"เพราะชีวิตมีแค่ครั้งเดียว" สิ่งที่มัตสึอิ จูรินะได้จากการพักงานไป 2 ครั้ง
"พอมีงานใหญ่ๆที่ต้องรับผิดชอบโหมเข้ามาเยอะๆ ตัวเองก็จะเริ่มคิดว่ายากจังนะ พอเริ่มรู้สึกแย่ ร่างกายมันก็แย่ตามไปด้วย ถึงจะดูเหมือนแข็งแรงดี แต่ก็เคยเป็นปอดบวมมาสองรอบ แล้วยังเคยเป็นงูสวัดด้วย ฉันไม่ได้เป็นคนแข็งแรงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว"
ด้วยสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในช่วงปลายปีแรกของยุคเรย์วะ เมื่อได้กลับมาทำงานอีกครั้งในปลายเดือน 11 หลังจากพักงานเพราะสุขภาพร่างกายไม่อำนวย มัตสึอิ จูรินะมีสีหน้าที่สดใสเหมือนก่อนหน้านี้ไม่ผิดเพี้ยน
ในปี 2018 เธอก็พักงานไปประมาณ 2 เดือนเพราะเรื่องสุขภาพ คราวนี้พักไปประมาณ 1 เดือน แม้จะพักงานแค่ช่วงสั้นๆแต่เธอกล่าวว่า "มันเศร้าค่ะที่อดเข้าร่วมทั้งการแสดงครบรอบ 11 ปีของ SKE48 ทั้งงานของ ONE Championship"
อีกงานนึงที่เธอรู้สึกเสียดายมากคือ การที่อัลบั้มโซโล่ "Privacy" อัลบั้มแรกของตัวเองวางขาย เธอเริ่มพักงานวันที่ 25 เดือน 9 ในขณะที่อัลบั้มจะวางขายวันที่ 5 เดือน 10 ทำให้ไม่สามารถโปรโมทอัลบั้มตามที่วางไว้ได้
เนื้อเพลงทุกเพลงในอัลบั้ม จูรินะรับหน้าที่เขียนเองทั้งหมด เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงที่เผยให้เห็นถึงอารมณ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เดิมทีเนื้อเพลงเหล่านี้ เริ่มเขียนจากความตั้งใจของเธอที่อยากทำความเข้าใจในเพลงที่ตัวเองร้องให้ดีขึ้น
"เริ่มเขียนเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้วค่ะ เป็นเหมือนไดอารี่บันทึกความรู้สึกของตัวเอง พอบอกเรื่องนี้กับอากิโมโตะเซนเซย์ เขาก็บอกว่า "งั้น ถ้าทำเป็นเพลงขึ้นมาก็น่าจะดีไม่ใช่เหรอ" เรื่องก็เป็นมาอย่างนั้นแหละค่ะ"
เพลงที่ได้บันทึกเสียงในอัลบั้มเป็นเพลงรักอยู่หลายเพลง จูรินะเองพูดถึงมุมมองความรักของตัวเองอย่างขำๆว่า "เป็นหญิงสาวที่น่ารำคาญ เอาแต่ใจ"
ตัวอย่างเช่น เนื้อเพลงเพลงหนึ่งในอัลบั้ม "Aishiteru"
"ฉันรักเธอ
ที่อยากได้ยินจากเธอตอนนี้
คือฉันรักเธอ
มองตาฉันแล้วบอกฉันสิ
ไม่ใช่ชอบ รักต่างหาก
ไม่ใช่ชอบมาก รักต่างหาก"
"แม้ฝ่ายนั้นจะบอกว่าชอบมาแล้ว ก็ยังต้องการมากกว่านั้นอีก เป็นเพลงที่เขียนจากความคิดทั่วไป แบบว่า "นี่ฉันก็บอกว่าชอบแล้วนะ ยังไม่พออีกเหรอ" อยากให้โมโหนิดนึง พูดเอาแต่ใจหน่อยๆ "พูดอะไรเนี่ย แต่เอาเถอะเพราะน่ารักจะยกโทษให้ก็ได้" อะไรประมาณนั้นค่ะ ฮ่าๆๆ"
