วันอังคารที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2560

(91)[100%SKE48 vol.2] แปลบทสัมภาษณ์เรียวฮะ x ซาเอะ (คิตากาว่า เรียวฮะ x มิยาซาว่า ซาเอะ)

 “อยากโดดนะคะ! แต่ว่า...”
ระหว่างที่คิตากาว่า เรียวฮะพูดนั้น 
เพื่อไม่ให้ลูกโป่งลอยออกไป เธอก็จับเชือกลูกโป่งเส้นบางแน่นแล้วลากเข้าหาตัว
ตั้งแต่เดบิวต์มาจำนวนครั้งที่ได้ขึ้นปกเดี่ยวๆน้อยจนนับครั้งได้ แล้วก็กระโดดขึ้นมาลงกราเวียร์นำของหนังสือเลย
นอกจากนี้ ยังเป็นหนังสือออฟฟิเชี่ยลของ SKE48 อีกด้วย
ที่เธอได้รับการผลักดันอย่างนี้ อาจมีบางคนที่เคลือบแคลงสงสัยและไม่พอใจ
เรื่องแบบนี้ ตัวเธอเองเข้าใจดีมากกว่าใคร
ตัวเองที่ขี้ขลาดมักจะมีเสียงกระซิบบ่อยๆว่า “อย่างฉันเนี่ยนะ....”
อยากเป็นที่ยอมรับ อยากเปลี่ยนตัวเอง
อยากมีความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง

ดังนั้น คิตากาว่า เรียวฮะ...
 “กระโดดแล้ว”


วันที่ยาวนานที่สุดในชีวิตของคิตากาว่า เรียวฮะ


มิยาซาว่า ซาเอะก็มาด้วย! สูงจากระดับพื้น 62 เมตร การโดดบันจี้จัมป์ที่ชี้เป็นชี้ตายสำเร็จ!

สำหรับการที่เลือกเธอมาขึ้นปกนั้น กองบก.ได้ประชุมกันอยู่หลายรอบ คุยกันว่า “คราวนี้ เราน่าจะลองให้คิตากาว่า เรียวฮะเค้นความกล้าออกมา ท้าทายอะไรซักอย่างนะ?” และแล้วก็ได้ข้อสรุปเป็น “บันจี้จัมป์” เพราะเรานึกขึ้นได้ว่า แม้เธอเคยลองแล้วในรายการที่ผ่านๆมาแต่กระโดดไม่ได้

ตอนนี้ในซิงเกิ้ลของSKE48 คิตากาว่า เรียวฮะได้ยืนร้องเพลงอยู่แถวหน้าสุด ในอนาคต เพื่อที่จะแบกรับวงต่อไป จะต้องมีความกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้าให้ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ถ้าไม่มีความกล้านี้ ไม่เพียงแค่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ แต่วงก็จะไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ด้วย เมื่อเจอบททดสอบ เราอยากให้เธอจะเป็นคนที่สามารถเผชิญหน้ากับมันได้อย่างไม่เกรงกลัว แม้จะดูเป็นไปได้ยากแต่ยังไงกองบก.ก็หวังให้เป็นเช่นนั้นจากใจจริง

แต่ทว่า บันจี้จัมป์นั้นน่ากลัวมาก ตอนที่สวมชุดเซฟตี้แล้วยืนอยู่ตรงนั้น ความกลัวย่อมเข้ามาครอบงำ เพื่อไล่ความขี้ขลาดนั้นไป พวกเราก็นึกถึงคนๆนึง 
ใช่แล้ว คนนั้นคือคนที่จบการศึกษาจาก SKE48 เมื่อปลายเดือน 3 ปีนี้ มิยาซาว่า ซาเอะนั่นเอง มิยาซาว่ากับเรียวฮะเคยอยู่ทีม S ด้วยกัน เรียวฮะชื่นชมมิยาซาว่ามากและเสียใจกับการจบการศึกษาของมิยาซาว่ามากกว่าใคร อาจเรียกว่าเป็นความสัมพันธ์ของศิษย์-อาจารย์ก็ได้ ถ้าอยู่ต่อหน้าอาจารย์ล่ะก็ ยังไงก็ต้องโดดล่ะ กองบก.จึงได้บอกกับมิยาซาว่าถึงความสำคัญตรงนี้ เธอก็ตอบรับที่จะมาเป็นประจักษ์พยานอย่างรวดเร็ว

ถึงวันที่จะกระโดดบันจี้จัมป์ ระหว่างเดินทางในรถ ความขี้ขลาดของเรียวฮะก็เริ่มแสดงออกมา ประมาณว่า “ไม่อยากให้มาถึงวันนี้เลยอ่ะ ถ้าตายขึ้นมาจะทำไง!” “วันนี้อาจจะตายก็ได้ เพราะงั้นต้องกินของที่ชอบ ขอไอติมด้วยค่ะ!

อย่างไรก็ตาม กองบก.เราเชื่อมั่น เชื่อว่าเรียวฮะจะโดดได้ ต้องโดดแน่ๆ โดดลงไปแล้วเกิดใหม่ เพื่อตัวเอง และเพื่อSKE48

ก่อนบ่าย 3 เราก็มาถึง “Sarugakyo Bungy ความสูง 62 เมตร แม้เวลาที่อยู่ในอากาศจะเพียงแค่ 2.5 วินาทีแต่เมื่อกระโดดลงไป ก็จะรู้สึกถึงประสบการณ์เสี่ยงตายได้เลย

คนนำทางพาเดินสำรวจแล้วก็พาเรียวฮะไปที่แท่นกระโดด เรียวฮะได้ใส่ชุดมาพร้อมแล้ว มันคือชุดที่ทุกคนได้ใส่ในเพลงแรกของคอนเสิร์ตจบการศึกษาของมิยาซาว่า ซาเอะ เพลง “kiseki wa ma ni awanai นั่นเอง นี่เป็นเพราะอยากให้เรียวฮะสร้างปาฏิหาริย์ให้ได้ กองบก.ก็เลยเลือกมาให้

ณ จุดนี้ ก็ได้เริ่มถ่ายทำรายการ “SKE48 ZERO POSITION” เนื่องจากกองบก.คิดว่าการแสดงความกล้าของเรียวฮะนี้จะลงหนังสืออย่างเดียวก็คงน่าเสียดาย ดังนั้นจึงได้ติดต่อสตาฟฟ์รายการให้มาเก็บภาพตรงนี้ไว้

 “จะโดดได้มั้ยน้า อืมมมมม...”

