SKE48 เอ๋ย จูรินะเอ๋ย จงไขว่คว้าความรุ่งเรืองนั้นมา!
แมตช์พิเศษ 90 นาทีตัดสินแพ้ชนะในรอบเดียว
GET THE GLORY
ในที่สุด 100%SKE48 vol.02 ก็มาถึงไคลแม็กซ์
ด้วยความหาญกล้าที่ซ่อนอยู่ในใจ ความรู้สึกที่มีต่อคู่แข่ง หวังว่าการเปลี่ยนมันออกมาเป็นคำพูดในคราวนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนให้ก้าวไปข้างหน้าได้ เพียงแต่ สิ่งที่เราหวังมากกว่าอื่นใดก็คือจูรินะที่ออกตัวนำไปก่อน ผู้ที่รออยู่ที่บันไดอีกฝั่งคือ Oriental Radio บัดนี้ เสียงระฆังได้ดังขึ้นแล้ว!
ด้วยความหาญกล้าที่ซ่อนอยู่ในใจ ความรู้สึกที่มีต่อคู่แข่ง หวังว่าการเปลี่ยนมันออกมาเป็นคำพูดในคราวนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนให้ก้าวไปข้างหน้าได้ เพียงแต่ สิ่งที่เราหวังมากกว่าอื่นใดก็คือจูรินะที่ออกตัวนำไปก่อน ผู้ที่รออยู่ที่บันไดอีกฝั่งคือ Oriental Radio บัดนี้ เสียงระฆังได้ดังขึ้นแล้ว!
คราวนี้คนรับหน้าที่ทิ้งท้ายในหนังสือเล่มนี้คือ มัตสึอิ จูรินะ จูรินะนั้นได้ขึ้นปกในคราวที่แล้ว
เมื่อในคราวนี้ปกเป็นคิตากาว่า เรียวฮะ กองบก. จึงตัดสินใจว่าให้จูรินะมารับหน้าที่ปิดท้ายน่าจะเหมาะสมที่สุด
แต่พวกเราคิดว่า ถ้าลงเรื่องจูรินะโดยให้มาพูดถึงสถานการณ์ของ SKE48 ตอนนี้แค่หน้าเดียวก็จะยังไงๆอยู่
เราอยากให้จูรินะเป็นคนที่ได้ติดต่อกับโลกภายนอกอยู่เสมอ จะเป็นอย่างนั้นได้มั้ยนะ
แล้วจะให้สัมภาษณ์ร่วมกับใครดี
ผลที่ออกมาหลังจากประชุมครั้งแล้วครั้งเล่าคือ ถ้าเป็นคนที่มีความเกี่ยวข้องกับ
SKE48 แล้วก็เป็นรุ่นพี่ในชีวิตจริงด้วยก็คงดี งั้นก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้
นอกจาก Oriental Radio ทั้ง 2 คน
2 คนที่เคยสัมผัสทั้งสวรรค์และนรกมาแล้ว ปีนี้เพลง “PERFECT
HUMAN” กลับมาฮิตอีกครั้ง
เพราะถ้าเป็นสองคนนี้จะต้องมีเรื่องที่อยากบอกกับจูรินะเป็นแน่
จูรินะจะรู้สึกอย่างไรกับคำพูดเหล่านี้นะ? บทสนทนาที่อยู่ดีๆก็ร้อนแรงขึ้นมาได้เริ่มต้นแล้ว
การพบเจอของทั้ง 3 คน
- พูดถึงความเกี่ยวข้องระหว่าง Oriental Radio ซังกับจูรินะซัง
ก็จะนึกถึง “RADIRA! SUNDAY” (รายการวิทยุ) แล้วยังมีอย่างอื่นอีกมั้ยครับ?
นากาตะ: ก็บังเอิญเจอกันบ่อยเนอะ
จูรินะ: นั่นสิคะ
ฟูจิโมริ: ครั้งแรกคือเมื่อไหร่น้า...จำได้ว่าเคยไปเล่นโบว์ลิ่งมั้ง
จูรินะ: ใช่ค่ะ! คิดถึงชะมัด! ในรายการ “Age poyo (โบว์ลิ่ง48)”
ไง! (ช่อง TV Aichi)
นากาตะ: ปี 2011 สินะ ที่พวกเราได้ไปร่วมในรายการพิเศษ 3 ตอน
นั่นเป็นรายการของพวกเรากับSKE48 แล้วก็ยังได้ไปออก “Konohen!! Traveller” ด้วยกันด้วย
(ช่อง TV Tokyo)
จูรินะ: อ่า! จริงด้วย!
ฟูจิโมริ: ตอนที่ไปเซนไดกับมัตสึอิ เรนะจังไง (เดือน 7 ปี 2011)! ได้ไปเกมเซนเตอร์ด้วย
นากาตะ: ตอนนั้นอายุเท่าไหร่นะ?
จูรินะ: ยังอยู่ม.ต้นอยู่เลยค่ะ
นากาตะ: จำได้ตอนนั้นได้ยินว่าจูรินะจังของ SKE48
เนี่ยโดดเด่นมากแถมยังอายุน้อยมากด้วย ฉันตกใจมากเลย คิดว่าเธอคงลำบากมาก หลังจากนั้นก็มีเรื่องล้มป่วยด้วย
ใช่มั้ย
จูรินะ: ใช่แล้วค่ะ (ปี 2012)
นากาตะ: พอเห็นข่าวนั้น ก็คิดว่ายังเด็กอยู่แท้ๆแต่ต้องทำงานเยอะขนาดนั้น
มันเลยเป็นแบบนี้ไง
จูรินะ: ใจดีจัง เหมือนคุณพ่อเลย (หัวเราะ)
นากาตะ: นั่นเพราะ ตอนที่พวกเราเริ่มเดบิวต์แล้วจู่ๆก็ดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แม้ทุกคนจะจับตามอง
แต่หลังจากนั้นแป๊บเดียวก็ร่วง ก็เลยเข้าใจความรู้สึกนั้น แต่ว่ากว่าพวกเราจะได้คุยกันจริงๆก็คงตอนที่เริ่มจัดรายการ
“RADIRA!” นั่นแหละ (เดือน 4 ปี 2015)
ฟูจิโมริ: เป็นรายการประจำที่ SKE48 กับโนกิซากะ46 สลับกันมาออก
นากาตะ: แม้จะได้เจอจูรินะจังอีกครั้ง
แต่ไม่เหมือนกับภาพตอนที่เจอกันเมื่อหลายปีก่อนเลย พอได้ฟังจากเด็ก SKE48 คนอื่นแล้ว ต้องบอกว่าจูรินะจังให้ความรู้สึกเป็นลูกพี่แล้วล่ะมั้ง
จูรินะ: ฮ่าๆๆๆ
นากาตะ: เข้าใจว่าเธออยู่ในตำแหน่งแบบนั้นล่ะ เรนะจังจบการศึกษาก็ตัดสินใจกลับมาอยู่
SKE48 เต็มตัว...รู้สึกเหมือนว่าพวกเรามองดูเรื่องทั้งหมดนี่อยู่ข้างๆโดยไม่รู้ตัวเลย
ฟูจิโมริ: ฉันไม่เคยข้องเกี่ยวกับวัฒนธรรมไอดอลเลยล่ะ แต่เพราะอัทจัง (นากาตะ)
รู้ ฉันก็เลยรู้ไปด้วย อย่างเรื่อง WMatsui เนี่ย หลายปีก่อนฉันไม่เคยรู้เรื่องเลยนะ จะว่าไปก่อนหน้านี้ก็เป็นผู้ชายไม่เอาไหนที่มาแสดงร่วมกับ
AKB48 ด้วย ฉันก็เล่นผสมโรงไป...
จูรินะ: รายการ “Show Battle” (NTV ปี 2010) สินะคะ!
ฟูจิโมริ: ใช่ เพราะได้เข้าร่วมตรงนั้น เลยเริ่มรู้จักจูรินะจัง
ตอนนั้นมีเมมเบอร์ที่ตอนนี้จบการศึกษาไปแล้วเต็มเลย พอรู้ว่าจะต้องแสดงกับพวกไม่เอาไหนก็แบบอุทานกันออกมา
“เอ๋?” ในบรรดานั้น มีจูรินะจังคนเดียวที่เข้ามาทักทายบนเวที
จูรินะ: งั้นเหรอคะ?
