วันพฤหัสบดีที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2558

(91) ปี 2015 ของ SKE48



อีกวันเดียวก็จะหมดปีแล้ว ก่อนเราจะไปเกาะขอบจอดูสเตจ year-end กับสเตจ countdown กัน ก็อยากจะมารีวิวปี 2015 ของ SKE48 กันซักหน่อย เรียกว่าเป็นอีกปีที่เต็มไปด้วยเซอร์ไพรส์และน้ำตา ขึ้นๆลงๆ เดี๋ยวดีใจ เดี๋ยวร้องไห้ แล้วเดี๋ยวก็กลับมาดีใจอีก เป็นอีกปีที่เรียกว่า “หนัก” ตั้งแต่ต้นปียันวันเกือบสุดท้ายของปี #เป็นโอตะSKEต้องสตรองงงง นะคะ แต่ถึงจะหนักแค่ไหน ก็ยังมีเรื่องที่ดีมากๆอยู่นะ #ยังยิ้มได้
เอาล่ะ เริ่มเลยดีกว่า
· สะเทือนใจไม่หยุดกับ “มหกรรมจบการศึกษา”
จริงๆมันเริ่มมาตั้งแต่ปี 2013 ที่แกรดพร้อมกัน 9 คนแล้วล่ะ หลังจากนั้นก็รัวมาตลอดเลย ปีที่แล้วก็ว่าเยอะแล้วแต่มาปีนี้สาหัสกว่า เพราะเสียทั้งเสาหลัก ทั้งดาวรุ่ง ทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่หลายคน เล่นเอาแฟนๆทรุดกันเป็นแถบ orz
ไล่มาตั้งแต่เน่ซังและนิชิชิ 2 ผู้อาวุโสที่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของวงประกาศแกรดพร้อมกันในวันคริสมาสต์ปีที่แล้ว จนมาถึงช่วงต้นปีนี้ที่ร้องไห้แทบทุกวัน จำได้ว่าช่วงนั้นวันไหนมีสเตจจะรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี ลุ้นตลอดว่าวันนั้นจะมีใครประกาศอะไรมั้ย และมันจะหยุดเมื่อไหร่...
ก็ช็อคกันไปทั้งลีดเดอร์เฮนไตอย่างพี่ฟุ รุ่นเก๋าที่คุ้นหน้าคุ้นตากันอย่างริโฮะ นางมารขาวอย่างโคอามิ(คู่ปรับนางมารดำอายะ) ดาวรุ่งพุ่งแรงเซ็นเตอร์เพลงดังอย่างมิซูโฮะ สาวน้อย(?)น่ารักอย่างซือจัง แล้วยังมีน้องเคงคิวเซย์รุ่นสู้ชีวิตอย่างโอกิริและยุปปี้ ช่างเป็นช่วงต้นปีที่รันทดจริงๆ แต่แน่นอนมันไม่หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อ...มัตสึอิ เรนะ ไม่ลงเลือกตั้ง
มั่นใจว่าหลายคนคงคิดแล้วล่ะว่าจะเกิดอะไรขึ้นและมันก็เป็นไปตามที่คิดจริงๆ ถึงจะรู้อยู่แล้วแต่ก็ยังทำใจรับไม่ได้ เพราะมันช่างปุบปับ ไปเร็วเหลือเกินทั้งๆที่เป็นเมมเบอร์ระดับท็อป แถมก่อนจะประกาศแกรดก็โดนสปอยล์ซะอีก (สปอยล์มาตอนเช้า ประกาศจริงตอนดึก วันนั้นนี่มืดมนทั้งวันเลย) แต่พูดตามตรงนะคะ เราคิดว่าถ้าปีนี้เรนะไม่แกรด อาจจะไม่มีคอนเสิร์ตใหญ่ของ SKE ในปีนี้เลยก็ได้
และในขณะที่ทุกคนเริ่มจะทำใจได้หลังจบคอนเสิร์ตเรนะ ก็มีเรื่องมาทำให้กลับไปรันทดอีก นั่นคือ โกโด้ ซากิจัง เด็กดราฟต์ดาวรุ่งอีกคนประกาศแกรด นับเป็นเด็กดราฟต์คนแรกของ 48 กรุ๊ปที่แกรดออกไป (เรื่องแกรดนี่ขอให้บอก SKE…ล้ำหน้ากว่าวงอื่นเสมอ ถถถ) หลังจากนั้นก็มีเรื่องนนตะ หรือทสึจิ โนโซมิ รุ่น 7 ที่ดราม่ากันยาวจนในที่สุดน้องก็แกรดออกไปอย่างเงียบๆโดยไม่มีโอกาสได้กล่าวลากับแฟนๆซักคำ ทั้งเสียดายและเจ็บใจค่ะ พอเข้าสู่ปลายปีก็นึกว่าจะไม่มีอะไร แต่แล้วก็...มีอีกจนได้ เมื่อซาเอะประกาศแกรดกลางรายการสด ดีหน่อยที่รายนี้ยังไม่มีกำหนดว่าแกรดจริงเมื่อไหร่ พอมีเวลาทำใจ และสดๆร้อนๆใกล้วันสิ้นปี กับอิโซฮาระ เคียวกะ ช็อคส่งท้ายปีกันไปเลย ฮืออออ
สิริรวมทั้งสิ้น ทั้งคนที่แกรดและคนที่เพิ่งประกาศ ปีนี้ก็ 14 คนถ้วนค่ะ นับแล้วยังน้อยกว่าวงพี่นะคะ (AKB 17 คน) แต่ต้องอย่าลืมว่าของ SKE ที่ไปๆเนี่ยเป็นเสาหลักของวง 4-5 คนเลย นี่ก็ยังกลัวใจพี่นกอยู่นะคะ ฮรืว
· พุ่งไปข้างหน้ากับ “7D2”
คงไม่ต้องโฆษณากันเยอะนะคะกับเด็กๆรุ่นนี้ ของเค้าดีจริง รุ่น 7 นี่เป็นรุ่นที่รับมาด้วยการโหวต โหวต และโหวต (จริงๆก็คัดแหละ แต่รอบสุดท้ายโหวตล้วน) ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจที่ตอนนี้น้องๆพวกนี้จะเริ่มมีฐานแฟนกันแล้ว ส่วนดราฟต์รุ่น 2 นี่ก็เป็นเด็กๆที่พวกรุ่นพี่รวมหัวกันวางแผนเลือกมาเป็นอย่างดี แต่ละคนมีเสน่ห์และเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง นอกจากนี้ 7D2 ยังเป็นรุ่นที่ต้องหัดยืนด้วยตัวเอง เนื่องจากตอนที่เข้ามา รุ่น 6 เพิ่งได้โปรโมตไปเอง (รุ่นนี้กว่าจะได้โปรโมตครบ...)
และด้วยความที่ตอนดราฟต์รุ่นแรกมีปัญหานิดหน่อยเพราะมันเป็นการรับตรงเข้าทีม เด็กที่ยังไม่เคยเต้น ไม่เคยซ้อมมาก่อน ปรับตัวกันไม่ทันค่ะ (เป็นที่รู้กันว่าวงนี้ซ้อมโหดขนาดไหน) ซึ่งจากบทเรียนนี้ก็เลยจับดราฟต์รุ่น 2 ไปรวมเป็นเคงคิวเซย์ซะเลย พร้อมกับรุ่น 7 พอดี
เด็กๆรุ่นนี้มีลักษณะของ SKE อยู่เหลือล้น ทั้งความมุ่งมั่นทุ่มเทในการแสดง ทั้งความโดดเด่นของแต่ละคน ทั้งความกล้าที่จะพูดกันตรงๆ ทั้งแข่งกันและรักกัน หลังจากเดบิวต์แค่ 6-7 เดือนก็ได้โปรโมตไปบ้างแล้ว ถือว่าเร็วเลยทีเดียว (อาจจะเพราะคนแกรดเยอะด้วยมั้ง ถถถถ) คนที่ได้โปรโมตก็เพิ่งจะเดบิวต์ในสเตจทีมไปหมาดๆ ปีหน้าก็อยากให้จับตาดูพัฒนาการของเด็กรุ่นนี้ไว้ค่ะ บอกได้เลยว่าเนี่ยแหละ “ความหวังใหม่ของ SKE”
ส่วนนึงเรายกเครดิตให้ฝ่ายบริหารหลังจากเปลี่ยนผจก.กลับมาเป็นลุงหนวด แม้จะไม่ค่อยเห็นผลงานอะไรเปรี้ยงปร้าง รายการทีวีประจำก็ยังไม่มี ทัวร์ทั่วประเทศก็เว้นช่วงนาน แต่เรื่องรีบโปรโมตเด็กนี่เรายกให้ค่ะ (จริงๆฝ่ายบริหาร SKE ก็ขึ้นชื่ออยู่แล้วเรื่องที่กล้าเอาเด็กๆขึ้นมา อย่างยุกโกะ (คิโนชิตะ ยูกิโกะ)กับโอกิจัง (โอกิโสะ ชิโอริ)ในซิง Aozora Kataomoi หรือน้องน่อน (คิโมโตะ คาน่อน) ในซิง 1234 Yoroshiku บางทีก็คิดว่าลุงหนวดอาจจะถนัด “สร้าง” มากกว่า “รักษาไว้” ก็เป็นได้...)
· รวมพลังโอตะกับ “งานเลือกตั้งที่ก้าวข้าม AKB”
เป็นเรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้ค่ะ เป็นข่าวใหญ่ถึงขั้นขึ้นพาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์ที่ปีนี้ SKE สามารถส่งเมมเบอร์เข้าไปติดอันดับได้มากที่สุดของกรุ๊ป ได้ไป 27 ที่นั่งจากทั้งหมด 80 ที่นั่ง ถึงแม้จะมีคนแกรดไปมากมายแต่คะแนนก็กลับมาสู่คนอื่นๆที่เหลืออยู่ ที่เห็นชัดมากๆคือการส่งพี่นกเข้าไปติดเซมบัตสึ คนนี้ได้แรงจากฟุรุยานางิและเรนะชูริมาแน่นอนไม่มากก็น้อย นอกจากนี้ Theater girls หลายคนที่อยู่มา 6-7 ปีแล้วแต่ไม่เคยติด ก็ติดกันหลายคน อย่างเช่น รูมิกับโกริสะ เด็กๆหน้าใหม่ก็ขึ้นมาให้พรึ่บ ถึงขั้นที่ว่ามีบางคนตั้งสมมติฐานว่าอาจเป็นแผนกระจายคะแนนของเรนะก็ได้!! อันนี้ก็เว่อร์เกินไปค่ะ เพราะจริงๆบางคนกระแสของเค้ามาแรงอยู่แล้วอย่างเช่นทานิ กับ คาโอตัน เป็นต้น (ก็เล่นไปโบกรถไกลขนาดนั้น แถมยังไปใช้ชีวิตด้วยการชิงโชคอีก) แล้วก็ยังได้ตำแหน่งเซ็นเตอร์มา 2 คนด้วยคือมักกี้ (ไซโต้ มากิโกะ)กับซูจัง (ซาโต้ สุมิเระ) ก็นับว่าเป็นอีกปีที่โอตะ SKE ประกาศศักดาในงานเลือกตั้ง นี่คือโอตะ SKE ค่ะ เค้าว่ากันว่า “ลองได้เป็นแฟน SKE สักครั้ง จะเป็นไปตลอดชีวิต” ปีหน้าก็มาพยายามด้วยกันอีกนะ!
· ครั้งสุดท้ายของมัตสึอิ เรนะกับ “คอนเสิร์ตตามใจตัวเอง”
เป็นคอนเสิร์ตจบการศึกษาที่เรน๊า เรนะ ตั้งแต่การแสดงที่มีแต่เด็กๆเต็มไปหมด setlist เพลงก็เลือกมาแบบตามอำเภอใจสุดๆ ส่วนพิธีจบเหรอ 20 นาทีสุดท้ายก็พอ ฮ่าๆๆๆ
เห็นอย่างนี้ คอนที่จัดสองวันมีคนไปดูร่วมๆ 8 หมื่น ถ้ายังจำกันได้ตอนแรกเปิดแค่รอบเดียว แต่บัตรหมดในพริบตาจนต้องเปิดเพิ่มอีกหนึ่งรอบ ซึ่งรอบที่เปิดเพิ่มนี่บัตรไม่หมดค่ะ ก็เลยจัดออกมาให้คนเสียดายกันไปเป็นแถวที่ไม่ได้ซื้อ เพราะเล่นให้ถ่ายรูปกันใกล้ชิดขนาดนั้น นับเป็นคอนใหญ่อีกหนึ่งคอนของ SKE ไม่แพ้ที่นาโกย่าโดม ทำให้เห็นได้ว่าคนรักเรนะเยอะมากแค่ไหนและการที่เรนะออกก็นับเป็นจุดเปลี่ยนของวงได้เลยค่ะ (คนรักเรนะเยอะ...แต่เรนะรักแค่พี่นกกับรถไฟค่ะ เหมือนตอนนั้นจะได้ยินโอตะบ่นแว่วๆว่า “เข้าใจความรู้สึกจูรินะก็วันนี้แหละ” ฮาาาาา)
ปล. แผ่นออกแล้วนะคะ (รวมทั้งละครเวทีมาจิสุกะด้วย) อย่าลืมอุดหนุนสักชุดสองชุดนะคะ #ขายของ
· คำประกาศของจูรินะ กับ “การกลับคืนสู่ถิ่น”
วันนั้นในรายการ ANN ที่ถ่ายทอดสดผ่านไลน์ด้วย ทุกคนต่างลุ้นกันตัวโก่ง จูรินะจะประกาศอะไรนะ? พอประกาศออกมาว่าจะยกเลิกควบทีม K ก็มีหลายคนที่รู้สึกว่ามันเรื่องใหญ่ตรงไหน บิ้วซะลุ้นจนตัวโก่ง อันที่จริงมันเป็นเรื่องที่เดาได้ไม่ยาก เลยค่ะเพราะก่อนหน้านั้นจูรินะแทบไม่ได้กล่าวถึง AKB เลย เอาแต่พูดถึง SKE SKE แล้วก็ SKE ขึ้นสเตจทีม K ก็น้อยมากๆ (เรียกว่าแทบไม่ได้ขึ้นเลยดีกว่า) คือพูดง่ายๆว่าไม่มีความผูกพันกับ AKB หลงเหลืออยู่แล้ว ยิ่งเรนะแกรดก็ยิ่งทำให้อยากกลับมา SKE เต็มตัว เราเชื่อว่าจริงๆอากิพีไม่อยากให้กลับมาหรอกค่ะ แต่ก็ต้านความรักใน SKE ของจูรินะไม่ไหว ถึงขั้นมีการจัดคอนเสิร์ตต้อนรับกลับบ้านกันเลย สำหรับเราถือเป็นเรื่องน่ายินดีค่ะที่จูรินะกลับมา จะได้ทำเพื่อวงได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องตะขิดตะขวงใจ ความจริงถึงจูรินะจะเลิกควบ AKB แต่ในทางปฎิบัติจูรินะก็ยังต้องทำหน้าที่เซมบัตสึ AKB อยู่ดี เพราะฉะนั้นมันก็ไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่ แค่อาจจะมีเวลามาขึ้นสเตจทีม S มากขึ้น แต่จะบอกว่าเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กค่ะ การขัดใจอากิพีย่อมไม่ใช่เรื่องเล็กอยู่แล้ว
ปล. ที่เราขำคือ คอนเสิร์ตต้อนรับกลับบ้านเนี่ย มันเป็นคอนเสิร์ต unit matsuri (คอนที่เอาเพลงยูนิตต่างๆมาสลับกันเล่น) แต่ดั๊นตั้งชื่อว่า ต้อนรับจูรินะกลับบ้าน คือเท่าที่เรารู้จูรินะก็อยู่นาโกย่าตลอด ไม่ได้ไปไหน จะมาต้อนรับกลับบ้านกันทำม๊ายยยยยย แล้วตอนประกาศชื่อคอน จูรินะเองยังไม่รู้เลยค่ะว่าชื่อตัวเองถูกเอาไปตั้งชื่อคอน ฝ่ายบริหารกะเอาฮาใช่มั้ยคะ
· ความเป็นจริง กับ “งาน NHK โคฮาคุที่ไม่มี SKE”
ในปี 2012 SKE ได้ขึ้นแสดงในงานโคฮาคุของ NHK เป็นครั้งแรกด้วยเพลง Pareo Wa Emerald ที่มีโชว์สะบัดผ้าไล่สี บวกกับโซโล่บัลเล่ต์และยิมนาสติก
ในปี 2013 ได้ขึ้นแสดงเป็นครั้งที่สองด้วยเพลง Sanseii Kawaii ที่มีโชว์ปอมๆเชียร์ โยนตัว สะบัดธง
ในปี 2014 ได้ขึ้นแสดงครั้งที่สามด้วยเพลง Bukiyou Taiyou ที่มีโชว์เปลี่ยนชุดไล่สีกลางเวที
ตลอดสามครั้งที่ผ่านมา แม้ SKE จะโดนลดเวลาออกอากาศลงทุกครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่ไม่ซ้อมหนักจนร้องไห้ และไม่มีครั้งไหนเลยที่เป็นแค่การแสดงร้องเต้นธรรมดาๆ ถ้าใครได้ดูเบื้องหลังงานโคฮาคุของ SKE ทุกปีจะรู้ว่ากว่าโชว์จะออกมาพร้อมเพรียง สวยงาม และมีลูกเล่นเจ๋งๆได้แบบนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งที่พยายามกันสุดชีวิตมาทุกปีแต่ในที่สุดปีนี้ก็ไม่มี SKE อยู่ในรายชื่อศิลปิน...เสียดายมากถึงมากที่สุด แม้จะพอเห็นลางมาบ้างว่าปีนี้อาจจะไม่ได้ไป เหล่ารุ่นพี่ที่แกรดก็เตือนไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ก็ยังอดรู้สึกเสียดายไม่ได้อยู่ดี แล้วก็เป็นธรรมดาค่ะที่แฟนๆจะออกมาบ่นกัน แต่อย่างไรก็ตามเด็กพวกนี้ยังไม่ยอมแพ้ ยังบอกว่าปีหน้าก็จะพยายามให้มากขึ้นอีก และในเมื่อปีนี้ไม่มีอะไรทำก็เลยประกาศออกมาว่า “ไม่ได้ไปงานโคฮาคุ ตรูจัดกันเองก็ได้” จัดไปเลยเต็มๆ 2 สเตจ!! เป็นประกาศที่ทำให้โอตะกลับมามีชีวิตชีวาส่งท้ายปีกันอีกครั้ง รอดูกันค่ะ
ปล. สำหรับงานโคฮาคุก็มีประกาศว่าเมมเบอร์ที่จะไปร่วมในฐานะ AKB คือ เรียวฮะ จูรินะ และซาเอะ ก็คาดได้ว่าจูรินะกับซาเอะคงไม่ได้มาขึ้นสเตจ countdown แหงๆ...บางคน (อย่างเช่น 65) ก็คิดว่าดีที่อย่างน้อยก็มีตัวแทนไปขึ้นงานใหญ่ แต่บางคน (อย่างเช่นเราเอง) ก็คิดว่าบางทีน่าจะคว่ำบาตรมันไปเลย ไหนๆก็ไม่ได้ไปละ ฮ่าาาาาา #ทำได้ที่ไหนล่ะ
จบแล้วสำหรับเรื่องเด่นในปีที่ผ่านมา ปีหน้าที่กำลังจะเข้ามาก็ขอให้โอตะทุกคน #BeStrong ต่อไปนะคะ เพราะคาดว่ามหกรรมการแกรดจะยังไม่จบลงเพียงเท่านี้แน่ๆ และหวังว่าปีหน้าจะเริ่มมีรายการทีวีประจำของตัวเองได้ซะทีหรือไม่ก็เรียกป้าโอคุโบะกลับมาทำ Ebi series อีก แล้วก็ขอทัวร์กับอีเว้นท์เยอะๆ โดยเฉพาะอัลบั้มใหม่ที่บอกไว้ว่าจะออกต้นปีหน้า ห้ามเลื่อนนะ!!

วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2558

(แปล) -นนตะในความทรงจำของผม-



มาแปลบทความของโอชินนตะนิดหน่อยค่ะ จริงๆเราอ่านมานานแล้วตั้งแต่ยังไม่ออกข่าวว่าออกจากวงแล้วก็คุยกับคนแปลเป็นเวอร์ชั่นญี่ปุ่นนิดหน่อย

คุยกันซักพักแล้วค่ะ ตั้งแต่เวอร์ชั่นอังกฤษยังแปลไม่เสร็จ

คนแปล(ทักแชทเรามา)"*ชื่อเรา* อ่านเรื่องนนตะที่กดไลค์ไปแล้วใช่ไหม"
เรา "อ่านแล้ว...อยากร้องไห้ยังไงไม่รู้"
"ถ้ายังไงก็ช่วยๆแชร์กันหน่อยแล้วกัน ไหนๆก็แปลเป็นญี่ปุ่นแล้ว"
เรา "จริงๆเราไม่อยากพูดเรื่องนนตะออกสื่อมากมาตลอดเลยนะ กลัวจะเห็นคอมเมนท์เลวๆแล้วห้ามตัวเองไม่ให้ด่าไม่ได้555"
"
คนแปล"งั้นถ้าลองคิดถึงใจของคนที่เขียนดู เค้าเขียนโดยที่เตรียมใจยอมรับแล้วว่าต้องมีคนทรามๆ แบบนั้นอยู่ แต่ก็ยังเขียนออกมา เราก็น่าจะตอบสนองความรู้สึกนั้น "
เรา "...โอเค เดี๋ยวจะแปล/ลงแล้วกัน ยังไงก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ "

ค่อนข้างยาว มีทั้งหมด4ส่วน แต่ถ้าอ่านจนจบเราจะดีใจมากๆ
ในฐานะไอดอลที่ให้ความบันเทิงแล้วเราไม่รู้ว่าแต่ละคนมองไอดอลในแบบไหน
แต่การแปลบทความนี้ได้แต่หวังว่าในฐานะแฟนๆแล้ว
จะมองเห็น"ไอดอล"ในแง่มุมที่มากกว่ากราเวียร์หรือความตลกขึ้นมาเหมือนกัน

เพราะไอดอลก็คือมนุษย์คนหนึ่ง ที่มีหลากหลายด้านและมีเรื่องราวในชีวิต มีครอบครัว มีความฝัน มีชีวิต มีความคิด มีความรู้สึก