ขณะที่พูดไป คนๆนั้นก็ค่อยๆเดินเข้าใกล้ข้างหลังเรียวฮะไป มาถึงที่นี่หลังจากเรียวฮะนิดหน่อย คนนั้นคือมิยาซาว่านั่นเอง!

 “เรียวฮะ!

เรียวฮะที่หันหน้ามาทันทีตามเสียงตะโกนเรียกของมิยาซาว่า ด้วยที่คาดไม่ถึงว่าอาจารย์จะมาที่นี่ ทำให้เรียวฮะร้องไห้ออกมา

เวลาค่อยๆใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เรียวฮะเดินขึ้นไปที่แท่นกระโดด ถอนหายใจหนึ่งรอบ

 “อ่า น่ากลัวอ่ะ! จะต้องโดดแล้ว! ไม่เอา แต่ว่า เดี๋ยวๆๆ”

จะกระโดดหรือไม่กระโดด...ความรู้สึกกลับไปกลับมาในใจของเรียวฮะ
 “Kiseki wa maniaudaro” (ร้องเพลง)
เธอเริ่มร้องเพลงให้กำลังใจตัวเอง จะกระโดดมั้ย..ไม่ ยังไม่ได้กระโดด

เสียงตะโกนของมิยาซาว่าที่อุตส่าห์มาจากโตเกียวคอยเชียร์อยู่
 “อย่ามองลงไปข้างล่าง! ถ้าเป็นเรียวฮะต้องทำได้แน่!

ได้ยินเสียงนั้น ก็ทำให้เรียวฮะยืดตัวตรงขึ้นมา
ถ้าเป็นตอนนี้ล่ะก็ ต้องทำได้!!

ที่ยืนอยู่บนแท่นกระโดด เวลาก็ผ่านไป 19 นาทีแล้ว
 “3 2 1 บันจี้!
ด้วยเสียงตะโกนของสตาฟฟ์ เรียวฮะก็กลายเป็นนกแล้ว

ไม่เป็นไรแล้ว เรียวฮะคนใหม่ถือกำเนิดขึ้นแล้ว ให้วันนี้เป็นจุดเปลี่ยน วันที่ได้สั่นคลอนตัวตนกลายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ขึ้น อนาคตของ SKE48 น่ะ ฝากไว้ให้เธอบ้างก็ได้ ถ้าถามว่าทำไม ก็คงเพราะเธอได้รับความกล้ามาแล้ว

 

คนที่คิดถึง




- ถ้างั้นก็ ขอเริ่มสัมภาษณ์ฮีโร่คิตากาว่า เรียวฮะซังเลยนะครับ!

เรียว: อ่า นึกว่าจะตายซะแล้ว.......(หน้าซีด)

- แล้วก็ ขอเชิญมิยาซาว่า ซาเอะที่มาเป็นแขกพิเศษด้วย!

ซาเอะ: เรียวฮะ ทำได้ดีมาก!

เรียว: นี่คงเป็นครั้งนึงที่กลัวที่สุดในชีวิตเลยมั้งคะ....(หน้าซีดมาก)

ซาเอะ: ฮ่าๆๆๆๆๆ น่ากลัวมากเลยสินะ? ฉันว่าคราวนี้คงไม่มีวันลืมเลยล่ะ

- ยังไม่รู้สึกว่า “ทำได้แล้ว!” เลยเหรอครับ?

เรียว: ไม่เลยค่ะ ยังหวิวๆอยู่เลย เทียบกันแล้ว ความกลัวกับความเหนื่อยมันพุ่งขึ้นมามากกว่า....

- แต่ว่า สตาฟฟ์ทุกคนประทับใจกันมากเลยนะ!

เรียว: จริงเหรอคะ?

- จริงครับ

เรียว: จริงเหรอคะ!? ดีใจจัง!

- ขนาดสตาฟฟ์บันจี้จัมป์ตะโกน “3 2 1 โดด” ไปตั้ง 4 รอบแล้ว แต่ก็ยังกระโดดไม่ได้เลยไม่ใช่เหรอครับ ผมคิดว่าถ้าเป็นเรียวฮะซังสมัยก่อน คงยอมแพ้ไปแล้ว

เรียว: ถ้าไม่มีซาเอะซังล่ะก็ ฉันก็คงกระโดดไม่ได้ค่ะ

ซาเอะ: ไม่หรอก ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เพราะวันนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วไม่ใช่เหรอ?

เรียว: ครั้งแรกคือในรายการ Tentomu Chu! กระโดดไม่สำเร็จ ครั้งที่ 2 เพราะเป่ายิ้งฉุบชนะก็เลยไม่ต้องกระโดด ดังนั้นจริงๆนี่เป็นครั้งที่ 2 วันนี้บอกตามตรงว่าตอนนั้น ฉันก็ยังคิดอยู่เลยว่าคงทำไม่ได้หรอก

ซาเอะ: ตอนนั้นหมายถึงตอนไหน?

เรียว: ตอนที่จะกระโดดหลายรอบแล้วก็ยังกระโดดไม่ได้ ฉันคิดว่าจะทำไม่ได้แล้ว...


ซาเอะ: งั้นเหรอ งั้นที่ซาเอะอยู่ด้วยก็มีความหมายสินะ?

