วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2559

(91)[100%SKE48] แปลบทสัมภาษณ์ด้งจัง (ฟุกุชิ นาโอะ)

เข้ามาในวงโดยการเป็นดราฟต์รุ่น 1 
อีก 2 ปีต่อมาได้เป็นรองลีดเดอร์ทีม E...ฟุกุชิ นาโอะ
จากคนที่คอยสนับสนุนมาเป็นเมมเบอร์ จนกระทั่งได้รับตำแหน่ง
เรื่องเหล่านี้ต้องเป็นเธอเท่านั้นที่ทำได้
ด้งจังผู้รัก SKE48 มากกว่าใคร กับคำปฏิญาณตนที่มาจากจิตวิญญาณ

เพราะฉันเคยเป็นแฟนๆมาก่อนก็เลยทำได้
มาทำให้ SKE48 “ด้ง” (ตู้ม) กันเถอะ!


ครั้งที่สองที่ในหัวมันขาวโพลนไปหมด


- นี่อาจจะเสียมารยาทไปหน่อย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าฟุกุชิซังจะได้เป็นรองลีดเดอร์ทีม E น่ะครับ! อยากทราบว่ามีวิสัยทัศน์ต่อเรื่องนี้ยังไงบ้าง เลยเชิญมาน่ะครับ 

ลูกพี่ด้ง: ไม่หรอกค่ะๆ เรื่องนี้น่ะ...(หัวเราะ) 

- เดิมเคยเป็นแฟนพันธุ์แท้มาก่อน ตอนนี้กลับได้รับตำแหน่งใน SKE48 นี่มันยอดเยี่ยมมากเลยครับ อยากจะขอให้ฟุกุชิซังแสดงความเชื่อมั่นในการเป็นผู้นำสักหน่อย ก่อนอื่น ยังจำโมเม้นท์ที่ประกาศได้มั้ยครับ? 

ลูกพี่ด้ง: ดราฟท์รุ่น 1 ใน 48 กรุ๊ปทั้งหมด จบการศึกษาไปแล้วถึง 3 คน ทุกคนพูดกันว่า “คนที่เหลืออยู่พยายามเข้านะ” ณ ตอนนั้น มัตสึโมโต้ จิคาโกะจังก็ถูกเรียกชื่อ ได้เป็นรองลีดเดอร์ทีมS ในใจฉันก็คิด “ถึงเวลาของดราฟต์รุ่น 1 แล้ว!” 

- ตอนนั้นคงยังรู้สึกเป็นแค่คนยืนดูเฉยๆสินะครับ

ลูกพี่ด้ง: ใช่ค่ะ (หัวเราะ) จากนั้น พอตอนที่ฉันถูกเรียกก็จำอะไรไม่ค่อยได้แล้ว ตอนหลังได้ยินจากสตาฟฟ์ซังว่า แม้กล้องจะจับภาพฉันอยู่ แต่อยู่ดีๆก็หายไปจากจอเฉยเลย

- ล้มลงไปเลย

ลูกพี่ด้ง: “จุกเหมือนคนโดนต่อยท้อง” เลยค่ะ (หัวเราะ) ตอนนั้นถึงได้รู้ว่า ในหัวขาวโพลนไปหมดนี่มันเป็นอย่างนี้เอง

- นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วครับที่ในหัวมันขาวโพลนไปหมด

ลูกพี่ด้ง: ครั้งที่ 2 ค่ะ ครั้งแรกคือตอนที่ถูกเลือกในงานดราฟต์ครั้งที่ 1 ตอนนั้นในใจคิดว่า “เย็นนี้กินซาโนะราเมงเสร็จก็กลับบ้านเลยแล้วกัน”

- พูดอีกอย่างคือ ในใจยอมแพ้ไปแล้วใช่มั้ยครับ

ลูกพี่ด้ง: ปรากฎว่าอยู่ดีๆก็โดนเรียกชื่อ ในหัวสมองนี่ขาวโพลนไปหมดเลยค่ะ สุดท้ายก็ไม่ได้ไปกินราเมง แต่ได้ไปกินเนื้อย่างแทน (หัวเราะ)

- เนื้อย่างฉลองสินะ (หัวเราะ)