 ไม่ใช่แค่ตัวระบายความบันเทิง เหยื่ออารมณ์ ให้สนุกปากยังไงก็ได้

______________________________

-นนตะในความทรงจำของผม-

ทุกคน ยินดีที่ได้รู้จักครับ
ผมชื่อคีย์โฮลเดอร์ ฝากเนื้อฝากตัวด้วย
อย่างที่คุณรู้กันว่า สึจิ โนโซมิ (ชื่อเล่น:นนตะ) จบการศึกษาไปแล้วเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนเพราะเหตุการณ์ล่าสุด
นนตะถูกทับถมด้วยข้อความด่าทอมากมาย แค่ได้เห็นแบบนั้นผมก็เจ็บปวดใจมากแล้ว
ผมอาจจะไม่ใช่แฟนคลับที่ชอบมานาน แต่ผมก็อยู่ในเลนนนตะในงานจับมือเสมอ และได้รับการเยียวยาจากรอยยิ้มของเธอและท่าทางใจดีนั้น

ผมคิดว่าผมจะทำอะไรเพื่อตอบแทนนนตะได้ในเวลาอย่างนี้บ้าง
นี่คือเหตุผลที่ผมเขียนสิ่งนี้ขึ้นมา

นี่ไม่ใช่นิยาย ไม่ใช่จินตนาการเพ้อเจ้อ
แต่เป็นเรื่องราวส่วนตัวของผม
ที่อยากจะสื่อให้ทุกคนเห็นว่า ในสายตาของผม ในฐานะแฟนคนหนึ่งของเธอ ผมเห็นเธอเป็นเด็กยังไง

ถึงผมจะขีดเขียนไม่เก่งนัก แต่มันก็คงดีมากถ้าจะมีแค่ซักคนที่จะเข้าใจในตัวตนของนนตะมากขึ้น

ก่อนหน้านี้นนตะบอกว่าเธอฝันอยากเป็นไอดอลมาตั้งแต่เด็กแล้ว และเธอก็ทำมันได้

ถึงแม้ช่วงเวลาที่เป็นSKE48ของเธอจะแสนสั้น แต่ก็เป็นช่วงเวลาอันวิเศษที่สุดในชีวิต สำหรับแฟนๆของเธอก็ไม่ต่างกันเลย

ผมได้แต่หวังว่าบทความนี้จะเป็นหลักฐานยืนยันอาชีพที่มีแววก้าวหน้าสดใสของเธอด้วยความสำเร็จหลากหลายอย่าง

ที่ถูกจบลงอย่างกระทันหัน

______________________________

นนตะที่ผมรู้จัก

ส่วนที่ 1 :

"เห็นรึยัง? รูปนนตะ..."

ในช่วงกลางวันของวันพฤหัสที่แล้ว ขณะที่ผมเดินลงไปชั้น1เพื่อซื้อกาแฟที่ร้านสะดวกซื้อ ผมได้รับข้อความจากเพื่อนอย่างกระทันหัน

ในเมล์มีลิงค์รูปสองรูปแนบมา หนึ่งในนั้นคือรูปที่ผมคุ้นเคยดีเลยล่ะ
แต่หนึ่งในนั้นคือรูปพุริคุระที่ผมเคยเห็นเป็นครั้งแรก

แต่ก็นะ มันไม่ใช่ครั้งแรกแล้วใช่ไหมล่ะ?

ก่อนหน้านี้ในปีเดียวกัน ช่วงฤดูใบไม้ผลิ มีรูปตัดต่อรูปหนึ่งโผล่ขึ้นมา ในตอนนั้นผมได้แต่คิดกับตัวเองว่า
"เดี๋ยวนี้เล่นกันแรงขนาดนี้เลยเหรอ!?"
แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างดูเงียบสงบ

ทั้งได้เดบิวท์เป็นอันเดอร์ในสเตจS5 ได้เดบิวท์ในฐานะZebra Angel รวมไปถึงเดบิวท์ในสเตจเคงคิวเซย์ เดบิวท์บนสเตจE4 และทุกอย่างที่เธอทำสำเร็จมา
มันแน่นอนเลยว่าทุกอย่างราบลื่นไร้ปัญหา

ผมตอบกลับเพื่อนไปว่า "ได้แต่หวังว่าคราวนี้ก็จะไม่มีอะไรเหมือนรอบก่อนล่ะนะ"
ผมกลับไปยังออฟฟิซของผม แต่ไม่รู้ทำไมคราวนี้ผมถึงรู้สึกกลัวเหลือเกิน

ในทุกทุกวันผมจะได้รับเมล์จากนนตะ (tl note;โมบายเมล์)
อย่างเช่นเวลาเธอตื่นไม่ไหวในตอนเช้า หรือเวลาที่กำลังจะทานข้าวกลางวันและเข้าห้องซ้อมในช่วงเย็น หรือจะเกี่ยวกับเพื่อนร่วมงานของเธอ
หรือแม้แต่ตอบคำถามตลกๆใน755 แต่ในเย็นวันนั้นผมไม่ได้เมล์อะไรจากนนตะเลย

ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผมจะหยิบมือถือออกมาบนรถไฟ บนบัส ในร้านสะดวกซื้อ แต่ก็ไม่มีอะไรเลย
-เมล์ที่ไม่ได้อ่าน(0)-
เมล์ล่าสุดที่ผมได้รับคือ "ฝันดีค่ะ"ในคืนวันอังคาร

"เหนื่อยหน่อยนะคะวันนี้!
ฮาตะกอนอยู่ๆสลบไปเลย (ฮา)
วันนี้ฉันจะนอนแล้วเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า
ฝันดีค่ะ!"

และเมล์ก่อนหน้านั้นที่เขียนเรื่องแบคแดนเซอร์บนสเตจทีมE

"วันนี้ทำหน้าที่เป็นแบคแดนเซอร์จบแล้วค่ะ~
วันนี้เพราะทั้งต้องซ้อมและเป็นแบคแดนเซอร์เลยแทบไม่ว่างเลย
วันนี้ทำอะไรกันบ้างคะ
เล่าให้ฟังหน่อย~"

อินบ็อกซ์ของผมเต็มไปด้วยเมล์จากนนตะ บางครั้งถึงกับรู้สึกเลยว่า "เด็กนี่น่ารำคาญชะมัด!"

ในทุกทุกวันเธอจะส่งเมล์มามากมาย และบางทีก็ส่งอะไรน่าเบื่อสุดๆมาด้วย!

ในขณะที่รูปจากเมล์เธอถมอินบ๊อกซ์ผมเต็มไปหมด ผมก็บางทีคิดว่า"ใครฟะ!?" หรือแม้แต่บน 755 เธอก็จะโพสต์รูปเดิมนั่นแหละ
แต่คืนนั้น ไม่ว่ายังไง ผมก็อยากเห็นเมล์จากเธอเหลือเกิน
จะน่าเบื่อแค่ไหนก็ไม่เป็นไรหรอก จะส่งรูปซ้ำๆมาก็ได้
ผมได้แต่คิดดังก้องในใจ "จะอะไรก็เถอะ ช่วยโพสท์อะไรก็ได้ทีเถอะ"

หลังจากนั้น ในสองทุ่มวันนั้น โทรศัพท์ของผมก็สั่น มาจากนนตะ!

"สวัสดีตอนเย็นค่ะ
ช่วงหลังๆมานี้อากาศหนาวมาก ระวังอย่าให้เป็นไข้หวัดกันนะคะ
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ"

สั้นมาก
ไม่มีรูป
ไม่มีอีโมเกินสองอันด้วยซ้ำ

และมากไปกว่านั้น ราตรีสวัสดิ์ตอนสองทุ่มมันเป็นอะไรที่ผมไม่เคยเห็นจากเธอมาก่อน

แปลกจริงๆ ประโยคนี้ก็ด้วย
"ระวังอย่าให้เป็นไข้หวัดด้วยนะคะ"
มันทำให้ผมรู้สึกถึงเรื่องแย่ๆขึ้นมา

"นายแค่คิดไปเองน่า ไม่มีอะไรมากหรอก"

นนตะยังคงยิ้มแย้มไม่เปลี่ยน ในขณะที่กุมมือสองข้างของผม

นั่นคืองานจับมือครั้งสุดท้าย ก่อนที่ผมจะได้ไปดูเธอสเตจเคงคิวเซย์

มันเป็นเพอร์ฟอร์มานซ์ที่วิเศษแต่ไม่รู้ทำไม ระหว่างที่เล่นสเตจอยู่ สีหน้านนตะก็ซีดเผือกและผมคิดว่าผมเห็นเธอน้ำตาคลอเบ้าเล็กน้อยระหว่างเพลง Sakura no Hanabiratachi

ผมตกใจเล็กๆ และถามเธอเรื่องนั้น

"ผมไปดูสเตจมาด้วยนะ"

"เห็นอยู่ค่ะ! เป็นยังไงบ้าง? ได้ตั้งใจดูนนตะไหม"

"ผมมองนนตะตลอดเลย! แต่อยู่ๆเธอร้องไห้รึเปล่า ผมเป็นห่วงมากนะ...หรือว่าแค่คิดไปเอง?"

"คิดไปเองรึเปล่าคะ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก!"
เธอยังคงยิ้มอย่างธรรมชาติเหมือนเดิม

"จริงเหรอ?" เพราะผมตั้งใจมองเธอตั้งแต่ต้นจนจบเลยนะ ผมเชื่อไม่ลงหรอก
แต่บางทีผมอาจจะคิดไปเองก็ได้มั้ง

"หมดเวลาแล้วครับ" สตาฟพูดขึ้นมา

นนตะจับมือของผมไว้ตลอด

ผมรอให้เธอพูดคำว่า "ไว้มาใหม่อีกนะ!"

"ขอบคุณที่ตั้งใจมองดูฉันนะคะ" กลับเป็นสิ่งที่เธอพูดออกมา!

ส่วนที่ 2:

สึจิ โนโซมิ ชื่อเล่น "นนตะ" จากนารา อายุ19ปี

เมื่อเธอถามขึ้นมาว่า "ใครคือสาวซึนเดเระอันอ่อนโยนผู้มาจากโลกแห่งยามาโตะ?" เราจะตอบพร้อมกันว่า "นนตะ!!"

ด้วยเสียงเชียร์อันดังก้องและแท่งไฟสีส้มมากมายที่สว่างไสว
"สึจิ โนโซมิ หรือจะเรียกว่านนตะก็ได้ค่ะ!"

เธอโค้งตัวลงด้วยใบหน้าแดงระเรือ
7D2มีเด็กสาวมากมายที่เปล่งประกายบนเวที
และในหมู่เด็กสาวเหล่านั้น นนตะโดดเด่นขึ้นมาด้วยหน้าตาที่ดูดีและ...อายุ

มันไม่ธรรมดาเลยนะที่จะมาเป็นไอดอลตอนอายุ18
และผมถามเธอตรงๆในงานจับมือว่า

"ทำไมนนตะถึงอยากเป็นไอดอลล่ะ?"

"ฉันอยากเป็นไอดอลมาตั้งแต่เด็กแล้วนะคะ"

"แต่มาเข้าSKEตอนอายุ18เนี่ยนะ ทำไมล่ะ?"