เรียวมีสิคะ!

- แบบว่า “เพราะซาเอะซังมองดู จะไม่โดดไม่ได้” งั้นเหรอ?

ซาเอะ: โดนฉันกดดันอยู่นี่เอง (หัวเราะ)

เรียว: มีซาเอะซังอยู่ด้วยนี่ดีจริงๆค่ะ! ถ้าไม่มีคงจะกังวลมาก....

- งั้น คราวหน้าเรามาลองเวอร์ชั่นที่ไม่มีซาเอะซังอยู่ด้วยกันนะครับ!

เรียว: อย่าเลยค่ะ! (ทำหน้าจริงจัง)

ซาเอะ: แบบนี้คงไม่ไหวล่ะน้า (หัวเราะ)

- ตอนที่หันกลับมาบนสะพาน แล้วพบวามิยาซาว่าซังอยู่ตรงนั้น รู้สึกยังไงบ้างครับ?

เรียว: ...คนที่คิดถึงโผล่มาตรงหน้าเฉยเลย

ซาเอะ: ฮุๆๆ

เรียว: ดีใจมากค่ะ

ซาเอะ: คิดถึงเหรอ จนถึงเดือน 3 พวกเรายังยืนบนเวทีเดียวกันอยู่เลยไม่ใช่รึไง!

- ไม่ได้เจอกันนานแค่ไหนครับ?

ซาเอะ: ก็ตั้งแต่มาดูละครเวที “คำสาปฟาโรห์” ของฉันล่ะมั้ง? ตอนนั้นเป็นช่วงหน้าร้อน ห่างจากตอนนี้หลายเดือนเหมือนกันมั้ง? ก่อนหน้านั้นแม้ฉันจะได้ไปดูสเตจทีม S แต่ก็ไมได้คุยอะไรกันเยอะ

เรียว: ตั้งแต่จบการศึกษา ก็ไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวเลย ถึงจะติดต่อกันอยู่ก็เถอะ



วิธีการแสดงออกถึงความตั้งใจ



- มิยาซาว่าซังตอนแรกคิดว่าเรียวฮะซังจะกระโดดได้มั้ยครับ?

ซาเอะ: ได้สิคะ! x2

เรียว: เรียวฮะคิดว่าคงโดดไม่ได้หรอก...ตอนที่เตรียมตัวกระโดดตั้งหลายรอบแต่ยังกระโดดไม่ได้ ตอนนั้นคิดว่าโอกาสที่จะกระโดดสำเร็จแค่ 30% เองค่ะ ทั้งๆที่สตาฟฟ์ซังมารวมตัวกันเยอะขนาดนี้เพราะฉัน ถ้ากระโดดไม่ได้จริงๆจะทำยังไงล่ะ ฉันคิดอย่างนั้นล่ะค่ะ

- ไม่ใช่กระโดดได้เพราะโดนบังคับแต่ตัวเองกระโดดเองต่างหาก โมเม้นท์ที่ย่อเข่าลงไปเตรียมจะกระโดด ก็ตะโกนออกมาโดยไม่รู้ตัว นั่นเพราะตรงนั้นตัวเองมีความตั้งใจที่กระโดดเอง

เรียว: ยังไงก็ต้องโดดค่ะ วันนี้ไม่ว่ายังไงก็ต้องโดดเท่านั้น

- เพราะอะไรครับ?

เรียว: เพราะอะไรเหรอคะ? ฉันรู้สึกว่าต้องแสดงความตั้งใจตรงนี้ออกมาให้ชัดเจน

- แสดงความตั้งใจเรื่องอะไรครับ?

เรียว: ก็ถึงปากจะบอกว่าอยาก “เปลี่ยนแปลง” แต่กลับไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย...

- ไม่หรอกครับ ครั้งนี้ก็ถือว่าเปลี่ยนแปลงแล้ว! นี่ไม่ใช่แค่ลงหนังสือนะครับ จะออกอากาศใน “Zero Position” ด้วย เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องที่แฟนๆSKE48 ทั้งหมดได้รู้ ประมาณว่า “เรียวฮะโดดได้แล้ว” ในฐานะที่เป็นต้นเรื่อง พวกเราอยากเผยแพร่เรื่องนี้ให้คนได้อ่านกัน

เรียว: ดีจังเลย...ดีจริงๆที่กระโดดได้...(ดูเหมือนจะยังใจลอยอยู่) ทำไมถึงกระโดดลงมาได้นะ?

- ปี 2009 รายการ Nemosu TV ที่ไปถ่ายทำที่ออสเตรีย มิยาซาว่าซังก็เคยกระโดดเหมือนกันใช่มั้ยครับ

ซาเอะ: ใช่ค่ะ ตอนนั้นรู้สึกจะใช้เวลาไปเยอะเหมือนกันมั้ง? (ที่จริงใช้เวลาแค่ 1 นาที 13 วิ. เอง!)

- สถิติของเรียวฮะซังวันนี้ คือ 19 นาที

เรียว: นานชะมัด!

- ไม่นะครับ สิ่งสำคัญคือกระโดดได้สำเร็จหรือเปล่า มิยาซาว่าซัง ถ้าให้กระโดดอีกรอบ จะกระโดดมั้ยครับ?

ซาเอะ: ไม่เด็ดขาด! ถ้าไม่สัญญาก่อนว่าโดดแล้วจะดังขึ้น หรือได้เงินเยอะมากๆ ยังไงก็ไม่เด็ดขาด! ฉันเกลียดขนาดนั้นเลยล่ะ บันจี้จัมป์น่ะ!

- กลัวความสูงเหรอ?

ซาเอะ: ฉันกับเรียวฮะชอบรถไฟเหาะนะ แต่ว่าในบรรดาเครื่องเล่น ที่เกลียดที่สุดคือประเภทที่ขึ้นไปตรงๆแล้วปล่อยลงมา นั่นมันเหมือนบันจี้จัมป์เลยไม่ใช่เหรอ?