ลูกพี่ด้ง:  นับแต่นั้น แม้จะเคยมีประสบการณ์ที่รู้สึกว่าในหัวมันขาวโพลน แต่พอฉันรู้ตัวอีกที ลีดเดอร์สุดะ (อาคาริ) ซังก็มาอยู่ข้างๆฉันแล้ว ตอนนั้นฉันหอบจนแทบจะหายใจไม่ทันแล้วค่ะ แต่ทุกคนกลับขำ! ในใจคิด “ขำอะไรกันเนี่ย!” (หัวเราะ) คงจะเพราะว่าฉันที่เคยเป็นโอตะมาก่อน ตอนนี้กลายมาเป็นรองลีดเดอร์ เรื่องกลับตาลปัตรแบบนี้ตลกดีใช่มั้ยล่ะคะ

- ก็ต้องขำอยู่แล้วล่ะครับ (หัวเราะ)

ลูกพี่ด้ง: ตอนที่ประกาศว่า (ไซโต้) มากิโกะซังเป็นกัปตัน ฉันก็เริ่มตั้งสติได้แล้ว รู้สึกว่า “โอ้ มากิโกะซัง สุดยอด!” แต่ว่าพอมาคิดดูดีๆ ฉันเองก็เพิ่งจะโดนเรียกชื่อไปเหมือนกัน

- แต่ว่า ปฏิกิริยาจากคนดูก็ดีมากเลยนะครับ

ลูกพี่ด้ง: หลังจากนั้นก็ร้องเพลงสุดท้าย “Nakama no Uta” ได้ลงไปแตะมือกับคนดู ได้ยินคนพูดว่า “สู้ๆนะ” “ถ้าเป็นด้งจังต้องทำได้แน่” ทำให้ยิ่งรู้สึกว่าที่ได้มาอยู่ SKE48 นี่มันดีจริงๆ ถึงแม้ตอนนั้นจะยังงงๆก็เถอะ

- ตอนนี้ก็ผ่านมาสักพักแล้วจากวันที่ประกาศ คิดมั้ยครับว่าทำไมถึงเป็นฉัน?

ลูกพี่ด้ง: ต้องล้อกันเล่นแน่ๆ! วันก่อนหน้านั้นก็ประกาศว่าจะกลับมาแสดง  AKB49 อีกรอบ แล้วฉันก็ได้เป็นหนึ่งในนั้นรับบทเป็นโอตะ ตอนนั้นฉันก็คิดแล้วว่าคงล้อเล่นแน่ๆ แต่วันต่อมา ฉันก็ไปถามผู้จัดการยูอาสะซังว่า “นี่ล้อเล่นใช่มั้ยคะ?” เขาตอบกลับมาว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะ! แค่คิดว่าถ้าคนที่เคยเป็นแฟนอย่างฟุกุชิมาเป็นรองลีดเดอร์ จะต้องนำอะไรใหม่ๆมาสู่วง ได้แน่ๆ” ถึงตอนนั้นจะคิดว่าที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง แต่พอมาคิดตอนนี้ก็ยังมีส่วนที่รู้สึกอยู่ว่าพวกเขาล้อฉันเล่นแน่ๆ (หัวเราะ)

- ปกติรองลีดเดอร์ต้องทำอะไรบ้างครับ?

ลูกพี่ด้ง: ถ้าตอนนี้ก็ นำเอ็นจิ้นตอนก่อนเริ่มโคเอ็นค่ะ แล้วก็หลังจากจบโคเอ็นก็จะเป็นตัวแทนเมมเบอร์กล่าวขอบคุณ วันที่ลีดเดอร์ไม่อยู่ก็จะให้ฉันทำแทน บางทีพอฉันพูด “งั้นทวนกันอีกทีนะ เพลงแรกคือ...” ทุกคนก็จะแบบว่า “ด้งเริ่มแล้ว.....” อะไรแบบนั้น (หัวเราะ) แต่ว่า คงเพราะเห็นฉันเอาจริงเอาจัง เลยอยากให้ฉันผ่อนคลายหน่อย บรรยากาศก็เป็นแบบนี้ล่ะค่ะ รุ่นพี่ใจดีมาก ดีมากเลยค่ะ


สร้างประวัติศาสตร์ร่วมกับแฟนๆ


- คืนวันที่ประกาศ คุณเขียนในบล็อกว่า “อยากจะสร้างวงที่เต็มไปด้วยความร้อนแรง” แสดงความเชื่อมั่นออกมาอย่างนั้น เลยอยากจะขอให้อธิบายหน่อยครับ

ลูกพี่ด้ง: ใช่ค่ะ...ในคอนเสิร์ตจบการศึกษาของซาเอะซัง ก็ร้องไห้ไปจนไม่เหลือน้ำตาแล้ว แต่ว่าจากนั้นจูรินะซังก็พูดว่า “SKE48 กำลังอยู่ในวิกฤต” ใช่มั้ยคะ พอได้ยินคำพูดนั้น น้ำตาก็ไหลออกมาอีกรอบ 