บางทีผมอาจจะถามอย่างจริงจังพร้อมด้วยสีหน้าฉงนของผม..
และผมรู้สึกขึ้นมาตอนนี้ล่ะว่าไม่น่าเลย

"ฉันไปออดิชั่นมาหลายที่แล้วค่ะ แต่ไม่ได้รับเลือกเลย"

เธอจ้องมองตรงมาที่ตาของผม ไม่แม้แต่จะรู้สึกตะขิดตะขวง
เธอก็แค่ตอบคำถามของผมมาอย่างซื่อตรงด้วยรอยยิ้มหวานตามปกติของเธอ

รอยยิ้มตามปกติที่ทำให้หัวใจของผมสงบลงและช่วยเยียวยาผมได้
แต่คราวนี้ดูเหมือนว่าจะมีความรู้สึกขุ่นมัวเล็กน้อยในดวงตาของเธอ
ไม่สิ มันไม่ใช่ความเศร้า
แต่เป็นความเงียบงันต่างหาก

ผมไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมร้สึกว่าเธอมีเสน่ห์อันแปลกประหลาดที่ทำให้ผมถูกดึงดูดได้ทุกครั้ง

เด็กสาวที่มีรอยยิ้มแบบนี้ จริงๆแล้วเป็นเด็กยังไงกันนะ?

ผมสงสัยขึ้นมานิดหน่อย

ย้อนไปเมื่อ 4-5 ปี ก่อน
ในรายการ AKB to XX จะมีช่วงหนึ่งที่จะโทรไปหาผู้คนที่อยากจะ
"ได้รับกำลังใจจากเมมเบอร์AKB48" และคนที่โคโมริ มิกะซังโทรไปหาตอนนั้นก็คือ
เด็กสาววัย14ขวบจากนารา "สึจิ โนโซมิ"

"มันอาจจะน่าเบื่อนะคะ แต่ฉันอาศัยอยู่กับแม่แค่สองคนค่ะ
เราต้องทำทุกอย่างกันเองสองคนทุกวันเลย ช่วยให้กำลังใจฉันด้วยนะคะ"

ถ้าเด็กคนนี้คือนนตะ(TL;ใช่แน่นอนค่ะ ฟังคลิปแล้วเสียงไม่เปลี่ยนเลย)
เราคงจินตนาการกันได้เลยนะ ว่าเธอในวัย14ขวบที่อาศัยในนาราใช้ชีวิตแบบไหน

อยู่กับคุณแม่แค่สองคน และต้องทำงานบ้านทุกอย่างทุกวัน
ถ้าลองเปรียบเทียบเธอกับเด็กสาวทั่วไปในวัยเดียวกัน เธอมีความรับผิดชอบมากมายให้แบกรับกับหน้าที่ทั้งหลายนี้

วันก่อนตอนที่ครบรอบหนึ่งปีของการประกาศผลออดิชั่นรุ่น7รอบสุดท้าย
นนตะพูดบน755ว่าหลังจากอัดคลิปเสร็จเธอต้องรีบไปทำงานพิเศษ
เพราะตอนนั้นก็สายมากแล้ว

ทั้งงานพิเศษ งานบ้าน ไล่ตามความฝันที่อยากเป็นไอดอล
นนตะคนนี้ดูไม่เหมือนภาพทั่วไปเด็กสาวมัธยมปลายเลย

นนตะจะทำอะไรถ้าไม่ได้มาเป็นไอดอล?
เธอตอบคำถามนี้บน755ว่า "ฉันก็ยังอยากเข้ามหาลัยนะคะ"
บางทีนนตะก็อาจเฝ้ารอคอยวันที่จะได้ทำกิจกรรมในฐานะเด็กมหาลัยด้วยเหมือนกัน

ส่วนที่ 3 :

ในงานจับมือเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมาที่ผมได้พบนนตะครั้งแรก
ตอนนั้นผมเหนื่อยล้ากับงานและเริ่มคิดจะเปลี่ยนงาน
เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของผมเลยล่ะ

คนก่อนหน้าผมจับเสร็จแล้ว สตาฟเรียกผมเข้าไปด้วยคำว่า"คนต่อไปเลยครับ"
หลังจากให้สตาฟตรวจมือแล้ว ผมเดินเข้าไป และมือของผมถูกกุมด้วยเด็กสาวคนหนึ่งที่มองผมอย่างอ่อนโยนด้วยรอยยิ้มแสนหวาน

"ผมมาครั้งแรกเลย ยินดีที่ได้รู้จัก ดีใจได้ที่เจอนะ" ผมพูด
คำทักทายปกติทั่วไป เธอเองก็ทักทายผมเช่นกัน
มือของผมถูกกุมอย่างมั่นคงและดึงไปใกล้ๆ และสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากฝ่ามือของเธอ

ตอนนี้จะพูดอะไรดีนะ? ผมคิด

"จริงๆแล้วผมเป็นต่างชาติล่ะ" ผมพูดออกไป

"จริงเหรอคะ? มาจากประเทศอะไรเหรอ?" เธอตอบกลับมา

"จีนครับ" ผมตอบ

ผมพูดแบบนี้กับเมมเบอร์แทบทุกคนที่ผมไปจับมือครั้งแรก
และจะมีคำตอบทั่วไปอยู่สองแบบ แบบแรกคือ "สุดยอด! คล่องภาษาญี่ปุ่นมากเลยนะคะ"
คำว่า "สุดยอด" ช่างเอนกประสงค์เหลือเกิน เพราะมันดูจะใช้ได้ในทุกสถานการณ์ กับชาวต่างชาติก็เช่นกัน

การถูกชมว่า "คุณคล่องภาษาญี่ปุ่นมากเลย"เป็นคำชมที่ยอดเยี่ยม

อีกแบบหนึ่งก็คือ "จริงเหรอคะ? จีน? หนีห่าว!"
สำหรับชาวต่างชาติแล้วการทักทายด้วยภาษาบ้านเกิดของเค้าก็น่ายินดีเช่นกัน

ผมคิดอยู่ว่านนตะจะพูดแบบไหนกันนะ
แต่เธอกลับถามสิ่งนี้ออกมา

"อยู่ญี่ปุ่นมานานแค่ไหนแล้วคะ?"

ผมตกใจน่าดู และตอบกลับไปด้วยเสียงสั่นเครือเล็กน้อย

"ภาษาญี่ปุ่นของคุณดีมากเลยค่ะ เรียนก่อนที่จะมาหรือเรียนหลังอยู่ที่นี่แล้วคะ?"

ไม่
เพราะผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมาอยู่ที่ญี่ปุ่นตั้งแต่แรก ผมไม่ได้เตรียมตัวเรียนภาษาญี่ปุ่นมาก่อน
ตั้งแต่ที่ผมมาถึงญี่ปุ่นผมได้แต่ยุ่งกับการงานและไม่มีเวลาแม้แต่จะไปเรียนโรงเรียนสอนภาษา

ผมเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นจากคนญี่ปุ่นรอบๆตัวผม ผมพูดศัพท์ตามพวกเขา เลียนแบบวิธีที่พวกเขาพูด และผมก็เริ่มรู้สึกตัวว่าผมพูดและเข้าใจภาษาญี่ปุ่นได้แล้วล่ะ

"แบบนี้เอง..." ในระหว่างที่กุมมือผม เธอถอนหายใจเล็กน้อยและพูดว่า
"แย่หน่อยนะคะ.. คุณคงจะผ่านอะไรหนักหนามามากเลยใช่ไหม ตอนนี้คุณเป็นยังไงคะ มีความสุขอยู่ดีรึเปล่า?"

ผมตะลึงเกินกว่าจะพูดอะไรออกไปได้ และถูกดันออกนอกเลนโดยสตาฟ

ในงานจับมือ เมมเบอร์แต่ละคนจะจับมือกับแฟนๆมากกว่าสามร้อยคนในแต่ละช่วงเวลา
นั่นก็คือ เมมเบอร์แต่ละคนต้องพูดคุยเรื่องราวกว่า300หัวข้อ และหัดที่จะตอบกลับไปทันที มันต้องใช้การปรุงแต่งมากเลยล่ะ เพราะแบบนั้นผมก็เข้าใจได้นะถ้าจะมีเมมเบอร์ที่จะตอบอะไรส่งๆกลับมา

แต่คำตอบของนนตะที่มีให้ผมไม่ใช่อะไรส่งๆเลย

ผมคงพูดไม่ได้ว่านนตะเป็น"คามิไทโอ"(จับมือเทพ ตอบสนองได้อย่างเหมาะสมเสมอ ; ยูกิริน , ซายาเน่ , เรนะ ) หรือ "สึริชิ"(นักตกเหยื่อ กุมหัวใจแฟนๆด้วยท่าที/คำพูดได้ ; มิลกี้้ , อาคาริน)

ที่เธอทำก็แค่ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา พยายามเข้าใจผมและปฏิบัติต่อผมอย่างมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน มีทั้งความเคารพและความเห็นอกเห็นใจ
ความประทับใจนี้ฝังลึกในตัวผมมาก

ในขณะเดียวกันตัวเธอเองก็คงผ่านเรื่องยากลำบากมาไม่น้อย ถ้าแบบนั้นเธอคงพูดอะไรอย่าง "คุณคงจะผ่านอะไรหนักหนามามากเลยใช่ไหม?"ออกมาไม่ได้

พอคิดอย่างนี้ผมก็รู้สึกเศร้าสร้อยแทนเธอขึ้นมานิดหน่อย

ส่วนที่ 4 :

ในสเตจเคงคิวเซย์ นนตะได้ร้องยูนิตเพลง Anata to Christmas Eve ผมชอบเพลงนี้มากๆและดูทุกเวอร์ชั่นที่นนตะร้องบนDMMเลยล่ะ

"ที่ซักแห่งบนโลกใบนี้ เธอกระซิบถ้อยคำ
คำมั่นสัญญาแห่งรัก
จะเริ่มต้นขึ้นในวันนี้อย่างมั่นคงใช่ไหม?
Merry Christmas and I love you"

ท่ามกลางแสงไฟสีน้ำเงินเข้ม เธอขับกล่อมเพลงนี้ออกมาด้วยเสียงอันอ่อนหวาน มองจ้องมายังคนดูและยิ้มออกมาอย่างหวานซึ้งและอ่อนโยน
ผมรู้สึกได้เสมอเลยว่าเธอกำลังเฝ้าฝันถึงใครซักคนเวลาที่ร้องเพลงนี้
เฝ้าฝันถึงใครซักคน หรือแม้แต่ตกหลุมรักใครคนนั้น

ผมไม่แน่ใจนัก แต่ผมจะยินดีมากถ้าความรู้สึกของผมถูกต้อง
เธอผ่านเรื่องราวยากลำบากมามาก อาจทนทุกข์มาหลายอย่าง
ถึงเธอจะดูเข้มแข็งแต่ในจิตใจของเธอนั้นต้องมีส่วนที่เปราะบางแน่นอน

มันต้องดีมากแน่ๆถ้าจะมีใครซักคนที่รักและคอยดูแลเธอเป็นอย่างดีได้

แต่อย่างไรก็ตาม โชคร้ายนัก อย่างที่เรารู้กัน..

"ผมชอบคริสต์มาสต์อีฟของนนตะมากเลยนะ" ผมบอกเธอแบบนี้ครั้งนึงตอนไปจับมือ

"คุณบอกแต่ว่าชอบแต่ก็ไม่เคยมาดูสเตจพวกเราเลยนี่" เธอดูโมโหนิดหน่อย

เธอพูดถูก ถึงตอนนั้นผมยังไม่เคยไปเธียเตอร์SKE48เพื่อไปดูสเตจเคงคิวเซย์เลย

"ช่วยลองมาดูพวกเราหน่อยมั้ยคะ แค่ซักครั้งก็ยังดีนะ"เธอพูดอีก

ผมจะตอบอะไรได้ล่ะ ตอนนั้นผมยุ่งกับงานมาก แถมผมกำลังคิดเรื่องเปลี่ยนงานและไม่แน่ใจกับเงินเดือนในปีหน้านัก
มันคงสิ้นเปลืองเกินไปที่จะเดินทางไปถึงนาโกย่าเพียงเพื่อดูสเตจเดียว
แต่ผมตอบเธอแบบนั้นไม่ได้หรอก ผมได้แต่ส่ายหน้า

"เพราะเรื่องงานเหรอคะ?"