- ก็ใช่นะครับ จะว่าไป หลังจากซาเอะซังประกาศจบการศึกษาเรียวฮะซังก็ประกาศว่า “จะเป็นมิยาซาว่า ซาเอะรุ่นที่ 2” ใช่มั้ยครับ

ซาเอะ: เอ๋ งั้นเหรอ?

เรียว: เคยบอกแบบนั้นค่ะ

ซาเอะ: “มิยาซาว่า ซาเอะรุ่นที่ 2” คือยังไงอ่ะ (หัวเราะ)

- งั้น ให้อธิบายกับเจ้าตัวเลยครับว่าหมายความยังไง (หัวเราะ)

เรียว: เอ่อ มิยาซาว่า ซาเอะรุ่นที่ 2 ก็คือเป็นที่พึ่งพาของคนอื่น พูดอะไรก็มีน้ำหนัก แค่มีคนๆนี้ทุกคนก็จะกระตือรือร้นขึ้นมา...เป็นคนแบบนั้นน่ะค่ะ แต่ว่าทั้งๆที่ฉันก็อยากเป็นแบบนั้นแต่แค่พูดก็ยังทำได้ไม่ดีเลย!

ซาเอะ: ฮ่าๆๆๆ กลับกัน ถ้าเป็นได้แบบนั้นก็สุดยอดเลยสิ! แบบนั้นซาเอะหมดความหมายเลยนะ (หัวเราะ) แต่ไม่เป็นไร มีเวลาอีกถมเถไป

- เอ็นจิ้นในคอนเสิร์ตหรือตอนซ้อมสเตจ เป็นยังไงบ้าง?

เรียว: พูดไม่ค่อยออกเลยค่ะ ตอนสเตจทีม S ก็ยังพูดไม่ค่อยออก

ซาเอะ: แต่ว่านะ ฉันเองก็จบการศึกษาไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องพยายามเป็นคนที่ชื่นชมคนนั้นแล้วไม่ใช่เหรอ?

เรียว: มีคนบอกอย่างนี้บ่อยเลยค่ะ แบบว่า “เรียวฮะก็คือเรียวฮะนั่นแหละ”

ซาเอะ: ใช่! คนที่ชื่นชมน่ะ เพราะเขามีสิ่งที่ตัวเองไม่มี ก็เลยชื่นชมไง ดังนั้นแค่ตัวเรามีสิ่งที่คนนั้นไม่มีก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ

เรียว: ฉันก็พอจะเข้าใจแล้วล่ะ ยังไงฉันก็เป็นซาเอะซังไม่ได้

ซาเอะ: ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ในสเตจวันเกิดก็เคยพูดไม่ใช่เหรอว่า “เรียวฮะก็คือเรียวฮะ”

- ไม่มีใครสามารถเป็นรุ่นที่ 2 ของใครได้สินะครับ เป็น “คิตากาว่า เรียวฮะรุ่นแรก” ก็พอแล้ว

เรียว: ค่ะ คิตากาว่า เรียวฮะก็คือคิตากาว่า เรียวฮะ



มิยาซาว่า ซาเอะ กลับมา?



- รุ่น 8 ก็ใกล้จะเข้ามาแล้วใช่มั้ยครับ มีตรงไหนน่าสนใจมั้ยครับ?

เรียว: เฮ้อ...

- ทำไมถึงถอนหายใจล่ะ (หัวเราะ)

ซาเอะ: จะรุ่น 8 แล้วเหรอเนี่ย รุ่น 7 ยังขึ้นทีมไม่ครบเลยใช่มั้ย?

เรียว: นั่นสิคะ

- เรียวฮะซังคิดมากขนาดนี้เลยเหรอครับ? หรือว่ารุ่น 8 จะน่ากลัว?

เรียว: อืม ฉันพยายามจะไม่คิดมากไปค่ะ แม้จะมีคิดว่า “ถ้ามีคนที่เก่งมากโผล่มา จะทำยังไง?” อยู่บ้าง

ซาเอะ: คิดงั้นเหรอ เรียวฮะเป็นรุ่น 6 ใช่มั้ยล่ะ ถ้าเป็นรุ่นตั้งแต่รุ่น 2 ลงมาก็คงคิดอย่างนี้ล่ะนะ ฉันก็เคยคิดอย่างนี้จนถึงรุ่นไหนน้า...รุ่น 3 มั้ง (มิยาซาว่าเป็นAKB รุ่น 2) แต่ฉันว่าเรียวฮะน่ะเปลี่ยนไปตั้งแต่รุ่น 7 เข้ามาแล้วล่ะ ต้องบอกว่าเปลี่ยนเป็นรุ่นพี่มากขึ้นล่ะมั้ง กลายเป็นพี่สาวแล้วน่ะ

- เรื่องนี้เห็นด้วยครับ

ซาเอะ: เรียวฮะเป็นพวกน่าเอ็นดู จริงๆแล้วรุ่นพี่เอ็นดูมากเลย แต่รุ่นน้องน่ะยังไงก็ต้องโผล่มา ฉันว่าถึงรุ่น 8 จะเข้ามา ก็ไม่ต้องคิดมากขนาดนั้นก็ได้

เรียว: ฉันชอบเด็กตัวเล็กๆมากเลยล่ะ

- จากนี้ไปก็จะกลายเป็นรุ่นพี่ที่ถูกร้องขอมากกว่าเมื่อก่อน

เรียว: นั่นสินะคะ ไม่ทำตัวดีๆไม่ได้แล้ว

- ประมาณว่า “ไปลองกระโดดบันจี้จัมป์ดูซิ!

เรียว: แบบนั้นน่าสงสารแย่ ไม่ต้องโดดบันจี้อีกแล้วนะ...(หน้าซีดอีกครั้ง) คือนึกว่าจะตายแล้วจริงๆนะคะ! ตอนที่ตกลงมาต่ำสุด ที่เชือกดึงลงมาจนสุดอ่ะ!