- ทั้งๆที่รู้สึกว่าน้ำตาไหลจนหมดไปแล้ว

ลูกพี่ด้ง: ค่ะ เพราะรู้สึกว่า “เป็นอย่างนั้นจริงๆด้วยน้า”

- จะบอกว่า ฟุกุชิซังเองก็รู้สึกถึงวิกฤตด้วยสินะครับ

ลูกพี่ด้ง: ที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าวิกฤตที่สุดก็คือ การไม่ได้ไป “งานขาว-แดง” ค่ะ ปีที่แล้วก่อนเริ่มรายการ นากานิชิ ยูกะซังกับ ซาโต้ มิเอโกะซังพูดไว้ว่า “ขอให้ได้มาขึ้นเวทีนี้อีกนะ” หลังจากทั้งสองคนจบการศึกษาไป ทุกคนก็พยายามกันเรื่อยมา แต่ไม่คิดว่าสุดท้ายจะไม่ได้รับเลือก รู้สึกอยากขอโทษพวกเขามากๆค่ะ

- เพื่อจะหลุดพ้นจากวิกฤตนี้ คิดว่าควรทำยังไงดีครับ?

ลูกพี่ด้ง: ฉันคิดว่าเมมเบอร์ทุกๆคนต้องสำรวจตัวเองใหม่ค่ะว่าคิดยังไงกับ SKE48 อยากให้ความรู้สึกเหมือนตอนเริ่มต้นกลับมาอีกครั้ง คิดว่าอยากสร้างให้วงออกมาเป็นแบบไหน ตัวเองอยากจะเป็นแบบไหน ถ้าทุกคนมีความตั้งใจแล้ว พอความคิดพวกนี้มารวมกันจะต้องทำให้วงได้รับความนิยมขึ้นมาได้แน่

- SKE48 ที่ “ได้รับความนิยมมากที่สุด” ของฟุกุชิซัง คือ SKE48 ตอนไหนครับ?

ลูกพี่ด้ง: ตอนขึ้นแสดง “Pareo wa emerald” ในงานขาว-แดง (เดือน 12 ปี 2012) ค่ะ ตอนนั้นฉันเป็นไข้ นอนดูรายการอยู่ที่บ้าน ตอนช่วง “Kataomoi Finally” (เดือน 1 ในปีเดียวกัน) ก็รู้สึกว่าใกล้ถึงเวลาแล้วล่ะ 

- ได้แสดงในรายการ Music station ด้วย

ลูกพี่ด้ง: ตอนนั้นพวกแฟนๆร้อนแรงกันมาก ดังนั้นเมมเบอร์ก็เลยพยายามไม่ให้แพ้ความร้อนแรงของแฟนๆ ในคอนเสิร์ตที่ Gaishi Hall (คอนเสิร์ตจบการศึกษาของซาเอะ) ก็รู้สึกได้เหมือนกัน แฟนๆ SKE48 เนี่ยอบอุ่นมากๆ เป็นหนึ่งเดียวกันมากๆ ใน LINE live ก่อนหน้านี้ก็สามารถกดหัวใจทะลุเป้าหมาย 1 ล้านหัวใจได้ ก่อนหน้ารายการพวกเรายังคุยกันอยู่เลยว่า “จนถึงตอนนี้สถิติมากที่สุดแค่ 6 แสนเอง จะถึง 1 ล้านได้มั้ยนะ”

- จากประสบการณ์ของฟุกุชิซัง ที่แฟนๆร้อนแรงกันขนาดนี้มาจากอะไรครับ?

ลูกพี่ด้ง: เพราะทุกคนคิดว่า “อยากให้ SKE48 ดียิ่งๆขึ้น” ค่ะ ไม่ว่ายังไง ก็มีคนเยอะมากๆที่เป็นฮาโกะโอชิ รวมถึงตัวฉันด้วย แม้ว่าโอชิแรกสุดของฉันยังไงก็เป็นจูรินะซัง...แต่เมื่อมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ทุกคนก็จะรวมใจกัน ลุกฮือขึ้นมา

-  “รวมใจกัน ลุกฮือขึ้นมา” (หัวเราะ)

ลูกพี่ด้ง: อยากให้วงนี้ได้รับการสนับสนุนไปตลอด อยากจะสร้างประวัติศาสตร์ร่วมกับแฟนๆ ถ้าทำให้พวกเขารู้สึกว่า “พวกเราเป็นหนึ่งเดียวกัน” ได้ก็คงดีค่ะ

- ถ้าดูจากอุดมการณ์นี้ แล้วปี 2016 นี้ล่ะครับเป็นยังไง?