ผมพยักหน้า ผมได้เล่าเรื่องปัญหาในงานของผมให้เธอฟังเล็กน้อยมาก่อนหน้านี้

"เกิดอะไรขึ้นคะ? พูดให้ฟังได้นะ!" เธอดูเป็นห่วงน่าดูเลย

ผมทำได้แค่ส่ายหน้าเงียบๆ

แต่ทันใดนั้นผมก็ตัดสินใจได้เลย ว่าผมจะลองลงสุ่มสเตจเคงคิวเซย์ให้เร็วที่สุด และถ้าโชคดีพอ ผมจะมานาโกย่าเพื่อดูมัน

และโชคดีที่ผมถูกตั๋วสเตจแล้วได้เดินทางมาถึงนาโกย่าเพื่อดูสเตจนั้น ผมเห็นว่ามากกว่าหนึ่งในแปดส่วนของคนดูวันนั้นเป็นแฟนของนนตะ ไม่ว่าเวลาที่เธอแนะนำตัว เวลาร้องเพลง หรือพูดอะไรออกมา แท่งไฟสีส้มจะส่องสว่างและเสียงเชียร์จะดังลั่นไปทัวร์เธียเอตร์

นนตะมีแฟนๆมากมาย ไม่ใช่แค่ที่เธียเตอร์เท่านั้น
บัตรจับมือของเธอก็ขายหมดเร็วมาก แน่นอนว่าใช้เวลานานทีเดียวในการต่อแถวรอจับมือเธอในงานจับมือ

"นนตะมีแฟนๆเยอะแยะแล้วนี่ ผมคงไม่จำเป็นต้องเชียร์แล้วมั้ง"

ผมถามเธอไปแบบนั้นครั้งนึง เป็นคำถามที่โหดร้าย

"ไม่หรอก ฉันมีแฟนคลับไม่เยอะหรอกค่ะ" เธอตอบกลับมาและรอยยิ้มก็ดูไม่สบายใจนิดหน่อย

"ดูคนข้างหลังแถวนั่นสิ มีแฟนๆของเธอเยอะแยะเลยไม่ใช่เหรอ"
ผมยังคงเล่นต่อกับคำถามใจร้ายนั้น

"ไม่ ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ อย่าพูดแบบนั้นเลย.."

รอยยิ้มของเธอดูโดดเดี่ยว พอรู้ว่าเธออาจจะเจ็บปวดเพราะคำถามของผม ผมรีบเปลี่ยนเรื่องทันที แต่ตอนนั้นเวลาของผมจะหมดแล้ว

ตอนนี้ ในหมู่คนที่รังแกทำร้ายนนตะบนอินเตอร์เน็ต
มีกี่คนกันนะที่ต่อแถวรอจับมือเธออยู่ในงานจับมือ
จะมีซักกี่คนกันที่โบกแท่งไฟสีส้มและส่งเสียงเชียร์เธออยู่ในเธียร์

มากไปกว่านั้น กับเด็กสาววัย19ที่พูดว่า "ฉันมีแฟนคลับนิดเดียวเองค่ะ" ด้วยรอยยิ้มโดดเดี่ยว
เธอจะคิดอะไรในใจตอนเห็นข้อความโหดร้ายพวกนั้นบนอินเตอร์เน็ตกันนะ?

ผมไม่รู้เหมือนกัน และไม่อาจจินตนาการได้

"นนตะ ผมมาแล้วนะ! ได้ดูเพอร์ฟอร์มานซ์เธอแล้ว สุดยอดเลย!!"

ผมบอกนนตะท้ายสเตจนั้นในช่วงเวลาส่งออกจากสเตจ

"ขอบคุณค่ะ ไว้มาอีกนะ จะครั้งที่สอง ที่สาม ก็ช่วยมาอีกทีนะคะ!"

คำตอบของเธอและสีหน้านั้นยังคงแจ่มชัดในความทรงจำของผม

นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นเธอแสดงบนเวที และบางที ก็อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย
ถ้าผมรู้มาก่อนว่านั่นคือครั้งสุดท้าย ผมจะทำอะไรบ้างนะ?
บางทีผมอาจจะส่งเสียงเชียร์เธอให้ดังกว่านี้
ตั้งใจมองแต่เธอคนเดียวให้มากกว่านี้
ตั้งใจเก็บความรู้สึกทุกวินาทีอันแสนล้ำค่าในเธียเตอร์มากกว่านี้

แต่ตอนนี้มันสายไปแล้ว

ผมยังคงอยากดูการแสดงของเธอ อยากจะพูดคุยกับเธอ
ผมไม่แม้แต่จะพูดคำว่า "ชอบนะ!"กับเธอเลยด้วยซ้ำ
ของขวัญที่สัญญาว่าจะส่งให้ผมก็ยังไม่ได้ส่งให้เธอ

ใน48กรุ๊ปนี้มีเมมเบอร์มากมายที่แสนยอดเยี่ยมก็จริง เมื่อเทียบกับนนตะ
พวกเธออาจจะยอดเยี่ยมกว่า หรือ"ใสซื่อ"กว่า

แต่เด็กสาวที่กุมมือและเรียกชื่อผมไปพร้อมกับส่งรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนหวานมาให้
เด็กสาวอายุ19ที่ร้องเพลงด้วยเสียงแสนอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความใฝ่หา

มีเพียงนนตะคนเดียวเท่านั้น

และตอนนี้ผมสูญเสียเธอไปตลอดกาลแล้ว

--------------------------

This article is originally written in Chinese under the title “我認識的辻のぞみ” (“The Tsuji Nozomi that I know”). It is then translated into Japanese with some small adjustments under the title “のんたの思い出”(“My Memories of Nonta”) with the help of Tung Wen Chung. Now it is co-translated into English with Hayate Low based on the Japanese version, and is proofread by “Aidolmayuyu” and “KudoShinichi”. The author would like to express special gratitude to Mr Tung, Hayate Low, and the two proofreaders. The author thanks the manager of ske48matomelog site for allowing us to publish the Japanese version there.
Also, the author thanks AQ, Caven Chan, Hayate Low, Makura, Porte, Pluto Tang, Shu Han Yang, Shu Hao Yu, 杜冰旋,Yu-wei Li, and all readers, commentators and forwarders in 百度贴吧,Facebook,PTT, 新浪微博, twitters, ske48matomelog, etc.
Without their warmly helps, advices and encouragements, this article cannot be completed. Of course, all mistakes, errors, and inanities remaining are entirely the author’s responsibility. Last but not the least, it should be noted that not everyone mentioned above is a fan of Nonta, but all of them hope that she can recover soon, and would like to show their regards and best wishes to her. They, including the author, are looking forward to seeing Nonta again.

----
TH translator note :

Special thanks to everyone (as mentioned above) who helps contributing this in many other languages. Your kind efforts is truly appreciated.
Also, the original writer who decided to publish this article.
I just hope spreading this article will at least make people acknowledge her as a girl who simply wants to follow her childhood dream.

I appreciate your efforts and thanks for everything.

(also Hayate who encourages me to translate this with his warm(?) words thx bakate! :v )

วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558

[65FS] SKE48 - Boku wa shitteiru Smile&Drama ver. (karaoke+THsub)



Boku wa shitteiru เพลงธีมประจำสารคดี Idol no namida สารคดีประจำวงSKE
เป็นเพลงที่เหมาะกับการเป็นเพลงธีมดอคฯมากๆ
ไหนๆทำแล้วก็เลยทำทั้งสองเวอร์ชั่นเลย คือ Drama version ตามชื่อคือดราม่า สุขเศร้าเหงาซึ้ง
และอีกเวอร์ชั่นคือ Smile Version เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
ตัวเอฟเฟคกับฟอนท์คาราโอเกะจะทำต่างกันไปหน่อยทั้งสองเวอร์ชั่น ชอบแบบไหนลองดูนะคะ


แด่กลุ่มเด็กสาวที่เราอยากจะเฝ้ามองจนถึงวันที่ฝันเป็นจริง♥

[65-FS] SKE48 - Boku wa shitteiru Drama ver. (karaoke+THsub)
- fb : https://www.facebook.com/65sub/videos/872921262756558/
- GDrive : https://drive.google.com/…/0ByaSjiPjVtaDNWd1RWM4UWF5N…/view…


[65-FS] SKE48 - Boku wa shitteiru Smile ver. (karaoke+THsub)
- fb : https://www.facebook.com/65sub/videos/872938076088210/
- Gdrive : https://drive.google.com/…/0ByaSjiPjVtaDR2Y2TFByS2FNO…/view…



[TH](ปี2014) จดหมายจาก มิยามาเอะ อามิ ถึงแฟนๆ และข้อความจากเมมเบอร์ถึงอามิ


อามิเขียนจดหมายถึงแฟนๆโดยสรุปค่ะ คิดว่าน่าสนใจอยู่สำหรับแฟนSKEไม่ใช่แค่โอชิอามิ
น้องบอกว่า



"ในวัย 16 คือ 1 ปีที่ได้โปรโมทตัวเอง ได้ทำอะไรเพื่อตัวเองตลอด 1 ปี
ในวัย 17 นี้ อยากจะทำให้มันเป็น 1 ปีที่จะอุทิศให้วงSKE48"
จนถึงทุกวันนี้ก็ได้ตามแผ่นหลังของเหล่ารุ่นพี่มาตลอด
แต่รุ่นพี่เหล่านั้นไม่ว่ายังไงซักวันก็ต้องมีทางเดินในอนาคตเป็นของตัวเอง
เมื่อไม่มีแผ่นหลังเหล่านั้นที่เคยมองตามอีกต่อไปแล้ว
ก็โดนบอกมาว่าให้"จงเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงSKE48ซะ"
การจะประกาศออกมาแบบนั้นได้ต้องใช้ความกล้ามาก
และอะไรอย่างการทิ้งมันเป็นกลางคัน ย่อมเป็นไปไมไ่ด้เด็ดขาด
สิ่งที่รุ่น 1 สร้างขึ้นมา อยากจะสืบทอดไว้เรื่อยๆ
ทั้ง"ความเป็นSKE"(SKE-ism)ที่เหล่ารุ่นพี่สร้างเอาไว้และ
ความร้อนแรงของSKE48จะส่งต่อมันไปยังรุ่นน้องต่อไป
และยังมีสมาชิกควบทีมและย้ายวงมาร่วมด้วยกัน
อยากจะทำให้ทั้งหมดนี้เป็นประโยชน์กับSKE48
จะสร้าง"ความเป็นSKE"ในยุคใหม่ขึ้นมาให้ได้ค่ะ
จะพยายามด้วยสุดแรงกายใจที่มี
หลังจากนี้ก็ฝากSKE48ในอนาคตต่อไปด้วยนะคะ"

---
รวมblog+จีที่คนอื่นเขียนถึงอามิ (ไม่ครบนะคะ จริงๆมีคนที่เขียนน่าสนใจนอกจากนี้มากๆ แต่เขียนกันยาว แปลไม่ไหว ที่น่าสนใจมากๆแต่ไม่ได้แปลมาลงคือ นิชิชิบอกว่าอามิเหมือน"ลูกสิงโตที่โดนเอามาเลี้ยงในสังคมมนุษย์ประมาณปีครึ่ง" ..........หมายความว่ายังไงน่ะ ? lol)

จูรินะ
"Performanceบนเวทีของมิยามาเอะวิเศษมากๆ!
เป็นอะไรที่มองแล้วรู้สึกว่านี่คือSKE
ไม่ว่าจะอีกกี่ปีก็อยากให้เป็นแบบนี้ไม่เปลี่ยน!!"