- ไม่ได้ตกลงไปถึงผิวน้ำเหมือนคาโยะ โนโระซังเหรอครับ?

เรียว: ถึงจะคิดไว้ว่าอาจจะเป็นอย่างนั้นแต่มันไม่เป็นอย่างนั้นก็ดีแล้วค่ะ (หัวเราะ)

- งั้น เราพักเรื่องบันจี้จัมป์ไว้ก่อนดีกว่า มิยาซาว่าซังตั้งแต่จบการศึกษาปลายเดือน 3 ก็ผ่านมาร่วมครึ่งปีแล้ว สถานการณ์ของSKE48 ที่มองมาจากภายนอก คิดว่าเป็นยังไงครับ?

ซาเอะ: อืม ฉันน่ะแค่เรื่องของตัวเองก็แทบไม่รอดแล้ว ค้นหาตัวเอง...ฉันเองก็ไม่เคยทำมาก่อนเหมือนกัน แต่แน่นอนว่าฉันสนใจผลการเลือกตั้ง แล้วก็เวลาลงข่าวในเน็ตฉันก็จะเปิดเข้าไปดู ซิงเกิ้ลใหม่ “Kin no ai, gin no ai” ที่ซากิป้ง (ทาเคอุจิ ซากิ) กับยูซุกิ (ฮิดากะ ยูซุกิ) ติดเซมบัตสึเป็นครั้งแรกฉันก็รู้จากในเน็ต รู้สึกว่าสุดยอดมากเลยล่ะ

- หลังจากจบการศึกษา ก็จะมองวงที่ตัวเองเคยอยู่ได้โดยไม่ลำเอียง เลยคิดว่ามุมมองต่อ SKE48 ของคุณอาจมีส่วนที่เปลี่ยนไปบ้างน่ะครับ

ซาเอะ: ฉันยังไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นเลยค่ะ พอออกไปโลกภายนอก ถึงได้พบว่ายังมีกำแพงสูงเกินกว่าที่ตัวเองคิดไว้อยู่ แค่เอาตัวเองให้รอดก็จะแย่แล้ว เป็นแบบนั้นล่ะค่ะ

- แต่เมื่อกี้ที่ถ่ายทำอยู่ ยังพูดเลยว่า “ฉันเคยหนักใจมากว่าจะมาออดิทชั่นรุ่น 8 ดีมั้ยน่ะ”

ซาเอะ: ฉันหนักใจจริงๆนะ! (หัวเราะ) ฉันได้ดู DVD คอนจบการศึกษาของตัวเอง สิ่งที่ฉันคิดก็คือในเวลา 10 ปีที่ทำงานมา ฉันไม่เคยเห็นสีหน้าตัวเองที่มันสุดยอดขนาดนี้มาก่อน มานั่งดูตัวเองก็ไม่รู้สึกเขินเลย

- นี่เป็นครั้งแรกสินะ

ซาเอะ: ดูตัวเองแล้วก็ซึ้งถึงขั้นน้ำตาไหลออกมาเลย น้ำตานี้น่ะ ฉันคิดว่าถ้ายังอยู่ AKB48 คงไม่มีทางที่จะไหลออกแบบนี้แน่ มันเป็นเพราะมี SKE48 ทุกคนอยู่ ฉันถึงเปล่งประกายได้แบบนั้น คิดแบบนั้นแล้ว ก็ทนไม่ไหวอยากกลับไปเต้นกับทุกคนอีกครั้ง

- นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้อยากจะมาออดิทชั่น

ซาเอะ: ฉันดูไป 3 รอบแล้วล่ะ แต่ก็ร้องไห้ทุกรอบเลย

- เป็นคอนเสิร์ตที่ดีมากครั้งนึงเลย

ซาเอะ: จะว่าดีที่สุดก็ว่าได้ นี่เป็นครั้งแรกที่ตัวเองได้รับบทบาทที่สำคัญขนาดนี้ เป็นตัวเอกครั้งแรกและครั้งสุดท้าย อาจเป็นเพราะว่ามันมีองค์ประกอบที่เติมเต็มตัวเองก็ได้ แต่มันเป็นสิ่งสุดยอดที่สร้างมาเพื่อฉันจริงๆ

- เรียวฮะซังได้ดูหรือยังครับ?

เรียว: ยังเลยค่ะ ได้ดูแค่สั้นๆ เพราะถ้าดูคงทนเศร้าไม่ได้

ซาเอะ: ว่าแล้ว (หัวเราะ)

- หลังจากมิยาซาว่าซังจบการศึกษา SKE48 มีอะไรเปลี่ยนไปบ้างมั้ยครับ?

เรียว: เวลาที่มีซาเอะซังอยู่ด้วยกับเวลาที่ไม่มีซาเอะซัง ไม่เหมือนกันเลยค่ะ โดยเฉพาะบรรยากาศทีม S

ซาเอะ: ยังไงก็คงต้องไปออดิทชั่นสินะ ฮ่าๆๆๆ

เรียว: ซาเอะซังไปแล้ว พอฤดูใบไม้ร่วงมิยามาเอะ อามิจังก็จบการศึกษา คนน่าหนวกหูสองคนไม่อยู่แล้ว

ซาเอะ: เมื่อก่อนทำตัวหนวกหูสินะ (หัวเราะ)

เรียว: รู้สึกว่าหลังเวทีมันเงียบมากเลย ทาเคอุจิ ไมซังก็เคยพูด “มันเงียบสงบมากจริงๆนะเนี่ย” รู้สึกว่ามันสงบลงน่ะค่ะ

- ถ้างั้นชิปเปอร์ (慈巴 มาจากจิคาโกะ+เรียวฮะ) ไม่สร้างสีสันไม่ได้แล้ว

เรียว: ใช่แล้ว! จิคาโกะเป็นคนสร้างสีสันเลย ก่อนอื่นก็ให้พวกเราสองคนเนี่ยแหละสร้างบรรยากาศหลังเวที



เรื่องของการเป็นผู้ใหญ่


- ในบทสัมภาษณ์มิยาซาว่าซังเย็นก่อนวันจบการศึกษา ได้ประกาศว่า “อยากเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ” แล้วผลคือ...?