ลูกพี่ด้ง: มีช่วงนึงที่รู้สึกว่าแย่แล้วจริงๆ ที่แย่ที่สุดคือช่วงก่อนและหลังที่ (มัตสึอิ) เรนะซังจบการศึกษาค่ะ แฟนๆก็ถามเหมือนกัน “SKE48 จะเป็นไรมั้ยนะ” ในตอนนั้นฉันเองก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไง แต่ฉันคิดว่า ก่อนอื่นตัวเองต้องพยายามให้เต็มที่เท่าที่จะทำได้ เมื่อตัวเองทำเต็มที่แล้วถึงจะมาคิดเพื่อวง ไม่ว่าจะกี่ปี ก็ต้องแบบนี้เท่านั้นแหละค่ะ...ตอนที่คิดแบบนี้อยู่ ก็ได้รับตำแหน่งรองลีดเดอร์แล้ว ดังนั้นก็จะเผยแพร่วงนี้ออกไปให้มากขึ้นค่ะ

- ในตอนที่คุณคิดว่าต้องพยายามเต็มที่เท่านั้น ทำอะไรไปบ้างครับ?

ลูกพี่ด้ง: ไม่ว่าทำอะไรก็ใส่เต็มที่สุดชีวิต ไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยก็ต้องรู้สึกขอบคุณมัน ต้องไม่ลืมว่าตัวเองมาถึงตอนนี้ได้เพราะถูกรับเลือกมาในงานดราฟต์ ยังไงก็ห้ามลืมความรู้สึกตอนเริ่มต้นนั้นค่ะ

- ไม่เพียงแค่เรนะซัง ซาเอะซังก็จบการศึกษาไปเหมือนกัน ต้องให้ความรู้สึกกระตือรือร้นกลับมาอีกครั้ง

ลูกพี่ด้ง: ฉันจะเดินหน้าไปกับมากิโกะซังค่ะ จริงๆก็อยากให้มากิโกะซังเป็นกัปตันมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว! รู้สึกว่า “เพิ่งจะเป็นตอนนี้อ่ะนะ!” ด้วยซ้ำไปค่ะ

- ฮ่าๆๆ นี่พูดในฐานะแฟนหรือเมมเบอร์ครับ?

ลูกพี่ด้ง: ทั้งสองอย่างค่ะ ช่วงที่ (มากิโกะซัง) เป็นเคงคิวเซย์  ก็เป็นคนคอยสรุปให้ตลอดเลยไม่ใช่เหรอคะ? เพราะงั้นก็เลยมีภาพจำว่า “ถ้าพูดถึง SKE48 ก็ต้องมากิโกะนี่แหละ” ทั้งเต้นเก่ง ทั้งคอยดูแลรุ่นน้อง แม้ว่าจะดูน่ากลัว (หัวเราะ) แต่ว่าเราต้องมีรุ่นพี่แบบนี้แหละที่คอยนำทุกคน

- ตอนนี้ SKE48 กำลังมุ่งไปทางไหน พอจะรู้มั้ยครับ?

ลูกพี่ด้ง: รู้ค่ะ ตอนที่เรนะซังจบการศึกษา ก็มีความรู้สึกแบบว่า “แย่ล่ะ แกรดแล้วสินะ...” แต่ตอนนี้ทุกคนค่อยๆกลับมาพยายามสู้ต่อไป แล้วก็ที่จูรินะซัง กลับมา SKE48 (ยกเลิกควบทีม) มันเป็นเรื่องสำคัญมากเลยค่ะจังหวะนี้น่ะ จากนี้ไป SKE48 จะต้องไปได้สวยแน่นอน

- เรื่องที่ดีในคอนเสิร์ตจบการศึกษา (ของซาเอะ) ที่ Gaishi hall ก็คือ การประกาศกัปตันคนใหม่ ทำให้ทุกคนมองเห็น SKE48 เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น หลังจากนั้น สำหรับเมมเบอร์แล้ว รู้สึกยังไงกันบ้างครับ?