ฟูจิโมริ: แบบว่า “เอาล่ะ ทุกคนมาตั้งแถวเร็ว ฝากตัวด้วยนะคะ!!” กับแค่คนไม่เอาไหนที่มาเป็นตัวประกอบยังทักทายจริงจังขนาดนี้เลยเหรอ?
ฉันคิด ทั้งๆที่ในเซมบัตสึ AKB48 ยังเด็กมากขนาดนั้นแท้ๆ ช่างเป็นเด็กที่พึ่งพาได้จริงๆ
จูรินะ: เป็นความประทับใจที่ดีก็ดีแล้วค่ะ (หัวเราะ)
ฟูจิโมริ: แม้ฉันจะเป็นอย่างนั้น แต่พอได้มาจัด “RADIRA!” ก็ชอบSKE48มากๆเลยล่ะ!
จูรินะ: ดีจัง!
ความเป็นไปได้ของไอดอล
- แล้วจูรินะซังมีความประทับใจ (ต่อทั้ง 2 คน) ยังไงบ้าง?
จูรินะ: ได้ดูทางทีวีก็คิดว่าทั้งสองคนเนี่ยเป็นประเภทตรงข้ามกันหรือเปล่านะ
ฟูจิโมริซังมีคาแรคเตอร์ไม่เอาไหน นากาตะซังกลับมีภาพที่จริงจัง
เพราะงั้นเลยคิดว่าทั้งสองคนคงไม่ถูกกันแน่ๆ
ฟูจิโมริ: อ๋อ คิดอย่างนี้เองสินะ (หัวเราะ)
จูรินะ: แต่ว่า พอเข้าไปในสตูดิโอกลับรู้สึกว่าทั้งสองคนคุยกันถูกคอมาก
รู้สึกแปลกใจค่ะ!
ฟูจิโมริ: แปลกใจเรื่องนี้เหรอ (หัวเราะ)
จูรินะ: แล้วก็ แม้ฉันจะรู้ว่านากาตะซังคิดถึงเรื่อง SKE48 ไม่น้อย แต่ฟูจิโมริซังเองก็คิดอะไรหลายอย่างให้พวกเราเหมือนกัน
พอได้ไปออกรายการวิทยุแล้วก็คิดแบบนี้แหละค่ะ
ฟูจิโมริ: ถ้าคุยเรื่องที่จริงจังหน่อยล่ะก็ ฉันได้คะแนนบวกเยอะเลยนะ (หัวเราะ)
นากาตะ: แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะประหลาดใจกับเรื่องที่พวกเราสนิทกัน
จูรินะ: ยิ่งอยู่ด้วยกันนานๆก็มักจะมีเรื่องกระทบกระทั่งกันไม่ใช่เหรอคะ?
นากาตะ: นั่นสินะ
จูรินะ: เมมเบอร์ก็เหมือนกัน ถ้าขายเป็นแพ็คคู่ล่ะก็ มักจะมีเรื่องแบบนี้แหละ
ฟูจิโมริ: หมายความว่า กับเรนะจังเหรอ?
จูรินะ: ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ว่าเข้ากันไม่ได้หรืออะไร...
นากาตะ: เรื่องที่จับตามองกันจนเกินไปใช่มั้ย?
จูรินะ: ใช่ค่ะ แล้วฉันกับเรนะจังก็นามสกุลเหมือนกันด้วย
นากาตะ: นั่นสินะ แต่ว่าพวกเราก็เคยมีช่วงที่ความสัมพันธ์ย่ำแย่เหมือนกันนะ
ฟูจิโมริ: ใช่ๆ
- เรื่องนี้ดังมากเลยนะครับ กลางรายการสดเลย...
จูรินะ: เอ๋ มีเรื่องอะไรเหรอคะ?
นากาตะ: เถียงกันจนลงไม้ลงมือกันเลยล่ะ
จูรินะ: เห!?
ฟูจิโมริ: นึกไม่ออกใช่ม้า (หัวเราะ) กลางรายการสดเลยด้วย!?
จูรินะ: เอ๋!
นากาตะ: ประมาณ2-3ปีหลังจากเดบิวต์น่ะนะ
จูรินะ: แล้วทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะคะ?
นากาตะ: ...ตอนนั้นหงุดหงิดน่ะ (หัวเราะ)
ฟูจิโมริ: เรื่องไม่เป็นเรื่อง
นากาตะ: ใช่ๆ
ฟูจิโมริ: ตอนนั้นฉันพูดล้อเล่นน่าเบื่อๆไป แต่อัทจังก็อารมณ์ไม่ดีด้วย
นากาตะ: ก่อนออกอากาศมีอะไรหลายๆอย่าง
ฟูจิโมริ: จากนั้นพอออกอากาศไฟมันก็ปะทุขึ้น (หัวเราะ)
จูรินะ: งี้นี่เอง เพราะผ่านเรื่องแบบนี้มาถึงมีวันนี้สินะคะ
นากาตะ: ผ่านมาเยอะเลยล่ะ (หัวเราะ) ตอนนี้พวกเราก็อยู่ด้วยกันมา 12 ปีแล้ว
จูรินะจังล่ะ?
จูรินะ: 8 ปีค่ะ
นากาตะ: แล้วจูรินะจังกับเรนะจังเป็นยังไงเหรอ?
ฟูจิโมริ: อืม อยากฟังเหมือนกัน
นากาตะ: ทั้งสองคนน่ะถูกขายเป็นแพ็คคู่ คงมีอะไรหลายอย่างนะฉันว่า
จูรินะ: พวกเราน่ะ มีข่าวลือที่ลือกันในหมู่แฟนๆเยอะเลยค่ะ
พอมีเรื่องพวกนี้ก็อดไม่ได้ที่จะสนใจ
แล้วก็เริ่มมีความรู้สึกว่าหรือเราไม่ควรจะสนิทกันนะ พวกเราเองก็แบบว่าจับตามองแฟนๆของอีกคนด้วย
นากาตะ: โอ้ แบบว่า “เด็กเราเจ๋งกว่า” ประมาณนั้นสินะ
- ในงานเลือกตั้ง AKB ทั้งสองฝ่ายก็จะเข้าโหมดยอมแพ้ไม่ได้
นากาตะ: นั่นสินะ แม้จะเป็นแบบนั้น แต่มันก็ทำให้งานเลือกตั้งร้อนแรงขึ้นนะ SKE48 นี่มีระบบ 2
top ที่ชัดเจนมากเลย
จูรินะ: แรกสุดรู้สึกเหมือนเป็นพี่น้องกันค่ะ
พักโรงแรมก็จะอยู่ห้องเดียวกันบ่อยๆ
แต่ว่าพอกลายมาเป็นเหมือนคู่แข่งกันแล้วก็...เคยมีช่วงที่รู้สึกมาคุๆเหมือนกัน
(หัวเราะ)
ฟูจิโมริ: ตอนนี้ยังติดต่อกันอยู่มั้ย?
จูรินะ: ติดต่อค่ะ! แต่ยังไม่เคยได้ไปกินข้าวกันสองคนเลย
นากาตะ: คงได้ไปด้วยกันสองคนซักวันแหละนะ
จูรินะ: นั่นสินะคะ
นากาตะ: ถ้าทั้งคู่เป็นนักแสดงเหมือนกัน ก็คงจะคุยกันถูกคอล่ะ
ฟูจิโมริ: ดีไม่ดีจะได้แสดงด้วยกันด้วยนะ
จูรินะ: อยากแสดงด้วยกันค่ะ!
นากาตะ: จูรินะจังก็อยากเป็นนักแสดงเหรอ?
ฟูจิโมริ: เรื่อง “Shihei” ที่จูรินะจังแสดงฉันก็ได้ดูอยู่เหมือนกัน มีเสน่ห์มากๆเลยล่ะ! ทำให้รู้สึกว่า
“อ๊ะ เป็นนักแสดงจริงๆเลยนี่”
ทั้งบรรยากาศทั้งออร่าออกมาเต็มมาก
จูรินะ: ขอบคุณมากค่ะ!