ซาเอะ: อยากเป็นค่ะ! แม้จะยังไม่คืบหน้าแต่ตอนที่ได้พบกับผู้กำกับ ฉันก็จะชอบบอกว่า “ได้ดูคอนเสิร์ต SKE48 ที่เพิ่งผ่านมามั้ยคะ? ฉันได้ทำงานเบื้องหลังอยู่เหมือนกันนะ” แต่เขาบอกว่า “คอนเสิร์ตคราวหน้าเป็นโซโล่คอนนี่” (หัวเราะ) เป็นคอนเสิร์ตที่ให้เมมเบอร์ทุกคนแสดงคนละ 10 นาทีใช่มั้ย? แต่ ถ้าเป็นแบบนั้นฉันก็ไม่ได้ทำอะไรสิ มีคอนเสิร์ตคราวหน้าฉันอยากลองดูจริงๆนะ เอาให้ตื่นเต้นตั้งแต่ตอนซ้อมเลย

เรียว: ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ทุกคนคงดีใจมากเลย!

- เรื่องนี้พวกเราก็อยากให้เกิดขึ้นจริงเหมือนกัน แล้วเกี่ยวกับเรียวฮะซังต่อจากนี้ล่ะ มีเรื่องไหนที่ตั้งหน้าตั้งตารออยู่มั้ยครับ?

ซาเอะ: นั่นสินะ...สำหรับตัวฉันแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ฉันเพิ่งจะเริ่มค่อยๆชมตัวเองมากขึ้น ตอนที่ยังเป็นเมมเบอร์อยู่ฉันก็เป็นแบบนี้อยู่บ้างเหมือนกัน ฉันว่าปกติเรียวฮะก็เป็นแบบนี้นะ เธอไม่ค่อยชมตัวเองใช่มั้ยล่ะ?

เรียว: ไม่ค่อยค่ะ

ซาเอะ: แต่ว่า หลังจากดูเทปที่กระโดดบันจี้จัมป์วันนี้ ฉันอยากให้เธอชื่นชมตัวเองนะ ก็เรียวฮะเป็นเด็กไม่มั่นใจในตัวเองน่ะ จะเป็นเรื่องเล็กน้อยอะไรก็ได้ ฉันอยากให้เธอชื่นชมตัวเองจริงๆนะ

เรียว: (นั่งฟังเงียบๆ)

ซาเอะ: ไม่ใช่ว่าบอกให้ทำตัวหยิ่งนะ ให้คอยบอกตัวเองว่า “ทำดีแล้ว” แล้วจะทำให้มั่นใจในตัวเองมากขึ้น แล้วเธอก็จะเติบโตขึ้นเองไงล่ะ

เรียว: เข้าใจแล้วค่ะ!

- วันนี้ก็ใช่นะครับ ถึงปากจะบอกว่ากระโดดไม่ได้ แต่ก็ทำได้สำเร็จ

เรียว: ยังไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องจริงเลยค่ะ กลัวมากเลยอ่ะ กลัวมาก!

- เข้าใจครับ (หัวเราะ) ก็ครั้งนี้ขึ้นปกเดี่ยวนี่!

เรียว: ถ้าขายไม่ดีทำไงอ่ะ

- ธีมคราวนี้คือ “ความกล้า” นะ อยากให้คุณมีความกล้าหาญ ก้าวไปข้างหน้าอีกขั้น กองบก.เราหวังไว้แบบนั้นน่ะครับ บันจี้จัมป์คราวนี้คุณคงจะเรียกความกล้าออกมามากที่สุดในชีวิตเลยล่ะมั้ง?

เรียว: คิดว่างั้นค่ะ

- ถ้างั้นไม่ว่าอะไรก็ต้องทำได้แล้วล่ะ!

เรียว: ดีจังที่กระโดดลงมาได้...

- ยังจะเป็นแบบนี้อยู่อีก (หัวเราะ) ช่วงที่มิยาซาว่าซังต้องใช้ความกล้าที่สุดในชีวิตคือตอนไหนครับ?

ซาเอะ: ก็คงเป็นตอนที่ย้ายไปต่างประเทศล่ะมั้งคะ? เพราะนั่นเป็นการเดิมพันด้วยชีวิตเลย ตอนนั้นไม่สามารถมาทำกิจกรรมที่ญี่ปุ่นได้ รู้สึกค่อนข้างหนักใจมากเหมือนกันว่าแฟนๆอาจจะลืมฉัน แต่ว่าการที่ได้ติดต่อกับต่างประเทศและได้สำรวจตัวเองใหม่ ก็คิดว่าดีเหมือนกัน

- หลังจากจบการศึกษาจาก SKE48 แล้ว มีช่วงที่รู้สึกว่า “ถ้าไม่เค้นความกล้าออกมาไม่ได้นะ” บ้างมั้ยครับ?