มาซานะ
"วันนี้เป็นสเตจวันเกิดของมิยามาเอะ อามิจัง
ยินดีด้วยนะ!
อยู่ๆก็เรียกมิยามาเอะว่า"มิยามาเอะ"ได้ไงก็ไม่รู้
มิยามาเอะที่เขียนเรื่องที่อยากพูดลงในแผ่นกระดาษแล้วเอาแต่ถามว่า
"ใช้ได้มั้ยคะ? รู้เรื่องใช่มั้ยคะ?"น่ารักน่าดู
"อยากจะคอยฉุดดึงSKEเอาไว้"
แค่คิดแบบนี้ฉันก็ดีใจแล้ว ได้ฟังคำนี้ออกจากปากจริงๆก็ยิ่งดีใจ
ฉันชอบมิยามาเอะที่ซื่อตรงแบบนี้"

ริอง
"สเตจวันที่2ของวันนี้เป็นสเตจวันเกิดมิยามาเอะซังค่ะ !
ริองได้อ่านจดหมายวันเกิดของมิซุโฮะซัง
อ่านได้ดีรึเปล่านะ ?
ได้เห็นใบหน้ายิ้มแย้มและมีความสุขของมิยามาเอะซังมากมายขนาดนั้นแล้วก็มีความสุขค่ะ
เอ้อ
ตอนMCบอกว่ามิยามาเอะซังเนี่ย
มีทั้ง อันมิซุโฮะ ฮารุมิยะ อามินารุ มิยามะริอง
..คู่เต็มไปหมด
เพราะแบบนั้นวันนี้เลยอยากถามให้ชัวร์
"ตกลงเลือกใคร ?" ถามไปแบบนั้น
"ทั้งหมดนั่นแหละ"
โถ่...!แล้วก็เลือกไม่ได้อะน้า~(ฮา)
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ชอบอยู่ดีค่ะ
มิยามาเอะซังที่ให้ความรู้สึกเหมือนพี่สาวและคอยอ่อนโยนด้วยเสมอมา
ขอให้มีหนึ่งปีที่แสนวิเศษนะคะ"

ยูเมะจิ
"สเตจที่สองของวันเป็นสเตจวันเกิดอามิซังที่รัก!!
อามิซังยินดีด้วยนะคะ \(^o^)/
วันนี้ใส่เสื้อวันเกิดอามิซังปีนี้มาซ้อมด้วย (ฮา)
ช่วงท่อนดนตรีของนาคามะโนะอุตะ
วันนี้ฉันได้เป็นคนออกไปค่ะ
ก็เลยพาอามิซังออกมา
กอดดดดกันด้วย \(^o^)/♪
โอ้ย..รักอามิซังจังค่ะ
และวันนี้ก็ได้เป็นคนสวมมงกุฎดอกไม้ให้ด้วย!!
ได้เห็นอามิซังมีความสุข
ฉันก็มีความสุขล่ะนะ
ได้ฟังที่อามิซังพูดในสเตจวันเกิดแล้ว
ก็คิดนู่นคิดนี่เยอะแยะ แล้วก็เมล์ไปหาแล้วด้วยค่ะ!
แล้วก็
ที่อยากจะพูดอย่างนึงก็คือ
การที่ทีมแรกที่ได้สังกัด
คือทีมทีมเดียวกับที่อามิซังอยู่เนี่ย..ดีใจมากๆเลยค่ะ
สมัยเคงคิวเซย์ ได้ทีมEเก่า(มัตสึอิE)ดูแลสั่งสอนไว้มากมาย
ทั้งได้ไปอันเดอร์ตำแหน่งของสมาชิกที่จบการศึกษาไปแล้ว
ได้อัดDVDสเตจโบคุโนะไทโย
ได้เข้าร่วมแสดงบนสเตจโบคุโนะไทโยครั้งสุดท้าย
และ
ได้เข้าร่วมสเปเชี่ยลอีเวนท์ Zepp Sapparo 
ของซิงเกิลมิไรโตะวะ
มีหลายอย่างที่เคงคิวเซย์ทำไม่ได้แต่
คือทีมEเก่าที่ให้ฉันได้ทำอะไรเหล่านั้นมากมาย..
ฉันร้องไห้เป็นเด็กขี้แงสุดๆไม่ว่าจะเป็นท้ายสเตจหรือ อีเวนท์จบลง
น้ำตาพรั่งพรูออกมาพร้อมกับคิดนู่นนี่เยอะแยะ
ในช่วงเวลานั้น คนที่คอยปลอบโยนให้กำลังใจฉันเสมอมา

"ยูเมะจิก็เป็นทีมEเหมือนกันนะ!"


อามิซัง พูดกับฉันแบบนี้
ในหนึ่งวันนั้นที่ได้ขึ้นเวทีกับทีมE
ก็ชอบอามิซังขึ้นมาแล้วค่ะ
ได้ไปทานราเม็งด้วยกัน
ได้เล่าเรื่องราวต่างๆให้อามิซังคอยรับฟัง
พอได้มาอยู่ทีมSแล้วมีเรื่องปรึกษา
คนปรึกษาคนแรกนั้นก็คืออามิซังอีก
สำหรับฉันแล้วอามิซังเป็นคนที่แสนสำคัญจริงๆ...."

[Others] รวมกระทู้-บทความ-รีพอร์ทน่าสนใจเกี่ยวกับSKE48

รวมกระทู้-บทความ-รีพอร์ทน่าสนใจเกี่ยวกับSKE48


- รวบรวมบทความ-งานแปล-กระทู้พูดคุยแสดงความคิดเห็นต่างๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับSKEค่ะ >_<
เฉพาะที่อยู่นอกบลอคนี้นะคะ งานแปลหรืออะไรในบลอคนี้ดูจากแถบด้านบนว่าTranslationได้เลย

หมวดบทความ-กระทู้น่าสนใจ




หมวดงานแปล









หมวดรีพอร์ทโคเอ็น-บุไต-คอนเสิร์ต-จับมือ-ทูชอทและอื่นๆ 








  

วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2558

[TH] สัมภาษณ์ SKE48 มัตสึอิ เรนะ x SKE48 สุกะ นานาโกะ จาก Sponichi Annex


การจูบน่ะ..
 เรนะ"ควรจะทำให้ใจเต้นตึกตักได้เลย" 
นานาโกะ"จะถ่ายทอดฉากนี้ออกมามันยากนะคะ"








SKE48ได้เติบโตมาถึงจุดที่ชื่อเสียงโด่งดังก้องประเทศ ทั้งซิงเกิลที่10 Kiss datte Hidarikiki และอัลบั้มแรก Kono Hi no Chime wo Wasurenai วางแผงพร้อมกันในวันที่ 19เดือนนี้และประสบความสำเร็จอย่างสูง
ตัวหลักของวง มัตสึอิ เรนะ (21) และอดีตเคงคิวเซย์ดาวรุ่งที่เพิ่งเลื่อนขั้นเข้าเข้าทีมSเมื่อไม่นานมานี้ สุกะ นานาโกะ (15)
จะมาร่วมพูดคุยเปิดอกแลกเปลี่ยนความรู้สึกกันกับพวกเรา

Q - ในเพลงใหม่ Kiss Datte Hidarikiki มีเนื้อเพลงที่น่าสนใจอย่าง
♪ เธอที่ค่อยๆเลื่อนตัวเข้าหาริมฝีปากฉันจากด้านซ้าย♪ ใช่ไหม!?

นานาโกะ - ตอนที่ฉันและสมาชิกในรุ่นเดียวกันพยายามจะตีความถ่ายทอดเพลงนี้กันอยู่เนี่ยรู้สึกว่ายากจริงๆค่ะ
พวกเราพยายามจินตนาการเรื่องจูบจากทางด้านซ้ายตามที่ในเนื้อเพลงบอกแต่จากมุมมองคนจูบแล้วเนี่ยมันกลายเป็นด้านขวาของคนที่ถูกจูบนะ
คุณต้องจูบจากทางขวาเท่านั้นมันถึงจะเป็นจูบจากทางซ้ายจากมุมมองของคนถูกจูบ..
ค่อนข้างยากที่จะเข้าใจความคิดนี้อะ ฮ่า



Q - แล้วเรนะซังล่ะ?


เรนะ - ตอนแรกคิดว่าเพลงนี้เป็นเพลงใสๆน่ารักๆนะคะ แต่พอฟังไปนับครั้งไม่ถ้วนแล้วเนี่ย
ทั้งๆที่ตอนฉากจูบใจเราควรจะเต้นแรงแท้ๆแต่เด็กสาวในเพลงนี่กลับยังมีสติดีพอที่จะรู้ว่าจูบมันมาจากด้านซ้ายของเธอนะ เด็กนี่ก็ร้ายไม่เบานี่นา ฮ่าๆ


Q- ปกติแล้วเนี่ย(ตอนจูบ)อะไรแบบว่า "จากด้านซ้าย" นี่เค้าไม่รู้ตัวกันหรอก?

เรนะ - ฉันว่าไม่นะ

 Q - อากิโมโตะ ยาสุชิซังนี่จินตนาการล้ำจริงๆนะที่แต่งเนื้อเพลงแบบนี้ออกมาได้เนี่ย!

เรนะ - สำหรับคนที่อยู่ๆก็ถูกดึงเข้าไปจูบนี่ สาวน้อยคนนี้ดูมีสติดีจริงๆนะ ฮา

Q - สำหรับเพลงก่อน "Aishiteraburu!" เรนะซังได้ติดต่อไปหาอากิโมโตะซังทางเมล์โดยตรง
เพื่อที่จะขอให้เปลี่ยนชื่อเพลงที่ถูกเลือกมาในตอนแรกว่า "Airabushiteru!"
คราวนี้ก็ได้ติดต่อเค้าไปตรงๆอีกไหม?

เรนะ - ไม่ค่ะๆ (ยิ้มเศร้าๆ)

Q - ไม่ได้บอกเค้าไปหรอว่าปกติแล้วสาวๆไม่รู้สึกตัวเรื่องอย่าง "จากด้านซ้ายมือ"หรอกนะ!

 เรนะ - แต่ถ้าเราเปลี่ยนส่วนนั้น ตัวเพลงทั้งเพลงก็จะพังเลยนะคะ ฮ่าๆ

นานาโกะ - และสำหรับฉันแล้วคิดว่าส่วนนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวละครหลักในเพลงมีเสน่ห์ขึ้นมาด้วยที่ว่าไปให้ความสำคัญกับเรื่องอย่างที่ว่าแฟนเธอถนัดซ้ายน่ะ

Q - คุณคิดยังไงกับคนถนัดซ้าย?

นานาโกะ - ฉันกับเรนะซังเคยฝึกฝนเคนโดมาก่อนและในเคนโดเราจะถือชิไน(ดาบไม้ไผ่)ด้วยมือซ้ายค่ะ

เรนะ - อ่า ใช่!

นานาโกะ - รู้สึกว่ามือซ้ายฉันจะมีแรงบีบมากกว่านะคะ

เรนะ - เหมือนกันเลย! เราจะถือไมค์ด้วยมือซ้ายนะแต่ในตอนแรกทุกคนจะหมดแรงและมือสั่นกัน
จำได้ว่าเคยโดนชมว่า "ถึงจะเต้นไม่ค่อยได้แต่จับไมค์มั่นคงดีนี่"ด้วย

Q - จริงๆแล้วคุณอาจจะถนัดซ้ายก็ได้นะ?

