลยนะครับ
สกวร: ที่จริงอยากให้มันเป็นหน้าม้าเทค่ะ แต่ไม่รอด...ก็เลยปล่อยเลยตามเลย ตั้งแต่นั้นก็เลยกลายเป็นว่าเปิดเผย “ตัวตนที่แท้จริง” ของตัวเองออกมา
- เปิดเผยออกมาเร็วมากเลยนะ (หัวเราะ) ที่จริงก็รู้สึกว่าค่อนข้างจะเป็นคนใสๆนะครับ นอกจากกราเวียร์คราวนี้แล้ว ยังมีเหตุการณ์ไหนอีกมั้ยที่รู้สึกว่า “ต้องการความกล้า”?
สกวร: อะไรน้า? เอ๊ มันอะไรนะ!? ถ่ายชุดว่ายน้ำต้องใช้ความกล้าก็จริง...แต่อะไรอีกน้า?
- ถ้านึกไม่ออกก็อาจจะแปลว่าคุณเคลียร์เรื่องนั้นแล้วก็ผ่านมันมาแล้วล่ะ
สกวร:  ไม่หรอกค่ะ MC ฉันก็พูดไม่ค่อยออก เอาแต่ตื่นเต้นตลอดแล้วก็ชอบพูดตะกุกตะกักด้วย ถึงอย่างงั้นทุกวันนี้ก็พูดจนเพลินเลย
- อย่างงั้นเหรอครับ (หัวเราะ)
สกวร: พูดเรื่อยๆจนเพลิน คือก็อยากพยายามพูดออกมาให้ดีนะคะ แต่มันแป้กหมดเลย ตรงนี้ฉันต้องตั้งใจเพื่อไม่ให้เป็นมากิโกะซังคนที่สองค่ะ (ขำ)
- คาแรคเตอร์แป้กๆของไซโต้ซังมันฝังรากลึกแล้วล่ะครับ นี่ก็แป้กไม่หยุดเลย (หัวเราะ)
สกวร: ฮ่าๆๆๆ แต่ว่าจริงๆนะ ฉันน่ะทุกครั้งที่จบ MC จะชอบรู้สึกเสียดาย ชอบพูดบ่อยๆว่า “....ขอโทษนะคะ” ไม่อยากให้เป็นอย่างนี้แล้วล่ะค่ะ
- ถึงจะเป็นอย่างนั้น แต่สุกาวาระซังก็ดูเป็นคนประเภทที่ทำให้สิ่งรอบข้างน่าสนใจขึ้นนะครับ
สกวร:  จริงเหรอคะ? เอ๋?
- ไม่รู้ตัวเลยสินะ (หัวเราะ) สุกาวาระซังตอนนี้มีเมมเบอร์ที่จับตามองอยู่มั้ยครับ?
สกวร:  ราคุราคุซัง (โกโต้ ราระ // ตัว ในชื่อราระ อ่านว่าราคุ) กับยูนานะซัง (โอบาตะ ยูนะ) ค่ะ ได้อยู่ LOVE CRESCENDO เหมือนกัน...แต่ว่าไม่กี่วันก่อนมีคอนเสิร์ตเลือกตั้ง “Rainen Koso Rank in Suru zo Keekishuukai” (รวมพลคนที่จะติดอันดับปีหน้า) ฉันกับอิชชิกิ เรนะได้เป็นเซ็นเตอร์คู่ในเพลง “Ponytail to shushu” ค่ะ เดิมฉันกับอิชชิกิก็อยู่รุ่นเดียวกัน เป็นพวกเต้นไม่เป็นพอกันก็เลยรู้สึกมีความเป็นคู่แข่งอยู่ละมั้งคะ
- เริ่มรู้สึกงั้นเหรอ?
สกวร:  ค่ะ ช่วงนี้อิชชิกิเป็นที่ต้องการมากเลย
- เป็นที่ต้องการ (ขำ)
สกวร:  จะว่าไงดี พอเห็นเพื่อนรับหน้าที่ MC (อิชชิกิ) ก็จะพูดออกมาว่า “ดีจังน้า” ไม่หยุดเลย
- ไม่รู้จักพอสินะครับ การที่ได้รับเลือกเป็นเซ็นเตอร์คู่กับสุกาวาระซังเนี่ยก็แปลว่า อิชชิกิซังคงได้รับเสียงตอบรับดีพอๆกันล่ะนะ
สกวร:  ใช่ค่ะ! เพราะงั้นเลยคิดว่าจะแพ้ไม่ได้! แล้วก็ถึงจะเคยได้ยืนเป็นเซ็นเตอร์แล้วแต่ฉันอยากจะเป็นคนที่ยืนตำแหน่งนี้ได้โดยไม่รู้สึกแปลก อยากเป็นแบบนั้นมากๆค่ะ
- เซ็นเตอร์ให้ความรู้สึกดีมากเลยใช่มั้ยครับ?
สกวร:  ถึงจะตื่นเต้นมากเพราะไม่มีเมมเบอร์อยู่ข้างหน้าเลยแต่ ฮุๆๆๆ...วิวหน้าสุดที่ได้มองเห็นสายตาของแฟนๆที่มองมามันดีมากเลยค่ะ แม้จะคิดว่ายืนอยู่มุมๆก็ไม่เป็นไรก็เถอะ
- สุกาวาระซังก็เป็นพวกไม่รู้จักพอเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? (หัวเราะ)
สกวร: เหมือนอิชชิกิเลย (หัวเราะ)
- ถ้ารู้ว่าสุกาวาระซังได้ท้าทายกับงานกราเวียร์ ไม่แน่ว่าอิชชิกิซังอาจจะเจ็บใจก็ได้นะครับ?
สกวร:  งั้นเหรอคะ? แต่ว่าก่อนหน้านี้ก็ได้คุยกันนะคะ บอกว่า “อาจจะได้ถ่ายชุดว่ายน้ำก็ได้” เธอก็ถามกลับใหญ่เลยว่า “เอ๋? ต้องใส่ชุดว่ายน้ำเหรอ? ไม่ปฏิเสธไปเหรอ?” (หัวเราะ)
- มันหมายความว่าไงกันแน่เนี่ย (หัวเราะ)
สกวร: อิชชิกิไม่รู้จักพอไง (หัวเราะ) เพราะงั้นฉันก็จะพยายาม ไม่ยอมแพ้แน่ค่ะ!


blogged by 91

[91][bsummary]

Translation

[Translation][bsummary]

Subtitle

[subtitle][bsummary]

Update

[SKEUpdate][bsummary]