ซาเอะ: มีค่ะ ละครเวทีเมื่อตอนหน้าร้อนลำบากมากจริงๆ ไม่มีใครคอยซัพพอร์ต แค่ปรึกษากับเพื่อนสนิทที่จบการศึกษาไปจบแล้วที่เหลือเป็นเรื่องที่ตัวเองต้องจัดการเองแล้ว วิ่งชนกำแพงที่เรียกว่า “ตัวคนเดียวมันเป็นแบบนี้นี่เอง” เข้าอย่างจังเลย

- แม้แต่มิยาซาว่าซังที่เก่งขนาดนั้นยังเป็นแบบนี้เลยเหรอ

ซาเอะ: อาจะเป็นเพราะงานแรกนี่มันใหญ่มากก็ได้ค่ะ ต้องแสดงร่วมกับนักแสดงรุ่นใหญ่บนเวทีโรงละคร Teikoku ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ฉันที่เป็นไอดอลมาตลอดอยู่ดีๆก็เข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้น ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นความรับผิดชอบหรือความกดดันก็เยอะมากจนแทบรับไม่ไหวเลยค่ะ แต่ว่าในระหว่างนั้น ฉันก็เริ่มบอกตัวเองว่า “ทำได้ดีแล้วล่ะ” ก็รู้สึกว่าฉันโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้ว

- ถ้าได้ยืนในโรงละคร Teikoku ก็ย่อมต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลย

ซาเอะ: ไม่ทำแบบนั้นไม่ได้ค่ะ แต่พอนึกย้อนกลับไป สิ่งที่สะสมมาร่วมสิบปีใช้ไม่ได้เลยซักอย่างเดียว มันเหมือนเป็นคนละโลกเลย

- ขนาดนั้นเลยเหรอครับ! เรียวฮะซังได้ดู “คำสาปฟาโรห์” แล้วรู้สึกยังไงบ้างครับ?

เรียว: รู้สึกว่าซาเอะซังไปไกลมากแล้วค่ะ

ซาเอะ: อ่ะฮ่าฮ่าฮ่า

เรียว: สุดยอดมากจริงๆนะคะ!

ซาเอะ: ก็ถ้าไม่เคยดูละครเวทีมาก่อนก็คงจะรู้สึกแบบนั้นล่ะ

เรียว: ยังไงก็เท่มากเลยค่ะ!

ซาเอะ: ไม่หรอก เรียวฮะวันนี้ก็เท่มากเหมือนกัน!


คู่แข่งที่คาดไม่ถึง


เรียว: อ่า น่ากลัวอ่ะ

- ฮ่าๆๆ ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้กลัวขนาดนี้นะครับ! ซาเอะซังมีงานคงต้องกลับก่อนแล้ว ต่อไปเราจะสัมภาษณ์เรียวฮะซังเดี่ยวๆ คำถามนี้เป็นคำถามเดียวกับที่ถามเมมเบอร์ทุกคนที่ได้ลงในเล่มนะ เรียวฮะซังมีเมมเบอร์คนไหนที่จับตามองมั่งมั้ยครับ?

เรียว: ซาชิฮาร่า (ริโนะ) ซังค่ะ

- เอ๋ คาดไม่ถึงเลยแฮะ

เรียว: “จับตามอง” คำนี้หมายถึงคู่แข่งใช่มั้ยคะ? แม้จะรู้ดีว่าที่บอกเป็นคู่แข่งมันออกจะเหลวไหลเกินไปแต่รายการที่เธอได้ออกมีเยอะกว่าเมมเบอร์คนอื่นมาก แถมยังเป็นรายการในเวลา prime time ด้วยใช่มั้ยล่ะคะ

- พูดอีกอย่างคือ เรียวฮะซังก็คิดอยากเป็นแบบนั้นใช่มั้ยครับ?

เรียว: จะว่ายังไงดี...เธอเป็นคนที่โดดเด่นใช่มั้ยล่ะคะ ใน AKB48 กรุ๊ปต้องรับภาระมากกว่าใคร ต้องแอคทีฟมากกว่าใคร ฉันคิดว่าสุดยอดจริงๆค่ะ เป็นคนที่ดังระดับประเทศเลยล่ะค่ะ

- ได้ยินว่าจัดอันดับทาเล้นท์หญิงที่ออกรายการทีวีมากที่สุดครึ่งปีแรก เธอได้อันดับที่ 5 (197 ครั้ง) เป็นคนเดียวที่อยู่คนละระดับกับคนอื่น

เรียว: อย่างที่ย้ายไป HKT48 มีเรื่องเกิดขึ้นเยอะแยะเลยไม่ใช่เหรอคะ แต่เรื่องพวกนั้นทำอะไรเธอไม่ได้เลยซักนิด ต้องพยายามมากๆเลยใช่มั้ยล่ะคะ ฉันว่าเธอเหมาะกับวงการบันเทิงมากเลย นอกจากนั้นคำพูดของเธอยังมีน้ำหนักแล้วก็มีความน่าเชื่อถือด้วย

- แต่ว่า ถ้ากล้าจับตามองซาชิฮาร่าซังที่ดังระดับประเทศแบบนี้ ก็แสดงว่าจิตใจของเรียวฮะซังเปลี่ยนแปลงไปบ้างแล้วใช่มั้ยครับ? รู้สึกจะเคยพูดว่า “ใน SKE48 ถ้าไปตรงไหนได้ก็จะไปให้สุด เรื่องหลังจากนั้นยังไม่ได้คิดเลย”

เรียว: อืม ถึงฉันจะชอบการเป็นไอดอล แต่ก็อยากเป็นไอดอลที่มีอะไรที่ไม่เหมือนไอดอลน่ะค่ะ แม้จะทำงานในฐานะไอดอลได้ดี แต่ก็อยากทำงานในด้านอื่นๆด้วย นี่เป็นเป้าหมายของฉันในตอนนี้ค่ะ แม้ว่างานจับมือและสเตจจะสำคัญ แต่ก็อยากทำงานที่เป็นแบบซีรี่ย์ประจำด้วย

- ตัวเองพอมีอะไรพอจะเอามาลงเป็นประจำได้บ้างมั้ยครับ?

เรียว: ...ไม่มีค่ะ!