เรนะ - ฉันเคยถนัดซ้ายตอนขวบนึง พี่ชายฉันก็ด้วย เพราะงั้นฉันว่ามันเป็นเรื่องปกติค่ะ
แต่ฉันก็มาถนัดขวาเองตอนเข้าไปเรียนเตรียมอนุบาล

Q - เรนะซังเป็นคนแบบไหนในมุมมองของนานาโกะซัง?

นานาโกะ - สำหรับฉันเธอคือคนที่คอยเฝ้ามองดูฉันอย่างเงียบๆเสมอมา

เรนะ - ไม่ได้มองซะหน่อย เปล่าๆ (ยิ้มเขิน)

นานาโกะ - จะคอยมาพูดคุยกับพวกเรารุ่นน้องและมาคอมเมนท์โพสต์ของพวกเราบนGoogle+ประจำเลยค่ะ
พวกเรารุ่น5จะแตกตื่นโวยวายกันเลยนะเวลามีใครซักคนบอกว่า "ได้คอมเมนท์ได้เรนะซังล่ะ!!"

Q - คอมเมนท์แบบไหนหรอ?

นานาโกะ - คอมเมนท์แรกที่ฉันได้เป็นคอมเมนท์ตอบคำถามค่ะ

เรนะ - อ่า คอมเมนท์ไปแบบนั้นค่ะ เป็นคำถามเกี่ยวกับบุคคลทางประวัติศาสตร์อะไรประมาณนี้แล้วพอดีรู้คำตอบ ก็เลยไปตอบเลย


นานาโกะ - ตอนนั้นพอเห็นชื่อ "มัตสึอิ เรนะ" นี่ตกใจมากเลยค่ะ แบบว่า "มัตสึอิ เรนะตัวจริง!?"

เรนะ - Google+นี่สนุกดีนะ ทำให้เรารู้ได้ว่าเมมเบอร์แต่ละคนกำลังสนใจอะไรอยู่
และมันเขียนได้เร็วกว่าที่จะส่งเมล์ไปหาคนคนนั้นด้วย

Q - ในหมู่เมมเบอร์SKE จะพูดได้ว่าเรนะซังเป็นคนที่คอยใส่ใจอะไรรอบข้างมากๆสินะ?

นานาโกะ - ค่ะ

เรนะ - ไม่จริงหรอก (ยิ้มจางๆ)

Q - คุณเห็นนานาโกะซังเป็นคนแบบไหนล่ะเรนะซัง?

เรนะ - ฉันว่าใบหน้าที่ดูเหมือนน้องหมาของเธอนี่น่ารักดีนะ (หัวเราะ)

นานาโกะ - โดนบอกประจำเลยว่าใบหน้าฉันเหมือนน้องหมาอะ

เรนะ - สีหน้าของเธอดูอ่อนโยนเพราะแบบนั้นเลยเข้าถึงได้ง่ายดี มีออร่าเป็นมิตรที่เมื่อไหร่ที่พวกเราคุยกันก็จะลืมไปเลยล่ะว่าเจ้าตัวเป็นรุ่นน้อง

Q - ถ้าคุณมีคำแนะนำถึงเธอ มันคืออะไร?

เรนะ - อยากจะให้พยายามไม่ให้ตัวตนของเธอถูกกลืนไปนะ
เพิ่งถูกเลื่อนขั้นขึ้นทีมSที่พูดจริงๆเลย เมมเบอร์ทีมSทุกคนมีความเป็นตัวตนที่เข้มข้นมาก
นานาโกะก็มีเสน่ห์และสิ่งที่เยี่ยมของเธอเหมือนกัน เพราะแบบนั้นอยากจะให้แสดงออกให้แฟนๆเห็นอย่างไม่มีกั้ก

Q - เธอจะหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกกลืนได้ยังไง?

เรนะ - ระหว่างสเตจเรามีโอกาสแค่สองครั้งที่จะได้พูด คือระหว่างการแนะนำตัวและระหว่างMCที่เราต้องออกมาร่วมกับเมมเบอร์คนอื่นรวมเป็น8คน
สำคัญนะที่จะโดดเด่นออกมาพอเป็นเรื่องร้องหรือเต้น แต่ก็ควรที่จะใช้โอกาสที่ได้พูดให้ดีเพื่อที่จะสร้างความประทับใจเช่นกัน

Q - นานาโกะซัง คิดยังไงกับการMCของเรนะซัง?

เรนะ - ฉันห่วยสุดๆไปเลยค่ะ (ยิ้มเศร้า)

นานาโกะ - เรนะซังปกติพูดได้ไหลลื่นมากไม่มีสะดุดเลย ระหว่างซ้อมคอนเสิร์ท
สตาฟก็จะวางแผนกันประมาณว่า "MCสำคัญตรงนี้ให้เรนะรับผิดชอบนะ.." ผู้คนรอบๆทั้งเชื่อมั่นและพึ่งพาเธอกันทั้งนั้นค่ะ

เรนะ - ไม่ซะหน่อย~

[TH]พิเศษ : อากิโมโตะ ยาสุชิ ว่าด้วยเพลงสเตจและอนาคตของSKE48 - ชูคังเพลย์บอยSKE


เก่าจนลืมไปแล้วว่าเคยแปลไว้
เอามาแปะๆไว้หน่อย แปลนาน...





——


Team S 1st stage 「Party ga Hajimaruyo」

อ. - เลือกมาให้เล่นเพราะเป็นสเตจที่มีระดับความยากน้อยที่สุด ถึงตอนนี้HKTจะเริ่มด้วย Te wo tsunaginagaraและNMBเริ่มด้วยDareka no Tameniก็เถอะ

Q - คุณคิดนานไหมกว่าจะหาใครสืบทอดตำแหน่งคู่นั่นได้

อ - แน่นอน ประมาณว่า "ตำแหน่งของมาเอดะ อัตสึโกะก็ให้เป็นของมัตสึอิ จูรินะ"
หรือ "มิเอโกะหรือไม่ก็เดกุจิที่เสียงดีก็ให้เล่น Anata to Christmasไป" แต่สุดท้ายดันออกมาแตกต่างจากPartyของทีมAกับทีมKอย่างคนละขั้ว


Q - หลังจากเล่นรีไววัลสเตจแล้วคุณก็มอบสเตจที่ทุกวันนี้ถูกขนานนามว่า"สเตจเทพ(คามิโคเอ็น)"ให้ทีมS
Team S 2nd [Te wo Tsunaginagara] คุณมี"ความคาดหวัง"อะไรไหมตอนที่สร้างมันขึ้นมา?

อ - ตอนแรกพวกเค้าเป็น "หุ่นจำลอง1:1"ตอนนั้นAKB48เริ่มขายดีขึ้นมาแล้ว
เพราะวงเริ่มจะถึงขั้นมืออาชีพขึ้นมา เพราะแบบนั้นผมก็เลยให้ทีมSแสดงเพลงที่จะเข้าถึงกลุ่มคนดูได้
นี่ก็เป็นสาเหตุที่มีเพลงเกี่ยวกับโรงเรียนอยู่เยอะ

Q - เพลงหลักของสเตจนี้ก็เกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกันใช่ไหม? เนื้อเพลงประมาณ
"มากุมมือกับเหล่าเพื่อนพ้องที่เพิ่งได้พบกันที่โรงเรียนและก้าวไปข้างหน้าด้วยกันเถอะ"

อ - ในทีมที่มีทั้งเด็กที่เรียนรู้ได้เร็วและบางคนเรียนรู้ได้ช้า แต่พวกเค้าต้องก้าวหน้าไปพร้อมๆกัน
ถึงแม้จะมีบางคนที่เหมือนจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
"เราจะไม่ปล่อยให้ใครหลุดออกนอกทางไป อยากจะให้พวกเราเดินหน้าไปด้วยกัน"
นี่เป็นความหวังที่ผมอยากจะแฝงลงไปในเพลงสเตจนี้
ยังไงก็ตาม ทีมทีมหนึ่งคือกลุ่มคนที่ถูกโชคชะตานำพามาพบกัน ผมคิดว่าความรักในทีมของทีมSนั้น
"Te wo Tsunaginagara"(เพราะมือนั้นเกาะกุมกันไว้ : ชื่อเพลงหลักของเสตจ) คือวลีที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่จะถ่ายทอดความรู้สึกดังกล่าวออกมาเป็นรูปร่าง" ผมสร้างสเตจทั้งสเตจขึ้นมาโดยมีพื้นฐานมาจากความรู้สึกนี้

Q - เพลงยูนิตทุกเพลงก็เป็น"เพลงเทพ"เหมือนกัน

อ - มัตสึอิ จูรินะเริ่มเปล่งประกายในฐานะเอสแล้ว ผมต้องการเพลงที่จะแสดงความสามารถในฐานะนักเต้นของเธอออกมา
เพราะแบบนั้นผมถึงเลือก "Glory Days" สำหรับยางามิ(คุมิ) ทาคาอิ(สึกินะ) โมริ(ซายูกิ)ที่มีความเป็นไอดอลสูง ผมเลยเลือกเพลงที่ดูเป็นสไตล์ไอดอลทั่วไปอย่าง "Wimbledon he Tsureteitte"
ต่อจากนั้นผมก็แต่ง"Ame no Pianist"ขึ้นมาเพราะผมอยากสัมผัสถึง"ความพิเศษ"ในตัวมัตสึอิ เรนะ
ผมอยากจะดึงความสามารถในฐานะนักแสดงของเธอออกมา
(TL note : อากิพีมอบบทเกกิคาระให้เรนะเพราะถูกใจเรนะในเพลงเปียนิสต์ด้วย)

(..ข้าม..) ผมปรับเปลี่ยนท่อนดนตรีคั่นเพื่อที่เธอจะได้แสดงความสุดยอดของเธอออกมาให้เห็น

แปลสรุปๆ
- อากิพีรู้ว่า Innocence จะต้องดังแน่ๆ แต่คาดไม่ถึงว่า Romance Rocket จะได้รับความนิยมด้วย
- เพลงสุดท้าย Tooku ni Ite mo ต้องการสื่อว่าถึงแม้เมมเบอร์บางคนจะขาดหายไป อาจจะเป็นเพราะเค้าต้องไปโตเกียวหรือไปที่อื่น หัวใจของเมมเบอร์ทุกคนจะยังเป็นหนึ่งเดียว


Team S 3rd stage [Seifuku no me] คือคำเดียวว่า "ศักยภาพ"
"สเตจนี้ดึงศักยภาพทั้งหมดที่แฝงอยู่ในชุดยูนิฟอร์มนั่นออกมา ศักยภาพของSในฐานะทีม"

- "ยกตัวอย่างเช่นเพลงยูนิตของมัตสึอิ จูรินะ "Omoide Ijou/มากยิ่งกว่าความทรงจำ"
ถ้าจะมีใครที่มีศักยภาพพอที่จะไปถึงจุดนั้น จุดที่เหนือล้ำกว่าความทรงจำ ก็คงต้องเป็นเด็กสาวคนนี้แหละ
- [Okami to Pride] เพลงนี้ให้คุมิเพราะตอน Wimbledon เธอน่ารักมาก
- อากิพีคิดว่า Romance Rocket กับ Onnanoka no Dairokukan เป็นเพลงธรรมดาๆตอนเขียนมันขึ้นมา
- [Pinocchio Gun] เป็นเพลงที่มีแต่SKE48เท่านั้นที่จะแสดงได้ "ทั้งดูติ๊งต๊องและบ้าคลั่ง"น่ะ


Team KII Setlist. 1st stage 「Aitakatta」.