นากาตะ: ฉันน่ะ คิดอย่างนี้มาตลอดเลยว่า
งานไอดอลเป็นงานที่ต้องแสดงเพื่อให้คนที่มาดูมีความสุขใช่มั้ย?
แต่งานของนักแสดงน่ะคือการแสดงตามบทบาท
สองอย่างนี้เป็นงานที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลย แม้ว่าเมมเบอร์ AKB48
หลายคนจะไปเป็นนักแสดงหลังจากจบการศึกษา แม้ว่าจะเก่งมากในโลกไอดอลแต่ในโลกนักแสดงก็ต้องเจอบททดสอบที่ต่างออกไป
จูรินะ: นั่นสินะคะ
นากาตะ: ไม่ว่ายังไงก็ต้องท้าทายกับเรื่องที่ต่างออกไป นั่นเป็นความยากในระดับจิตใจเลยนะ
การที่ต้องสู้กับคนที่เป็นนักแสดงมาตั้งแต่เด็กๆ
ช่วงที่เป็นไอดอลอยู่นี้อาจจะกลายเป็นข้อเสียเปรียบก็ได้
เพราะงั้นฉันเลยคิดว่าจะมีทางไหนมั้ยที่เมื่อจบการศึกษาจากวงแล้วจะยังสามารถร้องเต้นต่อไปได้
ฟูจิโมริ: เรื่องนี้ คุยกันมาตลอดเลยเนอะ
นากาตะ: ไม่อยากให้เธอลืมความสามารถการร้องการเต้นไปน่ะ ไม่สิ ต้องบอกว่า อยากเห็นร้องเต้นไปเรื่อยๆต่างหาก!
ฟูจิโมริ: ฉันว่าดูอย่างโมริทากะ จิซาโตะซังตอนนี้ก็ได้นะ
นากาตะ: ใช่ๆ เหมือนมัตสึดะ เซย์โกะซังอ่ะ เป็นไอดอลที่ร้องเพลงตลอดมาเลย
จูรินะ: นั่นสินะคะ จริงๆเดิมทีฉันไม่ได้อยากเป็นนักแสดงหรอกค่ะ พูดให้แย่หน่อย
คือการแสดงก็คล้ายกับการ “โกหก” ไม่ใช่เหรอคะ ฉันไม่ชอบเลยถ้าจะบอกว่าไม่เคยคิดแบบนี้
คงอดคิดในใจไม่ได้ว่า “ทั้งที่ตัวเองพูดแบบนี้ไว้แท้ๆ”
ฟูจิโมริ: เกลียดการโกหกสินะ
จูรินะ: ฉันชอบการร้องการเต้นที่สุดค่ะก็เลยมาเข้า SKE48
ฉันเคยคิดแบบนั้นมากๆ แต่ว่าเพราะเป็นไอดอลมา 8 ปีแล้ว ดังนั้นเลยเริ่มสนุกกับงานแสดง
เพราะแม้ไอดอลจะถูกห้ามไม่ให้มีความรัก แต่ในละครน่ะมีได้!
ฟูจิโมริ: เอ๋!
จูรินะ: ก็รู้สึกว่ามันสนุกดีค่ะ อย่างในซีรี่ย์ตอนแรกก็ได้ปั่นจักรยานคู่กัน
ตอนนั้นสนุกมากเลย!
ฟูจิโมริ: อ่า เรื่อง “Dekishina (Watashi Kekkon Dekinain Janakute,
Shinain Desu)” สินะ
จูรินะ: ใจเต้นตึกตักไม่หยุดเลย! ประมาณนั้นน่ะค่ะ
นากาตะ: รู้สึกเหมือนได้เป็นคนอื่น
จูรินะ: ใช่เลย!
ฟูจิโมริ: น่าสนใจจัง แล้วหลังจากจบการศึกษาจะอยากร้องเต้นอยู่รึเปล่า?
จูรินะ: อยากค่ะ! เพราะมันคือสิ่งที่ฉันชอบที่สุด อีกอย่างถ้าเป็นการแสดงล่ะก็
แฟนๆก็จะเจอฉันได้แค่ในทีวีไม่ใช่เหรอคะ ฉันอยากจะมีที่ๆสามารถเจอแฟนๆได้โดยตรงน่ะ
นากาตะ: พวกเราเองก็เล่นตลกมาตลอดเหมือนกัน แต่ปีนี้มีโอกาสได้ร้องเพลงเยอะขึ้น
พวกเราอยากแสดงต่อหน้าคนเยอะๆแบบนี้มาตลอด
คิดมาตลอดเลยว่าถ้าทำแบบนั้นได้จะดีใจกันแค่ไหน
แต่พอได้แสดงต่อหน้าคนเป็นหมื่นขึ้นมาจริงๆ กลับรู้สึกว่า “เอ๊ะ?
เหมือนจะมีอะไรแปลกๆแฮะ” (หัวเราะ)
จูรินะ: ฮ่าๆๆๆ
นากาตะ: เพราะว่าเสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่เสียงหัวเราะน่ะ
ฟูจิโมริ: รู้สึกสับสนนิดๆเนอะ
นากาตะ: คือไม่รู้ว่าทำให้ทุกคนสนุกกันรึเปล่านะ แต่ได้อ่านความเห็นในเน็ตเขียนว่า
“สนุกโคตรๆ” ก็รู้สึกว่ายังไงก็เป็นคนละเรื่องกันนั่นแหละ
จูรินะ: ไม่ว่ายังไงเสียงที่ตอบกลับมาก็สำคัญค่ะ ต้องตอบว่า “โชเซ็ตสึคาวาอี้
จูรินะ” (จูรินะน่ารักสุดๆ) อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?
นากาตะ: ฮ่าๆๆๆ
จูรินะ: เพราะงั้นบางทีก็จะรู้สึกเศร้าหน่อยๆถ้าเสียงที่ตอบมาเบา เพราะคนมักจะจำว่าฉันไปทำงานโตเกียว
บางทีที่ขึ้นแสดงในสเตจที่นาโกย่าเสียงเชียร์ก็แพ้รุ่นน้อง
ฟูจิโมริ: เรื่องนั้นก็รู้สึกได้เหรอ!
จูรินะ: จริงๆมันรู้สึกได้นะคะ เศร้าเลยแหละ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่พูดถึงเรื่องนี้
สาเหตุที่ดึงดูด
- Oriental Radio มีความประทับใจกับ SKE48
ยังไงบ้างครับ?
นากาตะ: ก่อนอื่น อยากบอกก่อนเลยว่า เด็กน่ารักๆเยอะมาก เรื่องนี้ยังไงก็ต้องบอกให้ชัด
จูรินะ: ดีใจจัง!
นากาตะ: เวลาชื่นชมไอดอลจะขาดคำว่า “น่ารัก” ไม่ได้เลย แล้วก็แน่นอนอยู่แล้วว่าการแสดงของ
SKE48 สุดยอดมาก รู้สึกว่าเป็นวงที่เต็มไปด้วยความกระหาย ทุกคนมีเรื่องราวร่วมกัน
สร้างบรรยากาศให้ร้อนแรงกันเก่งมาก
- เมมเบอร์ที่คิดว่าน่ารักเป็นพิเศษคือ?
นากาตะ: สำหรับฉันเป็นฟุรุฮาตะ นาโอะจัง อยากให้แสงสปอตไลต์ส่องไปที่เธอมากกว่านี้จังน้า
ฉันรู้สึกว่า SKE48 มีความคาดหวังต่อคิตากาว่า เรียวฮะซังสูงมาก คือแน่นอนว่าเรียวฮะจังก็น่ารักมากนะ
ตอนที่ได้ไปดูคอนเสิร์ตจบการศึกษาของมิยาซาว่า ซาเอะจัง ออร่าเธอโดดเด่นมาก
ความน่ารักของเรียวฮะจังเป็นแบบแฟชั่นๆ เด็กผู้หญิงก็น่าจะคิดว่าน่ารักเหมือนกัน
แต่นาโอะจังมีส่วนที่ดึงดูดผู้ชายสูงมากเลย!
จูรินะ: เข้าใจเลยค่ะ!