เป็นส่วนหวานๆที่จูรินะผู้มีภาพลักษณ์ค่อนไปทางเด็กผู้ชายไม่เคยแสดงให้เห็นมาก่อน เจ้าตัวเองก็อยากซ่อนมันเอาไว้อยู่เหมือนกัน
"นิสัยของฉันน่ะ คิดว่าแฟนๆที่มาจับมือฉันทุกคนรู้ดีค่ะ อย่างเช่น ถ้าไปต่อแถวจับมือเมมเบอร์คนอื่น ฉันจะโกรธ เพราะฉันเป็นพวกขี้หึงมาก ฮ่าๆๆๆ ถ้าเป็นคนที่รู้อยู่แล้วจะบอกว่าเพลงนี้มันช่างจูรินะจริงๆ แต่ถ้าเป็นคนที่ไม่รู้ ดูฉันเฉพาะในทีวีก็คงรู้สึกประหลาดใจค่ะ ที่จริงก็อยากซ่อนเอาไว้ แต่ในฐานะผู้หญิงอายุ 22 ฉันอยากให้หญิงสาวไม่ว่าจะรุ่นเดียวกันหรือเด็กกว่า หรือคนที่กำลังมีความรัก ฟังแล้วมีความรู้สึกร่วมว่า "ฉันก็เป็นแบบนั้น" "
ในบรรดาเพลงที่จินตนาการเกี่ยวกับความรักหลายเพลงนั้น เพลงเดียวที่เขียนขึ้นมาจากประสบการณ์และความฝันของตัวเธอเองคือ "Ano hi kawashita yakusoku" (สัญญาที่ให้ไว้วันนั้น) "เพราะมีเธอถึงไม่ยอมแพ้ เพราะมีเธอถึงได้พยายาม" เธอในเพลงนี้หมายถึงเมมเบอร์ในวง ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง(สตาฟฟ์) ครอบครัวและแฟนๆ
"คนมักจะมองว่าฉันแข็งแกร่ง มีคนเคยบอกฉันว่า "ดูเป็นคนที่สามารถทำทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียว" แต่ความจริงมันไม่ใช่แบบนั้น มนุษย์น่ะ ไม่สามารถอยู่ตัวคนเดียวได้ใช่มั้ยล่ะคะ เพราะมีกำลังใจจากใครสักคนถึงทำความฝันให้เป็นจริงได้ ไปถึงเป้าหมายได้ ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ตัวคนเดียวมันไม่สนุกหรอกค่ะ เป็นเพลงที่เขียนด้วยความคิดว่าฉันเองก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน"
"ประกาศความเป็นมนุษย์" ของมัตสึอิ จูรินะ ในขณะที่วิ่งไปในฐานะไอดอล ก็มักจะรู้สึกถึงช่องว่างระหว่างสิ่งที่คนอื่นคิดกับสิ่งที่ตัวเองเป็นจริงๆ
"ฉันว่ามันต่างกันคนละขั้วเหมือนชายหญิงเลยค่ะ เวลาที่ออกไปบนเวทีจะดูแข็งแกร่งเป็นพิเศษ อารมณ์แบบจะออกไปท้าทายด้วยความรู้สึกที่แข็งแกร่ง ถ้าไม่งั้นฉันจะพ่ายแพ้ ไม่ก็โดนบดขยี้ มีเด็กๆอยู่มากมาย มีเมมเบอร์อยู่มากมาย มีแฟนๆอยู่มากมาย จะพ่ายแพ้ต่อคำพูดต่างๆที่โยนเข้ามาไม่ได้ แต่ปกติแล้วฉันไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด"
ทุกๆวันที่ต้องแบกรับภาระเกินความจำเป็นและเคร่งเครียด บังคับให้ตัวเองต้องสมบูรณ์แบบ ต้องการให้รอบๆตัวมีความอดทนเหมือนตัวเองด้วย
"ในฐานะผู้นำของ SKE48 และ48group ฉันคิดอย่างจริงจังในทุกๆเรื่อง เราจะทำอะไรแบบขอไปทีตลอดไม่ได้ ฉันยังเด็กและฉันก็ทำโดยไม่มีคำว่าทำไม่ได้ แต่ก็มีคนที่ไม่อยากทำ หรือไม่ตั้งใจทำอยู่ใช่มั้ยล่ะคะ หรือบางคนก็อยากทำตามทัศนคติเดิมๆของตัวเอง ถึงอย่างนั้น ในขณะที่ตัวเองทำอย่างอดทน พอเห็นคนที่ไม่มีความอดทนแล้วก็อดเศร้าไม่ได้ มันเจ็บปวด ฉันเริ่มรู้สึกไม่ชอบตัวเองที่คิดแบบนั้น"