- อย่างถ้าเป็นมัตสึอิ เรนะซัง ตอนนี้ก็มีลงรายการประจำเกี่ยวกับหนังเรื่องโปรดใช่มั้ยล่ะครับ สิ่งที่ชอบกลายมาเป็นงานนี่เป็นอุดมคติเลยนะ

เรียว: ตอนอยู่อนุบาล ในเรียงความเรื่องอนาคตในฝัน ฉันเขียนว่า “นางแบบ” ค่ะ จากนั้นตอนประถม ก็ได้ลองเป็นนางแบบมานิดหน่อย เพราะงั้นฉันเลยชอบการถ่ายแบบ ความรู้สึกในตอนนั้นจนถึงตอนนี้ก็ยังอยู่ ฉันอยากเป็นคนที่ได้ลงนิตยสารประจำค่ะ

- หมายถึงพวกนิตยสารแฟชั่นสินะครับ?

เรียว: แต่ ถึงจะไม่ดังมากเหมือนคิริทานิ มิเรซังหรือคิตากาว่า เคย์โกะซังก็ไม่เป็นไรค่ะ ได้ประมาณนึงก็พอแล้ว ฉันอยากทำงานในด้านนี้ค่ะ

- ถ้าเป็นแบบนี้ คาแรกเตอร์ก็สำคัญมากเลยนะครับ ต้องเป็นประมาณว่า ทุกคนชื่นชม มีรูปลักษณ์ที่สวยงาม แล้วยังต้องบวกอะไรบางอย่างที่ทำให้คิดว่า “ถ้าเป็นคิตากาว่า เรียวฮะลงประจำล่ะก็ คนกลุ่มนี้ต้องมาซื้อหนังสือเราแน่” อย่างเช่นว่า คุณชอบไอติมใช่มั้ยล่ะ?

เรียว: ชอบมากเลยค่ะ!

- ถ้าแบบนี้ งั้นในวันหยุดก็ลองไปดูพวกโรงงานไอติม ทำให้ดูอลังการหน่อยก็น่าจะได้ลงนิตยสารประจำไม่ยากนะครับ

เรียว: จริงด้วยค่ะ งั้นฉันจะศึกษาเรื่องไอติมล่ะ!

- ย้อนกลับมาที่เรื่องนี้หน่อย คนที่จับตามองเป็นซาชิฮาร่าซังเนี่ยคาดไม่ถึงจริงๆครับ

เรียว: ฉันคิดว่าเธอสุดยอดมากค่ะ อยู่คนละมิติเลย

- เคยคุยกันมั้ยครับ?

เรียว: ไม่เคยคุยอะไรลึกค่ะ แค่ทักทายกันเท่านั้นเอง

- ลองใช้ความกล้าเข้าไปคุยกับเธอดูเป็นไงครับ? คิดว่าเธอน่าจะให้คำแนะนำที่ตรงจุดได้

เรียว: นั่นสินะคะ

- ไม่รู้ว่าเพราะ HKT48 ได้คำแนะนำจากซาชิฮาร่าหรือเปล่าถึงมีอิมเมจที่ทุกคนดูทำกิจกรรมกันอย่าง positive น่ะ

เรียว: ใช่ค่ะ มีภาพจำว่าทุกคนทำกิจกรรมด้วยความสนุก

- แล้วก็ ไม่กี่วันก่อน ตอนที่สัมภาษณ์โอบะ มินะซัง เธอบอกว่า “ถ้า SKE48 มีโอกาสที่จะทำให้สนุกมากขึ้นได้ก็คงดี”

เรียว: อ่า อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ค่ะ เพราะ SKE48 น่ะ ไม่ว่ากับเรื่องไหนก็มักจะมีส่วนที่จริงจังจนลืมเรื่องความสนุกไป

- แม้ว่าการมีความรู้สึกแบบ “ยังไงก็ต้องทำให้ได้!” จะเป็นเรื่องดีก็เถอะนะ

เรียว: นั่นสินะคะ ฉันก็คิดงั้น

- เพราะงั้น ถ้ามัตสึโมโต้ จิคาโกะซังกับเรียวฮะซังทำเรื่องบ้าๆบอๆล่ะก็...

เรียว: เล่นเยอะเกินไปก็โดนดุนะคะ! เพราะทีม S น่ะตั้งใจกันมาก จะแบบว่า “อ๊ะ แบบนี้ไม่ได้นะ...” ไม่ว่ากับเรื่องไหนการสนุกไปกับมันเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดไม่ใช่เหรอคะ? อย่างเช่น เวลาที่ซ้อมจนเหนื่อยมากแต่ถ้าซ้อมด้วยความสนุก มันก็จะกลายเป็นช่วงเวลาที่สนุกใช่มั้ยล่ะคะ? เรียวฮะคิดแบบนี้แหละ

- เรียวฮะซังชอบสนุกไปกับเรื่องที่ทำสินะ

เรียว: ฉันสนุกกับเรื่องที่ทำค่ะ! ฉันเลือกเส้นทางเดินของตัวเองแล้ว ไม่ว่าใครจะพูดอะไร ฉันก็คือฉัน!

- ก็คุณคือ “คิตากาว่า เรียวฮะรุ่นแรก” นี่

เรียว: แต่ว่ายิ่งมาคิดดูก็ยิ่งรู้สึกว่ามันซับซ้อนจัง (หัวเราะ)

- รวมถึงเรื่องที่คิดนี่ ก็หวังว่าคุณจะไปข้างหน้าพร้อมกับความสนุกนะครับ ไม่ว่ายังไง เรียวฮะซังก็กระโดดบันจี้จัมป์แล้ว คิตากาว่า เรียวฮะได้ถือกำเนิดขึ้นใหม่ให้เห็นแล้วในหนังสือเล่มนี้ เป้าหมายนี้ทำสำเร็จแล้วนะ!

เรียว: เอ๋ มีความหมายมากขนาดนี้เลยเหรอคะ?

- จนถึงตอนนี้เพิ่งรู้เหรอครับ (หัวเราะ)



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

blogged by 91

[91][bsummary]

Translation

[Translation][bsummary]

Subtitle

[subtitle][bsummary]

Update

[SKEUpdate][bsummary]