นากาตะ: ดังนั้นพวกผู้ชายต้องกล้าพูดออกมาให้ชัดว่า “ฟุรุฮาตะซังน่ารัก”
เพราะอะไรรู้มั้ย?
ฟูจิโมริ: เพราะอะไรฟะ (หัวเราะ)
นากาตะ: ก็เพราะรู้สึกได้ว่าความคาดหวังต่อเรียวฮะซังน่ะสูงมาก
ดังนั้นต้องกล้าพูดให้หนักแน่นว่า “ยังมีอีกตัวเลือกอย่างฟุรุฮาตะซังอยู่นะ” ก็ถ้าจะแตกหน่อเซนเตอร์ที่จะมาสืบทอดจูรินะอ่ะนะ
ฟูจิโมริ: ก็นายเป็นฟุรุฮาตะซังโอชินี่
นากาตะ: แต่ว่า คุมาซากิก็สุดยอดเหมือนกัน เธอประกาศด้วยนี่ว่า
“ฉันอยากเป็นเซนเตอร์” ใช่มั้ย?
จูรินะ: สุดยอด! รู้ละเอียดจัง!
นากาตะ: ฉันชอบคนที่กล้าประกาศตัวน่ะ
จูรินะ: นาโอะจังก็เคยพูดนะ
นากาตะ: เคยด้วยใช่มั้ย? งั้นยิ่งทำให้วงมีสีสันมากขึ้นไปอีก
จูรินะ: ใช่ค่ะ ฉันเองเห็นแล้วก็ดีใจมากเหมือนกัน
นากาตะ: ในสถานการณ์ที่จูรินะซังเป็นเซนเตอร์อย่างไม่สั่นคลอน
ถ้าไม่มีคนพูดแบบนั้นก็ไม่มีแรงกระตุ้นนะ จริงสิ คุมาซากิซังยังมีอาวุธอีกอย่างนะ
วิธีการพูดของเธอน่ารักโคตร!
จูรินะ: ฮ่าๆๆๆ
นากาตะ: พูดไม่ค่อยชัดนะแต่ถ่ายรูปขึ้นกล้องมากๆ
จูรินะ: อื้ม น่ารักมากๆ
นากาตะ: ถ้าให้พูดถึงคนอื่นอีกก็คงเป็น เอโกะ (ยูนะ) ซัง
จูรินะ: ตาแหลมนะคะเนี่ย (หัวเราะ)
นากาตะ: เอโกะซังตอนนี้ไม่มัดผมทวินเทลแล้วอ่ะ ฉันน่ะ
สนใจคนที่ทำผมทวินเทลเป็นพิเศษ ทวินเทลเนี่ยเป็นอาวุธอย่างนึงเลยนะ
เป็นมนต์สะกดด้วย เพราะงั้นเลยหยุดไม่ได้ ก็เจ้าตัวเธอบอกว่า “ลังเลมาก”
ฉันก็เลยถามไปว่าอายุเท่าไหร่แล้ว เธอบอก 16 ปี ฉันเลยบอกว่า “มัดไปเถอะ
มัดให้สูงขึ้นอีกนิดก็ดีนะ” (หัวเราะ) เพราะความอ่อนวัยนี่ก็เป็นอาวุธนะ
อีกอย่างอันดับเลือกตั้งของเธอก็สูงขึ้นด้วย
จูรินะ: รู้ละเอียดดีจังน้า (หัวเราะ)
นากาตะ: แล้วก็ อาซุม่า ริองซังฉันก็รู้สึกว่าเก่งมาก พอได้ดู MV
FURUMARION แล้วก็รู้สึกว่าไม่ค่อยเหมือนไอดอลเท่าไหร่เลย
จูรินะ: แบบนี้ก็มีเหมือนกันสินะคะ
นากาตะ: เหมือนนางแบบเลยล่ะ ดูล้ำมาก ไปในทางนั้นก็ดีเหมือนกันนะ
ถ้าตั้งยูนิตเหมือน FURUMARION ขึ้นมาก็จะทำให้คาแรคเตอร์ดูโดดเด่นขึ้น
อยากให้ตั้งขึ้นมาอีกจัง แล้ว ฟูจิโมริซังคิดว่าไงครับ?
ฟูจิโมริ: โคตรยาว!
จูรินะ: ฮ่าๆๆๆๆ
ฟูจิโมริ: ฉันไม่เหมือนกับอัทจังน่ะ ฉันไม่ใช่โอตาคุไอดอล
นากาตะ: ฉันไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นโอตาคุไอดอลนะ แค่แบบคอยเฝ้ามองเอง
ฟูจิโมริ: ไม่ใช่แค่นั้นแน่! หมอนี่ตามดู SNS
ของเมมเบอร์ทุกคนเลย ถึงฉันจะอยู่ในยุค Morning Musume
แต่ก็ไม่ได้บ้ามาก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะสนับสนุนไอดอลยังไง ตั้งแต่เริ่มจัด RADIRA!
ก็ได้รับเชิญไปดูคอนเสิร์ต SKE48 เป็นครั้งแรก รู้สึกว่าความร้อนแรงนั้นมันสุดยอดมาก
ไม่เหมือนไลฟ์ของศิลปินอื่นๆเลย โบกแท่งไฟ ตะโกนเรียกชื่อสุดแรง เรื่องพวกนี้ฉันคิดไม่ถึงเลย
(หัวเราะ) แต่ว่าพอได้เจอเมมเบอร์ในรายการทุกอาทิตย์ก็เริ่มเข้าใจสาเหตุที่ดึงดูดแฟนๆแล้วล่ะ
จูรินะ: โอ้
ฟูจิโมริ: สิ่งที่ทำให้รู้สึกว่าแฟนๆ SKE มีความพิเศษคือ
ส่งข้อความมาในทวิตเตอร์ฉันด้วย แม้จะเคยมีแฟนๆวงอื่นส่งมาบ้าง แต่แฟนๆ SKE เนี่ยเยอะสุด
(หัวเราะ)
จูรินะ: ก็น่าจะอย่างงั้นนะคะ (หัวเราะ)
ฟูจิโมริ: มาบอกประมาณว่า “ขอบคุณที่จัด RADIRA! มาตลอดนะ
คือวงเราน่ะเทียบกับวงอื่นแล้วไม่ค่อยได้รับความใส่ใจเท่าไหร่”
- ฮ่าๆๆๆ
ฟูจิโมริ: มีความเห็นประมาณนี้ส่งมาล่ะ อย่างเช่น ตอนที่ฮิดากะ ยูซุกิจังมารายการก็ถ่ายรูปด้วยกัน
แล้วพอโพสต์ไปขำๆก็แพร่ออกไปเร็วมาก (แฟนๆ)ก็มาบอกว่า “ฟูจิโมริ ขอบคุณนะ!” เวลาทำงานกับไอดอลวงอื่นไม่ค่อยมีอะไรแบบนี้ รู้สึกได้ชัดเจนมาก ว่าแฟนๆอยากให้คนรู้จัก
SKE48 มากขึ้นจริงๆ อีกอย่างเมมเบอร์ SKE48
ก็ส่งเมล์มาในรายการด้วย!
จูรินะ: จริงด้วย!
ฟูจิโมริ: ทุกอาทิตย์เมมเบอร์ที่ไม่ได้มาออกรายการก็จะส่งมา อย่างอาราอิ
ยูกิจังนี่ส่งทุกอาทิตย์เลย เหมือนเป็นรายการช่วงนึงเลยล่ะ อย่างถ้าจูรินะจังเป็นสายเมนสตรีม
แล้วมีอย่างอาราอิจังเป็นแบบนี้ก็น่าสนใจมากเลยนะ
ในโลกนี้จำเป็นต้องมีความพยายามแบบนี้แหละ
- ฟูจิโมริเคยไปงานจับมือโนกิซากะ 46 ด้วยใช่มั้ยครับ
ฟูจิโมริ: เคยครับ ตอนนั้นเสียงวิจารณ์จากแฟน SKE48 เพียบเลย มีแบบน่ากลัวด้วย! ประมาณว่า
“นายอยู่ข้างไหนกันแน่” อยากบอกว่าฉันก็จะไปงานของ SKE48 เหมือนกัน
แค่กำลังดูอยู่น่ะ
จูรินะ: มีจัดที่โตเกียวเหรอคะ?