ลูกพี่ด้ง: หลังจากคอนเสิร์ตนั้น ทุกคนก็เริ่มคลายเศร้าค่ะ หลังจากที่ Toyota Stadium (คอนเสิร์ตจบการศึกษาของเรนะ) “ต่อไปจะร้องเพลงด้วยความรู้สึกยังไงดีนะ” ทุกคนต่างก็ไม่รู้ แต่ว่าคอนเสิร์ตจบการศึกษาของซาเอะซังมันต่างออกไป เมฆหมอกความเศร้าอยู่ดีๆก็หายไปค่ะ

- ถ้าฟุกุชิซังเป็นหนึ่งในโอตะที่ไปดูคอนเสิร์ตวันนั้น จะเป็นอย่างไรครับ?

ลูกพี่ด้ง: คงตะโกนว่า “มากิโกะ!!!!!” ทั้งน้ำตามั้งคะ (หัวเราะ) ถ้าอยู่บ้านล่ะก็ ตอนนั้นคงเสิร์ชหาคำว่า “มากิโกะ” ใหญ่เลยล่ะค่ะ

- นี่คือด้านที่เป็นโอตะสินะครับ (หัวเราะ)

ลูกพี่ด้ง: พอมาคิดดูอีกที มันอาจจะเป็นพลังของซาเอะซังก็ได้ค่ะ ที่จบลงไปอย่างสดใสได้ขนาดนี้

- งี้นี่เอง เพราะความสดใสของซาเอะซังทำให้มันเป็นอย่างนั้น

ลูกพี่ด้ง: เพราะงั้น แม้ว่าจะรู้สึกเศร้าอยู่เหมือนกันที่ซาเอะซังจบการศึกษา แต่มันกลายเป็นความสุขค่ะ มิยามาเอะ (อามิ) ซังเองก็กำลังจะจบการศึกษา แต่ก็เพื่อไปตามความฝันเลยจบการศึกษาใช่มั้ยล่ะคะ ดังนั้นตอนนี้ฉันคิดในแง่บวกมากๆ


นาโกย่าคือบ้าน


- ต่อไปก็ อีเว้นท์ที่ต้องการการแสดงพลังจากแฟนๆ

ลูกพี่ด้ง: ...นั่นสินะคะ

- ความร่าเริงเมื่อกี้มันหายไปไหนล่ะครับ (หัวเราะ) เป้าหมายในงานเลือกตั้งคืออะไรครับ?

ลูกพี่ด้ง: นี่เป็นโอกาสครั้งใหญ่ที่หนึ่งปีจะมีครั้งนึง ที่จะทำให้คนจำนวนมากจำเราได้ แล้วก็ยังทำให้รับรู้ได้ด้วยว่ามีแฟนๆที่คอยสนับสนุนเราอยู่ เป้าหมายของฉันคือติดอันดับค่ะ

- ตอนฟุกุชิซังเป็นโอตะได้โหวตอะไรยังไงมาบ้างครับ?

ลูกพี่ด้ง: ฉันโหวต Request Hour ค่ะ แม้จะเคยโหวตเลือกตั้งบ้าง แต่ยังไง ก็แน่นอนว่าต้องให้จูรินะซังหมดเลย

- เรื่องนี้ถึงไม่บอกก็รู้ครับ (หัวเราะ) แล้วเป้าหมายของวงคืออะไรครับ?

ลูกพี่ด้ง: แค่ทำให้ทุกคนรู้สึกได้อีกครั้งว่า SKE48 นี่สุดยอดจริงๆแค่นั้นก็พอแล้วค่ะ แม้ว่าจำนวนคนติดอันดับจะสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ “ใครติด” ต่างหาก การติดอันดับก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะมีชื่อได้ใช่มั้ยล่ะคะ อย่างเช่น การไม่ติดผลด่วนแต่ติดวันจริง อะไรแบบนั้น

- นับตัวเองเป็นหนึ่งในนั้นมั้ยครับ?

ลูกพี่ด้ง: เอ๋? ก็ไม่เชิงค่ะ...เทียบกับตัวเองแล้ว ฉันคิดเรื่องว่าปีนี้ใครจะติดเซมบัตสึมากกว่า อย่างแรก ชูริซัง (ทาคายานางิ อากาเนะ) น่าจะติด....

- กลับไปเป็นโอตะอีกแล้วนะครับ (หัวเราะ) เมื่อกี้ก็มีพูดถึงด้วยว่า “อยากจะสร้างวงที่เต็มไปด้วยความร้อนแรง” ถ้าเกิดถูกถามว่า “แล้วมันเป็นวงแบบไหนล่ะ” จะตอบว่ายังไงครับ?