 อ - สำหรับผม สเตจคือที่ที่จะฉายสปอทไลท์สาดส่องไปยังเด็กๆ สำหรับAKB48ผมเขียน Nagisa no CHERRYขึ้นมาเพื่อดึงมาเอดะ อัตสึโกะออกมาในฐานะ"สตาร์"
ต่อมาผมก็คิดว่า "ใครจะได้ตำแหน่งของมาเอดะดีล่ะ?"อะไรประมาณนี้ ผมตัดสินใจด้วยการปรึกษากับสตาฟครับ

Q - คุณดำเนินการแบบ "ถ้าให้ตำแหน่งนั้นกับเด็กคนนี้แล้วเด็กคนนี้จะเติบโตไปในแนวทางนั้น"โดยมีเป้าหมายชัดเจนในใจไหม?

อ - ไม่ล่ะ ไม่ใช่แบบนั้น ยกตัวอย่างนะ จินตนาการดูว่าคุณมีเมล็ดข้าวโพดอยู่มากมาย
และนำมันลงไปคั่วบนกระทะที่เรียกว่า"สเตจ" สิ่งที่ผมทำก็แค่เฝ้ามองว่า "โอ้ เมล็ดนั้นแตกออกมาแล้วเหรอ?" "ตรงนู้นก็แตกแล้วเหมือนกัน" 
ตอนแรกผมไม่มีเป้าหมายอะไรชัดเจนหรอกเพราะแบบนั้นถ้าเกิดผมทำผิดพลาดขึ้นมา ผมก็จะเฝ้ามองผลลัพธ์ว่า"สิ่งใด"กันที่จะปรากฏออกมาให้เห็นในภายหลัง

Team KII 2nd stage 「Te wo Tsunaginagara」(คนสัมภาษณ์เรียกสเตจนี้ว่า "จิตวิญญาณของSKE")

สรุป
- "มันยากนะที่จะให้ทีมต่างทีมในวงเดียวกันแสดงเสตจเดียวกัน มันเป็นมาตั้งแต่ที่การแข่งขันระหว่างทีมAและทีมKเข้มข้นขึ้นแล้ว
คำถามว่า"ใครจะได้ตำแหน่งมาเอดะ" "ตำแหน่งโคจิมะนี่ใคร"จะถูกหลีกเลี่ยงไปไม่ได้เลย"

- "แน่นอนว่ามุไคดะ(มานัทสึ) ที่ได้ตำแหน่งเดียวกันกับมัตสึอิ จูรินะก็ถูกเปรียบเทียบกับจูรินะมามากเหมือนกัน"
- อิมเมจของมุไคดะแตกต่างจากจูรินะ การที่เธอเติบโตขึ้นโดยที่ถูกเปรียบเทียบกับจูรินะตลอดเวลาต้องลำบากมามากแน่ๆ
- อากิพีนึกขึ้นมาได้ว่าให้เล่นสเตจนี้นานเกินไปแล้วและจำได้ว่าอาคาเนะขอร้องเขาโดยตรงระหว่างการเลือกตั้งปี2011ว่าต้องการออริจินัลสเตจ




Team KII 3rd stage 「Ramune no Nomikata」

สรุป
- ส่วนที่ยากที่สุดในการแต่งเพลงสเตจคือการเลือกเพลงมาให้เหลือแค่16เพลง
- "ผมต้องเลือกออกมาจากเพลงนับพันเพลงที่เอาไว้ใช้สำหรับซิงเกิลและคิดว่าเพลงไหนที่เหมาะสำหรับสเตจ สุดท้ายก็เลือกออกมาได้ประมาณร้อยเพลง หลังจากนั้นก็คิดลำดับและจัดสรรเพลง เมื่อทำเสร็จทั้งหมดแล้ว ผมจึงเริ่มเขียนเนื้อร้อง"
- "บางทีผมก็เปลี่ยนลำดับเพลงไปขึ้นอยู่กับเนื้อเพลงที่ผมแต่งขึ้นมา
แน่นอนว่าระหว่างแต่งก็นึกถึงตัวเมมเบอร์ไปด้วย แต่ที่สำคัญที่สุดคือการทำให้ทั้งสเตจออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด
การที่จะทำแบบนั้นได้ก่อนที่จะใส่เนื้อร้องลงไปอาจจะเป็นส่วนที่ยากที่สุดเลย"
- ตัวอย่าง ตอนแรก Wimbledon จะอยู่เป็นเพลงที่3และเกือบจะใส่Disco Hokenshitsuลงไปด้วย
- "ผมเลือกฮาตะ(ซาวาโกะ)เล่นเพลง Kodoku na Ballerina หลังจากเห็นการเต้นของเธอในเดโม่เทป
 - Akushu no Ai มาในแนวเดียวกับ Theater no Megami กับ Shonichi ของทีมB
: ในความเป็นจริงนั้นออกจะนามธรรมแต่ก็เป็น"คอนเซปท์"ที่สำคัญ  ข้อความจากอากิพีอยากสื่อถึงอาคาเนะและเมมเบอร์KIIทุกคนที่อากิพีคิดว่า"เคร่งเครียดเกินไปหรือเปล่า"คือ

 [อย่าเคร่งเครียดให้มากนักเลยนะ ถ้าไม่มองไปข้างหน้ายาวๆจะทำให้ตัวเองเหนื่อยมากไปซะเปล่านะ]



Team E 1st 「Pajama Drive」 (เพิ่งเล่นสเตจสุดท้ายไปเมื่อเดือนนึงก่อนจะออกสัมภาษณ์).

อ - พูดจริงๆคือทีมEยังไม่ค่อยถึงขั้นเท่าไหร่ แต่ก็เป็นคอนเซปท์ของAKB48เหมือนกันที่จะแสดงให้เห็นพัฒนาการไปเรื่อยๆ
Q - แต่Pajama Driveนี่เป็นสเตจที่ยากมากเลยไม่ใช่เหรอ?
อ - แต่ก็เป็นสเตจที่เหมาะกับไอดอลเหมือนกัน เพราะแบบนั้นถึงน่าสนใจใช่ไหมล่ะ?
มีทั้งเพลงน่ารักๆอย่าง Gokigen Naname na Mermaid หรือ  Hissatsu Teleport และเพลงเครียดอย่าง Inochi no Tsukaimichi ผมรอดูว่าทีมEจะจัดการความแตกต่างนี้ยังไง


อนาคตของSKE48


Q - ตอนนี้Team E1st stageก็เพิ่งจบลงไป พวกเราอยากเห็นสเตจใหม่ของทีมSเหมือนกัน

เพราะแบบนั้นก็เลยอยากจะพูดคุยเรื่องอนาคตของSKE48กับคุณถ้าเป็นไปได้..

อ - สำหรับออริจินัลสเตจ ตอนนี้ผมเขียนสเตจทีมNให้NMB48อยู่
ต่อไปก็น่าจะเป็น...ทีมSมั้งนะ ยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่

Q - พวกเราจะรอนะ(หัวเราะ) มากไปกว่านั้นระหว่างคอนเสิร์ทSSAในเดือนมีนาคม
ได้มีการประกาศให้มัตสึอิ จูรินะและวาตานาเบะ มิยูกิ ควบทีมชั่วคราวกับทีมKและทีมB
ซึ่งได้รับเสียงตอบรับที่หลากหลายมากจากแฟนๆ อย่างเช่นบางคนก็บอกว่า "พวกเค้ามาจากคนละวงกันนะ แล้วทำไมถึงมีการยืมตัว?"เป็นต้น


อ - แต่ยังไงทุกคนก็อยู่ในกรุ๊ปกรุ๊ปใหญ่กรุ๊ปเดียวอยู่ดีนะ SKE48 NMB48 HKT48ก็เช่นกัน
ถ้าวงเหล่านี้มีอายุ6-7ปี ผมเชื่อว่าพวกเค้าก็จะมีความนิยมอยู่ในระดับเดียวกันกับAKB48
แต่กระบวนการนั้นมันต้องใช้เวลา นั่นแหละทำให้ผมเลือกเมมเบอร์จางวงน้องมา แฟนๆจะได้รู้สึกประมาณว่า"เด็กคนนั้นน่ารักจัง วาตานาเบะ มิยูกิสินะ?" ไม่ก็ "นั่น มัตสึอิ จูรินะ!?"
และจากจุดนั้นเค้าก็จะเริ่มสนใจในNMB48และSKE48


Q - เหมือนตอนOogoe Diamondที่คุณให้มัตสึอิ จูรินะเป็นดับเบิ้ลเซนเตอร์คู่กับมาเอดะ อัตสึโกะ
นั่นทำให้สาธารณชนเริ่มคุ้นชื่อSKE48ขึ้นมาเลยใช่ไหม?


อ - ตอนนั้นแฟนๆAKB48ตอบรับแบบว่า "เอ๋!?" แต่ผมคิดว่านั่นเป็นจุดกระตุ้นทั้งกรุ๊ปโดยรวมเลยล่ะ
อย่างจูรินะกับวาตานาเบะที่ควบสองตำแหน่งในเวลาเดียวกัน ก็เป็นการเตรียมการที่สำคัญต่อจูรินะและมิลกี้ในอนาคต
เพราะทุกคนย่อมมีโอกาส และก็ยังเป็นตัวกระตุ้นให้ทีมSและทีมNได้เช่นกัน

Q - หลังจากการประกาศที่SSA คุณโพสท์ข้อความชวนตะลึงลงGoogle+ว่า "ถ้าการตัดสินใจครั้งนี้ผิดพลาด ผมจะลาออกจากการเป็นโปรดิวเซอร์ของSKE48และNMB48"

อ - ...แต่ผมคิดอยู่นะว่า "ถ้าเลิกเป็นโปรดิวเซอร์ให้พวกเค้า ก็จะทำให้วงน้องมีอิสระในการบริหารของตัวเองซะที ไม่ใช่เหรอ?"


Q - เอ๋!? จริงเหรอ!? อย่าทิ้งพวกเค้าไปเลยนะ!

อ - ไม่ๆ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมจะบอก ผมรวมเอาเมมเบอร์วงน้องไว้ในเซนบัตสึของAKB48 ผมให้วงน้องมาร่วมเล่นMajisuka Gakuen
แต่มันจะดีกว่าไม่ใช่เหรอถ้าพวกเค้ามีเอกภาพในตัวเอง อย่างถ้าเกิดมีโปรดิวเซอร์คนอื่นที่จะมาโปรดิวซ์SKE48และNMB48
ผมว่าแบบนั้นก็น่าสนใจไม่น้อยเลยนะ


Q - ไม่มีใครรู้ว่าอากิโมโตะเซนเซย์เอาจริงแค่ไหน....แต่ที่แน่นอนคือทั้งSKE48 NMB48 และ AKB48 กำลังก้าวไปสู่ยุคใหม่ บทที่2แห่งประวัติศาสตร์ แล้วSKE48จะเป็นอย่างไรต่อไปในAKB48กรุ๊ปกันนะ
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ขอตั้งหน้าตั้งตารอคอยอยู่แน่นอน!


blogged by 91

[91][bsummary]

Translation

[Translation][bsummary]

Subtitle

[subtitle][bsummary]

Update

[SKEUpdate][bsummary]