ฟูจิโมริ: พวก Pacifico Yokohama น่ะ ถึงจะหาข้อมูลดูแล้วแต่ว่างไม่ตรงวันงานน่ะ
จูรินะ: Oriental Radio ก็เคยแสดงร่วมกับ SKE48 ใน Music Staion แล้วหลังจากนั้นก็ได้แสดงร่วมกับโนกิซากะ46ด้วยไม่ใช่เหรอคะ
ตอนนั้นเสียงตอบรับก็เยอะเหมือนกัน!
ฟูจิโมริ: ฮ่าๆๆๆๆ
จูรินะ: เมมเบอร์ใส่ใจกับเรื่องพวกนี้มากนะ!
ฟูจิโมริ: ถ้าอย่างนั้น งั้นฉันเปลี่ยนท่าทีละ! แต่ว่านะ นี่อาจจะเป็นข้ออ้าง
แต่คือทุกอาทิตย์โนกิซากะ46 เป็นนากาโมโตะ ฮิเมะกะจังตลอด ส่วน SKE48
ทุกอาทิตย์จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ บางทีได้เจอกันอีกทีก็เกินครึ่งปีแล้ว...แต่ยังไงก็เป็นข้ออ้างสินะ!
จูรินะ: อดไม่ได้ที่จะบอกว่า
“ยังไงก็จะไปทางนั้นสินะ!”
(หัวเราะ)
ฟูจิโมริ: ไม่ใช่ๆๆ ฉันก็เป็น SKE48 โอชิอยู่นะ! เพราะงั้นฉันอยากให้รายการเป็นที่บ่มเพาะเด็กที่มีอนาคต
แบบเรียวฮะจังหรือแบบโกโต้ ราระจังน่ะ
จูรินะ: ฉันก็อยากโปรโมตเด็กๆแบบนั้นค่ะ
แม้ว่าจะมีเด็กอย่างนาโอะจัง แต่ก็อยากให้ขยายวงกว้างออกไปอีก!
ถ้ามีเด็กซักคนเป็นแบบคาโอตันคงจะดีมากเลยไม่ใช่เหรอคะ แม้ว่าถ้ามี 10 คนอาจจะไม่ไหวก็ตาม
- ถ้าเป็นแบบนั้นวงคงขายไม่ออกครับ (หัวเราะ)
จูรินะ: งั้น ถือว่า Oriental Radio
เป็น SKE48
โอชิแล้วนะคะ?
ฟูจิโมริ: ได้เลย!
นากาตะ: แต่ว่านะ หมอนี่อาจจะเป็นพวกตามกระแสอันดับหนึ่งของวงการบันเทิงเลยก็ได้
ฟูจิโมริ: ว่าใครเป็นพวกตามกระแสกัน! ฉันสนับสนุน SKE48 กับโนกิซากะ46
เท่าๆกันนั่นแหละ
ควรทำยังไงดี
- จูรินะซังมีเรื่องที่อยากถาม Oriental Radio นี่ครับ
จูรินะ: ค่ะ ตอนนี้มีคนพูดกันว่า SKE48
กำลังอยู่ในช่วงขาลง สำหรับฉันแล้ว สภาพตอนนี้มันค่อนข้างเจ็บปวดค่ะ
นากาตะ: อื้ม
จูรินะ: ที่ผ่านมาพอมีเมมเบอร์จบการศึกษาก็จะรู้สึกถึงวิกฤต
แต่พอผ่านไประยะนึง ทุกคนก็จะคิดว่า “จะต้องพยายามในส่วนของเมมเบอร์เหล่านั้นด้วย”
พาวเวอร์อัพขึ้นมา อีกอย่างพลังของแฟนๆก็เพิ่มสูงขึ้นด้วย ประมาณว่า
“พวกเราต้องสนับสนุนให้มากขึ้นไปอีก!” แต่ว่าลึกๆแล้วกลับไม่รู้ว่าควรทำยังไงกันแน่
จะต้องทำยังไงดี ทั้งสองคนมองพวกเราจากภายนอก เคยคิดแบบว่า “ถ้าทำอย่างนี้มากขึ้นอีกก็จะดีนะ”
บ้างมั้ยคะ?
นากาตะ: ฉันคิดว่าไม่มีตรงไหนแย่นะ วงทุกวง ทาเลนท์ทุกคนก็บอกทั้งนั้นว่า พอดังขึ้นมา
จากนั้นก็ค่อยๆตกลง แล้วก็กลับมาได้รับความสนใจอีกรอบ เป็นวัฏจักรแบบนี้
ฉันว่าคนที่อยู่มายาวนานก็ผ่านวัฏจักรแบบนี้มาทั้งนั้นแหละ SKE48 น่ะสกิลสูงมาก
แถมยังน่ารักมากด้วย ถ้าให้พูดล่ะก็ อยากให้มีเพลงฮิตๆน่ะ
จูรินะ: อ่า
นากาตะ: แบบที่ทำให้คนบอกว่า “เพลงใหม่คราวนี้ดีจังเลยนะ!” เรื่องนี้น่ะ
แม้ว่าฉันพูดไปจะไม่มีประโยชน์ เพราะยังไงกำแพง “Heavy Rotation” หรือ “Koisuru Fortune Cookie” ก็สูงมาก
ฟูจิโมริ: นั่นสินะ ถ้ามีเพลงที่แม้แต่คนที่ไม่ค่อยรู้จัก SKE48 ก็ยังบอกว่า
“ฉันรู้จัก!” แบบนั้นแสดงว่าติดลมบนแล้ว
นากาตะ: ทำยังไงถึงจะเจอเพลงที่ฮิตขนาดนั้น
เรื่องนี้สำหรับนักแต่งเพลงทุกคนเป็นอะไรที่ไม่มีทางรู้เลย
เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถวางแผน คาดคะเนออกมาได้ ส่วนอีกอย่างก็คงเป็นเรื่องคอสตูมล่ะมั้ง
จูรินะ: คอสตูมเหรอคะ?
นากาตะ: ก็มีคอสตูมที่มีความเป็นAKB48 ไม่ใช่เหรอ?
จูรินะ: ลายสก๊อตสีแดงเหรอ?
นากาตะ: ใช่ๆๆ แล้วก็มีคอสตูมที่มีความเป็นโนกิซากะ46 ด้วยไม่ใช่เหรอ?
จูรินะ:อ่า ใช่ๆ
นากาตะ: ในความคิดฉัน คอสตูมที่มีความเป็น SKE48 ก็เป็นลายสก๊อตสีน้ำเงินล่ะ แต่เรื่องนี้ไม่ค่อยเป็นที่จดจำเท่าไหร่
คอสตูมของSKE48 มองๆแล้วมันคล้าย AKB48 ล่ะมั้ง ฉันว่าถ้าทำให้คอสตูมมันดูต่างได้ก็คงดีนะ
จูรินะ: แบบกุ้งทอดเหรอ? *T/N : กุ้งทอด (Ebi fry) เมนูขึ้นชื่อของนาโกย่า*
นากาตะ: ถ้าเป็นพวกของดีนาโกย่าจะเป็นไงนะ (หัวเราะ) แต่ว่าSKE48
ตอนนี้ไม่มีอะไรไม่ดีเลยนะ! ก่อนหน้านี้ก็เคยถามในรายการ
ไม่ว่าจะเพลงหรือท่าเต้นก็เป็นอะไรที่กำหนดเองไม่ได้
จูรินะ: ใช่ค่ะ
นากาตะ: พวกเราน่ะเหมือนเป็นวงอินดี้ เราตัดสินใจเองได้แบบ
“คราวหน้าใช้เพลงแบบนี้นะ” หรือ “จะใส่อะไรดี?” พอเป็นแบบนั้นก็ลำบากนะเพราะมันถูกวางมาหมดแล้ว
แล้วก็อยากให้ออกเพลงยูนิตมาเยอะๆด้วย อยากดูยูนิตที่ต่างกันออกไปน่ะ
จูรินะ: ฉันคิดว่าเพิ่มเมมเบอร์ให้เยอะขึ้นก็ได้
สำหรับ Love
Crescendo ก็คงจะรู้สึกแบบว่า “มีเด็กน่ารักๆเพิ่มขึ้นอีกแล้ว!”