บรรยากาศที่เคร่งเครียดรอบตัวจูรินะที่เป็นแบบนั้นก็เริ่มเปลี่ยนไป หลังจากที่เธอกลับมาจากการพักงานในปี 2018 ในบทสัทภาษณ์ต่างๆ เธอก็พูดว่าตัวเองจะถอยลงก้าวนึง ฝากให้เมมเบอร์คนอื่นๆจัดการแทน
"เมมเบอร์หลายๆคนมาบอกฉันว่า "อย่าต่อสู้ลำพังเลยนะคะ" "พึ่งพาพวกเราบ้างเถอะ" แฟนๆของเมมเบอร์คนอื่นก็มาทักทายที่งานจับมือว่า "พวกเราเป็นกำลังใจให้นะ มาพยายามด้วยกันเถอะ" ก็เลยเริ่มรู้สึกว่าปล่อยวางบ้างก็คงไม่เป็นไร รู้สึกเหมือนตัวตนข้างในค่อยๆเผยออกมา"
เมื่อเดือน 3 ปีนี้ การเปลี่ยนการบริหารจัดการวงจาก AKS มาเป็น Zest ในปัจจุบันก็ถือเป็นเรื่องใหญ่
ก่อนอื่น สตาฟฟ์ของบริษัทใหม่จะพูดคุยกับเมมเบอร์ทุกคนว่า "อยากทำอะไร" "ความฝันคืออะไร" "ทำอะไรได้บ้าง" รับฟังอะไรหลายๆอย่าง และบอกว่าอยากจะนำไปเชื่อมโยงกับงานในอนาคต
"ฉันคิดมาตลอดเลยว่าอยากให้เมมเบอร์ SKE หลายๆคนได้อยู่ในสปอตไลต์บ้าง ใน SKE มีเด็กที่มีความสามารถมากมายหลากหลาย มีงานหลายๆอย่างที่พวกเขาอยากทำ แต่ที่ผ่านมากลับอยู่ในสภาพที่ไม่ได้ให้พวกเธอแสดงออกได้อย่างเต็มที่ ทุกคนก็ไม่ค่อยสบายใจกัน"
"ถ้าเปลี่ยนเร็วกว่านี้ก็ดีนะคะ ฮ่าๆๆ การมีคนมาดูแล SKE โดยเฉพาะเป็นสิ่งจำเป็นค่ะ เรื่องนี้ไม่รู้ว่าจะดูเอาแต่ใจ ดูเว่อร์ไปหรือเปล่า แต่การมีคนที่คิดถึงเราเป็นอันดับแรกเป็นเรื่องที่ดีมากๆ พวกเราเองก็เริ่มเบาใจได้"
มันคือการเปลี่ยนแปลงที่รอมานาน ในเวลาเดียวกันก็คิดแบบนั้น
"ถ้ามัน(เปลี่ยน)เร็วขึ้นอีกหน่อย ก็คงไปได้ดีขึ้นกว่านี้ บางคนอาจจะไม่จบการศึกษาก็ได้ แม้จะมีคิดแบบนั้นบ้าง แต่ถึงจะมองย้อนกลับไปมันก็ไม่ได้ช่วยอะไร...ตัวฉันน่ะ รู้สึกดีจริงๆที่ยังคงอยู่ตรงนี้โดยไม่ยอมแพ้ ในที่สุดก็มีคนที่คิดถึงแต่เรื่องของ SKE เพิ่มขึ้นแล้ว จะต้องเชื่อมั่นและมุ่งไปข้างหน้า"
การพักงานรอบ 2 ในสภาพการณ์เช่นนี้ ก็ทำให้ความรู้สึกของจูรินะค่อนข้างผ่อนคลาย
"ฉันคิดว่าเราจะทำอะไรก็ได้ แฟนๆก็มาบอกในงานจับมือว่า "ทำอะไรที่ตัวเองชอบเถอะ" เมื่อก่อนแฟนๆที่โกรธเพราะเปลี่ยนสีผมก็มี แต่ตอนนี้เหมือนจะไม่มีแล้ว ถึงจะเปลี่ยนสีผม เขาก็จะบอกว่า "น่ารักจัง" ชีวิตมีแค่ครั้งเดียว จงใช้ซะ เพราะเป็นมนุษย์ที่อยากใช้ทุกๆนาทีทุกๆวินาทีให้คุ้ม เลยตัดสินใจแล้วว่าจะทำสิ่งที่อยากทำค่ะ"