ลูกพี่ด้ง: วงที่จริงจังค่ะ

- ซาเอะซังก็เคยพูดแบบนี้

ลูกพี่ด้ง: กรุ๊ปที่มุ่งไปที่จุดหมายเดียวกัน ทะยานไปข้างหน้า ถ้าไม่สำเร็จก็จะไม่ลดละความพยายาม

- ได้ย้ายจากโทชิกิมาอยู่ไอจิ รู้สึกยังไงบ้างครับ?

ลูกพี่ด้ง: ได้มาแล้ว ก็ทำตามใจตัวเองสุดๆไปเลยค่ะ (หัวเราะ) ตอนนี้นาโกย่าก็คือบ้านของฉัน บางครั้งไปโตเกียว พอได้กลับนาโกย่าก็รู้สึกว่า “นาโกย่าสุดยอด!” ดังนั้นไม่ว่าจะเป็น SKE48 หรือนาโกย่า ฉันก็อยากให้มีคนชอบเยอะขึ้นๆค่ะ 

- กลายเป็นสาวนาโกย่าไปเรียบร้อยแล้ว (หัวเราะ)


ก็เหมือน “เกียบัน” นั่นแหละ


ลูกพี่ด้ง: ตรงนี้ฉันก็มีคำถามอยากถามเหมือนกันค่ะ ทำไมคราวนี้ถึงอยากออกเล่มพิเศษคะ?

- คิดว่า เมื่อซาเอะซังจบการศึกษาไป เมมเบอร์ก็เป็นหนึงเดียวกันมากขึ้น ในเวลาแบบนี้ อยากจะรวบรวมความคิดของ SKE48 ที่มันโผล่เข้ามาไว้ในแมกกาซีนเล่มเดียวกันน่ะครับ แล้วก็เลยเชิญคนที่เป็นกำลังหลัก มีความคิดแรงกล้าที่จะดึง SKE48 ต่อไปข้างหน้ามาสัมภาษณ์กัน คิดว่าฟุกุชิซังเป็นคนที่มีความคิดแบบนั้นครับ 

ลูกพี่ด้ง: จริงสิ ก่อนหน้านี้ ไปกินข้าวกับอุเมะโมโตะ มาโดกะซัง เป็นวันหลังจากที่เธอประกาศจบการศึกษา เธอก็ถามฉันว่า “ด้งจังต่อไปจะทำยังไงเหรอ?” เพราะฉันไม่ใช่คนที่อยากจะเข้าวงการบันเทิง แค่อยากเข้า SKE48 เท่านั้นเอง ฉันเลยตอบกลับไป “เป้าหมายตอนนี้น่ะ คือใช้ชีวิตในวันพรุ่งนี้ให้เต็มที่ค่ะ” ถ้า SKE48 ดีขึ้น ตัวเองก็จะเติบโตขึ้นด้วย แต่ไม่ว่ายังไง สุดท้ายแล้วฉันก็แค่อยากพยายามทำเพื่อ SKE48 แค่นั้นเอง เรนะซังเคยบอกฉันว่า “ด้งจังต้องปกป้อง SKE48 ที่รักนี้ไว้นะ” นี่เป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉันค่ะ แม้ว่าตอนนี้จะมีฉันเพียงคนเดียวที่คิดอย่างนี้ แต่ต่อจากนี้ไปก็อยากให้มีเพื่อนมาร่วมด้วยเพิ่มขึ้นค่ะ

- เต็มไปด้วยความร้อนแรงจริงๆ คิดแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้วรึเปล่าครับ?
ลูกพี่ด้ง: ตอนเด็กๆชอบดู “เกียบัน” ค่ะ

-  “ตำรวจอวกาศเกียบัน” เหรอครับ! นั่นรู้สึกจะตั้งแต่สมัยยุค 80 แล้วนะ!

ลูกพี่ด้ง: คุณพ่อของฉันชอบมากค่ะ เพลงเปิดฉันก็ชอบมาก “ลาก่อนน้ำตา ยินดีที่ได้รู้จักความกล้า”

- นี่เป็นสิ่งที่ SKE48 ในตอนนี้ต้องการอยู่พอดีเลย! นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้เจอเรื่องที่สำคัญที่สุดตรงนี้ ขอบคุณที่มาสัมภาษณ์ในวันนี้ครับ! (หัวเราะ)




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

blogged by 91

[91][bsummary]

Translation

[Translation][bsummary]

Subtitle

[subtitle][bsummary]

Update

[SKEUpdate][bsummary]