นากาตะ: AKB48 GROUP น่ะ ไม่ว่ายังไงก็เป็นระบบใช้เซนเตอร์ตรงกลาง
แต่ว่าถ้าเปลี่ยนเป็นยูนิตคนน้อยลงก็คงไม่สนใจแล้วว่าใครจะเป็นเซนเตอร์
ฟูจิโมริ: นั่นสินะ แบบนั้นจะทำให้จำง่ายขึ้นด้วย แต่ว่ายังมีวิธีที่จะทำให้ SKE48 ร้อนแรงขึ้นอีกนะ
จูรินะ: เอ๊ะ อะไรเหรอคะ?
ฟูจิโมริ: นั่นคือต้องให้อากิโมโตะเซนเซย์หันหน้ากลับมาให้ได้! ฉันน่ะ
ไปร้านกาแฟที่เดียวกับอากิโมโตะเซนเซย์บ่อยๆล่ะ
จูรินะ: เอ๋!
ฟูจิโมริ: เพราะงั้นเลยเจอกันบ่อย มีเมมเบอร์ไปร้านนั้นด้วยนะ!
จูรินะ: ฮ่าๆๆๆ
ฟูจิโมริ: เขามักจะง่วนกับการแต่งเพลงตลอดเลย!
นากาตะ: เดี๋ยวนะ นั่นใช่ตัวจริงรึเปล่า? Time Machine Sangou (นักแสดงตลก)
รึเปล่า?
ฟูจิโมริ: ตัวจริงสิ! เซกิ (ฟุโตชิ) ซังแต่งเพลงไม่เป็นซะหน่อย (หัวเราะ)
นากาตะ: อาจจะเป็นเซกิซังกำลังนั่งเขียนมุขอยู่ก็ได้มั้ง?
ฟูจิโมริ: แค่เห็นก็รู้แล้ว! เพราะออร่าแรงมาก ไม่กล้าเข้าไปคุยด้วยเลยสักนิด
นากาตะ: อากิโมโตะซังน่ะ คอยฟังเรื่องที่เมมเบอร์คุยกันใช่มั้ย?
ได้ยินว่าหลังจากในไลฟ์โนกิซากะ 46 ที่พูดกันว่า “อยากให้มียูนิตเล็กๆเยอะกว่านี้”
ก็ได้ทำยูนิตต่อด้วย ฉันก็คิดว่า “มีเรื่องอย่างนี้ด้วยแฮะ สุดยอดจริงๆ”
ดังนั้นต้องไปเสนอกับโปรดิวเซอร์นะ
จูรินะ: ค่ะ! จะพยายามทำให้ได้ค่ะ (หัวเราะ)
แก่นแท้ของการเปลี่ยนผ่านรุ่น
นากาตะ: อาจจะฟังดูตรงๆไปหน่อยนะ แต่เธอเคยคิดถึงเรื่องจบการศึกษามั้ย?
จูรินะ: เคยค่ะ แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องรีบร้อนอะไร
แต่พอคิดแล้วก็คิดว่าจะต้องสร้างคนมาสืบทอดให้ได้
3ปีที่ผ่านมานี้ฉันคิดถึงเรื่องคนที่จะมาสืบทอดตลอดเลย
มีไปดูคลาสซ้อมเต้นของเมมเบอร์ที่เข้ามาใหม่ด้วย เข้าไปสอนตัวต่อตัวด้วย
ราระน่ะเหมือนฉันในสมัยก่อนเลย ขณะที่ดูคลาสซ้อมก็หวังว่าไม่กี่ปีจากนี้พวกเขาจะเป็นแบบฉันได้
จริงสิ เด็กรุ่น 8 ที่เข้ามาคราวนี้ เด็กๆน่ารักเต็มเลย!
ฟูจิโมริ: ฮ่าๆๆๆ ใจเย็นนะ SKE48 ก็น่ารักทุกคนแหละ
จูรินะ: เพราะงั้นเลยตั้งหน้าตั้งตารอมากๆค่ะ
อนาคตสดใสจริงๆ! มันแปลว่าวันที่ตัวเองจะจบการศึกษาอาจจะเร็วขึ้นก็ได้
ถ้าไม่มีคนๆนั้นขึ้นมาตัวเองคงจะจบการศึกษาอย่างวางใจไม่ได้ ถ้าไม่เป็นแบบนั้นฉันจะไม่ยกโทษให้ตัวเองเลย
ตราบใดที่ยังทำให้ฉันคิดว่า
‘ถึงไม่มีฉันอยู่ SKE48 ก็ไม่เป็นไร’ ไม่ได้ ฉันก็ยังไม่คิดจะจบการศึกษาค่ะ
ฟูจิโมริ: นั่นก็แค่ถ้าใช่มั้ยล่ะ
แล้วถ้าโดนแซงหน้าไปขณะที่ตัวเองยังอยู่ในวงจะไม่เป็นไรใช่มั้ย?
จูรินะ: ไม่เป็นไรเลยค่ะ
ฟูจิโมริ: อ่า งั้นเหรอ งั้นก็น่าสนใจแล้วล่ะ ในรายการ
เวลาคุยกับเมมเบอร์เรื่องจูรินะ รู้สึกพวกเขาจะเกรงๆนิดๆนะ
จูรินะ: ฮ่าๆๆๆๆ
เพราะงั้นพอนาโอะจังกับคุมะจังประกาศว่าจะมายืนเซนเตอร์ ฉันเลยดีใจมาก หวังว่าจะมีเมมเบอร์แบบนี้เพิ่มมากขึ้น
อีกอย่างการประกาศออกมาแบบนั้นก็ทำให้ได้รับความสนใจไม่ใช่เหรอ
ฉันอยากจะใช้ประสบการณ์ของตัวเองมาสอนเมมเบอร์เหล่านี้ให้มากขึ้นค่ะ
- ผมว่า “การเปลี่ยนผ่าน” แบบนี้ในวงการบันเทิงก็มีเหมือนกันนะครับ Oriental
Radio พอจะให้คำแนะนำกับฟุรุฮาตะซังและคุมาซากิซังได้มั้ยครับ?
นากาตะ: พวกเราก็เริ่มจะรู้สึกถึงการเปลี่ยนผ่านเหมือนกัน
จูรินะ: เอ๋!
นากาตะ: ก็ต้องแย่งชิงรายการมาจากพวกรุ่นพี่
เวลามีรุ่นน้องโผล่มาก็คงมีความรู้สึกแบบว่าจะทำยังไงดี
พอได้ยินที่จูรินะจังพูดเมื่อกี้ สิ่งที่ฉันคิดก็คือ ในใจจูรินะจังตอนนี้คงอยากจะส่งเสริมรุ่นน้องใช่มั้ยล่ะ?
จูรินะ: ค่ะ
นากาตะ: ฉันว่าคนที่จะมายืนอยู่แนวหน้าของ SKE48 ในอนาคตไม่ใช่เด็กที่จูรินะค้นพบหรอก
คือหมายความว่าไม่ใช่ “จูรินะตัวน้อย” แต่เป็นเด็กที่จะทำให้จูรินะจังตกใจว่า “เอ๋
คนนี้เหรอ?” ต่างหากที่จะแบกรับวง
จูรินะ: อ่า อย่างนั้นเองเหรอคะ!
นากาตะ: การเปลี่ยนผ่านน่ะ มักจะมีเรื่องที่คิดไม่ถึงเสมอแหละ
ถ้าคนนั้นรับอิทธิพลมามากเกินไปก็จะเปลี่ยนผ่านไม่ได้
จูรินะ: จริงด้วย
นากาตะ: แล้วก็คงจะหลีกเลี่ยงการปะทะกันไม่ได้ จะเริ่มตีกันแบบว่า
“ไม่เข้าใจเลยจริงๆ” ไม่ก็ “จะเอาชนะเธอให้ได้!” การเปลี่ยนผ่านไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม
ไม่มีทางจบได้อย่างราบรื่นหรอก ดังนั้นฉันเลยอยากให้ปีนี้ รุ่นน้องปะทะกับรุ่นพี่น่ะ
จูรินะ: งั้นเหรอคะ!?