เมื่อพิจารณาเรื่องสุขภาพแล้ว ซิงเกิ้ล SKE ที่จะวางแผงเดือน 1 นี้ เป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งวงมาที่เธอไม่ติดเซมบัตสึ
"ก็เศร้าค่ะ ตอนแรกที่สตาฟฟ์มาบอกก็ไม่ค่อยอยากเชื่อ...แม้จะมีคิดว่าประวัติศาสตร์ที่เราสร้างมาถึงตอนนี้จะหายวับไปงั้นเหรอ แต่ในขณะที่ไม่มีฉัน เมมเบอร์คนอื่นก็จะได้รับความสนใจตรงจุดนั้นบ้าง ฉันเริ่มมองในแง่ดีว่าให้คนได้เห็น SKE ในแบบใหม่ๆก็ดีนะ"
ความคิดที่มีต่อ SKE48 และ 48group ทั้งหมดก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปด้วย
"ที่ผ่านมา ฉันตกหลุมรัก SKE48 และ 48group มากๆ แต่มันมากเกินไปจนเริ่มแย่ เริ่มมองในมุมแคบๆจนไม่อาจดูแลตัวเองได้ จากนี้ก็คิดว่าคงต้องขอนอกใจไปมองด้านอื่นๆบ้างค่ะ"
อย่างหนี่งในนั้นก็คือ การเขียนเพลงเหมือนที่ทำในโซโล่อัลบั้ม เธอเขียนเพลงทั้งหมด 11 เพลงในเวลาประมาณ 1 เดือนที่พักงาน และยังมีการพูดคุยว่าจะนำเนื้อเพลงให้ศิลปินอื่นไปทำเพลงอีกด้วย
"ฉันอยากเป็นนักแต่งเพลงด้วย ไม่ใช่แค่นักร้อง อยากเป็นอากิโมโตะเซนเซย์คนต่อไปค่ะ เพราะฉันฟังและร้องเพลงของอากิโมโตะเซนเซย์มาตลอด เลยเข้าใจวิธีที่อากิโมโตะเซนเซย์เขียนเนื้อเพลง ถ้าจบการศึกษาก็อยากไปเป็นศิษย์ของอากิโมโตะเซนเซย์ คอยเรียนรู้อยู่ข้างๆ ฉันสนุกกับการเขียนเพลงขนาดนั้นเลยล่ะค่ะ"
เมื่อถามว่า "อยากเขียนเพลงให้เมมเบอร์คนไหน?" เธอก็คิดหนัก "ยากจัง เพราะฉันรู้เรื่องของทุกคนเลย" แต่ชื่อที่ยกขึ้นมาก็คือ อาโออุมิ ฮินาโนะ เมมเบอร์เคงคิวเซย์
"อาโออุมิจัง ตอนนี้แสดงในตำแหน่งของฉันอยู่ในสเตจ Te wo tsunaginagara ซึ่งเป็นสเตจแรกที่ SKE ได้รับมาค่ะ ตรงนี้เธอได้รับการผลักดันเป็นพิเศษ ในขณะที่มีรุ่นพี่อยู่ เด็กที่มีประสบการณ์น้อยสุดกลับได้ยืนเป็นเซนเตอร์ คล้ายๆตัวฉันเองในสมัยก่อนเลย ถึงเธอพยายามอย่างหนัก ไม่แสดงจุดอ่อนออกมาให้เห็น แต่ฉันก็คิดนะว่า "ลำบากมากเลยนี่นา" "คงกดดันน่าดูเลยนะ" เมื่อลองได้คุยกัน ได้ฟังคำพูดมากมาย ก็จะเข้าใจความรู้สึกได้ แต่เรื่องนี้น่ะ ถ้าเป็นคนที่ไม่เคยผ่านมาก่อนจะไม่มีทางเข้าใจได้เลย ทุกคนก็อยากเป็นเซนเตอร์ ทุกคนก็รู้สึกอิจฉา อาโออุมิจังที่ต่อสู้อยู่ท่ามกลางความคิดแบบนั้น ในมุมมองของฉันมันช่างงดงาม อยากทำอะไรให้เธอสักอย่าง ดังนั้นเลยอยากเขียนเพลงให้"
อีกคนที่ถูกยกชื่อขึ้นมาคือ อิดะ เรโอนะ รุ่น 6 เธออยากให้สปอตไลต์ส่องลงมาที่เมมเบอร์ที่พยายามมากๆบ้าง