นากาตะ: ฉันน่ะ ถึงไม่มีคนพูดว่า “นากาตะ น่าสนใจดีนี่” ก็ไม่เป็นไร และถึงจะมีคนพูดว่า
“อะไรกัน หมอนี่น่ะเหรอ?” แต่ฉันก็จะถือซะว่า “เรื่องของแกสิ
แกมันหัวโบราณต่างหาก” เพราะฉันน่ะมีแนวคิดแบบ “ฉันจะขยี้แก” (หัวเราะ)
จูรินะ: น่ากลัวอ่ะ (หัวเราะ)
ฟูจิโมริ: เพราะว่าโลกของพวกเราไม่ใช่กรุ๊ปไง
นากาตะ: แต่ว่านะ ในโลกนี้มันก็ยังมีคนที่เราอยากบดขยี้แต่ทำไม่ได้อยู่
เพราะงั้นพอฉันได้ฟังคำพูดของจูรินะจังก็รู้สึกว่าใจดีจริงๆ ถ้าพูดออกมาว่า
“ฉันไม่มีทางยอมแพ้พวกแกแน่!” จะไม่ทำให้ SKE48
มีสีสันมากกว่าเหรอ เมื่อกี้ฉันคิดอย่างนี้ตลอดเลยล่ะ
- ถ้าทำแบบนั้น แรงสะท้อนกลับจากข้างล่างก็จะแรงขึ้นด้วย
นากาตะ: ถ้าแสดงออกไปว่า “แน่จริงก็เข้ามาเลย!” จะทำให้ทุกคนรู้สึกว่า
“อย่ามาทำเป็นเล่นนะ!” ใช่มั้ยล่ะ? แต่จะบอกว่ามันเป็นแค่ทางนึงที่อาจจะทำได้อ่ะนะ
จูรินะ: นั่นสินะ
นากาตะ: ไม่จำเป็นต้องฝืนนะ ไม่ต้องรับผิดชอบถึงขั้นว่า
“ถ้าไม่ส่งเสริมรุ่นน้องขึ้นมาให้ได้ก่อนจะจบการศึกษาไม่ได้” ขนาดนั้นก็ได้
- จูรินะซังก็เหมือนกัน เพราะไม่ได้เหมือนรุ่นพี่คนไหน
ตอนนี้เลยสามารถเป็นตัวท๊อปแนวหน้าได้ ใช่มั้ยล่ะครับ?
จูรินะ: จริงด้วยนะ ไม่มีใครเป็นเป้าหมาย
ซึมซับข้อดีของรุ่นพี่มาบวกกับของตัวเอง
ถ้าทำแบบนี้ฉันคิดว่าก็จะกลายเป็นคนที่ไม่มีใครสามารถเลียนแบบได้ อย่างเช่น
ราระก็พูดอังกฤษแล้วก็ตีกอล์ฟเก่งไม่ใช่เหรอคะ
สำหรับรุ่นน้องที่มีสิ่งที่ฉันไม่เก่ง ยังไงก็น่าสนใจ อยากให้มีเมมเบอร์แบบนั้นโผล่มาค่ะ
ทฤษฎีการแพ้ชนะของ Oriental Radio
- พวกเราถามเมมเบอร์ทุกคนที่ให้สัมภาษณ์คราวนี้ว่า
“ถ้าพูดถึงคู่แข่งนึกถึงใคร?” Oriental Radio มีเล็งใครเป็นคู่แข่งมั้ยครับ?
ฟูจิโมริ: คู่แข่งเหรอ...
นากาตะ: เรื่องนั้น ในความคิดฉันตัวตนของ Audrey (คู่หูตลก)
ยิ่งใหญ่มากเลยล่ะ
จูรินะ: เอ๋!
นากาตะ: ที่พูดอย่างนี้ก็เพราะตอนที่พวกเราเริ่มจะดรอปลง Audrey
ก็เริ่มดังขึ้นมาพอดี ได้เป็นขาประจำในรายการ “Waratte iitomo” พร้อมๆกัน
แถมยังอยู่วันเดียวกันด้วย พวกเราเป็นขาประจำในรายการมาก่อน พวกเขาก็เข้ามาเสริม ตั้งแต่นั้นพวกเขาก็เริ่มมีรายการของตัวเอง
พวกเราสองกรุ๊ปมักจะถูกเปรียบเทียบกันบ่อยๆ วากาบายาชิ (มาซายาสุ)
ซังยังมีรายการเดี่ยวด้วย แม้ว่า Audrey
จะเป็นรุ่นพี่พวกเราถึง 5 ปี แต่ตอนนั้นพวกเราอยากเอาชนะพวกเขามาตลอด
จูรินะ: ไม่รู้เลยนะเนี่ย!
นากาตะ: รายการ “Shikujiri Sensei” สำหรับพวกเราเป็นสนามรบเลยล่ะ
ทุกๆครั้งจะแข่งกันจริงจังมาก
ฟูจิโมริ: ครั้งแรกเป็นพวกเราที่ได้ไปออก
นากาตะ: ใช่ ตอนที่ได้ข้อเสนอนี้พวกเรากลุ้มใจมากเลย แต่ยังไงถ้าจะต้องไปออกก็ต้องทำให้คนพูดถึงให้ได้
ก็เลยจัดเต็ม จากนั้นถ้ารายการจบลงก็เป็นชัยชนะของพวกเรา แต่ถ้ารายการจัดต่อก็เป็นความพ่ายแพ้ของพวกเรา
เราคิดของเราเองแบบนี้แหละ แต่แล้วรายการก็ได้จัดต่อ แถมได้เลื่อนเวลาจากกลางดึกมาเป็นเวลาไพรม์ไทม์ด้วย
พอฉันคิดว่า “เราแพ้แล้ว...” ในรายการตอนสุดท้ายที่ยังอยู่เวลาดึกนั้นพวกเราก็ถูกเรียกให้ไปออกอีกรอบ
ฉันก็แบบว่า งั้นก็ได้ ฉันจะเล่นตอนนี้ให้ดีที่สุด
แล้วถ้ารายการย้ายไปช่วงเวลาไพรไทม์แล้วโดนถอดออก ก็แปลว่าฉันชนะ (หัวเราะ)
จูรินะ: ฮ่าๆๆๆๆๆ
นากาตะ: แต่แล้ว ช่วงที่ออกอากาศเวลาไพรไทม์ ด้วยกระแสตอบรับที่ดีพวกเขาก็จัดรายการต่อไปได้
พอฉันคิดว่า “เราแพ้อีกแล้วสินะ” ก็ถูกเรียกไปอีกรอบ แต่ว่าฉันคงหมดมุขแล้ว
แต่เพราะคิดว่า “ความล้มเหลวของคนในประวัติศาสตร์ก็ถูกพูดถึงอยู่เหมือนกันนะ”
ก็เลยไปออก อีกอย่างมันเป็นสิ้นปีของปีที่แล้วพอดี ก็ตัดสินใจว่าจะจัดเป็นการสรุปผลงานทั้งปี
ดังนั้นก็เลยเสนอไปว่าจะจัดงานมอบรางวัล ถ้างานนี้เป็นที่พูดถึงล่ะก็
ถือเป็นชัยชนะของฉัน (หัวเราะ)
จูรินะ: ฮ่าๆๆๆๆๆ
นากาตะ: แต่ตอนนั้นกลับเรียกเรทติ้งได้ไม่มากเท่าไหร่ ตั้งแต่นั้นมาครึ่งปีเขาก็ไม่เรียกอีกเลย
แบบว่า “อ่า แพ้แล้ว!”
ฟูจิโมริ: ฮ่าๆๆๆ
นากาตะ: แต่แล้ว พอรายการออกอากาศเนื้อหาที่ไม่เคยเผยแพร่มาก่อน
ก็ได้รับเสียงตอบรับดีมาก เพราะงั้นสตาฟฟ์รายการ “Shikujiri Sensei”
ก็เลยจัดรายการพิเศษ “Nakata rekishi juku” ถ้ากระแสดีล่ะก็ถือเป็นชัยชนะของฉัน!
จูรินะ: แล้วชนะมั้ยคะ?