"กับรุ่นน้อง ต้องปลูกฝังหลายๆอย่างเอาไว้ให้ดี ตัวเองก็ต้องทำให้ดีด้วย เมมเบอร์เด็กๆและเมมเบอร์ที่เพิ่งเข้ามาใหม่จะกระตือรือร้นมากกว่าใคร แม้ตัวเองจะเต้นได้แล้ว แม้คนรอบข้างจะมองว่าไม่ต้องพยายามมากก็ได้แล้ว แต่ก็ยังทำมันออกมาอย่างดีที่สุด แบบนั้น ฉันคิดว่ามันเท่มากเลย เมมเบอร์ที่ยังไม่เคยติดเซมบัตสึเลยสักครั้ง ฉันอยากให้โอกาสมาถึงเด็กแบบนี้บ้างค่ะ"
ว่าแต่การเดบิวต์เดี่ยวๆ ไม่ใช่ในนามของวง มีอะไรที่สามารถทำได้บ้างนะ
"คอสตูมกับเมคอัพมั้งคะ ถ้าออกมาคนเดียวไม่มีวงอยู่ด้วย จะต้องทำให้มีความสมดุล แต่ว่าตัวคนเดียวก็สามารถทำอะไรอิสระ รูปที่ใช้โปรโมตก็แทบไม่ได้แต่งหน้าเลย โชว์ผิวของตัวเอง ดูสะอาดๆตา การทำแบบนี้ถ้าเป็นวงก็คงยากค่ะ"
ในทางกลับกัน การทำกิจกรรมในฐานะ AKB48 ก็ค่อนข้างลำบากกับคอสตูมของกรุ๊ปที่มีรูปแบบกำหนดตายตัว
"ฉันไม่ค่อยเข้ากับชุดน่ารักๆพวกนั้น เลยไม่ค่อยอยากใส่ค่ะ แต่ว่า...เอาความจริงนะคะ เพราะเมมเบอร์อายุน้อยๆก็เข้ามาเยอะขึ้น ทางฉันก็ต้องใส่ตามให้เหมือนๆกัน แต่การที่มียูกิรินซัง (คาชิวากิ ยูกิ) อยู่เป็นความหวังของฉันค่ะ ฮ่าๆๆๆ อย่างยูกิรินซังกับสุดะจัง (สุดะ อาคาริ) อายุมากกว่าฉันอีก เขายังใส่ได้เลย ฉันเลยบ่นไม่ได้ ชุดน่ารักๆน่ะ น่าอายจะตาย แต่ไม่ว่ายังไงจะพยายามดึงการแต่งหน้าทำผมให้มาทาง(ของตัวเอง)นี้ให้ได้ ฮ่าๆๆ"
ในวันที่ 6 เดือน 1 จูรินะจะจัดโซโล่ไลฟ์ โดยไม่มีผู้เข้าชม ลักษณะของไลฟ์จะถ่ายทอดผ่าน SHOWROOM
"ฉันน่ะ ไม่ค่อยชอบอะไรธรรมดาๆค่ะ อยากทำอะไรที่มันแตกต่าง พอคิดอะไรหลายๆอย่างแล้วไม่มีผู้เข้าชมดีกว่า อย่างเวลาไปออกรายการเพลง ก็มีแฟนๆบอกว่า "หาไม่ค่อยเจอเลย" แต่คราวนี้จะถ่ายฉันเต็มๆ ก็คงจะได้สนุกเต็มที่ ตอนที่ประกาศว่าจะไม่มีผู้เข้าชมก็มีคนถามเหมือนกันว่า "ทำไมถึงไม่ให้คนเข้าไปดูล่ะ" เรื่องนั้นมันมีที่มาค่ะ คือหลังจากไลฟ์วันที่ 6 เดือน 1 แล้ว ตอนที่ฉันได้เล่นโซโล่ไลฟ์ต่อหน้าคนดูจริงๆ ตัวฉันเองก็คงจะยินดีมากขึ้นไปอีก ฉันอยากเห็นภาพแบบนั้นค่ะ"
ทั้งกับวง และกับตัวเอง เธอผ่อนคลายมากกว่าแต่ก่อน จูรินะผู้ที่อธิบายนิสัยของตัวเองว่า "ใจร้อน" ตอนนี้กำลังคิดถึงอาชีพในอนาคตอยู่
"หลังจบการศึกษาจากวง ฉันก็อยากเป็นศิลปินที่ได้ร้องได้เต้นต่อไป ฉันเข้ามาในวงการเพราะชื่นชอบอามุโระ นามิเอะซังกับโคดะ คุมิซัง แล้วก็สักวัน อยากทำสิ่งที่ตัวเองยังไม่เคยทำ คือการเป็นโปรดิวเซอร์ที่เจ๋งกว่าซาชิฮาร่า ริโนะซังค่ะ ต่อให้จบการศึกษาแล้ว ก็คิดว่าดอกไม้จะเบ่งบานเพิ่มอีกค่ะ"
แผ่นหลังของมัตสึอิ จูรินะผู้ที่ออกวิ่งในฐานะไอดอลมาตั้งแต่อายุ 11 ปี ขณะนี้ดูเบา(ภาระ)ลงกว่าแต่ก่อน ดังนั้นต่อจากนี้ เธอต้องกระโดดได้สูงขึ้นอีกเป็นแน่