นากาตะ: เรื่องนั้น จนถึงตอนนั้นตัวเลขก็ออกมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าเป็นผลงานนะ
พอ “rekishi juku” เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ถ้ารายการของทางนั้น(Audrey)จบไป
ก็เหมือนพวกเรายึดที่มั่นไว้ได้แล้ว เราสู้กับวากาบายาชิซังแบบนั้นล่ะ
- SKE48 เองก็ได้รับการสั่งสอนจากมากิโนะ อันนะเซนเซย์แบบนั้นเหมือนกัน
“งานแต่ละชิ้นที่ทำคือแพ้ชนะ!”
นากาตะ: จูรินะจังมีคู่แข่งมั้ย?
จูรินะ: ถ้าเมมเบอร์...ที่สำคัญที่สุดคงเป็นซาชิฮาร่า (ริโนะ) ซังมั้งคะ
ฟูจิโมริ: ซัชชี่เหรอ แข็งแกร่งมากนะ
นากาตะ: คู่แข่งน่ะ ไม่ว่ายังไงก็ต้องเป็นคนที่เหนือกว่าตัวเรานิดนึงล่ะ
ดูจากอันดับเลือกตั้งจูรินะจังก็เป็นแบบนั้นแหละ จะเอาชนะซาชิฮาร่าซังเป็นเรื่องใหญ่นะ
เพราะซาชิฮาร่าซังได้อันดับหนึ่งในงานเลือกตั้ง เลยทำให้ HKT48
ได้รับความสนใจด้วย
จูรินะ: นั่นสินะคะ วิธีขายเมมเบอร์ HKT48
ของซาชิฮาร่าซังน่ะเยี่ยมมาก พอฉันกลับมา SKE48 เต็มตัว
ตอนที่คิดว่าจะทำยังไงให้เมมเบอร์เป็นที่รู้จักมากขึ้น
หลายครั้งก็จะรู้สึกว่าเรื่องพวกนี้ซาชิฮาร่าซังเก่งมาก อยากขโมยข้อดีของเธอมาเลยค่ะ
นากาตะ: เหมือนเป็นทั้งผู้เล่นทั้งโค้ชอ่ะนะ พอคิดอย่างนี้ จะมองว่าเป็น
“ทัพจูรินะ vs ทัพซาชิฮาร่า” ก็ได้ เป็น One Top ของทั้งสองวงเหมือนกัน
ถ้าสู้กันขึ้นมาคงสนุกแน่
- จำนวนคนที่ติดอันดับก็เหมือนกันครับ SKE48 ได้ 20 ที่ HKT48
ก็ตามมาติดๆด้วย 19 ที่
นากาตะ: งี้นี่เอง งั้นโค่นมันเลย! ฉันจะเชียร์เธอเอง!
จูรินะ: เอาจริงเหรอคะ!?
ฟูจิโมริ: โค่นล้มซาชิฮาร่า! ในเมื่อถ้าจะต้องออกเดิน
ก็เอานี่แหละเป็นเป้าหมาย
นากาตะ: ฉันคิดว่าซาชิฮาร่าซังเป็นคนที่เก่งมากนะ เธอมีอิมเมจที่ตลกรุ่นใหม่อย่างพวกเราให้ความสำคัญ
แต่ไม่รู้ทำไมถึงมีความรู้สึกต่อต้าน (หัวเราะ) เพราะงั้นฉันเลยอยากจะสนับสนุนเธอ(จูรินะ)น่ะ
โอกาสชนะของจูรินะ
- ถ้าจะเอาชนะซาชิฮาร่าล่ะก็ จะใช้อะไรเป็นตัวเปิดทางดีครับ?
นากาตะ: ซาชิฮาร่าซังถนัดเรื่องโปรดิวซ์มาก
ฉันว่าไม่จำเป็นต้องไปในด้านเดียวกับเค้าหรอก แต่ถ้าพูดเรื่องความสวย เธอเหนือกว่าซาชิฮาร่าซังนะ
- ฮ่าๆๆๆๆ
ฟูจิโมริ: ตรงนี้แหละข้อได้เปรียบ (หัวเราะ)
นากาตะ: จูรินะจังแค่แสดงด้านนี้ออกไปก็พอแล้ว ไม่ต้องตลกแต่ใช้ความน่ารักและความสวยเนี่ยแหละเข้าสู้
จูรินะ: ฉันว่าแค่ฉันเต้นและร้องเพลงได้ไม่แพ้ใครก็พอแล้วล่ะ
- ถ้า oriental radio จะทำงานร่วมกับ SKE48
หรือกับจูรินะซัง คิดว่าจะทำออกมาแบบไหนครับ?
นากาตะ: ยังไงดีนะ?
ถ้าได้จัดรายการด้วยกันซักรายการก็คงดีนะ
จูรินะ: ทั้งสองคนรู้เรื่องพวกเราเยอะขนาดนี้
ถ้าได้จัดรายการที่สามารถดึงเอาจุดเด่นของเมมเบอร์ออกมาได้ก็คงดีค่ะ
ยกตัวอย่างจากที่เราคุยกันเมื่อกี้นี้ เช่น
การแข่งขันเรื่องแฟชั่นของเรียวฮะกับริอง ก็รู้สึกว่าทั้งสองคนจะคิดให้พวกเราได้ค่ะ
เพราะว่าการจะโปรดิวซ์ออกมาให้เหมาะกับเมมเบอร์ได้
ถ้าไม่ได้ชอบหรือไม่เข้าใจเรื่องของเด็กคนนั้นก็คงคิดไม่ออก
นากาตะ: ถ้ามีรายการแบบนั้นก็คงดีเนอะ
แต่ว่าเรื่องที่อยากจะเอาชนะซาชิฮาร่าซังน่ะ ฉันว่าเป็นความตั้งใจที่ดีมากเลย
จูรินะ: แม้เมื่อกี้จะบอกว่าเธอเป็นคู่แข่ง แต่จริงๆแล้วฉันชอบซาชิอาร่าซังนะคะ
- ผมจะจดไว้อย่างดีครับ
จูรินะ: ฉันก็มีไปกินข้าวกับเธอเหมือนกันนะคะ!
เพราะว่าชอบเลยอยากเอาชนะเธอน่ะ
นากาตะ: ก็เพราะเป็นคนละสายกันนี่เนอะ
ฟูจิโมริ: เรื่องนี้ ฉันว่าพูดต่อไปเรื่อยๆก็ดีนะ มันค่อนข้างดึงดูดคนน่ะ
นากาตะ: ซาชิฮาร่าซังก็ใช้ SNS
เก่งเหมือนกัน ฉันว่าจูรินะจังลงรูปสวยๆบ่อยๆก็ดีนะ
จูรินะ: แบบที่แม้ผู้หญิงด้วยกันเห็นก็รู้สึกชื่นชม อย่างนั้นเหรอ?
นากาตะ: ใช่ ได้เล่น Instagram อยู่มั้ย?
จูรินะ: ไม่ค่อยค่ะ
นากาตะ: เล่นเถอะ! อัพพวกรูปสวยๆดูเป็นผู้ใหญ่หน่อยก็ดี
ตอนนี้ในทวิตเตอร์ชอบอัพรูปเซลฟี่ธรรมดาๆ
จูรินะ: ใช่ค่ะ...รู้เยอะจังเลยนะคะ (หัวเราะ)
นากาตะ: จูรินะจังยังถ่ายได้สวยกว่านี้อีกนะ!
ไม่ต้องทุกวันก็ได้ ถ้าอัพรูปขึ้น Instagram
ฉันว่าอิมเมจจะดีขึ้น นั่นเป็นสิ่งที่ซาชิฮาร่าทำไม่ได้
- ฐานแฟนก็จะเปลี่ยนไปด้วยนะครับ
จูรินะ: ว้าว ได้อะไรเยอะเลยแฮะ ที่คุยกันนี่จัดอาทิตย์ละครั้งเลยได้มั้ยคะ?
นากาตะ: ฮ่าๆๆๆ
ฟูจิโมริ: จะตั้งให้นากาตะเป็นโปรดิวเซอร์เหรอ?
จูรินะ: ฮ่าๆๆๆ จากที่คุยกันวันนี้ได้อะไรเยอะเลย ต้องขอบคุณมากๆเลยนะคะ!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น